สายการบินอียิปต์แอร์ และ สำนักงานการท่องเที่ยวอียิปต์ เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทย ให้ร่วมทริปเดินทางไปสัมภาษณ์ นายฮิซฮัม ซาซู (Mr.Hisham Zaazou) รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวของอียิปต์ เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอียิปต์ หลังจากนักท่องเที่ยวที่มีมากกว่า 14 ล้านคนในแต่ละปี ลดลงไปกว่าครึ่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นองเลือดโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลงเรื่อยๆ มาจนถึงการชุมนุมประท้วงโค่นล้มรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี “โมฮัมหมัด มูซี”

และเพราะการประท้วงยังคงมีอยู่ประปราย เช้าวันแรกในอียิปต์ของพวกเรา จึงมีเรื่องน่าตื่นเต้นเป็นการต้อนรับ เมื่อรถถังจำนวนเกือบ 10 คัน ออกมาประจำการบนท้องถนน ปิดทางเข้าโรงแรม หลังมีข่าวว่าอาจจะมีกลุ่มมุสลิมภราดรภาพที่ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีมูซีออกมาชุมนุมประท้วงบริเวณจัตุรัสทาห์รีร์  ซึ่งกลายเป็นพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ในการชุมนุมประท้วงทางการเมืองของอียิปต์ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักของเรามากนัก

แต่วิกฤติก็กลายเป็นโอกาส เพราะทำให้พวกเราได้มีโอกาสชื่นชมบรรยากาศอันสวยงามของแม่น้ำไนล์ที่ไหลพาดผ่านกรุงไคโรในยามเช้า

มิสเตอร์ยูเซฟ กั๊ด (Mr.Youssef Gad) ผู้จัดการสายการบินอียิปต์แอร์ประจำประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บอกว่า ทหารและรถถังที่มาประจำการในเช้าวันนี้ ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบ แต่เป็นการวางกำลังเพื่อความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ทำให้เรามั่นใจถึงความปลอดภัยมากขึ้นมากกว่า

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเช้ามื้อแรกในอียิปต์ที่โรงแรมโซฟิเทล ไคโร แล้ว ก็ได้เวลาในการตะลุยแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนที่สุดต้องเป็นพีระมิดที่เมืองกีซา หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

2 ปีก่อน ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์นองเลือดทางการเมืองโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีมูบารัค จำได้ว่า พีระมิดที่เมืองกีซา คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งจากเอเชีย ยุโรป อเมริกา ผิดกับวันนี้ที่หมู่พีระมิดทั้ง 3 ตั้งตระหง่านอย่างเงียบเหงา มีเพียงพวกเรากับนักท่องเที่ยวสามีภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา ที่มาชื่นชมความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ของหมู่พีระมิด

พีระมิดที่กีซานี้มีด้วยกัน 3 ลูก คือ พีระมิดคูฟู, พีระมิดคาเฟร และ พีระมิดเมนคูเร...

พีระมิดองค์ใหญ่ที่สุด คือ พีระมิดคูฟู  ที่มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา หรือ The Great Pyramid of Giza ถือเป็นพีระมิดที่ใหญ่

ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดที่กีซา แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด  คือ  พีระมิดคาเฟร  ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่างพีระมิดอีก 2 ลูก ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นมหาสฟิงซ์ ที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพีระมิดคาเฟร

สฟิงซ์ คือ ชื่อของสัตว์ประหลาดในตำนานไอยคุปต์ มีตัวเป็นสิงโตและหัวเป็นคน มหาสฟิงซ์ ที่พีระมิดคาเฟรนี้ ถือเป็นอนุสาวรีย์ของฟาโรห์คาเฟร ที่บางครั้งออกเสียงว่าคีเฟรน ซึ่งเป็นฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์และเป็นผู้สร้างพีระมิดคาเฟรแห่งนี้เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ว่ากันว่า รูปหน้าของสฟิงซ์ที่คาเฟรนี้ จำลองมาจากใบหน้าของฟาห์โรคาเฟร

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าส่วนหัวของมหาสฟิงซ์ มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์ แสดงเอาไว้อย่างชัดเจน คือ มีเคราที่คาง มีงูจงอางแผ่แม่เบี้ยที่หน้าผาก และยังมีเครื่องประดับรัดเกล้าแบบฟาโรห์ มีผ้าคลุมศีรษะและคอ ชาวอียิปต์โบราณถือกันว่าสฟิงซ์เป็นร่างจำแลงภาคหนึ่งของเทพเจ้า ซึ่งการที่ฟาโรห์คาเฟร ให้แกะสลักใบหน้าสฟิงซ์เป็นใบหน้าของพระองค์ ก็ด้วยทรงถือว่าพระองค์เปรียบดังเทพเจ้านั่นเอง

ดูจะเป็นภาพความขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างความยิ่งใหญ่อลังการที่เป็นประวัติศาสตร์มานานกว่า 5,000 ปี ของหมู่พีระมิดและสฟิงซ์ กับความเงียบเหงาร้างไร้ผู้คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เคยมีเป็นร้อยเป็นพันคนไม่เว้นแต่ละวันในอดีต

จากพีระมิด รถบัสขนาดย่อมพาเราลัดเลาะออกไปนอกเขตกรุงไคโร เพื่อชมเมืองใหม่ที่ชื่อว่า 6 th October ถือเป็นเขตการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่มากๆของอียิปต์ บ้านหรูหราราคาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ถูกขายออกไปหมดแล้ว ตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์ยูเซฟ เช่นเดียวกับคอนโดมิเนียม ที่แม้ข้างนอกจะดูเก่าๆเหมือนยังสร้างไม่เสร็จ แต่คนอียิปต์ทุกคนที่มาดูแลคณะเราในคราวนี้บอกว่า ข้างในนั้นออกแบบตกแต่งอย่างหรูหรา สมกับราคาที่แต่ละยูนิตไม่ต่ำกว่า 10-20 ล้านบาทไทย นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่คนอียิปต์ที่มีอันจะกินจะขับรถออกจากกรุงไคโรเพื่อมาจับจ่ายซื้อของในช่วงสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม ที่ล่อตาล่อใจคนรวยอียิปต์ไม่น้อยไปกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศชนิดอื่นๆ

นอกจากความยิ่งใหญ่ของพีระมิด ที่เป็นเหมือนตัวแทนความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายอันเป็นอมตะของคนอียิปต์แล้ว สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนอียิปต์ ก็น่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุล้ำค่าไว้นับแสนชิ้น รวมถึงโลงศพทองคำแท้น้ำหนักกว่า 110 กิโลกรัม และหน้ากากทองคำหนัก 11 กิโลกรัมของฟาโรห์ตุตันคาเมน รวมถึงสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์  เช่น  เตียงบรรทม พัด ของเล่นต่างๆ รถศึกและเก้าอี้บัลลังก์ทองคำ

แต่ที่น่าตื่นตะลึง! ที่สุด เห็นจะเป็นห้องเก็บมัมมี่ ที่มีอยู่นับไม่ถ้วน...

อีกที่...ที่ไม่ควรพลาด คือ สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัด อาลี (The Mohammad Ali Mosque) ซึ่งถือว่าเป็นสุเหร่าที่ใหญ่และสูงที่สุดในกรุงไคโร สุเหร่าแห่งนี้สร้างจาก หินอลาบาสเตอร์ (Alabaster) ตามแบบของมัสยิดสีฟ้า หรือ Blue Mosque ในอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเมื่อเดินทะลุออกไปด้านหลังสุเหร่าจะเป็นส่วนของป้อมปราการ หรือ ซิทาเดล (Citadel) ซึ่งสร้างในสมัยอิสลามรุ่งเรืองในอียิปต์ ถือเป็น Bird eye view จุดหนึ่งของกรุงไคโร เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงไคโร สุเหร่า พิพิธภัณฑ์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างชัดเจนที่สุดอีกจุดหนึ่ง

เสียดายที่เรามีเวลาน้อยมาก เลยอดที่จะไปละลายทรัพย์กับสินค้าพื้นเมืองหลากชนิดที่ ตลาดข่านเอลคาลีลี (khan el-khalili bazaar) ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและแหล่งสินค้าที่ระลึกใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ที่มีสินค้าทั้งเพชร พลอย น้ำหอม เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าชิ้น เครื่องทองเหลือง เครื่องแก้ว เครื่องหนัง พรม และของที่ระลึกแบบพื้นเมือง ตัวตลาดเป็นเหมือนซอยแคบๆ แต่ยึกยักๆ เป็นใยแมงมุม เดินกี่ครั้งก็หลงประมาณนั้น

ปิดท้ายค่ำคืนอันแสนสุขในอียิปต์ด้วยระบำหน้าท้อง (Belly Dance) กับสาวอียิปต์เชี่ยนแท้ๆ พร้อมล่องเรือชมแสงสียามค่ำคืนของแม่น้ำไนล์ ท่ามกลางความสวยงามอันเงียบเหงา

ร่องรอยของสงครามและความขัดแย้ง  ยังคงอยู่แต่ก็คงไม่ใช่เหตุอันจะปิดโอกาสให้เราได้ไปสัมผัสความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ของโลกในดินแดนฟาห์โรห์แห่งนี้

ขอสันติและรอยยิ้มจงมีแด่อียิปต์ในเร็ววัน...