ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ล็อตเตอรี่ใบละ 80 บาท เห็นท่า"กำปั้นเหล็ก"จะเงื้อค้าง



ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เดือนเศษ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดกุมอำนาจบริหาร ได้ใช้กำปั้นเหล็ก จัดการกับปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ที่มีต้นตอมาจากเครือข่ายนักการเมือง บิ๊กข้าราชการ มาเฟีย บางเรื่องสำเร็จเห็นเป็นรูปธรรม บางเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ได้รับเสียงปรบมือ ด้วยความชื่นชมจากประชาชนไปก็หลายเรื่อง

แต่เรื่องห้ามขายสลากกินแบ่งเกินราคา เห็นท่ากำปั้นเหล็ก จะเงื้อค้าง

       คสช.เคยประกาศขึงขัง ขีดเส้นตายว่า การขายสลากกินแบ่งตั้งแต่วันที่ 2ก.ค. เป็นต้นไป (งวดที่จะออกรางวัลในวันที่ 16 ก.ค.) ห้ามขายเกินใบละ 80 บาท หากขายเกินจะถูกยึดโควต้าคืน หรือถูกจับกุมตาม พ.ร.บ.สลากฯ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

       แน่นอนว่า ประชาชนคนซื้อสลากฯ ก็อยากเห็นเหมือนกันว่า จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะเรื่องปัญหาการขายสลากเกินราคา ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา พยายามที่จะทำ แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จสักราย

       สุดท้ายก็อ้างว่าติดขัดที่ปัญหาโครงสร้างของการกระจายสลาก ที่ยังมีระบบยี่ปั๊ว ซาปั๊ว กว่าจะไปถึงผู้ขายรายย่อย ก็หลายต่อ หลายทอด การจะไปจับกุมผู้ค้ารายย่อย ก็จะเป็นการไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนจน ที่ต้องดิ้นรนหาเสี้ยงชีพ สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย จนราคาสลากดีดขึ้นไปอยู่ที่ 100 -110 บาท จนเป็นเรื่องปกติ

       ล่าสุด คสช.ชักเริ่มเสียงอ่อย หลังผ่านเส้นตายไปเพียงวันเดียว โดยทีมโฆษก คสช. ออกมาบอกว่า การกำหนดราคาสลากฯ ตามนโยบายคสช. นั้น แนวทางปฏิบัติจะมีการตั้งจุดขายสลากฯในราคา 80 บาท โดยในกรุงเทพฯ จะอยู่ที่หน้าสำนักงานสลากฯ ส่วนต่างจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นผู้กำหนดจุดขายเท่าที่ทำได้ไปก่อน ส่วนที่เหลือจะอยู่ที่กลไกของตลาด โดยจะพยายามให้ราคาไม่เกินใบละ 90 บาท เพราะกองสลากฯ มีภาระสัญญาผูกพันคงค้างอยู่กับผู้ได้รับอนุญาตอยู่เดิม

       ส่วนที่มีข่าวว่าจะจับกุม ผู้ขายสลากฯ เกินราคา 80 บาท นั้น ไม่เป็นความจริง ไม่ใช่นโยบายของคสช. เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ค้ารายย่อย จึงได้ประสานไปที่เจ้าหน้าที่กองสลากฯ และตำรวจ ขอให้ระงับการจับกุมหรือใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายในห้วงเวลานี้ไปก่อน

       ปัญหาที่ทำให้คสช.ต้องอยู่ในสภาพเหมือนเจอตอ ก็คือ การที่กองสลากฯ มีสัญญาผูกพันอยู่กับผู้ได้รับอนุญาตเดิม ซึ่งก็น่าจะหมายถึงบรรดายี่ปั๊ว หรือบรรดาขาใหญ่ ที่รู้จักกันในนาม 5 เสือกองสลากฯ ซึ่งปัจจุบันมีการควบรวมเหลือเพียง 3 เสือ

       โดยเสือแรก คือ"เจ๊แดง" หรือนางปลื้มจิตต์ กนิษฐ์สุด เจ้าของบริษัทสลากมหาลาภ บริษัทปลื้มวัธนา และ บริษัทไดมอนด์ ล็อตโต้

       เสือที่สอง คือ"เจ๊สะเรียง" น.ส.สะเรียง อัศววุฒิพงศ์ เจ้าของ บริษัท หยาดน้ำเพชร และ บริษัทบีบี เมอร์ชานท์

       เสือที่สาม คือ ร.อ.ธรรมนัส (มนัส) พรหมเผ่า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสี่แยกคอกวัว ที่เข้าเทกโอเวอร์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ของ"เจ๊แดง" ปลื้มจิตต์ จนเจ๊แดง กลายเป็นอดีตผู้ยิ่งใหญ่ในการจำหน่ายสลากฯ

แต่ละเสือล้วนมีนักการเมืองใหญ่เป็นแบ็กทั้งสิ้น

       ปัจจุบันสลากกินแบ่งรัฐบาล ขายออกทั้งสิ้น 72 ล้านฉบับ แบ่งเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 50 ล้านฉบับ สลากการกุศล 22 ล้านฉบับ โดยแบ่งขายผ่านผู้ค้ารายย่อยทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค นิติบุคคล องค์กรการกุศล และสมาคมผู้พิการ รวมทั้งหมด 34,273 ราย

       ราคาสลากที่กำหนดไว้ 80 บาทนั้น โควต้าในส่วนของนิติบุคคล จะได้รับส่วนลด 9% เหลือใบละ 72.80 บาท ขณะที่รายย่อยที่มีโควตากับสำนักงานฯกว่า 3 หมื่นราย หรือ 67 % ของโควตาทั้งหมด จะได้รับส่วนลด 7% เหลือใบละ 74.40 บาท

       ถ้าจะให้ขายราคา 80 บาท ก็พอมีกำไร แต่ผู้ได้รับโควต้าต้องขายเอง ไม่ใช่กระจายไปเป็นทอดๆ ซึ่งทุกคนต้องเอากำไร ที่คุ้มค่ากับการลงทุน และค่าเสียเวลา ดังนั้นจะให้ยืนอยู่ที่ราคา 80 บาท จึงเป็นไปได้ยาก

       โดยเฉพาะในความเป็นจริงแล้ว เมื่อสลากฯออกมา แทนที่จะกระจายไปตามโควต้าต่างๆ กลับถูกกว้านซื้อโดยบรรดาขาใหญ่ในกลุ่ม 3 เสือที่ว่า รวบรวมสลากมาใว้ในมือ แล้วทำการเรียงเลขใหม่ ที่เรียกว่ารวมชุด เป็นเลขชุด นอกจากนี้ก็คัดเลขเด่น เลขดัง เมื่อคัดแยกเรียบร้อยแล้วก็จะขายส่งให้กับ ยี่ปั้วต่างๆ ที่มารับไปส่งให้ร้านค้าย่อยในต่างจังหวัด หรือ ผู้ค้ารายย่อยอื่นๆ

       และสาเหตุที่ ผู้ได้รับโควต้า ไม่ยอมขายเอง แต่กลับเอามาขายให้กับกลุ่มสามเสือ เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาเร่ขาย สมมุติว่า คุณได้รับโควต้า 1 หมื่นใบ กลุ่มสามเสือมารับซื้อต่อโดยให้กำไรใบละ 2 บาท 1 งวดก็ได้กำไรแล้ว 2 หมื่นบาท เดือนละ 2 งวด ก็มีรายได้แล้ว 4 หมื่นบาท ง่ายๆ ไม่เสียเวลา โควต้าผู้ว่าฯ โควต้าสมาคม องค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะมาลงที่นี่

       ว่ากันว่า สลากฯกว่าครึ่งของที่พิมพ์ทั้งหมด จะมากองอยู่ตรงจุดนี้ เลขชุด เลขสวย เลขดัง ที่คัดแล้วก็ขายในราคาแพง เลขไม่สวย เลขที่เพิ่งออกไปแล้ว ก็จะราคาลดหลั่นกันลงไป   

ดังนั้น ผู้ที่กำหนดราคาสลากฯ ตัวจริงคือ กลุ่มสามเสือ ไม่ใช่สำนักงานสลากฯ แผงค้ารายย่อย หรือที่เดินเร่ขายนั้น ก็มารับจากที่นี่ ไม่ใช่ที่สำนักงานสลากฯ

       เมื่อยี่ปั้ว ซาปั้ว รับมาราคาสูง แล้วส่งให้ผู้ค้ารายย่อย ที่ย่อยแล้ว ย่อยอีก ราคาที่เริ่มต้นจาก 74.40 บาท จึงพุ่งไปอยู่ที่ 100-110 บาท

       ขณะที่กลุ่มสามเสือ เมื่อใช้วิธีการเช่นนี้ สมมุติว่ารวบรวมสลากฯได้งวดละ 40 ล้านใบ แค่เอากำไรใบละ 1 บาท ก็ได้กำไรงวดละ 40 ล้านบาทแล้ว ถ้าเอากำไรใบละ 2 บาท ก็ได้เพิ่มอีกเท่าตัว เป็นเสือนอนกินจริงๆ

       และที่สำนักงานสลากฯไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ก็เพราะไปมีผลประโยชน์กับเขาด้วย คือเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสลาก ก็มีโควต้าเกือบทุกคน แล้วก็เอามาขายให้กลุ่มสามเสือนี่เหมือนกัน

       เมื่อประชาชนบ่นว่า สลากฯราคาแพง ทางสำนักงานสลากฯ ก็อ้างว่าสลากฯมีไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ ก็หาเรื่องพิมพ์เพิ่มอีก เมื่อพิมพ์เพิ่มแล้วก็ไปเข้าวงจรนี้อีก คนที่ได้ประโยชน์มากสุด ก็ยังเป็นกลุ่มสามเสือเหมือนเดิม 

ถามว่าแล้วทำไมไม่ทลายกลุ่มสามเสือนี้เสียเล่า ปัญหาจะได้ทุเลาเบาบาง หรือหมดไป คำตอบคือ ก็เพราะมีนักการเมืองโกงอยู่เบื้องหลัง

  นี่คือวงจรอุบาทว์ เกี่ยวกับสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ยังไม่มีรัฐบาลไหนแก้ได้ และกำลังเป็นปัญหาที่ท้าทายกำปั้นเหล็กของคสช. อยู่ในขณะนี้



Create Date : 05 กรกฎาคม 2557
Last Update : 5 กรกฎาคม 2557 20:45:41 น. 0 comments
Counter : 1200 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]