|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
พระคันธารราฐ
พระคันธารราฐ พระคันธารราฐ ประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประธานอยู่ในพระวิหารน้อย หรือ พระวิหารเขียนวัดหน้าพระเมรุ หรือ วัดพระเมรุราชิการามวรวิหารหมู่ที่ ๕ ( ริมคลองสระบัว ) ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระคันธารราฐ เป็นพระพุทธรูปศิลาเขียว ศิลปะทวารวดี ประทับนั่งห้อยพระบาท พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางคว่ำอยู่บนพระชานุ ( เข่า ) เบื้องพระปฤษฎางค์ ( เบื้องหลัง ) มีพนักพิง และเหนือขึ้นไปหลังพระเศียรมีประภามณฑล หรือ รัศมี มีสลักลายที่ขอบ คาดว่าเดิมเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แต่จากการบูรณะเมื่อขุดพบและนำมาประดิษฐานที่วัดหน้าพระเมรุ พระหัตถ์ทั้งสองด้านเปลี่ยนเป็นวางคว่ำอยู่บนพระชานุ มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๗ เมตร สูง ๕.๒ เมตร ศิลาที่สร้างเป็นวัสดุหินปูนที่มีสีเขียวแก่ แต่เดิมพระคันธารราฐน่าจะเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุในเกาะเมืองอยุธยามาก่อน เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทรฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระยาไชยวิชิต ( เผือก ) ผู้รักษาพระนครศรีอยุธยาในขณะนั้น เป็นแม่กองบูรณปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุ จึงได้ขุดพบพระคันธารราฐองค์นี้ แล้วได้มีการเคลื่อนย้ายอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในพระวิหารน้อย ที่เพึ่งสร้างขึ้นใหม่ ณ วัดหน้าพระเมรุ จนถึงปัจจุบัน พระยาไชยวิชิตได้จารึกลงศิลาแล้วติดตั้งไว้ที่ฝาผนังเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๑ ว่า พระคันธารราฐนี้ พระอุบาลีมหาเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำมาจากประเทศลังกา ในคราวที่ท่านเป็นสมณทูตพร้อมด้วยพระสงฆ์นำพระพุทธศาสนากลับคืนไปประดิษฐานในประเทศลังกา ซึ่งก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นความเห็นของพระยาไชยวิชิตถึงที่มาของพระคันธารราฐหรือไม่ หรือได้ข้อมูลมาจากแหล่งใด นักโบราณคดีมีความเห็นว่า พระคันธารราฐเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยทวารวดี สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ.๑๐๐๐ ถึง ๑๒๐๐ สันนิษฐานว่าก่อนที่จะนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดมหาธาตุ กรุงศรีอยุธยานั้น แต่เดิมเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐมมาก่อน เนื่องจากทางการขุดพบเรือนแก้วที่ชำรุด ซึ่งเป็นเรือนแก้วของพระพุทธรูปองค์นี้ อีกทั้ง ในการขุดค้นครั้งปี พ.ศ.๒๔๘๑ - ๒๔๘๒ ศาสตราจารย์ปิแอร์ ดูปองด์ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ได้ขุดพบท่อนพระเพลา พระกร และนิ้วพระหัตถ์อีกหลายนิ้ว ที่วัดทุ่งพระเมรุ หรือ วัดพระเมรุ จ.นครปฐม ซึ่งขนาดเดียวกับพระคันธารราฐ วัดหน้าพระเมรุ จึงเชื่อกันว่า “ พระคันธารราฐ ” อัญเชิญมาจากวัดพระเมรุ จ.นครปฐม ดังนั้น ความเก่าแก่ของ พระคันธารราฐจึงเก่าแก่กว่าสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี และน่าจะไล่เลี่ยกับพระพุทธรูปศิลาสมัยบุโรพุทโธที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย พระคันธารราฐ กล่าวกันว่าเดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาเขียว แต่เนื่องจากผ่านกาลเวลามานานจึงทำให้กลายเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันดูคล้ายเป็นสีดำ แต่ถ้ามองดูในระยะใกล้ๆ แล้วจะเห็นเม็ดเล็กๆ สีเขียวเพราะทำจากหินทรายแกะสลัก เชื่อกันว่าหากบูชาสักการะแล้วจะอายุยืนมั่นคงดั่งศิลา
Create Date : 05 กันยายน 2563 |
Last Update : 5 กันยายน 2563 9:07:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 365 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|