ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

สัมภาษณ์ ติ๊ก - เจษฎาภรณ์ จาก ยอดมนุษย์เงินเดือน

ยอดมนุษย์เงินเดือน

ยอดมนุษย์เงินเดือน


ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แปลงร่างเป็น มิสเตอร์เป๊ะแมน นำทีมลุยภารกิจพิชิตโบนัส ใน ยอดมนุษย์เงินเดือน
(สหมงคลฟิล์ม)

ยอดมนุษย์เงินเดือน

บทบาท-คาแรคเตอร์

          เรื่องนี้ผมรับบทเป็น "ปั้น" เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นคนที่ทำงานแบบมีแผนการในการดำเนินชีวิต เป็นคนมีระเบียบวินัย เอาจริงเอาจังในการทำงาน ผมให้ฉายาของปั้นว่าเป็น "มิสเตอร์เป๊ะแมน" คือการทำงานในทุก ๆ วัน จะเป็นเหมือนกับกิจวัตรที่ทำเหมือนกันทุก ๆ วัน จะดูคล้าย ๆ เป็นหุ่นยนต์ ตื่นนอนตอนเช้าออกกำลังกาย เปิดทีวีดูหุ้น เก็บของ อาบน้ำ ข้าวของทุกอย่างที่อยู่ในบ้านจะเรียงแบบมีระเบียบหมดเลย ขับรถไปทำงาน เข้างาน 9 โมง เลิก 5 โมงเย็น ปั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับการทำงาน แล้วต้องพาองค์กรไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ เพราะฉะนั้นปั้นเขาก็จะมีความตึงด้วยตัวเขาเอง มุ่งมั่นวางแผนเพื่ออนาคตทั้งวันนี้และวันข้างหน้า วันนี้ทำอะไร พรุ่งนี้ทำอะไรบ้าง เดือนหน้าเป็นแบบไหน เสาร์อาทิตย์นี้จะไปเที่ยวไหน ปีหน้าทำอะไร คือเขาเป็นคนแบบนี้ตลอด ต้องพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้ โดยที่บางครั้งทำงานจนลืมว่า ช่วงเวลามันผ่านไปขนาดไหน

          ในเรื่องก็จะดำเนินไป จนกระทั่งอยู่ ๆ ก็ต้องมาเจอกับ "หวาย" นางเอกของเรื่อง ผมมองว่าสำหรับในเรื่องนี้ ด้วยความที่ปั้นเป็นคนที่ตึงเกินไป ส่วนหวายเป็นคนที่หย่อนมากเกินไป แน่นอนครับในการที่เรามาเจอกัน มันรู้สึกว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิงด้วยตัวละครของมัน หวายก็เป็นเด็กฝาก ไม่ได้ถนัดในเรื่องงานออฟฟิศอยู่แล้ว ตัวเองก็ชอบที่จะทำงานอิสระ ซึ่งไม่ตรงตามที่เขาต้องการและไม่ตรงตามสายงานของเขาเลย ซึ่งปั้นต้องการคนที่มาทำงานให้เขาแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ว่าหวายไม่ใช่ แต่ว่าบางครั้งเส้นในการดำเนินเรื่อง มันจะบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ในการผสมผสานในตัวละครมันทำให้ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ปั้นก็ได้เรียนรู้จากหวายว่าความเป็นจริงแล้วในการทำงานต่าง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องตึงมากขนาดนี้ก็ได้ คุณจะรีแล็กซ์บ้างก็ได้ คุณมีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างก็ได้ แต่ว่าคุณอย่าตึงมากไป และควรเดินทางสายกลาง เช่นเดียวกับปั้น ซึ่งกำลังจะบอกหวายว่า ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แบบนี้ โดยไม่มีแบบแผนในชีวิต ต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ในชีวิตบ้าง มีการวางแผนไว้บ้างว่าคุณอยากจะทำอะไรในชีวิตประจำวันของเราและก็ในอนาคตอยากจะเป็นแบบไหน ซึ่งเป็นการสอนซึ่งกันและกัน ให้ทั้ง 2 คนปรับเข้าหากัน ผมว่ามันเป็นสองขั้วที่มาผสมผสานกันแล้วทำให้เกิดความสนุกในเรื่องนี้

ยอดมนุษย์เงินเดือน

เป็นอีกคาแรคเตอร์นี้ที่ไม่เคยแสดงมาก่อน


          จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยรับบทแบบนี้เลยนะครับ แตกต่างโดยสิ้นเชิง มันเป็นความแปลกใหม่สำหรับผม เราไม่เคยมองเห็นภาพว่า เราจะไปทำงานอยู่ในออฟฟิศได้แบบไหน ถ้าเกิดเราไม่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ คือในเรื่องนี้เราก็มองว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นอยู่แล้ว และในเรื่องนี้มันมีความพิเศษอยู่ว่า เราได้มาเป็นคน ๆ หนึ่งที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในออฟฟิศจริง ๆ แต่งตัวเหมือนคนทำงานออฟฟิศ ใช้ภาษาเหมือนคนทำงานออฟฟิศแบบเนี่ยครับ ในเรื่องที่ผ่าน ๆ มาไม่ได้สัมผัสตรงนี้

ความยากง่ายในการแสดงบทนี้

          ถ้าผมมาพูด ณ วันนี้ ผมจะบอกว่าไม่ยาก แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงเริ่มแรกที่เราเล่น มันค่อนข้างจะยากมากสำหรับผม ผมนึกไม่ออกครับว่าคนทำงานออฟฟิศเป็นยังไง รู้แต่ว่าทำงานเช้าเลิกเย็น มีโอทีด้วย แต่ในทุก ๆ วันต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เราจะต้องเห็นทุก ๆ วัน ซ้ำซากจำเจ อยู่ในคอกห้องแอร์ นั่งโต๊ะทำงาน เป็นอย่างนี้ทุก ๆ วัน เรารู้สึกว่า มันยากสำหรับเราที่จะทำความเข้าใจกับมัน แต่เนื่องจากว่าเราจะต้องเรียนรู้จากบทให้ได้เยอะ ๆ คุยกับผู้กำกับให้ได้มากที่สุด และพยายามสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา เพื่อนเรา หรือช่วงที่เราเดินทางอยู่ในเมือง และสังเกตว่าคนที่ทำงานในออฟฟิศ เขามีชีวิตประจำวันแบบไหน วิธีการพูด พูดยังไง เพราะว่ามันมีศัพท์ต่าง ๆ แต่ละองค์กรที่เขาใช้ หรือว่าในการทำงานเวลาที่ลำดับขั้นตอนของลำดับขั้นในองค์กรต่าง ๆ ก็มาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ได้ ผมว่ามันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของเราที่มีโอกาสได้มาสัมผัส ซึ่ง ณ ตอนนั้นยาก แต่ตอนนี้แล้ว มันได้มีโอกาสได้เรียนรู้มาเยอะพอสมควร ก็เริ่มดีขึ้นครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?

          ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ก็คือคนที่มีชีวิตทุก ๆ วันแบบคนทำงานเงินเดือน คือในความเข้าใจของผม คือคนที่ทำงาน 9 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทุก ๆ คนมีความสุขในเย็นวันศุกร์ และมีความทุกข์ทุกครั้งในเย็นวันอาทิตย์ ภายในองค์กรของคนที่มนุษย์เงินเดือนมันก็จะมีหลายรูปแบบ เจ้านายที่เอาแต่ใจตัวเอง หัวหน้าที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่งลูกน้องที่ไม่เคยไปดูว่างานตัวเองเป็นแบบไหนหรือว่าต้องการงานแค่ให้ผ่านเท่านั้นเอง คนที่เป็นเลขาฯ คอยรับใช้เจ้านายตั้งแต่เรื่องงานจนถึงเรื่องส่วนตัวโดยที่ตัวเองไม่มีวันหยุดอะไรแบบนี้ คนที่จับกลุ่มเม้าท์คอยนินทาเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย หรือแม่บ้านที่มักจะชอบเอาของใช้บางอย่างในออฟฟิศไปใช้ที่บ้านบ้าง เอาการบ้านลูกมาถ่ายเอกสารที่ออฟฟิศ คนที่ทำงานแบบไม่สนใจคนอื่น ตึงจนเกินไป คนที่รักองค์กรมากที่จะคอยช่วยองค์กรในการประหยัดน้ำประหยัดไฟประหยัดพลังงานทุก ๆ อย่าง เพื่อจะได้รับรางวัล เอารางวัลเป็นที่ตั้ง แต่สุดท้ายทุกคนพอถึงสิ้นเดือนก็รับเงินเดือน และก็พยายามทำงานให้ดีที่สุด ให้เป็นไปตามเป้าหมายหรือตามนโยบายของบริษัท เพื่อสิ้นปีจะได้โบนัส

ซึ่งเรื่องนี้จุดหักเหมันอยู่ที่ว่า มันเกิดเหตุการณ์ที่จะต้องทำโปรเจคท์หนึ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด ก็คือมีเวลาจำกัดแค่ช่วงปลายปี ทุก ๆ คนก็ต้องมาร่วมหัวจมท้ายกัน โดยมีปั้นเป็นหัวหน้าที่จะคอยพาทีมพาลูกน้องทุกคน ก้าวไปสู่ความสำเร็จของพวกเรา และสิ่งที่สำคัญก็คือ "โบนัส" คือทุกอย่างทำเพื่อแบบนี้ มันก็จะเกิดเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ ทั้ง ๆ ที่จะไปได้หรือเปล่า คนหนึ่งมีปัญหา คนนั้นก็มีปัญหา ปั้นก็จะเป็นคนที่จะทำให้ทุก ๆ คนมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งถามว่าปั้นรักทุกคนไหม ปั้นอาจจะไม่ได้รักทุกคนหรอก แต่ปั้นต้องการที่จะทำให้งานสำเร็จ ปั้นต้องการที่จะทำให้ทุก ๆ คน สามารถที่จะทำงานให้ปั้นได้ ก็เพื่อโบนัสปลายปี เพื่อที่จะให้เจ้านายเห็นผลงานของเรา

         ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นคาแรคเตอร์ตัวละครแต่ละตัวที่มีอยู่จริงในทุก ๆ ออฟฟิศที่ต่างก็มีความต้องการ ความหวัง ความฝันที่แตกต่างกันไป และจะทำให้คิดต่อไปได้ว่าพวกมนุษย์เงินเดือนนั้นมี "เงิน" เป็นเหตุผลเดียวจริง ๆ หรือที่ทำให้พวกเขายังมาทำงานกัน คือผมมองว่า มันเป็นเรียลิสติกที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในการทำงานในสังคมของบ้านเรานะครับ ในตัวละครต่าง ๆ มันก็มีตัวตนจริง ๆ นี่คือตัวอย่างของหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรียลิสติก คนที่ทำงานออฟฟิศจะเข้าใจดีเลย

ยอดมนุษย์เงินเดือน

ยอดมนุษย์เงินเดือน

การร่วมงานกับนางเอกใหม่

          ต้องย้อนกลับไปถึงผู้กำกับฯ เขาคัดเลือกนักแสดงได้เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ในเรื่องมาก ด้วยแบ็คกราวด์ของ น้องโบ (ณัฐชลัยย์ สุขะมงคล) เขาก็เหมือนทำงานอยู่ในแวดวงนี้ เพราะด้วยสายงานของเขาคือครีเอทีฟ อยู่ในบริษัทเอเจนซี่ ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน และน่าจะมองเห็นภาพของมนุษย์เงินเดือน ในขณะเดียวกันน่าจะได้เห็นภาพของทางด้านการแสดงหรือวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นการที่น้องเขาเข้ามาและได้มาปรับการเรียนรู้เรียนการแสดงกับคุณครู และการเข้าแสดงกับผม สำหรับคนอื่นอาจมองว่าเป็นนางเอกใหม่ แต่สำหรับผมมองว่าในเรื่องของการแสดงน้องเขาทำได้ดีทีเดียว แล้วก็ไม่เชื่อเลยว่าเป็นเรื่องแรกของเขา แต่จริง ๆ ก็เป็นเรื่องแรกนะ ถือว่าในการเตรียมตัว แคสติ้ง ความพร้อมของเขา ความใส่ใจ ตั้งใจของเขาเนี่ย มันเต็มร้อยอยู่แล้ว มาบวกกับคาแรคเตอร์กวน ๆ และเรื่องราวป่วน ๆ ในเรื่องนี้แล้ว มันส่งผลให้เวลาเขาเล่นแล้วมันน่ารัก และสามารถไปได้ดีด้วยซ้ำไป

ยอดมนุษย์เงินเดือน

การร่วมงานกับผู้กำกับ

          เราได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันมาก่อนในซิตคอมเรื่อง รักริทึ่ม ซึ่งเราเองก็รู้สึกว่าได้กลับมาทำงานกับคนที่เรารู้จักกันมาก่อน ทีมงานส่วนใหญ่ก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็เป็นสิ่งที่มันง่ายขึ้น ผมว่า โจ้ (วิรัตน์ เฮงคงดี) ผู้กำกับ เขาก็เป็นคนที่มองอะไรในแบบบวก ๆ คิดอะไรที่แบบเนียน ๆ โอเคล่ะ ถึงเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกของเขา ผมก็ดีใจที่ได้เห็นผู้กำกับหน้าใหม่ขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เราถือว่าพอมาทำงาน อะไรที่เป็นสิ่งใหม่ ๆ เราทุกคนก็ใหม่เท่ากันหมด ก็ดีครับ ได้โจ้มาทำงาน เพราะว่าเราเคยได้ทำงานร่วมกัน และรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยครับ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนน่าจะนำพาหนังเรื่องนี้ไปได้ และสามารถทำให้คนดูประทับใจได้ไม่มากก็น้อยครับ

ยอดมนุษย์เงินเดือน

บรรยากาศในการถ่ายทำเรื่องนี้

          สนุกดีนะครับสำหรับการถ่ายทำและทีมนักแสดงเรื่องนี้ ผมว่าบรรยากาศดีมากเลย ทุกคนตลก มีไม่ตลกอยู่ก็ตรงที่ผมอยู่ในฉากนี่แหละ ปั้นไม่รู้จะเครียดไปไหน บางครั้งผมเองเห็นบทของคนอื่น ๆ ผมยังรู้สึกว่าอยากเล่นบทนั้นจังเลย อยากเล่นบทนี้จังเลย เราอยากจะเล่นตลก ๆ บ้าง แต่ในเมื่อถูกวางตัวแบบนี้มาแล้ว ต้องเป็นคนคุมองค์กร ต้องยอมรับกับมัน แต่จริง ๆ แล้วบรรยากาศสนุกครับ เรื่องนี้นักแสดงผู้หญิงเยอะ และจะเห็นเลยว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มีกระเพาะอาหารใหญ่กว่าเพศชาย กินทั้งวัน ผมยังแปลกใจและถามอยู่ตลอดเวลา เมื่อกี้เห็นกินแล้วนี่กินอีกแล้วเหรอ เขาบอกกินได้เรื่อย ๆ กินได้ทั้งวัน ผมก็บอกกินได้เยอะ ๆ แต่ยังหุ่นดีอยู่นะครับ กินไปเม้าท์ไปเป็นสาวออฟฟิศตัวจริงเลย (หัวเราะ)

โลเคชั่นการถ่ายทำ


          สำหรับโลเคชั่นเรื่องนี้ก็สมชื่อมนุษย์เงินเดือนครับ ส่วนใหญ่จะเซตฉากถ่ายทำกันในออฟฟิศเป็นหลัก เพราะเรื่องส่วนใหญ่มันเกิดในออฟฟิศ ถ่ายกันตามสถานที่จริง ๆ เป็นตึกกดลิฟต์ขึ้นไปทำงานเป็นออฟฟิศเปิดแอร์เย็น ๆ มีเป็นคอก ๆ มีโต๊ะทำงานของแต่ละคน ทุก ๆ อย่างมันอาจจะตื่นตาตื่นใจสำหรับผม เพราะผมไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ ไม่เคยนั่งทำงานแบบนี้มาก่อน ผมก็เลยอาจจะเข้าใจว่า คนที่เริ่มได้มีโอกาสมาทำงานออฟฟิศ เขาน่าจะแฮปปี้กับการนั่งทำงานออฟฟิศนะ เพราะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา มีบรรยากาศทำงานดี ๆ อยู่บนตึกสูง ๆ มองลงมาก็เห็นวิวเมือง ตึกต่าง ๆ เพื่อนบ้านเต็มไปหมด วิวสุดแม่น้ำเจ้าพระยา ผมว่าแรก ๆ คนอาจจะรู้สึกแบบนี้ ตื่นตาตื่นใจ และทุก ๆ วันก็จะเป็นการทำงานที่ดูแตกต่างจากการที่เราอยู่ที่บ้าน แล้วก็จะมีการกระจายไปถ่ายตามที่ต่าง ๆ ด้วย ตามแบ็คกราวด์คาแรคเตอร์แต่ละตัวเพื่อให้เห็นปูมหลังชัด ๆ

          นอกจากนี้ฉากใหญ่ ๆ นอกสถานที่ก็จะไปถ่ายที่เขาใหญ่ บริเวณแถว ๆ พื้นที่ของเขาใหญ่ เพราะในเรื่องถึงคราวที่ปั้นจะต้องลุยเอง เราจะต้องไปหาวัตถุดิบที่เราจะต้องผลิต การไปดูสถานที่จริงเป็นบรรยากาศที่นอกเหนือจากบรรยากาศที่เราเห็นในออฟฟิศแล้ว เราจะได้เห็นบรรยากาศของธรรมชาติด้วย

          ถ้าเป็นชีวิตของปั้นมันก็เหมือนกับได้เปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง มันเหมือนได้รีแล็กซ์กันมากขึ้น คือได้ไปปลดปล่อย คือด้วยตัวของปั้นเองไม่เคยได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติต่างจังหวัดเลยด้วยซ้ำ คืออยู่กับการทำงาน รถติด รถไฟฟ้า ขับรถไปทำงานออฟฟิศ ขึ้นลิฟต์ เข้าห้อง การได้ไปเขาใหญ่เนี่ย มันได้เปลี่ยนโลกทัศน์ไปอีกแบบหนึ่ง มันได้เปลี่ยนชีวิต ได้เห็นถึงคนบางคน อย่างนางเอกรูปลักษณ์ต่าง ๆ ที่เขาได้ไปอยู่ในที่ ๆ เหมาะสมกับเขา มันทำให้เราได้เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสได้เรียนรู้และเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น และส่วนตัวในชีวิตจริงผมเองการได้ไปถ่ายทำที่เขาใหญ่ ผมชอบอยู่แล้ว ได้ไปเห็นภูเขา ต้นไม้ ของโปรดเลยครับ

ยอดมนุษย์เงินเดือน

ความน่าสนใจและเสน่ห์โดยรวมของเรื่องนี้

          ผมว่าหนังเรื่องนี้มีมุมมองอะไรใหม่ ๆ คนที่ทำงานออฟฟิศเมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้วจะยิ้ม ๆ และจะหันมามองตัวเอง และเพื่อนรอบ ๆ ตัว เพราะว่ามันจะมีส่วนคล้ายส่วนเหมือนในองค์กรของตัวเองอยู่แล้ว ในทางกลับกัน พวกที่ไม่ได้ทำงานในออฟฟิศก็จะเข้าใจคนที่ทำงานในออฟฟิศมากขึ้น แล้วในหนังเรื่องนี้ มันมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งคอมเมดี้ ดราม่า รวมทั้งบรรยากาศดี ๆ โรแมนติกบ้าง และผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่คิดว่าองค์กรอื่นหรือบริษัทอื่นดูน่าอยู่กว่าบริษัทของตัวเอง ไอ้คนอื่นก็จะมองว่าของเราน่าอยู่กว่าบริษัทเขา เช่นเดียวกันกับที่ว่าสนามหญ้าหน้าบ้านคนอื่นสวยกว่าสนามหญ้าหน้าบ้านเรา ทุก ๆ คนจะเห็นแบบนี้หมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเรามองให้ลึกกว่าเดิม ไม่แน่ครับว่าในบ้านของเราหรือในองค์กรของเราเองอาจจะน่าอยู่กว่าของใครไหน ๆ ก็ได้ และเราก็จะได้รับความสนุกสนานจากหลากหลายคาแรคเตอร์ในเรื่องที่มันต้องมีอย่างน้อย ๆ คนหนึ่งล่ะที่เหมือนกับคนในออฟฟิศตัวเอง หรือไม่ก็อาจจะเหมือนกับตัวเราเองเลยก็ได้

          เป็นหนังที่ดูแล้วก็จะได้แง่คิดอีกมุมหนึ่งของการใช้ชีวิตนะครับ จะเป็นอะไรที่เบา ๆ สบาย ๆ เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของหนังไทยที่จะทำให้คุณได้ผ่อนคลาย ดูแล้วก็จะคิดได้ว่าความจริงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในหนังเหล่านี้เนี่ย ล้วนแล้วเราเคยสัมผัสมาบ้างไม่มากก็น้อย มันขึ้นอยู่กับว่าเราเคยสังเกตคนต่าง ๆ  ที่อยู่ในองค์กรเราหรือเปล่า ลองมาดูเรื่อง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" เรื่องนี้กันครับ แล้วคุณจะเข้าใจคำว่ามนุษย์เงินเดือนได้อย่างดีขึ้น ซึ่งผมก็หวังว่าทุก ๆ คนจะดูไปยิ้มไปและมีความสุขกับหนังเรื่องนี้กันครับ

นิยามคำว่า มนุษย์เงินเดือน

นิยามของผมต่อคำนี้ก็คือคนที่ทำงาน 9 โมงเลิก 5 โมงเย็น มีโอที ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ บางเสาร์หรือบางอาทิตย์ก็ต้องไปทำงานบ้าง ถึงสิ้นเดือนรับเงินเดือน ถึงปลายปีรับโบนัสอะไรต่าง ๆ เหล่านี้นะครับ ความเป็นมนุษย์เงินเดือนมีระดับต่าง ๆ ของแต่ละองค์กร ความเป็นมนุษย์เงินเดือนทุกคนมักจะมีความสุขทุกครั้งที่มีวันหยุด แล้วเราก็จะคิดว่าวันหยุดเราจะทำอะไรดี เราอยากจะไปเที่ยวไหน และในทุก ๆ ครั้งที่หมดวันหยุด เราจะรู้สึกว่าเราจะต้องไปต่อสู้กับงานในวันพรุ่งนี้ต่อไป เราจะเบื่อกับรถติด คนที่นั่งรถเมล์ไปทำงานต้องออกมายืนรอรถเมล์นอกป้าย รถจอดบ้างไม่จอดบ้างต้องคอยลุ้น ต้องตื่นก่อนเวลาที่เป็นจริงที่ต้องไปทำงาน เพราะต้องเผื่อเวลา นี่แหละคนที่มาทำงานในเมืองแบบนี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าผมอาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ อันนี้ต้องยกเครดิตและก็ชื่นชมกับคนที่สามารถทำงานในออฟฟิศหรือเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยซ้ำไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราสนุกและรู้จักใช้ชีวิตทำงานรูปแบบนี้ของเราอย่างเต็มที่ มันก็ถือว่าเราได้ "โบนัสชีวิต" ของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนะครับ






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 8:27:20 น. 0 comments
Counter : 3793 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]