|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (๑) อะไรหนอ ชื่อว่า จอมปลวก (๒) อย่างไรชื่อว่า พ่นควันในกลางคืน (๓) อย่างไรชื่อว่า ลุกโพลงในกลางวัน (๔) อะไรชื่อว่า พราหมณ์ (๕) อะไรชื่อว่า สุเมธะ (๖) อะไรชื่อว่า ศาตรา (๗) อย่างไรชื่อว่า การขุด (๘) อะไรชื่อว่า ลิ่มสลัก (๙) อะไรชื่อว่า อึ่ง (๑๐) อะไรชื่อว่า ทาง ๒ แพร่ง (๑๑) อะไรชื่อว่า หม้อกรองน้ำด่าง (๑๒) อะไรชื่อว่า เต่า (๑๓) อะไรชื่อว่า เขียงหั่นเนื้อ (๑๔) อะไรชื่อว่า ชิ้นเนื้อ (๑๕) อะไรชื่อว่า นาค ดังนี้? พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ปัญหา ๑๕ ข้อ
พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุ จอมปลวก นั่นเป็นชื่อของกายนี้ อันประกอบด้วยมหาภูตรูปทั้ง ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุกและขนมกุมมาส ไม่เที่ยง ต้องอบรม ต้องนวดฟั้น มีอันทำลายและกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา. อย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืนนั้น ดูกรภิกษุ ได้แก่การที่บุคคลปรารภการงานในกลางวัน แล้วตรึกถึง ตรองถึงในกลางคืน นี้ชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน อย่างไรชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน นั้น ดูกรภิกษุ ได้แก่การที่บุคคลตรึกถึงตรองถึง (การงาน) ในกลางคืน แล้วย่อมประกอบการงานในกลางวัน ด้วยกาย ด้วยวาจา นี้ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน. พราหมณ์ นั้น เป็นชื่อของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สุเมธะ นั้น เป็นชื่อของเสขภิกษุ ศาตรา นั้นเป็นชื่อของปัญญาอันประเสริฐ จงขุด นั้นเป็นชื่อของการปรารภความเพียร ลิ่มสลัก นั้น เป็นชื่อของอวิชชา.อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาตรา ยกลิ่มสลักขึ้น คือจงละอวิชชาเสีย จงขุดมันขึ้นเสีย. อึ่ง นั้น เป็นชื่อแห่งความคับแค้นด้วยอำนาจความโกรธ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดั่งศาตรา ยกอึ่งขึ้นเสีย คือจงละความคับแค้นด้วยอำนาจความโกรธเสีย จงขุดมันเสีย ทาง ๒ แพร่ง นั้น เป็นชื่อแห่งวิจิกิจฉา อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตราก่นทาง ๒ แพร่งเสีย คือจงละวิจิกิจฉาเสีย จงขุดมันเสีย หม้อกรองน้ำด่าง นั้น เป็นชื่อของนิวรณ์ ๕ คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาบาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้นเสีย คือจงละนิวรณ์ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย เต่า นั้น เป็นชื่อของอุปาทานขันธ์ ๕ คือ รูปูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ สัญญูปาทานขันธ์สังขารูปาทานขันธ์ วิญญาณูปาทานขันธ์ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกเต่าขึ้นเสียคือ จงละอุปาทานขันธ์ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย เขียงหั่นเนื้อ นั้น เป็นชื่อของกามคุณ ๕ คือ รูปอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยโสตกลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ .. รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา .. โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยกายน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกเขียงหั่นเนื้อเสีย คือ จงละกามคุณ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย ชิ้นเนื้อ นั้น เป็นชื่อของนันทิราคะ อธิบายดังนี้ พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาตรา ยกชิ้นเนื้อขึ้นเสีย คือ จงละนันทิราคะ จงขุดขึ้นเสีย นาค นั้น เป็นชื่อของภิกษุผู้ขีณาสพ อธิบายดังนี้ นาคจงหยุดอยู่เถิด เจ้าอย่าเบียดเบียนนาค จงทำความนอบน้อมต่อนาคดังนี้. พระเถระเล่าเรียนโดยทำนองที่พระศาสดาตรัสไว้ ไปป่าอันธวันเจริญวิปัสสนาแก่กล้า จิตจึงพ้นจากอาสวะกิเลส ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานโดยประการทั้งปวง ก็บรรลุพระอรหัต
Create Date : 12 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 23:14:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 711 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|