ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

วิจารณ์หนัง หลวงพี่เท่ง 3 เลื่อมใส หรือ เสื่อมถอย



          คงต้องบอกเลยว่าหลวงพี่เท่งเวอร์ชั่นนี้ฮา จริง แต่ไม่ถึงกลับเขย่าโลกตามชื่อที่ตั้งไว้ (ชื่อเต็มๆ คือ หลวงพี่เท่ง3 รุ่น ฮา เขย่าโลก) หนังหลวงพี่เท่ง3 ตามที่ โน้ต เชิญยิ้ม หวังให้เป็นว่าเป็นหนังสำหรับครอบครัว แต่ทว่าคงลืมอะไรบางอย่าง สำหรับมุกตลกในเรื่อง ที่บางครั้งก็มีแทรกคำหยาบมาด้วย หรือว่ามุกตลกเหล่านี้หากไม่ใช้คำหยาบก็จะไม่ตลกกระนั้นหรือ?

          สำหรับหลวงพี่เท่ง 3 นี้ มี “น้อย วงพรู” มารับบท “พระน้อย” หนังเปิดเรื่องด้วยคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคนหน้าเหมือนทีมชิงร้อยฯ หม่ำ เท่ง โหน่ง ตุ๊กกี้ และ อุ๋ย บุดดาเบลส ที่แต่งหญิง กำลังเล่นตลก เรียกเสียงฮาให้กับบรรดาเสี่ยๆ ที่มาใช้บริการ มุกแรกนี้มีฮาบ้าง แต่ทว่าดูเหมือนว่าพอเห็นว่าตลกก็ปล่อยนาน จนกลายจากฮา มาเป็นความจืด และมาปิดฉากที่ “น้อย โพธิ์งาม” ที่รับบทแม่ของ “เซิร์ช” (ชื่อจริงคือประเสริฐ-รับบทโดย อุ๋ย บุดดาเบลส) มานั่งพร้อมกับเครื่องบายศรี เพื่อต้องการให้ลูกชายบวชเรียน (เอ่อ..เอาบายศรีเข้ามาให้คาเฟ่ย์เนี่ยนะ!!) และอุ๋ยบอกแม่ว่า จะบวชให้ (ทำให้รู้ว่าการแต่งหญิง ชายแท้ก็แต่งได้ เพื่อเลี้ยงปากท้อง เป็นแง่มุมที่นำเสนอให้คิดกับการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบัน)..และเมื่อถึงเวลาบวช มุกก็ถูกปล่อยมาอีกครั้งอย่างที่เห็นในหนังตัวอย่าง ที่อุ๋ยต้องถูกลงแป้งจนขาวโพลน ก็ไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็นการล้อเล่นกับศาสนาหรือเปล่า?

          กระทั่งถึงคราวแห่นาค ก็นำ “ซูซี่ ตีสิบ” มานำขบวนโห่ ซึ่งซูซี่มีบทบาทแค่นี้จริงๆ น้อยกว่า “ยายแหวว ตีสิบ” ที่ยังพอมีบทบาทคู่กับจตุรงค์ ม๊กจ๊ก กับการโต้คารมกันทุกเช้าเวลาใส่บาตรให้กับหลวงตาเชื่อม (ในเรื่องบอกว่า ยายแหวว เคยเป็นกิ๊กกับหลวงตา ซึ่งจตุรงค์ ก็ยังคงหึง แม้หลวงตาจะบวชแล้วก็ตาม ก็ยังมีการว่ากระทบกระเทียบ) ซึ่งถ้าจะดูกันจริงๆ แล้ว ทั้งซูซี่ ทั้งยายแหวว ความจริง ไม่จำเป็นเลยสำหรับในหนัง แต่น่าจะเพราะมาจากรายการตีสิบทั้งคู่ จึงเหมือนนำมาเพื่อปั่นกระแส กะให้ดังเหมือนโปงลางฯ (มั้ง)

          และระหว่างที่ เสริฐ บวชนี่เองที่ “น้อย วงพรู” มาเห็นจึงอยากบวชบ้าง กลายเป็นว่า ครั้งนี้มีพระบวชใหม่ 2 รูป คือ พระประเสริฐ หรือเจ้าตัวเรียกร้องให้เรียก พระ Search (เซิร์ช) และ พระน้อย

          ในช่วงของ พระน้อย การนำเสนอ ดูเหมือนจะสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมที่มีแต่ความแตกแยก มีแต่ปัญหาที่เป็นสาเหตุหลักๆ โดยเนื้อเรื่องกล่าวว่า พระน้อยเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์ที่เล่นคอนเสิร์ตที่ไหน ก็มีการทะเลาะกันที่นั่นแทบจะทุกครั้ง ทำให้พระน้อยเริ่มมองหาหนทางสู่ความสงบ จนกระทั่งหันมาสู่ร่มกาสาวพัตร์

          น้อย ขี่ช็อปเปอร์เข้ามา พร้อมกับขอหลวงตาเชื่อม (รับบทโดย เด๋อ ดอกสะเดา) ว่าต้องการบวช ในซีนนี้ก็มีการปะทะคารมกันระหว่างหลวงตา และ น้อย วงพรู เรียกเสียงฮาได้กำลังดี โดยไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด ในส่วนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ทำให้ตัวหนังดูมีคุณค่า ด้วยมุมภาพ ด้วยสาระที่ให้

          และทุกครั้งที่ พระน้อย เริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่ ด้วยคำสอนของหลวงตา “เด๋อ” ก็ทำให้พระน้อยค่อยๆ เกิดความรู้ ความสงบ และเริ่มผูกพันกับวัดที่ำำพำนักแห่งนี้

          โดยการดำเนินเรื่องสลับมาที่ เด็กวัด 2 คน (แจ๊ค แฟนฉัน และ เอ็ม บุดดาเบลส) ที่ทำตลกล้อเลียนหลวงตา ผู้ที่กำลังสอนเรื่องบาป-บุญ แต่ทั้ง 2 คน ฉลาดแกมโกงเหมือนศรีธนนชัย ที่นำคำสอนมาล้อเลียนหลวงตา และดูเหมือนหลวงตาเด๋อ ก็ยอมให้ล้อเลียนซะงั้น

          ในส่วนนี้ น่าจะพูดได้ว่า เป็นส่วนที่นำ แจ๊ค แฟนฉัน มาสร้างสีสัน ให้เกิดความสนุก ซึ่งพูดได้ว่าขำขำ แต่ทว่าก็คิดในใจว่า สิ่งเหล่านี้ ถูกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น การเพ้นท์ลายลงบนบาตรพระ, การพ่นสีลายกราฟิกลงบนกำแพงวัด หรือแม้กระทั่งการเพ้นท์สีลงบนหน้าตาของพระโยกเยก เข้าใจว่าจะให้เห็นขำ แต่ดูเหมือนว่าทำให้วงการผ้าเหลืองดูไม่มีความน่าเชื่อถือศรัทธา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเด็กวัด อย่างแจ๊คแฟนฉัน ถือโอกาสหัวเราะกับสิ่งที่ทำ และไม่รู้สำนึกในผิดบาป

          เรื่องราวดำเนินมาถึงครอบครัวคนจีนที่ร่ำรวย (รับบทโดย แอนนา ม๊กจ๊ก) ด้วยการตัดเศียรพระไปขาย และสิ่งที่ลูกค้าต้องการล่าสุดคือ เศียรของพระศิลาอ่อน พระประธานของวัด การวางแผนการจารกรรมเศียรพระจึงเกิดขึ้น ด้วยการสั่งลูกน้อง (เต๋อ, เต่า, จเร) และลูกสุดที่เลิฟ (โต้ง บุดดาเบลส) ให้ไปขโมยมาให้จงได้ โดยการแสดงในส่วนนี้ของทั้งหมดดูปัญญาอ่อนไปหน่อย คาดว่าเพราะผู้กำกับคงไม่อยากเน้นให้เป็นหนังซีเรียส แต่น่าจะให้มีความพอเหมาะพอดีอีกหน่อย อีกทั้ง การแปลงคำสอนทางพระพุทธศาสนา ศีล 5 ให้เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับคำสอนทุกข้อ ดูแบบไม่คิดมากก็สนุก แต่เมื่อดูแบบเชิงสร้างสรรค์คงต้องคิดว่าเหมาะแล้วหรือ? เพราะผู้กำกับ โน้ต พยายามพร่ำบอกตลอดเวลาว่า หนังของเขาทำมาเพื่อให้คนทั้งครอบครัวดูได้ แต่จะดีมั้ยถ้าจะพาเด็กเข้าไปดู กับความตลกที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ เพราะเด็กอาจจะจำและนำไปเป็นแบบอย่าง กลายเป็นมารศาสนา แทนที่จะเลื่อมใสในรสพระธรรมไปก็เป็นได้

          ภาพตัดสลับมารับกลุ่มเด็กนักเรียนที่มาวัดเพื่อมาถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับกิจของสงฆ์ แต่ดูเหมือนโผล่มาแค่ให้เนื้อเรื่องมีจำนวนชั่วโมงยาวขึ้นเท่านั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่าโดนตัดออกจากการเซ็นเซอร์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะน้องๆ เข้ามาแป๊บเดียวแล้วก็หายไป

          ในเรื่องยังคงใช้มุกเดิมที่น่าจะเป็นมุกที่สร้างความฮาได้ กับบทสวดของพราหมณ์ “อะปะติโถ อะปะติเถ ไชยา” ที่น่าจะยกความดีให้กับตัวแสดงทุกตัวในซีนนี้ เพราะเมื่อขึ้นบทสวด ทุกคนก็เต้นตามจังหวะได้พอเหมาะ แต่ทว่าน่าจะแค่หนเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะว่ามุกมันเป็นมุกซ้ำ แต่ในเรื่องนี้กลับนำมาเบิ้ลถึง 2 หน ทำให้ความสนุกแทนที่จะฮาก็กร่อยลงไป ยังไม่เพียงเท่านี้ยังมีตลกกาน่า มาร่วมซีนนี้ด้วย ซึ่งแรกๆดูแล้วเหมือนจะตลก แต่พอไปๆมาๆก็เข้าอีหรอบเดิม คือหยาบคาย ไม่มีความเคารพผู้สูงอายุกว่าเหมือนเคย

          และเมื่อหันมาดูทางด้านการแสดงของตัวละครทุกตัว เหมือนแต่ละตัวไม่มีความต่อเนื่องกัน ประหนึ่งว่าอยากให้คนนี้มาเจอคนนี้ ก็จับมาเจอกัน โดยไม่มีที่มาที่ไป แต่เมื่อมองแยกออกมาเป็นการแสดงของแต่ละคน ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ มีมุกก็ปล่อยมุกออกมาเท่าที่มี

          น่าจะบอกได้ว่าหนัง หลวงพี่เท่ง 3 เป็นการรวมตัวของนักแสดงเยอะมาก แต่ทว่าน่าเสียดายที่ความเยอะนั้น ไม่ได้ช่วยเติมเต็มช่องว่างของหนังให้สมบูรณ์ ถึงแม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาและความปรองดองมาเป็นที่ตั้ง ซึ่งดูจะเข้ากับกระแสสังคมในตอนนี้ แต่แปลกมันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกลึกซึ้งไปกับเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอนี้เลย

          และน่าเสียดาย “แอ๊ด คาราบาว” 1 ฉาก กับบัวลอย ที่ดูแล้วก็ไม่ได้ความรู้สึกเท่าที่ควร นอกจากขายสินค้า น่าจะให้มีอะไรมากกว่านี้ เพิ่มเนื้อหาในส่วนภููมิหลังความสัมพันธ์ของพระน้อยกับก๊วนฮาเล่ย์ให้มากขึ้น แล้วไปตัดส่วนที่เป็นตลกไม่จำเป็นออกจะดีกว่า

          หนัง หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮา เขย่าโลก ฮาแบบคาเฟ่ย์ ที่ล้อแม้กระทั่งพระ กระทั่งเจ้า ถึงคราวแล้วหรือยังที่หนังไทยควรจะหยุดในเรื่องคำตลกหยาบๆ เพราะดูยังไงยังไง มันก็ทำให้รู้สึกถึงความถดถอยของหนังที่ได้ชื่อว่า หลวงพี่เท่ง น่ะนะพี่โน้ต

          ขอบคุณบทวิจารณ์ ซายากะ โฮมส์-ดอยล์






Create Date : 24 สิงหาคม 2553
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 16:35:34 น. 1 comments
Counter : 1927 Pageviews.  

 
=========== //jorer.com =============

We specialized in the exportation of sport shoes and other products(clothing, bag,sunglasses,watches,belts,etc )which have great enjoyed popularty in the world market Many of our goods are on sales ,we can guarantee the crediblity by Pay-pal and delivery time .we would like to make a long termship.

1)Name : The perfect gift.
2)Grade : AAA+
3)Package : in original boxes
4)Color : various
5)MOQ : 1 pc
6)Payment : Pay-pal/Western Union / T/T /Moneygram
7)Ship-ping : 4-7 days with guarantee of customs clearance, drop shipp-ing is accepted to customers' demands
8)Who-lesale: very low price, you can make a small order first to test quality and service.


Online Contact . thank you.


โดย: jorercom IP: 121.205.252.112 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:19:02:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]