พอกันทีกับการปิดถนนปั่นจักรยาน ขอท้าผู้ว่าฯเดินทางมาทำงานด้วยระบบขนส่งมวลชน
จักรยานไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล จักรยานไม่ใช่ยาวิเศษแก้ไขได้ทุกปัญหา อย่าเอาจักรยานมาบังหน้าเพื่อประชาสัมพันธ์ กทม.ก็ทราบดีว่าหลักการของ Car Free Day คือรณรงค์เพื่อลดการใช้รถยนต์อย่างจริงจัง และก็รู้กันอยู่ว่าระบบขนส่งมวลชนที่มีอยู่ในปัจจุบันมันใช้ไม่ได้ คนที่มีฐานะ มีทางเลือก เค้าก็ใช้รถยนต์ในการเดินทางมากกว่าจะเบียดเสียดบนรถเมล์ หรือเสี่ยงชีวิตกับการปั่นจักรยานอย่างที่พยายามจะสร้างภาพกัน เรามีการรณรงค์การลดใช้รถยนต์ (Car Free Day) มาตั้งแต่ปี 2550 แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จำนวนรถยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับงบประชาสัมพันธ์กทม.เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระบบรางไม่ครอบคลุม และที่แน่ๆ ไม่มีทางผ่านหน้าบ้านทุกคนได้ รถเมล์ไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้อย่างทั่วถึง เพราะให้สัมปทานเอกชนไปทำ สภาพถนนย่ำแย่ ทางเท้าไม่เรียบ พร้อมจะทำให้สะดุดได้ตลอดเวลา คนเดินเท้าถูกแย่งพื้นที่จากหาบเร่ แผงลอย และป้ายโฆษณา การเดินข้ามถนนเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องปีนข้ามสะพานลอยสูงๆ ในขณะที่ทางข้ามอัจฉริยะที่อุตส่าห์ลงทุน และประชาสัมพันธ์ไว้ใหญ่โต ล้วนทยอยเปลี่ยนเป็นสะพานลอย เราสร้างเมืองเพื่อให้คนใช้รถยนต์สะดวกที่สุด แล้วใครจะเลิกใช้รถยนต์ส่วนบุคคลล่ะครับ "ถ้าการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนไม่สะดวกพอสำหรับผู้ว่าฯ มันก็คงไม่ดีพอสำหรับคนกรุงเทพเช่นกัน" คือแกนหลักของการรณรงค์ครั้งนี้ ========================== ร่วมลงชื่อใน #CarFreeEverdayChallenge ที่ //chn.ge/1D8YBL9 ========================== ถึงเวลาแล้วที่ผู้ว่าฯ และคณะผู้บริหารต้องมาเก็บข้อมูลจริงด้วยตัวเอง เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนากรุงเทพให้ดีอย่างที่สัญญาไว้ เพราะ KPI ที่ใช้บริหารอยู่มันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันใช้ไม่ได้ และท้ายที่สุด การรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ที่ดีที่สุด คือการที่ผู้ที่พูดรณรงค์ ออกมานำประชาชน ทำตนเป็นแบบอย่างให้ดู ไม่ใช่คิดฝัน วางแผนจากเบาะหลังอย่างเคย ออกไปลองดูเถอะครับว่าไอ้ทางจักรยาน 200 กม.ที่กล่าวอ้างไว้ ใช้งานแล้วเป็นอย่างไร เวลาผ่านซอยแล้วโดนปาดหน้า ป้ายระวังจักรยานมันช่วยท่านได้มั้ย เวลาปั่นบนถนน เส้นขาวที่แบ่งว่าเป็นทางจักรยานมีรถยนต์จอดเต็มไม่มีใครสนใจ คนที่จะใช้งาน ต้องลงไปเสี่ยงขีวิตบนท้องถนนร่วมกับรถจักรยานยนต์ บนถนนที่ออกแบบมาให้เอื้อกำกับการใช้รถยนต์เป็นหลัก share รูปนี้ทาง facebook ตาม link ข้างล่าง https://www.facebook.com/betterroad/posts/558694777592851:0 ออกไปลองดูเถอะครับว่ารถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นอย่างไร สถานีส่วนต่อขยายที่ท่านสร้างไว้ใหญ่โตมโหฬารกว่าที่เอกชนทำ ที่กะว่าจะให้เช่าเป็นพื้นที่ขายของ มันสร้างความลำบากให้ประชาชนขนาดไหน share รูปนี้ทาง facebook ตาม link ข้างล่าง https://www.facebook.com/betterroad/posts/558749970920665:0 ออกไปลองดูเถอะครับว่ารถเมล์ที่เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของขนส่งมวลชนในกทม. ขึ้น ลงลำบากมั้ย ขึ้นไปแล้วเป็นอย่างไร ถ้าคุณต้องเจอแบบนี้ทุกวันคุณไหวมั้ย เวลาจะรีบไปแล้วรถที่รอไม่มาซักทีจะทำอย่างไร เวลาขึ้นรถเมล์ซิ่งๆ จนใจตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่มมันสนุกแค่ไหน เผื่อจะได้พยายามหาทางแก้ไข share รูปนี้ทาง facebook ตาม link ข้างล่าง https://www.facebook.com/betterroad/posts/559035394225456:0 แน่นอน การแก้ปัญหาของกรุงเทพมหานคร ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกทม.ทั้งหมด แต่กทม.ต้องรับรู้ปัญหาที่แท้จริง และเป็นแกนนำที่จะประสานงานแก้ปัญหามิใช่หรือ หากอ้างแค่ว่ากทม.ไม่มีอำนาจ เรามีปลัดกทม.เป็นคนอำนวยการทำงานทั้งหมดก็น่าจะเพียงพอ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีผู้ว่ากทม.และคณะผู้บริหารให้เปลืองงบประมาณ ค่าใช้จ่าย พอเถอะครับ ไอ้การรณรงค์ให้คน (อื่น) ลดใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่ตัวเองก็นั่งเบาะหลังชิลล์ๆ ไปกล่าวเปิดงานหล่อๆ ถ่ายรูปโดยมีจักรยานหมื่นคันเป็น background สวยๆ ไว้ประชาสัมพันธ์ พอเถอะครับ ไอ้การ "ปิด" ถนนให้เช่าพื้นที่ขายของ หาสปอนเซอร์ แต่บอกว่า "เปิด" เมือง ไม่รู้เปิดกันอีท่าไหน ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง (ฮา) แล้วสุดท้ายวันจันทร์ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมว่าเราเสียเวลา และทรัพยากรกับเรื่องพวกนี้มาเยอะละ เพราะถ้าการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนยังไม่สะดวกพอสำหรับผู้ว่าฯ มันก็คงไม่ดีพอสำหรับคนกรุงเทพเช่นกัน จริงมั้ยครับ ที่มา: //pantip.com/topic/32602481
Create Date : 22 กันยายน 2557 |
Last Update : 22 กันยายน 2557 21:33:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1464 Pageviews. |
|
|
|