เผยโฉม!! พิมพ์เขียวหุ่นยนต์จากหนัง Pacific Rim เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ทางการภาพยนตร์ Pacific Rim           สมัยนี้การตลาดไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็มีการแข่งขันสูงไปซะทุกอย่าง แม้กระทั่งวงการภาพยนตร์ก็เช่นกัน ดังนั้นการออกวิดีโอตัวอย่างเฉย ๆ อาจไม่มัดใจคนดูให้อยากชมได้มากเท่าที่คิดอีกต่อไปแล้ว หนังหลายเรื่องจึงทยอยส่งกระแสข่าวใหม่ ๆ ออกมาเรียกความสนใจกันก่อน เพื่อเรียกคะแนนให้คนหันมาพูดถึงภาพยนตร์ของตัวเองกันมากขึ้น   ซึ่ง Pacific Rim นั้นนับเป็นภาพยนตร์ที่ทำการตลดาได้โดดเด่นเป็นพิเศษเลยทีเดียว เพราะหลังจากประกาศว่าจะเผยวิดีโอตัวอย่างออกมาภายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้แล้ว ก็ยังได้มีการปล่อยภาพใหม่ ๆ ออกมายั่วให้คนอยากดูกันก่อนอีกด้วย  ไม่ว่าจะเป็นภาพใบสมัครสำหรับคนที่ต้องการจะเข้าร่วมต่อสู้กับเหล่าไคจูเพื่อปกป้องมนุษยชาติ  พิมพ์เขียวหุ่นยนต์รบ ไปจนถึงวิดีโอเตือนภัยเกี่ยวกับไคจู ซึ่งช่วยให้คนดูรู้สึกอินเหมือนตัวเองเป็นผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว     ทั้งนี้ Pacific Rim นั้นเป็นเรื่องราวเมื่อโลกตกอยู่ในหายนะท่ามกลางการรุกรานของไคจู สัตว์ประหลาดจากทะเลที่สร้างความโกลาหลไปทั่ว ทำให้อดีตนักบินเก่าและสาวมือใหม่ที่ถูกเลือกต้องร่วมกันบังคับหุ่นยนต์เจเกอร์สร่วมกัน เพื่อเป็นวามหวังสุดท้ายที่จะปกป้องโลกนี้เอาไว้           โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ กิลเลอร์โม่ เดอ โทโร่ (Guillermo del Toro) และมีดารานำแสดง ได้แก่ ชาร์ลี ฮันแนม (Charlie Hunnam), รินโกะ คิคุจิ (Rinko Kikuchi), ไอดริส เอลบา (Idris Elba), รอน เพิร์ลแมน (Ron Perlman) และ ชาร์ลี เดย์ (Charlie Day)  ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่า Pacific Rim นั้นจะสนุกเข้มข้นถึงใจหรือไม่ ก็อย่าลืมติดตามกันให้ได้เมื่อภาพยนตร์เข้าฉายพร้อมรูปแบบ 3D ในวันที่ 12 กรกฎาคมปี 2013 นะคะ  The Pan Pacific Defense Corps' "Striker Eureka" Australian Jaeger blueprint Leaked blueprint from PPDC China - Jaeger Crimson Typhoon equipped with three arms to fight against deadly Kaiju aggressors Meet Japan's defense against the colossal Kaiju - nuclear-powered Jaeger, Coyote Tango Leaked J-Tech blueprint of Jaeger Cherno Alpha from PPDC Russia US Jaeger Gipsy Danger is battle-ready against imminent Kaiju attacks   Create Date : 05 ธันวาคม 2555     0 comment Last Update : 5 ธันวาคม 2555 23:34:00 น.     Counter : 3864 Pageviews.   Share Tweet

คำลี่ ชวนเปิดประสบการณ์สยอง ใน ผ้าพันคอแดง คำลี่ ชวนผู้ชม..เปิดประสบการณ์สยอง ผ้าพันคอแดง ตำนานเล่าขานจากลาว (Lao Art Media & สปาร์ต้า ฟิล์ม)   หลังจากรับบทนางเอกในภาพยนตร์ชุด สะบายดี ทั้ง 3 ภาคไปแล้ว นักแสดงสาว คำลี่ พิลาวง ก็มุ่งมั่นเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่ประเทศจีน แต่พอ โป๋ย ศักดิ์ชาย ดีนาน ผู้กำกับได้รับโปรเจคท์ใหม่จากบริษัทผู้สร้างในลาว ให้ทำภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง ผ้าพันคอแดง คำลี่จึงบินกลับมาเพื่อถ่ายทำที่ลาว กับตำนานที่เล่าขานกันมากว่า 30 ปี           คำลี่ กล่าวกับทีมงานว่า "พี่โป๋ย ส่งบทไปให้อาลี่ที่จีน บอกว่าจะให้แสดงหนังผี.. พอรู้ว่าต้องแสดงหนังผี อาลี่ก็ปฏิเสธทันที ไม่เล่น ไม่เอา.. อาลี่กลัว.. แต่พี่โป๋ยก็บอกว่า มันไม่ใช่แค่เป็นหนังผีอย่างที่คิดนะ  แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของความกตัญญู ครอบครัว แล้วพี่โป๋ยก็ชวนจนอาลี่รับปากมาแสดงหนังจนได้ (หัวเราะ)           ในเรื่องอาลี่รู้แต่เพียงว่าเรื่องนี้เคยมีคนเล่าต่อกันมานานแล้ว อาลี่ มารับบทเป็น "พร" หญิงสาวในบ้านชนบทที่แต่งงานอยู่กินกับหมอ "สิท" (รับบทโดย อนุสอน วงคำมนตรี) หมอสิทมีแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตอยู่ ตัวเองอยากรักษาให้แม่หายโดยเร็ว จึงเข้าเวียงจันทน์เพื่อไปเรียนวิชาแพทย์เพิ่มเติม พร เองก็ได้แต่รอการกลับมาของสามี แต่แล้วเขาก็กลับมาเร็วกว่ากำหนด ในขณะเดียวกันหมู่บ้านนี้ก็เริ่มมีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้นกับรวมถึงคนในหมู่บ้าน เห็นคนไม่มีหัวเดินอยู่รอบ ๆ บ้านของพรและหมอสิท จนชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ เริ่มย้ายบ้านหนีกัน และตัวพรเองก็เริ่มเห็นสิ่งผิดปกติของ สิท ภายใต้ผ้าพันคอสีแดงของเขา..           ตอนไปถ่ายทำ พี่โป๋ยเขาไปเจอบ้านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร ริมแม่น้ำโขงก็เลยใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ บ้านเก่า ๆ ก็น่ากลัวอยู่แล้ว ทีมงานเองก็ต้องทำพิธีบวงสรวงก่อนถ่ายทำ ถามอาลี่กลัวไหม กลัวสิ.. เพราะปกติเป็นคนกลัวผีอยู่แล้ว ก็เลยให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย แต่แม่เองก็กลัวเหมือนกัน (อมยิ้ม) ช่วงถ่ายทำเราอยู่กันจนเกือบเที่ยงคืนทุกวัน.. ขากลับนี่สิ ต้องให้แม่ขับรถเกาะกลุ่มทีมงานกลับเข้าเมือง เพราะเราต้องขับรถผ่านป่าช้าด้วย คือเรียกว่า ไปด้วยกันมาด้วยกัน อุ่นใจดี (หัวเราะ)  หนังเรื่องนี้อาลี่ว่า มันไม่ใช่แค่หนังตำนานสยองขวัญอย่างเดียว แต่ลึก ๆ แล้วมันคือความรักความกตัญญูที่ลูกมีต่อแม่ ความรักต่อเมียห่วงที่ยังผูกพันกัน คงเหมือนกับที่บางคนอาจจะเคยพบเจอเรื่องราวแบบนี้กับตัวเองมาบ้างแล้วนะคะ.. และหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญเรื่องแรกของลาวในรอบ 50 ปี โดยทั้งเรื่องจะถ่ายทำในลาวและพูดภาษาลาวทั้งหมด อาลี่อยากจะฝากติดตามผลงานหนังเรื่องล่าสุดใน ผ้าพันคอแดง ด้วยนะคะ"    ผ้าพันคอแดง  มีกำหนดฉายพร้อมกันทั้งประเทศไทยและลาว ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ โดยในประเทศไทยฉายเฉพาะที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก    Create Date : 03 ธันวาคม 2555     0 comment Last Update : 3 ธันวาคม 2555 23:17:09 น.     Counter : 3145 Pageviews.   Share Tweet

Monsters University มหา’ลัย มอนส์เตอร์ (3D) เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Walt Disney Pictures, Thailand Fan Page, เฟซบุ๊ก ทางการภาพยนตร์  Monsters University กำหนดฉาย : 8 สิงหาคม 2556 แนว : ตลก/แอนิเมชั่น พากย์เสียง : บิลลี่ คริสตัล, จอห์น กู๊ดแมน กำกับ : แดน แสกนลอน อำนวยการสร้าง : คอรี่ เร   ไมค์ วาซอว์สกี้ และ เจมส์ พี. ซัลลีแวน เป็นคู่ซี้ที่แยกกันไม่ออก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เมื่อครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันในมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่สามารถจะทนซึ่งกันและกันได้เลย Monsters University : มหา’ลัย มอนสเตอร์ จะเปิดล็อคประตู พาผู้ชมไปสู่การที่ ไมค์ กับ ซัลลี่ ยอมรับความแตกต่างของพวกเขาจนกลายมาเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด           กรีดร้องด้วยเสียงหัวเราะ และความสนุก Monsters University : มหา’ลัย มอนสเตอร์ กำกับโดย แดน แสกนลอน Scanlon (Cars, Mater and the Ghostlight, Tracy) และอำนวยการสร้างโดย คอรี่ เร (Up, The Incredibles, Monsters, Inc.) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และในระบบ ดิสนีย์ ดิจิตอล 3 มิติ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2556   เกร็ดน่ารู้ Monsters University (3D)           • Monsters, Inc. เข้าฉายครั้งแรกในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2001 และถูกเสนอชื่อเข้าชิง 4 รางวัลออสการ์ : ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, และ เพลงดั้งเดิมยอดเยี่ยม - "อีฟ ไอ ดอนท์ แฮฟ ยู" ที่ได้รับรางวัลออสการ์ไปครอง           • Monsters University : มหา’ลัย มอนสเตอร์ จะเข้าฉายหลังจากที่ Monsters, Inc. เข้าฉายไปแล้วเกือบ 12 ปี           • บิลลี่ คริสตัล และ จอห์น กู๊ดแมน กลับมารับบทเดิม ในภาคปฐมบทนี้ เป็น ไมค์ วาซอว์สกี้ ผู้แสนฉลาดและเจ้าเล่ห์ กับ ซัลลี่ มอนสเตอร์ตัวใหญ่ใจดี           • Monsters University : มหา’ลัย มอนสเตอร์ ยังมีทั้งนักพากย์ชุดใหม่ที่เพิ่มเข้ามา และนักพากย์ชุดเก่าบางคนจาก Monsters, Inc.           ลงทะเบียนเรียนพร้อมกันในโรงภาพยนตร์ 8 สิงหาคมนี้   Create Date : 02 ธันวาคม 2555     0 comment Last Update : 2 ธันวาคม 2555 21:35:09 น.     Counter : 3745 Pageviews.   Share Tweet

โจวเหวินฟะ คืนฟอร์ม เจ้าพ่อเซียงไฮ้ บู๊ มันส์ ไม่กลัวเจ็บ! โจวเหวินฟะ อินบท โคตรเจ้าพ่อเซียงไฮ้ บู๊ มันส์ เดือด ไม่กลัวเจ็บ! ลั่น ขอคืนฟอร์ม นำหนังจีนกลับมากระหึ่มเวทีโลก ด้วยทุนสร้างทะลุ 640 ล้านบาท! ใน The Last Tycoon (มงคลภาพยนตร์)   มงคลภาพยนตร์ เตรียมนำ The Last Tycoon หนังประกาศศักดาของ โจวเหวินฟะ เข้าฉายในบ้านเราในวันที่ 24 มกราคม 2556 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นบทที่ โจวเหวินฟะ ประกาศว่า จะเป็นงานที่เขาตั้งใจที่จะให้กลับมาเป็นหนังสร้างชื่อให้กับวงการภาพยนตร์จีนอีกครั้ง The Last Tycoon ใช้ทุนสร้างสูงถึง 640 ล้านบาท หรือประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังเตรียมออกฉายทั้งในระบบดิจิตอล และไอแมกซ์ในประเทศจีน โดยการหมายมั่นปั้นมือของผู้สร้าง แอนดรูว์ เลา (ผู้สร้างผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ภาพยนตร์ไตรภาคชุด 2 คน 2 คม) ว่า The Last Tycoon จะเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ โจวเหวินฟะ ในรอบ 10 ปี เพราะบทที่เขาได้รับคือบทของ เจ้าพ่อผู้มีตัวตนอยู่จริง และรวบรวมเซียงไฮ้ให้เป็นปึกแผ่น ในยุคที่ แก๊งมาเฟียคือกฎหมายและเลือดเครื่องตัดสินว่าใครกันแน่ คือเจ้าพ่อตัวจริงของนครเซียงไฮ้ "การแสดงในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง นึกถึงสมัยแสดงภาพยนตร์ชุดทีวีบี แอนดรูว์ เลา ทำให้ แอคชั่น ใน เดอะ ลาส ไทคูน ดุเดือด เท่ สะใจ จนผมคิดว่ามันต้องถูกใจคนรุ่นใหม่แน่ ๆ " โจวเหวินฟะ พูดถึงบทที่เขาได้รับ  The Last Tycoon เป็นผลงานการกำกับของ หวังจิง ที่มี แอนดรูว์ เลา มานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง หนังไม่ได้มีเนื้อเรื่องเดียวกับ เจ้าพ่อเซียงไฮ้ ที่ทุกคนรู้จัก แต่จะเป็นงานที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของหัวหน้าแก๊งมาเฟียผู้เคยมีตัวตนอยู่จริง และสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาในเซียงไฮ้ระหว่างปี 1920s - 1930s โดยนอกจาก โจวเหวินฟะ แล้วหนังยังจะมี หงจินเป่า, อู๋เจิ่นอวี้ และ หวงเสี่ยวหมิง ร่วมแสดงด้วย  ซึ่ง หวงเสี่ยวหมิง นี่เองที่ทำให้ The Last Tycoon น่าสนใจขึ้นมาอีกระดับ เพราะเขาและโจวเหวินฟะ ต่างเคยแสดงเป็นตัวละคร "สวี่เหวินเฉียง" ใน "เจ้าพ่อเซียงไฮ้" ด้วยกันทั้งคู่ แต่เป็นคนละฉบับที่ฉายห่างกันอยู่ 27 ปี   The Last Tycoon  โจวเหวินฟะ รับบท โคตรเจ้าพ่อเซียงไฮ้ ผลงานกระหน่ำทุนสร้าง 640 ล้านบาท จาก แอนดรูว์ เลา ผู้สร้าง 2 คน 2 คม 24 มกราคม 2013 ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!! ขอขอบข้อมูลและภาพประกอบจาก   Create Date : 29 พฤศจิกายน 2555     0 comment Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 23:22:04 น.     Counter : 2913 Pageviews.   Share Tweet

แดน - วรเวช นำทีมนักแสดงบวงสรวง ฤดูที่ฉันเหงา เสี่ยเจียง ไฟเขียว แดน วรเวช บวงสรวง ฤดูที่ฉันเหงา เขียนบท-กำกับ!! (สหมงคลฟิล์ม)           ได้ฤกษ์บวงสรวงอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับฟ้าฝนที่โปรยปรายมาอย่างเป็นใจเข้ากับบรรยากาศของภาพยนตร์รักโรแมนติกคอมเมดี้ที่มีฝนเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง สำหรับ ฤดูที่ฉันเหงา ภาพยนตร์เรื่องที่สองผลงานการเขียนบท และกำกับภาพยนตร์โดย แดน วรเวช ดานุวงศ์ ที่งานนี้ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หัวเรือใหญ่ของค่ายสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล เปิดไฟเขียวผ่านตลอดให้หนุ่มแดนเตรียมพร้อมถ่ายทำรับหน้าหนาวต้นเดือนธันวาคมนี้ พร้อมได้ ปรัชญา ปิ่นแก้ว รับหน้าที่โปรดิวเซอร์           งานนี้จัดพิธีบวงสรวงที่บริษัทเลเซอร์แคท ของหนุ่มแดนเองในเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวนักแสดงนำจากภาพยนตร์ประกอบไปด้วยหนุ่ม โทนี่ รากแก่น พร้อมดัน แจ็ค แฟนฉัน (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ขึ้นแท่นพระเอก เป็นบทที่หนุ่มแดนตั้งใจเขียนมาเพื่อทั้งคู่ รวมทั้งเปิดตัว 3 นางเอกใหม่ถอดด้ามที่ประเดิมผลงานการแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นสาวเสียงหวานอย่าง แป้งโกะ (จินตนัดดา ลัมะกานนท์), นารา เทพนุภา และใบเตย (สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ) บรรยากาศงานบวงสรวงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเข้ากับอารมณ์ความโรแมนติกคอมเมดี้ของหนังรักที่งานนี้หนุ่มแดนตั้งใจเกินร้อย เพราะเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์เหมือนกับฝนและความรักที่มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นอกจากจะเขียนบท กำกับภาพยนตร์ด้วยตัวเองแล้วยังเขียนเพลง เลือกโลเคชั่นและคัดเลือกนักแสดงด้วยตัวเองอีก ซึ่งหนุ่มแดนเล่าถึงที่มาว่า... "ฤดูที่ฉันเหงาผมเป็นคนเลือกนักแสดงเองครับเริ่มจากทาบทามและเริ่มต้นพูดคุยกับทุกคนที่เรามองว่าเหมาะกับหนังตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มเขียนบทด้วยซ้ำครับว่าโอเคไหม อยากจะเล่นไหม ว่าเรามีบทแบบนี้พล็อตแบบนี้นะ แล้วพอทุกคนตอบตกลง ผมก็เริ่มเขียนตามคาแรคเตอร์ของพวกเขาครับ ก็ตอนเขียนบท ผมก็จะเขียนไปตามชื่อจริงของนักแสดงแต่ละคนด้วยซ้ำ เพื่อให้ได้ความรู้สึกของแต่ละคนแล้วค่อยมาเปลี่ยนชื่อทีหลัง สำหรับเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องราวความรักในหลาย ๆ มุมมองนะครับ เป็นความรักที่เราถ่ายทอดผ่านความรู้สึกที่เกี่ยวกับฝน อยู่ที่ว่าใครมีความรู้สึกแบบไหนกับฝน สมมติว่าดูไปแล้วฝนตกเรานึกถึงใคร รู้สึกอย่างไรกับความรักที่เกิดขึ้นในขณะนั้น แล้วอีกอย่างคือ ฝนมันตกได้ในทุกฤดูกาลก็เปรียบได้กับความรักที่เกิดได้ในทุกช่วงเวลาเหมือนกัน โดยที่ตัวเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องนี้ก็จะต้องมีการเปียก ๆ แฉะ ๆ กันเยอะหน่อย ต้องถ่ายกลางฝน ก็จะอยู่กลางฝนประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เรื่องราวมันจะเกี่ยวกับฝนเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าเราเอาฝนมาเป็นตัวดำเนินเรื่องของความรัก แทนความรู้สึกของทุก ๆ คน จริง ๆ ก็ถือว่าเป็นความรู้สึกของคนส่วนรวมด้วยครับที่มีความรู้สึกกับฟ้าฝนกับช่วงเวลานั้น ๆ จะเศร้าจะเหงาจะอะไร" ถึงดูจะเป็นหนังรักสบาย ๆ แต่งานนี้เหล่านักแสดงทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าก็ต้องมีการเวิร์คช็อปกันแบบเข้มข้นสุดฤทธิ์ แถมแอบกระซิบว่าบทที่แดนเขียนมาให้ทั้งยากและท้าทายทีเดียว โทนี่ : เรื่องนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวผมมาก ก็เป็นช่างตัดผมด้วย เล่นคู่กับแป้งโกะด้วย ก็จะมีการเวิร์คช็อปมากทีเดียว ก็จะค่อนข้างยาก เพราะแดนเขียนบทยาก ก็ต้องมีการเวิร์คช็อปมากหน่อย แป้งโกะ : ใช่ค่ะ พี่แดนบอกเวิร์คช็อปนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ ก็มีการเวิร์คช็อปไม่นิดนึงนะคะ (หัวเราะ) ก็หนักอยู่เหมือนกันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกด้วย นารา : ส่วนของหนูก็เล่นหนังเรื่องแรกเหมือนกันค่ะ มีการเวิร์คช็อปบ้างด้วย ก็หนักอยู่เหมือนกัน พี่แดนบอกว่าบทของนาราในเรื่องจะต้องเล่นเป็นเด็กใส ๆ แต่พี่แดนบอกว่าตัวจริงนาราซนมาก พี่แดนก็จะต้องดึงความใสของเราออกมาให้มากที่สุดค่ะ (หัวเราะ) แจ็ค : สำหรับผมแล้วเรื่องค่าตัวทีแรกก็ไม่ได้คุยครับ แค่พี่เขาให้โอกาสเราเป็นพระเอกก็ดีใจแล้วครับ (หัวเราะ) นี่ผมพยายามนิ่งอยู่นะครับ พยายามเตรียมตัวไว้ตลอดครับ เพราะต้องวางลุคส์ให้เป็นพระเอก แดน : ก็จะได้ดูปีหน้าแน่นอนครับ หลังจากบวงสรวงเสร็จก็จะเริ่มถ่ายทำกันธันวาคมนี้แล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แล้วก็มีความรักดี ๆ กันนะครับ ส่วนโปรแกรมฉายเห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝนต้องเข้าฉายในช่วงหน้าฝนรึเปล่า ไม่ครับ เรามองว่าจริง ๆ แล้วฝนโดยเฉพาะในเมืองไทยนี่มาได้ทุกฤดูเลยครับอย่างสงกรานต์จะเห็นว่ามีฝนตกอยู่เป็นประจำ ก็คิดว่าจะได้ดูกันประมาณต้นปีครับ "ฤดูที่ฉันเหงา" ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก    Create Date : 27 พฤศจิกายน 2555     0 comment Last Update : 27 พฤศจิกายน 2555 22:47:49 น.     Counter : 3391 Pageviews.   Share Tweet