จริงหรือที่ว่า ไม้เรียวสร้างคน
กว่า ๒ ทศวรรษของเราในเส้นทางของชอล์คและกระดานดำ
ผ่านกระดานไวท์บอร์ด
จนมาสู่ยุคของ Power Point ผ่าน Projector
แล้วจะกลายเป็น E-learning ในอนาคตของเรานั้น

ไม่ว่าจะสื่อความรู้จากครูสู่ศิษย์ด้วยสื่อกลางแบบใดก็ตาม

นั่นก็สื่อได้เฉพาะพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย ให้เด็กได้รู้ ได้เก่ง

จนปัจจุบันนี้
เราพบเห็นคนเก่งมากมายในสังคม แก่งแย่ง ชิงดี

แต่สิ่งทีเราหายากมากในยุคปัจจุบัน คือ คนดี

จนรัฐบาลต้องให้วาระแห่งชาติในวันนี้ว่า
"คุณธรรม นำ ความรู้"

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้คืนให้ครู
ในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นคุณธรรมนำความรู้
คืออาวุธ ที่เราท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า
อยู่คู่กับแม่ที่อบรมสั่งสอนลูกน้อย
อยู่คู่กับครูที่เฝ้าสั่งสอนศิษย์
ให้เป็นคนดี
ที่เรียกว่าอาวุธอาจฟังแล้วหนักไป ขอแก้ไขว่า
เป็นเครื่องมือที่ครูใช้ ในการกำราบเด็กดื้อ เด็กนอกลู่ นอกรอย
ใช่ครับ
เครื่องมือนี้คือ "ไม้เรียว"


คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า
สมัยเด็กนั้น
หากจะทำอะไรที่คิดว่าออกนอกลู่นอกทาง
แล้วรู้ว่า
หากโดนจับได้สิ่งที่ได้รับคืออะไร
เราก็จะยับยั้งชั่งใจไว้
เพราะจำรสชาดของก้านมะยมได้ดี

แต่ยุคสมัยหนึ่งที่มีครูบางท่านทำเกินกว่าเหตุ
ได้มีการประกาศ "ยุทธการหักไม้เรียว" ขึ้น
และยังไม่ให้นักเรียนตกซ้ำชั้น

เราจึงพบเห็นนักเรียนที่มีปัญหามากมาย

บางคนเก่ง แต่นิสัยแย่
บางคนแย่ทั้งนิสัยและการเรียน

เพียงแต่ถ้าเรา
ให้แง่คิดที่ดีกับครูบางท่านที่ทำเกินกว่าเหตุ
ให้รู้จักใช้ไม้เรียวให้ถูกต้อง

๑.สงบใจให้ได้ก่อนลงโทษเด็ก
ระยะเวลาที่เด็กถูกจับผิดได้
แล้วรอฟังคำพิพากษานั้น
มันทรมานกว่าการที่ถูกตีให้มันแล้วๆ ไปอีก
ผมเคยทิ้งเวลาเป็นวันกับการรอให้เค้าทบทวนเอง
ว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดหรือถูก

๒. อบรมจนไม่มีข้อขัดแย้ง
ชี้ให้เห็นว่า ถูกผิดอย่างไร
ส่วนใหญ่แล้วเด็กสารภาพผิดเองด้วยซ้ำ
เพราะที่จริงแล้ว
เด็กเองก็แยกแยะเป็นว่าอะไรควรไม่ควร
แต่ที่ทำไปเพระอยากลอง
เข้าตำรา "ดีชั่วรู้หมด แต่...อดไม่ได้"

๓. ตีพร้อมรอยยิ้ม
ให้เค้ารู้ว่า "ตีเพราะรัก"
ไม่ใช่เกลียด ไม่ใช่โมโห ไม่ใช่อารมณ์
คนละที สองที ก็พอ
พอเป็นพิธีว่า "นี่คือการทำโทษ"
เหมือนที่คุณหมอวัลลภ ตั้งคณา
เรียกว่าเป็นการ "ไล่ผี"
ได้แก่ ผีชั่วร้ายต่างๆ ที่เข้ามาสิงในตัวเค้า
วันหลังเค้าได้ไม่ทำอีก

โดยส่วนตัวแล้วใช้ ๓ ขั้นตอนนี้มาโดยตลอด
และก็มีลูกศิษย์ที่น่ารัก เข้าใจ และไม่ทำผิดอีก

ก็ฝากถึงใครที่กำลังจะจับไม้เรียว
ไม่ว่าเป็นพ่อ แม่
ไม่ว่าเป็น ลุง ป้า น้า อา
ไม่ว่าเป็นพี่
ไม่ว่าเป็นครู
ถ้าท่านทำทั้ง ๓ ขั้นตอนได้
บางครั้ง
ขั้นที่สาม อาจไม่ต้องทำก็ได้
ถ้าขั้นที่สอง สามารถทำให้เค้ากล้าปฎิญาณตน
บางครั้งไม้เรียวก็อาจหมดความจำเป็น

แต่กับเด็กบางคน
ไม้เรียวยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด
ในการพัฒนาความดีของเค้าได้
เพราะหาง่าย ใกล้มือ
แต่ครู ต้องระวังมือตนเองอย่าให้ไวตามใจตนมากนัก
ไม่เช่นนั้น
ไม้เรียวที่ตีลงไป
จะกลายเป็นอาวุธที่มาตัดทอน
"ความเป็นครู"ของเราไป



Create Date : 24 กันยายน 2550
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 14:04:58 น.
Counter : 614 Pageviews.

3 comments
  


สนับสนุนด้วยคนค่ะ
โดย: kampanon วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:7:48:28 น.
  
อรุณสวัสดิ์ค่ะ

กลับมาแล้วหลังจากไปซะหลายวัน มารายงานตัวค่ะคุณครู

จำได้ว่าสมัยเป็นนักเรียนโดนตี โดนหยิกเป็นประจำค่ะ เป็นเรื่องธรรมดาของนักเรียนกับคุณครูสมัยนั้น (สมัยที่ยังสอนวิชาหน้าที่พลเมืองกันอยู่)

แต่ครูก็เป็นเหมือนพ่อ แม่ คนที่สองนะ

สายตาที่ครูมองเด็กสมัยนั้นต่างกันกับสมัยนี้นะ สายตาที่มองด้วยความรัก ความเอ็นดู อยากเคี่ยวเข็ญให้เด็กได้ดี
จับมือเขียน ก ไก่ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่นั่นแล้ว

พอดีกว่าเขียนมากไปเดี๋ยวไม่จบค่ะ

อาจารย์สบายดีนะคะไม่ได้มาเยี่ยมหลายวันแล้ว
โดย: เนระพูสี วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:6:25:09 น.
  
เฉลยแล้วค่ะอาจารย์ อยู่ในคอมเม้นท์ 26 ค่ะ
โดย: เนระพูสี วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:5:41:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

vishnu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog ส่วนตัว เพื่อเผยแพร่สาระดีๆ แก่พี่ เพื่อน น้อง และลูก(ศิษย์)
ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น หากท่านใดมีคำแนะนำดีๆ Comment มาได้ใน About me ครับ แล้วจะพยายามทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
สำหรับ เรื่องดีๆ ที่น่าอ่าน Blog ที่ไม่มีชื่อผมและวันเขียนลงท้ายไว้ แปลว่าหยิบมาจากที่อื่นนะครับ



ต้องการสืบค้นข้อมูล
เชิญได้ที่นี่ครับ




ค้นหาใน GOOGLE.CO.TH
ค้นหาใน CodeTukyang.com