พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่1)

ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่1)

ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่1)

สวัสดีครับแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน อันเนื่องมาจากต้นเดือน มิ.ย.56 ที่ผ่านมา กระผมนายฮกหลง ได้รับเทียบเชิญจากฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) ร่วมกับ Hokkaido Tourism Organization และ องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ให้ร่วมเดินทางกับคณะสื่อ อันประกอบด้วย พี่ปราย และพี่จักรแห่งรายการแจ๋ว ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 พี่เอี๊ยะ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พี่เอ๋ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ พี่นก จากนิตยสารไฮโซปาร์ตี้ พี่บู กูรูญี่ปุ่นตัวจริงจากเว็บไซต์ marumura.com น้องแป้งโกะ นักร้องแสนสวย และน้องหุย ผู้จัดการส่วนตัว พี่ลุย พี่เอ๋ หรือแม่ประนอม จอมรีวิวท่องเที่ยวแห่ง pantip.com และคุณโอ๋ จากการบินไทย รวม 12 ชีวิต ไปเที่ยวชมและสัมผัสความสวยงาม ของ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เนื่องจากทาง Hokkaido Tourism Organization และ องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยว มีความประสงค์ที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเรา ได้ลองไปสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่งของฮอกไกโด ที่มิใช่จะมีดีเพียงแค่ช่วงฤดูหนาว แต่ในช่วงฤดูร้อนนั้น ก็มีความสวยงามที่ไม่แพ้กัน เปรียบไปก็คงเหมือนหญิงสาวผู้สวยงามที่ถูกมองเห็นและสัมผัส จากด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวมาตลอด แต่เมื่อได้เปิดเผยความสวยงามในอีกด้าน ซึ่งคุณนึกไม่ถึงมาก่อน ให้คุณได้สัมผัส กระผมนายฮกหลง บอกตามตรงว่าถึงขั้นหลงรักหัวปักหัวปำ ละเมอเพ้อพก มาจนบัดนี้ยังคิดถวิลหามิรู้ลืม


ด้วยเหตุอันเนื่องมาจากความน่าหลงใหลนี่เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบัน การบินไทยได้มีการจัดเที่ยวบินตรงจากไทย ไปเมืองซัปโปโร เมืองหลวงของจังหวัดฮอกไกโด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลไปสัมผัสความสวยงามของฮอกไกโดถึง 4 เที่ยวบินใน 1 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็นเที่ยวไป เที่ยวบินที่ TG 670 ออกจาก กทม. เวลา 23.45 น. ถึงสนามบินชิโตะเสะ เวลา 08.30 น. (วันรุ่งขึ้น ตามเวลาท้องถิ่น) โดยทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ ส่วนเที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ TG 671 ออกจากสนามบินชิโตเสะ เวลา 10.45 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 15.45 น. ทำการบินทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ สำหรับเส้นทางดังกล่าวนี้ การบินไทยมีบริการที่นั่งทั้งหมด 299 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ 36 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 263 ที่นั่ง ส่วนระยะเวลาในการเดินทางรวมประมาณ 6 ชั่วโมง 45 นาที สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตลอดจนโปรแกรมนำเที่ยว Royal Orchid Holiday ได้ที่สำนักงานการบินไทยทุกแห่งในประเทศไทย และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารการบินไทย และสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ Thai contact center ที่หมายเลข 02-356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ //www.thaiairways.com และช่องทาง Thai social media ดังนี้ //www.facebook.com/thaiairways , //www.instagram.com/thaiairways , //www.twitter.com/thaiairways


โดยการเดินทางครั้งนี้ นายฮกหลง และเพื่อนร่วมคณะ ออกเดินทางด้วย เครื่องบินแอร์บัส A330-300 เที่ยวบิน TG670 ชั้นธุรกิจ Royal silk อันหรูหรา สง่างามและเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายและการบริการที่ดียิ่งกว่าคำว่ายอดเยี่ยม โดยที่นายฮกหลง ติดอกติดใจมากเป็นพิเศษคือที่นั่งอันแสนกว้างใหญ่ ที่มีพื้นที่ให้คนที่ขายาวแบบนายฮกหลง สามารถเหยียดแข้งเหยียดขาได้เต็มที่ และที่สำคัญคือที่นั่งที่สามารถปรับระดับ 167 องศาได้ ทำให้นายฮกหลงที่ร่างกายค่อนข้างจะอ้วน สามารถนอนหลับสบายตลอดการเดินทาง เกือบ 7 ชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเมื่อยขบแต่ประการใด ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ หากแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ท่านใดที่จะเลือกเดินทางแบบบินตรงซึ่งใช้เวลาค่อนข้างมากในการเดินทาง และออกแบบตารางการท่องเที่ยวขึ้นเครื่องตอนกลางคืน เพื่อเที่ยวต่อทันทีเมื่อถึงที่หมายในตอนเช้า เช่น นายฮกหลงและคณะ เพราะคุณจะไม่รู้สึกเมื่อล้าหรืออ่อนเพลียและเที่ยวต่อได้เลยสบายๆ นอกจากนี้ การให้บริการที่นายฮกหลง บอกไว้แล้วว่าดียิ่งกว่าคำว่ายอดเยี่ยมนั้น ยังได้สร้างความอบอุ่นใจให้กับนายฮกหลงเป็นอย่างยิ่ง เพราะแทบจะเหมือนมีพี่สาวและพี่ชาย มาให้การดูแลห่วงใยคุณตลอดการเดินทาง และอีกหนึ่งความเยี่ยมยอดคืออาหารสุดแสนอร่อยและหน้าตาช่างน่าทานเหลือกำลัง มีเสิร์ฟให้คุณได้ลิ้มลองชนิดจุใจ


เมื่อคณะได้เดินทางมาถึงที่สนามบิน New chitose ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ทางคณะผู้ให้การต้อนรับซึ่งเป็นทีมงานชาวญี่ปุ่น และไกด์สาวผู้น่ารัก อายะจัง ได้พาชาวเราเดินทางไปสถานที่แรกคือ สวนสัตว์ Asahiyama อันมีชื่อเสียง ของเมืองอาซาฮิคาวา เนื่องจากถือเป็นสวนสัตว์ที่มีการจัดการที่ดีเยี่ยม ติดลำดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Interactive animal viewing ที่ให้ผู้เข้าชมสวนสัตว์สามารถเพลิิดเพลินไปกับการดูสัตว์ในหลายๆ มุมมอง แบบใกล้ชิดแทบจะเหมือนว่าได้ใช้มือสัมผัสกับสัตว์กว่า 100 ชนิด ในสวนสัตว์แห่งนี้ และที่สำคัญคือยังออกแบบให้สัตว์เหล่านี้ ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวและหนำซ้ำยังกลมกลืนไปกับธรรมชาติได้อีกด้วย


โดยไฮไลต์สำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงมี 4 จุด คือ 1. บริเวณให้อาหารลิงอุรังอุตัง 2. สวนเพนกวิน 3. สวนหมีขาว 4. สวนแมวน้ำ โดยในส่วนของสถานที่ให้อาหารอุรังอุตังนั้น ถูกออกแบบให้ดูเหมือนลิงเหล่านี้ออกมาแสดงกายกรรมห้อยโหนให้ผู้ชมดู ส่วนสวนเพนกวิน ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าไปบุกวังเพนกวิน โดยสามารถเห็นอิริยาบทของเพนกวินได้จากมุมมองในระยะใกล้ชิดมากๆ ส่วนสวนหมีขาวนั้น จุดสำคัญคือการจัดวางให้เราสามารถมองเห็นหมีขาวว่ายน้ำได้ และโผล่หัวขึ้นมามองมันจากโดมกระจกทรงโค้งในลักษณะเหมือนแอบเฝ้ามองพฤติกรรมของมันในระยะใกล้ และสุดท้ายคือ สวนแมวน้ำ ที่ดูเหมือนจะเป็นดาวเด่นที่สุด ก็เพราะมีการวางกระจกทรงกระบอกสูง ไว้บริเวณใจกลางห้องเพื่อให้เจ้าแมวน้ำตัวอ้วนพีเหล่านี้ ได้ว่ายเข้ามาโชว์ตัวให้เห็นทุกสัดส่วนและลักษณะการว่ายน้ำที่แสนจะน่ารักของมัน โดยความน่ารักและการจัดวางอันชาญฉลาดทั้งหมดนี้ สวนสัตว์ Asahiyama คิดค่าเข้าชมสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 15 ปี เพียง 800 เยน เท่านั้น....


เสร็จจากสวนสัตว์ Asahiyama อายะจังและคณะก็ได้พาฮกหลงและพ้องเพื่อนชาวไทย มาแวะเติมพลัง ที่ Ramen Village ที่ประกอบไปด้วยร้านราเม็งชื่อดังของฮอกไกโด 8 ร้าน โดยแต่ละร้านจะมีจุดเด่นของตัวเองที่แตกต่างกัน ให้ลูกค้าได้เลือกลิ้มลอง ซึ่งที่นี่คณะชาวไทยเราได้เลือกชิม ไปทั้งสิ้น 3 ร้าน โดยคณะทีมรายการแจ๋ว และทีมชาวญี่ปุ่นเลือกชิมร้าน Aoba อันเก่าแก่เนื่องจากได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลากว่า 66 ปีแล้ว ขณะที่พี่บู แห่ง เว็บไซต์ //www.marumura.com แยกเดี่ยวไปเลือกชิมร้าน Ittetsu-an matsuda ด้วยเพราะติดใจรูปถ่ายไข่ออนเซน ส่วนฮกหลงและคณะที่เหลือ เลือกร้าน Tenkin ด้วยเหตุว่าดูเป็นร้านที่น่าจะมีรสชาติจัดจ้านคุ้นลิ้นชาวไทยอย่างเรา ซึ่งก็ไม่ผิดหวังอร่อยได้ใจจริงๆ ฮกหลง ซึ่งชื่นชอบราเม็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สวาปามไปเต็มๆ คนเดียวชามโตขนาดจัมโบ้ แถมได้ปันจากเพื่อนร่วมคณะที่รับประทานไม่ไหวเพราะมันเยอะเกินขนาดหญิงไทยไปอีกด้วย และที่อร่อยล้ำอีกอย่างคือเกี๊ยวซ่าที่ร้านนี้เด็ดจริงๆ จนพวกเราต้องขอเบิ้ล แถมราคาก็ไม่แพงคิดเป็นเงินไทยตก 200 กว่าบาทเท่านั้น อย่างไรก็ดี เมื่อชาวไทยใจเป็นกลางอย่างพวกเราได้มาร่วมถกกันหลังจากได้ชิมไป 3 ร้าน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โออิชิ ทุกร้าน....

จากนั้นคณะของเราก็ได้ไปสัมผัสความหนาวเย็นของฮอกไกโด ในหน้าร้อนกันที่ Hokkaido Ice Pavilion ซึ่งก็ได้ยะเยือกกันไปถึงทรวงจริงๆ เพราะอากาศในนั้นอยู่ที่ -20 องศาเซลเซียส และมีจุดสำคัญไว้ท้าทายนักท่องเที่ยวที่ชอบลองของ ซึ่ง ฮกหลงขอตั้งชื่อไว้ว่า จุดวัดใจ เพราะตั้งอุณหภูมิไว้ที่ -40 องศาเซลเซียส แม่เจ้า.... ซึ่งพอเข้าไปฮกหลง ก็แทบจะกลายเป็นไอติม ด้วยเหตุที่หนาวจนจับขั้วหัวใจ ขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่างกาย หากไม่มีชุดป้องกันแล้วไซร้ คงแข็งตายเป็นแน่แท้ ซึ่งตรงจุดนี้ต้องขอเตือนนักท่องเที่ยวไว้ด้วยว่า หากจะเข้าจุดวัดใจที่ว่า และอยากจะเก็บภาพใน Hokkaido Ice Pavilion ที่มีน้ำแข็งขึ้นเหมือนหินงอกหินย้อย และตุ๊กตาหิมะที่สวยงาม ควรใช้กล้องถ่ายรูปมากกว่าโทรศัพท์มือถือ เพราะเจ้า เอส4 ของ ฮกหลง โดนความเย็นเล่นงานจนค้างเติ่ง อดถ่ายรูปไปโดยปริยาย เสียดายมาจนวันนี้ แต่ก็ยังโชคดีที่ได้ พี่ลุย ขวัญใจแม่ประนอม ที่เตรียมการมาเป็นอย่างดี ช่วยถ่ายรูปเก็บบรรยากาศมาไว้ให้นะครับ ขอบคุณมากครับพี่ลุย พี่เอ๋ อ่อ เกือบลืมบอกไปสำหรับค่าเข้าสัมผัสความหนาวยะเยือกนี้ จ่ายเพียง 1000 เยนเท่านั้น....


หลังจากสัมผัสความหนาวเย็น แล้ว อายะจัง ไกด์สาวผู้น่ารัก ก็ได้พาเราไปชมจุดไฮไลต์ที่ ฮกหลง ชื่นชอบมากและเป็นหนึ่งในความทรงจำของฮกหลงสำหรับทริปนี้ ก็คือจุดชมวิวที่ Daisetsuzan national park แม่เจ้ามันสวยมากกกกก ภาพภูเขาที่บริเวณยอดยังปรากฏให้เห็นน้ำแข็งสีขาว สลับตัดกับโทนออกสีฟ้าของพื้นที่ในส่วนที่น้ำแข็งเริ่มละลายแล้ว บวกท้องฟ้าที่ใสสว่าง บ่งบอกให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่ปราศจากไอพิษในอากาศ นอกจากนี้ยังเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีตัดอยู่เบื้องล่าง ทำให้ฮกหลง หลงรักเข้าเต็มเปา และตรึงขาสองข้างของฮกหลง เอาไว้แทบหยุดนิ่ง ไม่อยากจะจากไปไหนเลย ดูรูปเอาแล้วกันครับแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ว่ามันสวยขนาดไหน



อิ่มเอมกับความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ก็ได้เวลาเข้าห้องพักซะที ซึ่งก็ได้รับการจัดเต็มมาที่ โรงแรม Taisetsu ที่มีห้องพักอันกว้างขวาง และจัดวางตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น เป็นที่ถูกอกถูกใจชาวไทยที่อยากสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ โรงแรม Taisetsu ยังเปิดบริการออนเซน ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งแต่เดิม ฮกหลง กะแอบคณะไปโดนออนเซนครั้งแรกในชีวิตในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ซะหน่อย โดยกะเวลาเอาไว้ว่าน่าจะสัก  ตี1 ตี2 ซึ่งคงไม่มีสักชีวิตในบ่อออนเซนแล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจในภายหลัง เพราะด้วยติดใจในห้องพัก จึงขอเกลือกกลั้วทุกอณูให้สัมผัสกับห้องพักตามศิลปะญี่ปุ่นนี้ให้เต็มที่ แล้วไปนอนแช่น้ำอุ่นในห้องน้ำห้องพักแทน เอ้าคิดซะว่า ยังไงๆ ก็ออนเซน เครือๆ กัน....


หลังจากเช็กอิน เข้าพักได้ไม่นาน คณะเราก็ถูกเชิญลงมารับประทานอาหารชุดใหญ่ ที่สวยงามและน่ากินเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากท่านผู้ใดที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น คงจะอร่อยลิ้นล้ำมิรู้วาย เหมือนฮกหลงเป็นแน่แท้ ชมภาพกันแล้วกันนะครับ แค่เห็นก็เชื่อว่าชาวไทยรัฐออนไลน์ คงอยากไปลองโดนกันบ้างนะครับ ที่ โรงแรม Taisetsu


กินอิ่มแล้ว ทางคณะทีมงานญี่ปุ่น เห็นว่าเราอิ่มแต่ท้องอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ก่อนจะนอนจึงพาไปสูดกลิ่นละอองอากาศที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ ฟังเสียงน้ำไหลระงมเข้าโสตประสาทหู ร่างกายได้สัมผัสอากาศเย็นที่ได้รับจากไพรพนา และตาเปล่าๆ ได้ดูดาวที่ส่องแสงใสสว่างสวยงามบนท้องฟ้าที่ใสราวกับกระจก เพื่อจะได้นอนหลับฝันดีด้วย ทัวร์ Star Gazing Tour ซึ่งห่างจากโรงแรมไปไม่มากนัก นี่แหละคือความงามทางธรรมชาติที่คุ้มค่ากับที่ทุกอณูของร่างกายควรจะได้สัมผัสจริงๆ ไปกันไหมครับฮอกไกโด หน้าร้อน ก่อนจบตอนแรกนี้ อยากจะสารภาพเอาไว้ตรงนี้ว่า ผมรักฮอกไกโด เกินกว่าจะกล่าวบรรยายด้วยคำพูดได้จริงๆ

ขอบคุณรูปบางส่วนจากความอนุเคราะห์ของ พี่นก นิตยสารไฮโซปาร์ตี้ พี่บู จากเว็บไซต์ marumura.com พี่ลุย พี่เอ๋ หรือแม่ประนอม จาก pantip.com ด้วยนะครับ

ติดตาม ฮอกไกโดหน้าร้อน โอว มันโดนมาก (ตอนที่2) พรุ่งนี้





Create Date : 15 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 กรกฎาคม 2556 2:36:26 น. 0 comments
Counter : 2243 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.