ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

9 สิ่งที่ควรรู้ ก่อนดู Captain America












เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก captainamerica.marvel.com

กระแสกำลังมาแรงใช่เล่นทีเดียวสำหรับภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนอย่าง "กัปตันอเมริกา" (Captain America) ที่เคยครองใจมหาชนชาวอเมริกันมาอย่างท้วมถ้น ด้วยการเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยปกป้องโลกให้พ้นจากมหันตภัยร้ายแรงต่าง ๆ มากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อให้คุณได้ชม Captain America อย่างได้เข้าใจและเข้าถึงอรรถรสมากยิ่งขึ้น คุณเอริค ไอเซนเบิร์ก จากเว็บไซต์ Cinemablend.com ได้แนะนำ 9 สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับชมภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวละครและสิ่งของต่าง ๆ ของเรื่องเอาไว้ ทั้ง 9 ข้อจะมีอะไรบ้างนั้น และจะเพิ่มสีสันให้คุณในการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากน้อยขนาดไหน มาลองดูกัน...

1. ไฮดร้า (Hydra)

นี่คือชื่อขององค์กรร้ายซึ่งเป็นสมุนของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำกองทัพนาซี ซึ่งปกครองโดย เรด สกัลล์ (The Red Skull) ปีศาจกะโหลกแดง ที่มีจุดประสงค์ในการปล่อยจรวดโจมตีพันธมิตรของอเมริกา องกรค์ไฮดร้านี้ นับว่าเป็นตัวการสำคัญที่ก่อสงครามขึ้นในทวีปยุโรป จนลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สองไปในที่สุด

2. อาร์นิม โซล่า (Arnim Zola)

อาร์นิม โซล่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ประดิษฐ์อาวุธต่าง ๆ มากมายให้กับองกรค์ไฮดร้า เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความชำนาญในเรื่องของพลังงานและสารเคมีมากเป็นพิเศษ นอกจากน้นแล้ว เขายังถือเป็นบุคคลที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของไฮดร้าเลยก็ว่าได้ เพราะอาวุธต่าง ๆ ที่เขาคิดประดิษฐ์ขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังและมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก

3. ลูกบาศก์ทรงพลัง (The Cosmic Cube)

เจ้าก้อนรูปทรงเหลี่ยม ๆ นี้ไม่ได้เป็นเพียงลูกบาศก์ธรรมดา ๆ แต่อย่างใด แต่มันคือวัตถุพิเศษที่มีความสามารถในการเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ ให้เป็นอย่างที่ผู้ครอบครองต้องการได้อย่างสมใจนึก นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว เจ้าลูกบาศก์ที่ว่านี้ยังอยู่ในมือของฝ่าย เรด สกัลล์ อีกด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าความอันตราย เรื่องร้าย ๆ หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เพิ่มที่จะเกิดขึ้นแบบทวีคูณได้ทุกเวลา

4. เซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ (Super Soldier Serum)

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยายศาสตร์ที่สุดยอดอีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นผลงานของ ดร. อับบราฮัม เออร์สกีน ด้วยการคิดค้นเซรุ่ม "ซูเปอร์โซลเยอร์" เซรุ่มสำคัญที่ทำให้ "สตีฟ โรเจอร์ส" กลายเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบ มีพละกำลังแข็งแกร่งเกินกว่าใคร ๆ พร้อมด้วยอำนาจพลังการต่อสู้ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองทัพไหน ๆ และเป็นตัวช่วยในการทำสงครามกับ เรด สกัลล์ อีกด้วย

5. โฮเวิร์ด สตาร์ค (Howard Stark)

นี่คือชื่อของนักประดิษฐ์คนสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางในด้านการวิจัยเกี่ยวกับยุทธวิธีทางวิทยาศาสตร์และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาโครงการลับ "Operation Rebirth" โปรเจ็คท์ที่ทดลองเกี่ยวกับการสร้างสุดยอดทหารของกองทัพสหรัฐฯ จนสามารถสร้างกัปตันอเมริกาได้เป็นผลสำเร็จ

6. สารไวเบรเนี่ยม (Vibranium)

โล่ของกัปตันอเมริกาที่เห็นอยู่นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่โล่ที่สามารถป้องกันการกระแทกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากแต่เจ้าโล่นี้ทำมาจากสารไวเบรเนี่ยมที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างไม่มีสิ้นสุด เมื่อได้รับแรงกดดันหรือแรงกระแทก มีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กชนิดอื่น ๆ แต่มีน้ำหนักที่เบามาก ๆ มีการถ่ายโอนแรงสั่นสะเทือนได้ ทำให้กระสุนที่พุ่งเข้าใส่ก็จะเหมือนเพียงแค่ปุยนุ่นกระทบเท่านั้นเอง

7. หน่วยรบพิเศษ (Howling Commandos)

แน่นอนว่ากัปตันอเมริกาไม่ได้ออกรบแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หากแต่เขายังมีเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกลางสมรภูมิรบร่วมด้วย นั่นก็คือหน่วยรบพิเศษในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทุกคนที่อยู่ในหน่วยรบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชำนาญด้านการต่อสู้จากทั่วทุกมุมโลกและมีเป้าหมายร่วมกันกับกัปตันอเมริกาในการโค่นล้มองกรค์ไฮดร้า และเรด สกัลล์

8. หน่วยลับชิลด์ (S.H.I.E.L.D.)

หน่วยลับชิลด์จัดเป็นหน่วยงานสำคัญที่ทำให้เกิดโครงการลับ "Operation Rebirth" ขึ้นมา มีชื่อเต็ม ๆ ว่า "Strategic Homeland Intervention, Enforcement and Logistics Division" มีลักษณะการทำงานกับหน่วยซีไอเอ (C.I.A.) มีฐานบัญชาการที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และเป็นที่ซึ่งผลิตโล่ของกัปตันอเมริกาที่ทำมาจากสารไวเบรเนี่ยมอีกด้วย แถมยังมีอำนาจในการใช้พลังจากนอกโลกอีกต่างหาก ถือได้ว่าเป็นหน่วยที่ทรงพลังที่สุดหน่วยงานหนึ่งของโลกก็ว่าได้

9. นิค ฟิวรี่ (Nick Fury)

เขาคือหัวหน้าของหน่วยลับชิลด์ที่มีความจริงจังกับการปกป้องโลกมากเป็นที่สุด เป็นบุคคลสำคัญที่คอยนำพลังงานอันมากมายมหาศาลที่อยู่บนดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในจักรวาลมาใช้กับทางหน่วย รวมถึงตัวของกัปตันอเมริกาเองด้วย


ตัวละครและสิ่งของต่าง ๆ ของเรื่องทั้ง 9 ข้อที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับการดำเนินเรื่องที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นแล้วการที่คุณได้รู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรนั้น ก็จะช่วยให้คุณเข้าใจและเข้าถึงอรรถรสในระหว่างการรับชม Captain America ได้มากยิ่งขึ้น ส่วนฉากต่อสู้และความอลังการต่าง ๆ จะตื่นเต้นและเร้าใจมากน้อยขนาดไหน เชิญพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองได้ 28 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ !!




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 27 กรกฎาคม 2554 8:20:39 น.   
Counter : 2212 Pageviews.  

คลิป สปอย แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพลงแปลง คนที่คุณก็รู้ว่าใคร




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 26 กรกฎาคม 2554 7:48:54 น.   
Counter : 1282 Pageviews.  

เผยโฉม ลิลี่ คอลลินส์ สโนว์ไวท์คนล่าสุด

Untitled Snow White



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก EW.com, lily-collins.org

"อันไตเติ้ล สโนว์ ไวท์" (Untitled Snow White) โปรเจ็คใหม่จากค่าย รีเลทิวิตี้ มีเดีย (Relativity Media) ที่กำลังถ่ายทำ และมีกำหนดลงโรงในวันที่ 16 มีนาคม ปีหน้า เปิดตัวนางเอกสาว "ลิลี่ คอลลินส์" นักแสดงสาวสัญชาติอังกฤษอเมริกัน วัย 22 ปี ลูกสาวของนักดนตรีชื่อดัง ฟิล คอลลินส์ กับภรรยาคนที่สอง ที่จะมารับบท สโนว์ไวท์ เจ้าหญิงสาวแสนสวยที่มีผิวพรรณผุดผ่องราวกับหิมะ

โดยโปรเจคภาพยนตร์นี้ดัดแปลงมาจากเทพนิยายของสองพี่น้องตระกูลกริมส์ "สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด" เจ้าหญิงที่แสนบริสุทธ์และอ่อนโยน กลับต้องหลับใหลเพราะแอปเปิ้ลอาบยาพิษจากราชินีใจร้าย และรอคอยจุมพิตจากเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่สโนว์ไวท์ในโปรเจ็คล่าสุดของรีเลทิวิตี้ มีเดีย นี้ จะปรับบทของสโนไวท์ให้สมจริง ไม่ใช่แค่สวยใส แต่ยังสู้คนไม่ยอมถูกรังแกแต่ฝ่ายเดียว ในหนังภาคนี้เราจึงจะได้เห็น สโนว์ไวท์ ในคราบของ ลิลี่ คอลลินส์ ลุกขึ้นมาตอบโต้กับราชีนิใจร้ายด้วยล่ะ

นอกจากจะได้ ลิลี่ คอลลินส์ มารับบทเป็น สโนไวท์แล้ว ยังได้นักแสดงยิ้งกว้างอย่าง จูเลีย โรเบิร์ต มารับบทราชินีใจร้าย และหนุ่มหล่อ อาร์มี่ แฮมเมอร์ จาก "เดอะ โซเชียล เน็ตเวิร์ก" (The Social Network) มารับบทเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวอีกด้วย

เรื่องราวของของสโนว์ไวท์ยุคใหม่จะเป็นเช่นไร คงต้องรอชมในเดือนมีนาคมปีหน้านะจ๊ะ

Lily Collins

Lily Collins

Lily Collins




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 25 กรกฎาคม 2554 7:59:33 น.   
Counter : 4394 Pageviews.  

15 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่ทุกคนควรดู





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ Gone With The Wind, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ The Godfather, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ Fight Club, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ The Matrix, movieposterdb.com

ภาพยนตร์บนโลกใบนี้มีอยู่มากมาย ต่อให้ใช้เวลากันเป็นปีเพื่อมานั่งดู ก็เชื่อว่าดูกันไม่ครบอย่างแน่นอน แต่จะมีสักกี่เรื่องกัน ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับคุณได้อย่างชนิดที่ว่า ดูอีกกี่ร้อยรอบก็ไม่มีวันเบื่อ และด้วยเหตุนี้เองทางเว็บไซต์ Mensvanity.com จึงได้รวบรวมเอา 15 ภาพยนตร์คุณภาพ ที่มีความยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของผู้กำกับ นักแสดง การผูกเรื่อง และอื่น ๆ อีกสารพัด ที่หากคุณมีโอกาสเมื่อไหร่ ต้องหามาชมให้ได้ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าทั้ง 15 เรื่องนั้นจะมีเรื่องใดบ้าง และจะโดนใจคุณมากน้อยขนาดไหน ตามมาดูกันเลย...


Gone With the Wind


1. Gone With the Wind

ชื่อของ สคาร์เล็ทท์ โอ ฮารา และ เร็ทท์ บัทเลอร์ รวมทั้งบทบาทที่ประทับใจของ วิเวียน ลีห์ กับ คลาร์ค เกเปิล เหล่านักแสดงยุคบุกเบิกของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ถือเป็นที่จดจำกับผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ มาร์กาเร็ท มิทเชลล์ (Margaret Mitchell) กับเรื่องราวของสาวน้อยธิดาเจ้าของไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ผู้มีชีวิตแสนสุขสบายมีผู้ชายหลงใหลในความงามของเธออย่างมากมาย แต่แล้วชีวิตของเธอต้องพลิกผันไปอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้น ทำให้ชีวิตเธอต้องเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย






2. It’s a Wonderful Life

เป็นภาพยนตร์แนวชีวิตอีกเรื่องหนึ่งที่ชาวอเมริกันชื่นชอบและตราตรึงประทับใจอย่างมาก เป็นผลงานการกำกับของยอดผู้กำกับฝีมือดีผู้ล่วงลับ แฟรงค์ กาปร้า (Frank Capra) พร้อมด้วยนักแสดงนำอย่าง เจมส์ สจ๊วต (James Stewart) และ ดอนน่า รีด (Donna Reed) กับเรื่องราวของชายจิตใจดีงามคนหนึ่งที่รู้สึกแปลกแยกกับชีวิตและการทำงาน ถึงขั้นที่คิดจะฆ่าตัวตาย แต่แล้ววันหนึ่งสวรรค์ได้ส่งเทวดามาช่วยให้เขาได้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตอนจบที่ถือว่า "ต้นร้ายปลายดี"





3. Schindler’s List

สตีเว่น สปีลเบิร์กสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นำกองทัพนาซีบุกยึดประเทศต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะกวาดล้างชาวยิวอย่างโหดเหี้ยม ทารุณ โดยกล่าวถึง ออสการ์ ชินด์เลอร์ (Oskar Schindler) อดีตพ่อค้าผู้ช่วยเหลือชีวิตชาวยิวมากมายให้รอดพ้นจากการกวาดล้างของกองทัพนาซี ด้วยเงินจำนวนมากที่เขามีจากการที่เคยเป็นพ่อค้ามาก่อน กับลิสต์รายชื่อของชาวยิวที่เขาสามารถช่วยเหลือได้กว่า 1,100 คน จนเป็นที่มาของชื่อเรื่อง "Schindler’s List" นั่นเอง





4. The Godfather

ภาพยนตร์เรื่อง The Godfather มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของโลก ทั้งนักแสดง กลวิธีการดำเนินเรื่อง การหักมุมต่าง ๆ มากมาย และองค์ประกอบอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ครองใจผู้ชมหลายต่อหลายคนได้เป็นอย่างดี ด้วยเรื่องราวของ ดอน วีโต้ คอร์ลิโอเน่ (Don Vito Corleone) หัวหน้าของตระกูลคอร์ลิโอเน่ผู้ทรงอิทธิพลและเรืองอำนาจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากธุรกิจที่ผิดกฎหมายมากมาย แถมยังมีการหักหลัง และล้างแค้น โดยมีเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจและมิตรภาพมาเกี่ยวข้องอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้





5. The Godfather Part II

เป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่ดีที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ภาคต่อทุกเรื่อง นับตั้งแต่ที่มีการสร้างกันมา สามารถพิสูจน์ได้จากการคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปี 1974 มาครอง รวมถึงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต เดอ นีโร อีกด้วย





6. Fight Club

"ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครอบงำอยู่ ท้ายที่สุดแล้วมันจะครอบงำคุณเสียเอง แต่หากคุณสูญสิ้นทุกสิ่งเมื่อใด คุณก็จะกล้าทำทุก ๆ อย่างโดยไร้ความกังวลตลอดไป" นี่คือคำพูดของไทเลอร์ ตัวละครเอกของเรื่องที่พูดเอาไว้ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึง อิสรภาพของคน และกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดคลับเฉพาะสำหรับการต่อสู้ตามชื่อเรื่องขึ้นมา





7. Pulp Fiction

ผลงานอมตะสุดยิ่งใหญ่ของ เควนติน ทาเรนติโน่ (Quentin Tarantino) ที่รวมซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง จอห์น ทราโวลต้า (John Travolta) ซามูเอล แอล.แจ็คสัน (Samuel L. Jackson) บรู๊ซ วิลลิส (Bruce Willis) และ อูม่า เธอร์แมน (Uma Thurman) ร่วมกันประชันบทบาทชนิดที่ว่าเชือดเฉือน ชวนให้ติดตามอย่างยิ่ง แถมยังการันตีด้วยรางวัลสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์อีกด้วย


The Notebook


8. The Notebook

เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวจากสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ซึ่งบันทึกเรื่องราวในยุค 40 กับความรักที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 1947 ของชายหนุ่มชนบทฐานะยากจน และ ลูกสาวเศรษฐีจากในเมือง ซึ่งมาเที่ยวพักผ่อนในชนบท แม้ว่าทั้งสองจะต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งเรื่องของฐานะ การศึกษา นิสัยใจคอ แต่ทั้งสองก็มีใจให้กัน จนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ใกล้จะจบสิ้นลง ทั้งคู่ก็ถูกพรากจากกันโดยครอบครัวของฝ่ายหญิง แถมฝ่ายชายยังไปเป็นทหารร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอีกด้วย โดยระหว่างนั้นฝ่ายชายเขียนจดหมายหาฝ่ายหญิงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็โดนกีดกันจากทางบ้านของฝ่ายหญิง จนก่อให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามอีกมากมาย ก่อนจะร่วมกันสาบานว่าจะอยู่ร่วมกันตลอดไปเอาไว้ให้ได้





9. The Matrix

ภาพยนตร์แนว Action Sci-Fi เจ้าของ 4 รางวัลออสการ์ปี 2002 กับเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ได้พบกับบุรุษลึกลับที่พูดกับตัวเขาว่า เขาเป็นคนเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากสงครามจักรวาล ซึ่งเป็นผลมาจากมันสมองของมนุษย์ที่ย้อนกลับมาทำลายเสียเอง และจากนั้นมาทำให้ชายหนุ่มธรรมดา ๆ กลับกลายเป็นนักรบไซเบอร์หรือที่เรียกกันว่า "นีโอ" และเป็นความหวังสุดท้ายที่โลกทั้งโลกฝากฝังเอาไว้





10. La Dolce Vita

ภาพยนตร์สัญชาติอิตาลีที่กำกับและเขียนบทโดย เฟเดอริโก เฟลลินี (Federico Fellini) ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำกับเรื่องราวของนักหนังสือพิมพ์หนุ่มเจ้าสำราญที่ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์อยู่ในกรุงโรม วุ่นวายไปการทำงานและใช้ชีวิตพัวพันไปกับสาวสวยหลายคน เพื่อค้นหาความรักและความสุขในชีวิต ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 1960 รางวัลการออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (ภาพยนตร์ขาวดำ) และได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 6 จาก 100 อันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยนิตยสาร Entertainment Weekly





11. The Hours

ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของ ไมเคิล คันนิ่งแฮม (Michael Cunningham) ใช้ตัวละครอย่าง Mrs. Dalloway ตัวละครในนิยายสุดคลาสสิคของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf) เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว ที่เชื่อมต่อช่วงเวลา 3 ยุคสมัย ใน 3 แห่งที่ที่แตกต่างกัน ในวันวันหนึ่ง โดยบอกเล่าภาพชีวิตของผู้หญิง 3 คน ที่มีความหดหู่ ความปวดร้าว และไขว่คว้าค้นหาความรัก





12. Star Wars

มหากาพย์สงครามอวกาศชื่อก้องโลก ที่สร้างตัวละครต่าง ๆ ให้เป็นที่ประทับใจกับผู้คนทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Anakin Skywalker) โอบีวัน เคโนบี (Obi-Wan Kenobi) และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการดำเนินเรื่องที่มีการตั้งชื่อภาคที่สลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย แต่ก็เรียกจำนวนคนดูจากทั่วทั้งโลกได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงเป็น 1 ใน 15 เรื่องที่สมควรจะหามาชมอย่างยิ่ง





13. Groundhog Day

เป็นเรื่องราวสุดเพี้ยนของนักพยากรณ์อากาศคนหนึ่งที่มีความเบื่อหน่ายกับชีวิตของตัวเอง แถมยังต้องมาพบว่าตัวเองติดอยู่ในวันฉลองเทศกาลวันกราวด์ฮ็อก (Groundhog Day) ที่ไม่ว่าจะตื่นมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงเป็นวันเดิม ช่วงเวลาเดิม ผู้คนมากมายที่พบเจอก็เป็นคน ๆ เดิม แถมยังมีเหตุการณ์ที่เหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมาอีกต่างหาก และเรื่องคาใจกับการแอบปิ๊งนางเอก ซึ่งนี่เองเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากวังวันของ Groundhog Day ไปได้ในที่สุด





14. Casablanca

เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในคาซาบลังกา (Casablanca) เมืองท่าทางตอนเหนือของโมร็อกโก ดินแดนในอาณัติของฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกองทัพนาซีของเยอรมันกับกลุ่มแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส และผู้ที่ต้องการอพยพหนีภัยสงครามไปยังสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์กล่าวถึงความขัดแย้ง และการตัดสินใจของชายคนหนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างความรักที่มีต่อหญิงคนหนึ่งกับภาระหน้าที่ทางทหารในการต่อสู้กับกองทัพนาซี






15. Forrest Gump

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายเรื่อง "Forrest Gump" ที่แต่งโดย วินส์ตัน กรูม ได้รับการจัดอันดับเป็นภาพยนตร์อเมริกันที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน จากอลาบาม่า ที่มีนิสัยน่ารักและมีจิตใจดี ในภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1950 - 1970 จากคนร่างกายพิการไปเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล เป็นทหารในสงครามเวียดนาม

เรียกได้ว่าภาพยนตร์ทั้ง 15 เรื่องนี้ ถือเป็นภาพยนตร์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และมีความยอดเยี่ยม คู่ควรแก่การหามารับชมอย่างยิ่ง หากใครพลาดเรื่องใดไป ก็ขอให้หามารับชมเพิ่มเติม รับรองว่า คุณจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 24 กรกฎาคม 2554 11:17:04 น.   
Counter : 2253 Pageviews.  

เผยคาแรกเตอร์ตัวละครชุดแรกจาก The Hobbit

เดอะ ฮอบบิท

The Hobbit

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Hobbit Movie

แฟน ๆ ภาพยนตร์ผจญภัยแฟนตาซีไตรภาคระดับตำนานอย่าง "เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์" ตาลุกวาว เมื่อล่าสุดนิยายชุดก่อนหน้าอย่าง "เดอะ ฮอบบิท" จาก เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ผู้เขียนคนเดิม กำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เช่นเดียวกัน โดยฝีมือของผู้กำกับคนเดียวกับที่เคยสร้าง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ให้โด่งดังมาแล้วอย่าง ปีเตอร์ แจ็คสัน

"เดอะ ฮอบบิท" โดยฝีมือปีเตอร์ แจ็คสัน จะถูกสร้างเป็นสองตอน คือ An Unexpected Journey และ There and Back Again ซึ่งมีกำหนดฉายในวันที่ 14 ธันวาคม 2555 และ 13 ธันวาคม 2556 ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองภาคเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคก่อนหน้า "เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์" โดยกล่าวถึงการผจญภัยของฮอบบิท ที่ชื่อ บิลโบ แบ็กกินส์ กับเพื่อน ๆ คนแคระ ในดินแดนตะวันออกของมิดเดิลเอิร์ธ เพื่อทวงคืนอาณาจักรคนแคระ "เอเรเบอร์" จาก มังกรสม็อก

โดยขณะนี้ เดอะ ฮอบบิท ภาคแรก An Unexpected Journey ได้เริ่มถ่ายทำไปแล้ว ในสตูดิโอ สโตน สตรีท ในเมืองเวลลิงตัน และตามโลเคชั่นต่าง ๆ ในนิวซีแลนด์

ล่าสุดเว็บไซต์ของหนัง "เดอะ ฮอบบิท" ได้เผยคาแรกเตอร์ตัวละครชุดแรกออกมาแล้ว โดยเป็นคนแคระสามพี่น้อง ที่จะร่วมเดินทางผจญภัยไปกับ แบ็กกินส์ โดยทั้งสามมีชื่อว่า โนริ โอริ และ โดริ ตามลำดับ พร้อมกับอีกสองคนแคระคือ โอน และ โกลอิน

โดยมี โดริ เป็นพี่คนโต ที่จะคอยเฝ้าดู โอริ ซึ่งเป็นน้องเล็กอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าน้องชายของเขาจะไม่เป็นหวัด หรือพลั้งเผลอไปถูกพวกวาร์ก หรือ ก็อบลินส์ ฆ่าตาย ส่วน โนริ พี่คนกลางผู้มักทำตัวเป็นปริศนา ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหน แต่ก็มักจะทำเรื่องที่เข้าข่ายว่าเสี่ยงอยู่ร่ำไป ถึงกระนั้นทั้งสามคนแคระก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี และพร้อมที่จะต่อสู้กับใครก็ตามที่ประสงค์ร้ายกับพี่น้องคนใดคนหนึ่ง ทั้งยังมี โอน และ โกลอิน ผู้มีฐานะร่ำรวยอยู่ในตระกูลตูริน เข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ โกลอิน ยังเป็นพ่อของ กิมลี ฮอบบิทที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผจญภัยของ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ในตอน มหันตภัยแห่งแหวน (The Loird of the Rings : The Fellowship of the Ring) อีกด้วย

สำหรับบทบาทพี่ใหญ่ของพี่น้องคนแคระ โดริ รับบทโดย มาร์ค ฮัดโลว์, พี่คนกลาง โนริ รับบทโดย อดัม บราวน์ และน้องเล็ก โอริ รับบทโดย เจ็ด โบรฟี และยังมี โอน ซึ่งรับบทโดย จอห์น คัลเล็น และ โกลอิน รับบทโดย ปีเตอร์ แฮมเบิลตัน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักแสดงที่ ปีเตอร์ ได้คัดเลือกมาเพื่อรับบทเป็นคนแคระโดยเฉพาะด้วย

เรื่องราวการผจญภัยของพวกเขาจะตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจแค่ไหน รอติมตามชมภาคแรกจาก เดอะ ฮอบบิท "The Hobbit : An Unexpected Journey" ได้ 14 ธันวาคม แน่นอน!!




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 14 กรกฎาคม 2554 8:38:40 น.   
Counter : 1753 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]