Group Blog
 
All blogs
 

5 ธาตุเสริมชะตา







เรียนรู้ 5 ธาตุสัมพันธ์กับชีวิต

.....ธาตุทั้ง 5 ล้วนแต่มีความหมายโดยนัยในทางที่ดี เมื่อนำมาประกอบกันตามศาสตร์ของ ฮวงจุ้ย
ก็จะส่งเสริมชะตาของผู้อยู่อาศัย ให้เจริญก้าวหน้า หากแต่นำมารวมกันไม่ถูกหลักของศาสตร์แล้ว
อาจเกิดอุปสรรคต่างในการทำงานของผู้ที่อาศัย


.....ธาตุดิน มีความหมายแทนโลก แผ่นดิน เป็นที่รวมของธาตุทั้งปวง
ซึ่งอาจหมายถึงว่าเป็นที่รวมของสรรพสิ่งในโลก ลักษณะของธาตุดิน
ถูกแทนค่าด้วยลักษณะของสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นพื้นฐาน โดยส่วนของความกว้างและยาวเท่าๆ กัน
อาจเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า คางหมู ในการก่อสร้างส่วนมากจะใช้เป็นฐานของอาคารบ้านเรือน เพราะแทนค่าความมั่นคง


.....ธาตุทอง แทนโลหะทั้งปวงในโลก ที่อยู่ในสภาวะของแข็ง
แต่สามารถแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพโดยรอบ ลักษณะของธาตุทองมีลักษณะกลมมน
เป็นวงรี ครึ่งวงกรม มีสัดส่วนทั้งสองมิติและสามมิติในอัตราใกล้เคียงกัน
ซึ่งส่วนมากจะใช้ในการตกแต่งภายในเพื่อส่งเสริมเจ้าชะตา


.....ธาตุน้ำ มีความหมายที่ตรงตัว คือ น้ำ ที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน
สามารถแปรเปลี่ยนไปตามรูปทรงของาภาชนะที่บรรจุ มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
และลักษณะการเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โค้งมน ลื่นไหล ไม่หยุดนิ่ง
อาจนุ่มนวลหรือรุนแรงแปรสภาพตามสภาวะแวดล้อม แทนค่าของน้ำ
ในเชิงเขาคณิตเป็นสัญลักษณ์รูปหกเหลี่ยมหรือหกแฉก


.....ธาตุไม้ ลักษณะแทนค่าเหมือนกับต้นไม้ ที่เติบโตสูงใหญ่ ในลักษณะเส้นยาว
ทั้งแนวตั้งสูง และแนวนอนราบเป็นเส้นตรง หมายถึงการเจริญเติบโต


.....ธาตุไฟ แทนค่าด้วยสีแดง และมีลักษณะแหลมคมเป็นมุมแหลม หรือสามเหลี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นมิติ แนวสูง แนวราบ มีความเคลื่อนไหวในทุกทิศทาง.....


นิสัยของ 5 ธาตุ

ในดวงจีนมีการเอา "ปฏิกิริยาของ 5 ธาตุ" มาใช้อธิบายอาชีพ สุขภาพ และนิสัยใจคอ ต่อมาได้มีการนำเอานิสัยของคน 5 ธาตุมาปรับพัฒนาบุคลากร เพื่อประโยชน์ในการบริหาร นิสัยของคน 5 ธาตุมีดังนี้

ธาตุไม้ กระตือรือร้น ชอบแต่งตัว สวย ทันสมัย ใจบุญ จะมีเมตตา ทำความดี มีศักดิ์ศรี ใจบุญ ขี้สงสาร ขยัน มุ่งมั่นไปข้างหน้า
ถ้าธาตุไม้มากเกินไป จะแข็งกระด้าง ดื้อด้าน ยอมหักไม่ยอมงอ เอาความคิดตนเป็นใหญ่
ถ้าธาตุไม้น้อยเกินไป ขาดความแข็งแกร่ง อ่อนแอ ขี้อิจฉา ขาดเมตตาจิต


ธาตุไฟ ใจร้อน มีทิฐิ มีมารยาท นับถือผู้ใหญ่ ไม่รังแกลูกน้อง กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี มีมารยาท รักพวกพ้อง ตรงไปตรงมา โปร่งใส ใจกว้าง มีน้ำใจ ช่วยเหลือ
ถ้าธาตุไฟมากเกินไป (ตู่ธาตุมาก) จิตใจร้อน ขี้โมโห ลุยไม่รู้จักหยุด ยกตนข่มท่าน
ถ้าธาตุไฟน้อยเกินไป จะเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม ขี้อิจฉา เริ่มต้นกระตือรือร้นทำ แต่หลังจากนั้นเบื่อเร็วและไม่ทำ


ธาตุดิน
หนักแน่น ซื่อสัตย์กตัญญู ใจกว้าง ถ้อยทีถ้อยอาศัย มั่นคง สุขุม เป็นผู้ใหญ่ เชื่อใจได้ ปากกับใจตรงกัน เครดิตดี จะเดินสายกลาง
ถ้าธาตุดินมากเกินไป ดื้อด้าน โง่เขลา ชอบสบาย ขี้เกียจ
ถ้าธาตุดินน้อยเกินไป ปากกับใจไม่ตรงกัน ไม่มีเครคิต เห็นแก่ตัว ขี้เหนียว


ธาตุทอง แข็ง กระด้าง ยกย่อง ถ้ารักๆมาก ถ้าเกลียดๆมาก ยุติธรรม แตกหัก ใช้เหตุผล เด็ดขาด มือสะอาด
ถ้าธาตุทองมากเกินไป หูเบา ทะเลาะวิวาท กร้าวร้าว โหดเหี้ยม
ถ้าธาตุทองน้อยเกินไป ขาดความเด็ดขาด คิดแล้วคิดอีก ไม่มีศักดิ์ศรี


ธาตุน้ำ ฉลาด คล่องแคล่ว ไม่นิ่ง เดินทาง สังคม น้ำใจที่แท้จริง จะใจใหญ่ สมองแจ่มใส วางแผน ทำอะไรเป็นทุกอย่าง มีมนุษยสัมพันธ์ ความรู้สึกไว กามารมณ์สูง รู้ผิดถูก
ถ้าธาตุน้ำมากเกินไป เล่ห์เหลี่ยม คึกคัก ลุย เปลี่ยนใจง่าย
ถ้าธาตุน้ำน้อยเกินไป ใจไม่ถึง ขี้ขลาด ไม่มีอุบาย ใจแคบ



คุณสมบัติของธาตุทั้ง 5 เมื่อนำมาใช้จะต้องเข้าใจถึงขบวนการของการเกื้อกูล ส่งเสริมกัน
เพื่อให้เกิดความเพิ่มพูนและเกิดพลานุภาพในทางสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น


ขอบคุณข้อมูลจากwww.saranair.com ค่ะ




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 11:09:39 น.
Counter : 1058 Pageviews.  

ลางบอกเหตุตามความเชื่อโบราณ

ห้ามใส่ชุดดำเยี่ยมคนป่วย

ชุดสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือนักถือหนาว่า เป็นสีแห่งความทุกข์โศก
ใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือหากจะใช้แต่งกายสีดำ ก็ไม่ควรเป็นสีดำทั้งชุด
ควรเป็นครึ่งท่องใส่ผสมกับสีอื่นๆ
ชุดสีดำ จึงไม่นิยมใส่เข้าไปในงานมงคลต่างๆ เช่นงานวันเกิด งาน
แต่งงาน หรือแม้กระทั่งไป เยี่ยมผู้ป่วยก็เหมือนกัน เท่ากับว่า เป็นการแช่งหรือ
เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยนั้นตายเร็วขึ้น ทำให้จิตใจผู้ป่วยหดหู่และหมด
กำลีงใจ เกิดอาการทรุดลงได้ง่ายจึงไม่ให้ใช้สีดำ ควรเป็นสีที่สดใสและแสดง
ใบหน้าที่สดชื่นอีกด้วย


จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน

จิ้งจกในปัจจุบันหาพบได้ง่ายกว่าตุ๊กแก มักจะเกาะอยู่ตามฝาผนัง
ของบ้าน โดยปกติทั่วๆ ไป เรามักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก จะ
เป็นเพราะมีจำนวนน้อย หรือบางบ้านไม่มีให้เห็นเสียแล้ว หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่
บ้านมากนัก จึงไม่ได้ยินเสียงของมัน
ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้อทัก จะกี่ครั้งก็ตาม
ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศรีษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง
เป็นเวลาอืน อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้
คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้าย
มือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชค
ลาภ หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ


ตุ๊กแกร้องกลางวัน มีเหตุร้าย

ตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ในบ้าน มักจะร้องตอนกลางคืน แต่
ถ้าวันดีคืนดีเกิดร้องลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการ
บอกเหตุร้ายว่า กำลังจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือภายในบ้าน ซึ่งโดย
ปกติแล้วตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว ( กลางวันในที่นี้หมายถึง
ตั้งแต่เวลาเริ่มสว่างจนถึงมืดลง )
คนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป
แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน และ
จะไม่เคยเห็นตุ๊กแกทำร้ายใครเลย

นกแสกเกาะหลังคาบ้าน เกิดลางร้าย

นกแสกเป็นนกที่ถือว่า ให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่แต่เฉพาะ
คนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติ
ของนกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นนัก
หากเมื่อใดมีนกแซกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว ก็มักจะมีอะไรไม่ดี
แก่บ้านนั้น เช่น คนป่วยเอยคนเจ็บอยู่ก็อาจเสียชีวิตก็ได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้
เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา บอกเล่าก็เพียง
พอแล้ว คนโบราณบางท่านที่เคร่งมากๆ ก็อาจเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก
ผ้าแดง ผ้าขาวและเงินทอง


นกถ่ายรดศรีษะ จะมีโชคคร้าย

ปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว ถ้าไม่ใช่นกเลี้ยง จะชอบมาบินเกาะบน
ท้องฟ้า ไม่ชอบมาอยู่กะคนเท่าไหร่และเมื่อใดที่คุณกำลังจะออกเดินทางแล้วจู่ๆ
นกก็ถ่ายรดที่ศรีษะ คนโบราณว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนด
ออกไปวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้น อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้
ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน นกบินมาถ่ายรดศีรษะซึ่ง
โอกาสจะมีน้อยมาก แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ได้เลย
เพราะจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนใจ หรือเกิดเหตุร้ายกะตัวเองแน่นอน


เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน

บ้านใดที่มีต้นไม้มากๆนั้น จะมีที่ที่ตัวเงินตัวทองมักจะปรากฎให้เห็น
ตามที่ดังกล่าว มักจะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาแหล่งที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามา
จากที่ใด เพราะในหมู่บ้านกลางเมืองก็ยังมีปรากฎให้เห็นบ้าง
ลักษณะตัวเงินตัวทอง บางคนว่าคล้ายจระเข้ แต่มีหางยาวมาก มี
ขนาดตั้งแต่ตัวเล็กๆ เท่าจิ้งเหลนจนไปถึงตัวโดมากๆเท่ากับลูกจระเข้เลยทีเดียว
ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัว
อัปมงคลอยู่ดี จึงมีชื่อเรียกเสียเพราะแก้เคล็ด หากบ้านใดมีเข้ามาให้เห็น ท่านว่า
ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่า
ให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน

กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ

สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน
ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณจึงว่าว่า หากปิดบง
ปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง
วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้
แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านใน
ยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก
แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้


เลขนั้นสำคัญฉะไหน

เลขต่างๆ ตั้งแต่ 1 - 10 หรือแม้กระทั่งเลขเกิน 10 ก็ตามมีความเชื่อ
ไปต่างๆกัน บ้างก็เหมือนกันแล้วแต่ความถูกโฉลกของแต่ละบุคคล นั่นเป็นความ
เชื่อ เช่น บางคนไม่ชอบเลข 13 เพราะถือเป็นเลขของความโชคร้ายของฝรั่ง ซึ่ง
จะสังเกตว่าตามตึกใหญ่สูงๆ ภายในลิฟต์จะไม่มีชั้น 13 เนื่องจากคนก่อสร้างหรือ
สถาปนิกเป็นฝรั่งจ้า เค้าว่ากันว่าทะเบียนเลขรถเนี้ยะ


ผมหยิก หน้าก้อ คอต่อ คิ้วสั้น คบไม่ได้

คำกล่าวนี้ได้ยินมาน๊านนน นาน... .ซึ่งหากดูให้ครบลักษณะที่กล่าวมาก
คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นๆ หักๆ คอหาแทบไม่เจอ จะด้วยเพราะอ้วนหรือ
เหตุใดก็ตาม ประกอบกับมีคิ้วก็สั้นๆ รวมดูแล้ว ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่
แต่อย่างไรก็ตามอย่าดูแค่รูปกายภายนอก ให้ศึกษานิสัยใจคอด้วยจ๊ะ


ไทยเล็ก เจ็กดำ คบบ่ได้ จิงหรือ?

โบราณท่านว่าไว้ว่า คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้คบยากเหลือเกิน หากเป็น
คนไทยก็ต้องตัวไม่เล็กแคระแกรน เนื่องจากคนไทยในสมัยโบราณตัวใหญ่ทั้งผู้
หญิงและผู้ชาย หาคนตัวเล็กมีน้อยมาก และถ้าเป็นคนจีนก็ต้องตัวไม่ดำ
"ไทยเล็ก เจ็กดำ" จึงติดปากมาจนทุกวันนี้ แต่หากจะพิจารณากันให้
ถ่องแท้ คงจะต้องดูที่นิสัยรวมไปด้วย นั่นเป็นเพียงแต่การสันนิษฐานเบื้องต้นให้
ได้ยินเท่านั้น ก็ลองใช้ดุลพินิจดูว่า จะเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาไว้หรือไม่ ทั้งนี้
คำกล่าวที่ว่า ไม่ได้รวมหมายถึง การงานของเขาเหล่านั้น ท่านหมายแต่เพียงว่า มัก
จะมีนิสัยออกไปทางคนโกงเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอาเปรียบประมาณนั้น


คนหลายเสียงคบไม่ได้

คนทั่วไปตามปกติแล้ว หากไม่มีเสียงธรรมดาแล้ว ก็อาจจะมีเสียง
แหลมเล็ก หรือทุ้มใหญ่ไปเลย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากคนใดมีหลายเสียงในขณะ
ที่พูดคุยตามปกตินั้น เป็นคนคบยาก เพราะเท่ากับว่า หาความแน่นอนอะไรไม่ได้
แม้แต่เสียงของตัวเองยังบังคับให้อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้เลย ขณะพูดคุย
เดี๋ยวทำเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงใหญ่ เสียงเล็กไปเรื่อย
แต่คนในลักษณะนี้หายาก และในเมื่อหายาก ก็ดูจะยิ่งเพิ่มความขลังให้
ความเชื่อนี้แม่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเจอก็ให้ห่างๆ ไว้เป็นดี


คนหัวล้านมักเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์

คำกล่าวนี้ได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดีนั่นเอง ขุนช้างเป็นคน
เจ้าชู้ ชอบหญิงสาวที่มีรูปงาม จุดเด่นของเรื่องในวรรณคดี มีการแย่งหญิงสาวอัน
เป็นคนรักของขุนแผน โดนขุนช้างใช้เล่ห์ทุกวิถีทาง เพื่อหลอกให้คนรักของขุนแผน
มาอยู่กับตน
จึงถูกมองว่า ผู้ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับขุนช้างคือ หัวล้าน มีรูปร่างอ้วน
ท้วม ขาวนั้น จะต้องมีนิสัยเช่นเดียวกับขุนช้างเสมอไปแต่ขุนช้างก็เป็นคนร่ำรวยมาก
ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่แปลกว่า คนหัวล้านก็มักจะรวยเสีย


มีปาน แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว

เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปานหรือเรียกว่า มีตำหนิ ในส่วนใดส่วน
หนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง และถูกป้ายด้วยของ ทำ
เป็นตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงและหากเป็นปานดำ
ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยถ่านเพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะพบกันชาติหน้าและจำกันได้
โดยให้สังเกตจากตำหนิ
แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว การเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะ
ผิวหนังผิดปกตินั่นเอง

ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูก

เชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัด เป็นของสูงและสมควรอยู่
ในวัดเท่านั้น ไม่ควรนำมาปลูกที่บ้าน จะทำให้บ้านนั้นตกอับ ไม่เจริญ เท่ากับเอาของสูง
มาวางไม่ถูกที่ หากเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้นำมาปลูก ก็ให้ถอนออกเสีย หากจะให้ดี ก็ให้
นำไปไว้ที่วัดเสีย
ต้นไม้ดังกล่าวอันได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นหวาย ต้นโมกข์ ต้นไทร ต้นนนทรีย์ ต้น
ตะเคียน เป็นต้น
แต่ทั้งนี้จะรวมถึงต้นไม้ที่ไม่เป็นสิริมงคลดวย เช่นต้นโศก ต้นระกำ ต้นยาง
ที่มักนำมาทำโรงศพ ต้นสำโรงที่ดอกมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเหล่านี้ดูไม่เป็นสิริมงคล จึงไม่นิยม
นำมาปลูกในบริเวณบ้านกัน


ห้ามตัดผมวันพุธ

วันพุธห้ามตัดผม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามกันนักห้ามกันหนาเชื่อกันว่า ตัดผม
วันพุทธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิตทีเดียว จะเห็นได้ว่า ร้านตัดผมมักจะปิดร้านในวัน
พุธกัน บ้างก็อ้างว่า ตัดผมในวันพุธหัวกุดท้ายเน่า
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรเชื่อเสียบ้าง ตัดในวันรุ่งขึ้นก็คงไม่นานเกินรอไป
ได้ และก็ยังไม่ได้ยินเช่นกันว่า นิยมตัดผมกันในวันพุธ


ตาเขม่น

ฮิต ฮิต ฮิต เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของ
ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออก
เป็น 3 ช่วงคือ
หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชค
ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย
ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกัน
เกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ในช่วงเวลาเย็นถือว่ามีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน การเขม่นตาขวาจะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิด
ขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าหากเขม่นตาซ้ายจะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาร้าย-ซ้ายดี

การเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิด
เหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน


เมื่อสัตว์ป่านำเข้าบ้าน

เรื่องของสัตว์ป่านั้น ตามธรรมชาติแล้วสัตว์ป่าก็ควรที่จะอยู่ตามป่าตามเขาจึง
จะถูกต้อง แต่หากเมื่อใดสัตว์เหล่านี้เป็นต้นว่า งูต่างๆ ชนิด หรือแม้กระทั่งเต่า คำโบราณ
ถือนักว่า ผิดธรรมชาติและหากจะให้สัตว์จำพวกนี้อยู่ในบ้านก็คงอยู่ไม่ได้ ถือว่านำความ
อัปมงคลมาสู่ครัวเรือน ท่านให้แก้เคล็ดด้วยการ จุดธูปเทียน ดอกไม้บอกเล่าและเชิญให้
ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้ สัตว์ป่าที่เข้าบ้านนี้ ตามคำโบราณยังถือรายละเอียดอีกมากมายเกี่ยวกับว่า มา
ทิศ ใดจะนำอะไรมาให้ ยกเว้น หากเป็นทางทิศตะวันตกและทิศเหนือจะได้รับโชคลาภ แต่ก็ นั่นแหละตอนที่สัตว์ป่าเหล่านี้คลานมาคงไม่มีใครรู้ มาทางใดมารู้อีกทีก็อยู่ในบ้านเสียแล้ว ดังนั้นทางที่ดีก็อย่ามาเลยดีกว่า


ห้ามเผาศพวันศุกร์

คนโบราณถือว่า "เผาศพในวันศุกร์ให้ทุกข์กับคนเป็น" และโดยปกติทั่วไปจะ
สังเกตว่า ไม่มีผู้ใดเผาศพในวันศุกร์ให้เห็นเลย เพราะเชื่อกันว่า วันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ
วันแห่งความร่มเย็นเป็นสุข เหมาะที่จะมีงานมงคลมากกว่างานเผาศพน๊ะ


หวีหัก โชคไม่ดี

คนโบราณเชื่อกันว่า ในขณะที่กำลังสางหรือหวีผมนั้น ไม่ว่าจะใช้หวีไม้หรือหวี
พลาสติก ก็ตามแต่ แล้วหวีเกิดหักคาผมในขณะที่ยังหวีอยู่นั้น ท่านให้เชื่อได้เลยว่า จะเกิด เรื่องไม่ตีตามมาอย่างแน่นอน เป็นต้นว่า อาจมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น สูญเสียของรัก หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจให้หงุดหงิดได้
การแก้เคล็ดด้วยการนำหวีนั้นทิ้งไปเลย ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่
และจุดธูปบอกเล่าให้สิ่งร้ายกลายเป็นดีเรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบาเสีย
แต่ความเชื่อของคนโบราณเรื่องหวีหักนี้ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่รุนแรงนักก็ได้
แล้วแต่โชคชะตาและดวงในตอนนั้นด้วย


มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ

ในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมา โดยที่ไม่มีใครจุดธูปใน
บริเวณนั้นๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา
จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1
ดอก ลอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจ
ขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย
แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณ
พเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกันบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ
และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย


ผึ้งทำรังในบ้าน มีโชค

โดยธรรมชาติแล้ว ผึ้งมักนิยมทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และอยู่ในที่
สงบไม่พลุกพล่าน แต่เมื่อใดที่ผึ้งมาทำรังในบ้านจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคาบ้าน บางบ้าน มีผึ้งมาทำรังถึงห้องน้ำก็มี
ท่านว่าไว้ว่า อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาด จะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบ
ครัวเรือนนั้น เพราะผึ้งเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป เชื่อกันว่า ยิ่งรังใหญ่มาก
เท่าใด ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้น และควรจุดธูปเทียนบูชา รวมทั้งดอกไม้ เพื่อความเป็น สิริมงคลด้วย


ดูดวงจากต้นว่าน

คนที่ทำอาชีพค้าขาย หรือนักธุรกิจติดต่อกับผู้คน เพื่อการค้าต่างๆ คนโบราณ
โดยเฉพาะในสมัยก่อน นิยมปลูกต้นว่านต่างๆชนิดแล้วแต่ และดูดวงชะตาตัวเองจากการ
เจริญเติบโตของต้นว่าน นั้นๆว่า เติบโตงอกงามขึ้นหรือไม่ ชีวิตกำลังรุ่งเรืองและยิ่งต้น
ว่านนั้นออกดอกออกผล ก็จะยิ่งทำให้ดวงชะตาพุ่งสูงมาก ท่านรีบจุดธูปขอพรให้ดวง
ชะตาคงอยู่เช่นนั้น แต่หากต้นว่านที่ปลูก อยู่ๆเกิดหักงอ หรือเหี่ยวแห้งลงทุกวันๆ หรือ
ปลูก มานานแล้วก็ไม่เกิดดอกออกผลเสียที ท่านให้เชื่อว่า ดวงกำลังตก การค้าขายก็กำลังแย่ ให้รีบทำบุญทำทาน หรือหาทางแก้ไขปรับปรุงการค้า หรือธุรกิจนั้นเสีย พร้อมกับบำรุงดูแล ต้นว่านนั้นด้วย


เลือกก้าวเท้าก่อนออกจากบ้าน

ก่อนออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุรกิจหรือพบปะผู้คน โบราณท่านว่าไว้ ให้ดูฤกษ์ยาม
ก่อนออกจากบ้านเสียก่อน เพราะนอกจากเวลาเที่ยงแล้ว ควรดูด้วยว่าจะไปทำการใดจึงจะมี ความสำเร็จได้


มือชนกันขณะกินข้าว จะมีแขกมาเยือน

ในสมัยโบราณ ไม่มีการติดต่อสื่อสารที่สะดวกเหมือนปัจจุบันการโทรศัพท์ก็ยังไม่
มี ใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมายกับใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมายกับใคร สักคนก็เป็นไปได้ยาก จะต้องพบกันแล้วนัดหมายในครั้งนั้นกันไปเลย

แต่คนโบราณใช้วิธีการสังเกตความเป็นไปได้ว่า ในขณะที่นั่งล้อมวงรับประทาน
อาหารกันนั้น หากมี 2 คน ในวงเอื้อมมือไปหยิบอาหารพร้อมกัน และชนกันที่กลางสำรับอาหาร เชื่อว่าจะต้องมีแขกมาเยือนกันถึงเรือนชานอย่างแน่นอน ไม่วันนี้ก็เป็นพรุ่งนี้ ก็จะมีการเตรียม ข้าวปลาอาหารรอต้อนรับ และก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป


ที่มา เอ็มไทย.คอม




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 10:00:39 น.
Counter : 490 Pageviews.  

ทำนายไพ่ทาโร่ประจำตัว

ภาพของไพ่ทาโรต์โบราณที่เกิดขึ้นก่อนจะมีสำหรับใช้ในการเล่นกันธรรมดาๆ นั้น มีความสัมพันธ์กับศาสตร์ของการทำนายด้วยตัวเลขเราให้ตัวเลขที่เกี่ยวพันธ์กับวันเกิดของคุณ เพื่อค้นหาไพ่ประจำตัวหรือไพ่นำโชคของคุณ ซึ่งสามารถบอกอะไรๆ เกี่ยวกับตัวคุณได้มากมาย

วิธีค้นหาไพ่ประจำตัวง่ายๆ ดังนี้


บวกเลขวันเดือนปีเกิดของคุณเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างเช่น : 4 ตุลาคม 1981=4+10+1981=1995
จากนั้นนำผลลัพธ์มาบวกเข้าด้วยกัน 1+9+9+5=24
ลดตัวเลขโดยการบวกเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ซึ่งคุณน่าจะได้ตัวเลขที่น้อยกว่า 10: 2+4=6
ก็จะได้ไพ่ The Lovers เป็นต้น

แต่ถ้าในกรณีที่คุณบวกตัวเลขในขั้นตอนนี้ได้เท่ากับ 10 และวันเกิดของคุณเป็นเลขคี่ ก็ลดให้เป็นเลข 1
ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยให้เป็นเลข 10 อยู่อย่างนั้น






1. The Magician (ผู้วิเศษ)

..... คนที่ได้ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ประจำตัว ถือเป็นคนที่กุมชะตาชีวิตตัวเองเอาไว้ในมือ พวกเขาไม่กลัวที่จะลงมือทำ และสามารถไปถึงเป้าหมายในโลกใบนี้ได้ด้วยพลังความมุ่งมั่นผสานกับแรงบันดาลใจผู้วิเศษมีพรสวรรค์ในการล่วงรู้อะไรได้เป็นพิเศษ และสามารถใช้พลังจักรวาลทั้งในทางสร้างสรรค์และตามความเป็นจริง

..... บ่อยครั้งที่เราพบว่าผู้วิเศษสามารถทำอะไรได้อย่างมหัศจรรย์ ถ้าไพ่ใบนี้เป็นไพ่นำโชคของคุณคุณก็สามารถจะทำอะไรได้อย่างนั้น เหมือนกันถ้าคุณตั้งใจ ทุ่มเท และเด็ดเดี่ยวคุณสามารถมองข้ามสิ่งที่จะทำให้ไขว้เขวได้และจะทุ่มเทความสนใจให้ภารกิจที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง

..... คุณมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนอื่นซึ่งมักรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาเมื่อมีคุณอยู่ด้วย ความท้าทายของคุณก็คือ การเรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตความสามารถที่มีอยู่หลากหลายของคุณอาจนำคุณไปหลายทิศทางด้วยกันและคุณอาจเจียดเวลาให้แต่ละเรื่องได้น้อยเกินไป

..... ในเรื่องของความสัมพันธ์คุณมักถูกดึงดูดเข้าหาคนที่เป็นเสมือนอีกครึ่งหนึ่งของคุณตามธรรมชาตินั้นก็คือ The High Priestess (นักบวชผู้ลึกลับ) นั่นเอง ส่วนในเรื่องการงานและเพื่อนฝูงคุณจะไปได้ดีกับผู้ที่มีไพ่ The Chariot (ไพ่ม้าศึก) เป็นไพ่ประจำตัว ถ้าคุณหยุดเอาชนะซึ่งกันและกันได้ผู้ที่ถือไพ่ม้าศึกนี้ก็มีโอกาสเป็นคนรักที่ยอดเยี่ยมของคุณได้ ความเป็นคนสร้างสรรค์ของคุณหมายความว่าคุณประทับใจความเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งของ The Hermit (ฤาษี) และคุณอาจตกหลุมรักผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ The Lover หรือคู่รักอย่างหัวปักหัวปำ


2. The High Priestess (นักบวช)

..... เป็นตัวแทนความลึกลับและซับซ้อนของจิตใจผู้หญิง ถ้าคุณได้ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ประจำตัวคุณเป็นคนที่มีลางสังหรณ์และอ่อนไหวได้ง่าย โดยมีสัญชาตญาณอันแรงกล้าอยู่ในตัวตามธรรมชาติ คุณมักใช้ลางบอกเหตุเสียงกระซิบจากข้างใน และข้อมูลในความฝันเป็นเครื่องนำทางชีวิต

..... นักบวชสามารถดึงความลึกลับซับซ้อนในสถานการณ์หรือผู้คนออกมาได้ จึงสามารถล่วงรู้ศักยภาพและความสามารถที่ซ่อนเร้นของคนอื่นได้เป็นอย่างดี คุณยอมรับวิธีการและความเห็นที่แตกต่างกัน และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะถอยหลังแล้วปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปโดยไม่ต้องเข้าไปก้าวก่าย

..... สิ่งที่ยากสำหรับคุณคือการทำอะไรอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อดึงความสามารถและพรสวรรค์ออกมาใช้พยายามต่อสู้กับนิสัยที่ชอบจมปลักอยู่ในโลกส่วนตัว แต่อย่าไปผูกติดกับคนอื่นมากนัก

..... ไพ่ใบอื่นๆ อีกหลายใบอยากจะเข้ามาสำรวจความลึกลับของนักบวชแต่เพื่อนคู่คิดตามธรรมชาติของคุณคือ "ผู้วิเศษ" ถ้ารวมตัวกันเมื่อไหร่ก็เปรียบเหมือนหยิน-หยางของพลังความสร้างสรรค์นั่นแหละ จงระวัง "ผู้ควบม้าศึก" ที่ทะเยอทะยานเอาไว้ให้ดี เพราะเขาอาจจะเดินหน้าต่อไปเมื่อเอาชนะใจคุณได้แล้ว "พระราชาคณะ The Hierophant" ผู้ซื่อสัตย์จะเป็นคู่รักหรือเพื่อนที่แคร์คุณ และคุณจะหลงรักฤาษี "The Hermit" ที่มีความคิดลึกซึ้ง แต่คุณสองคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำให้สำเร็จ และคุณมักจะต้องเผลอใจเข้าไปผูกติดกับ "จักรพรรดิ Emperor" ผู้อบอุ่นด้วย


3. The Empress (จักรพรรดิ)

..... ไพ่ใบนี้ถือเป็นแบบฉบับของผู้เป็นแม่ในอุดมคติคือมั่นคง เต็มไปด้วยความรักและพร้อมจะให้กำเนิดลูก สิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอสามารถเติบโตเติบใหญ่และพัฒนาไปได้ เธอเป็นตัวแทนของธรรมชาติและความรู้สึกและมีความสามารถในการสร้างสรรค์และเลี้ยงดูชีวิต

..... ผู้ที่ได้ไพ่จักรพรรดินี้เป็นไพ่ประจำตัวจะอยู่ในโลกของความรู้สึกและชอบสนุกกับกิจกรรมที่ใช้กำลังกายและการใช้ชีวิตกลางแจ้ง คุณให้ความสำคัญกับเนื้อหนังมังสาและประสาทสัมผัส คุณจึงหลงใหลต่อความสุขและความสวยงามและซาบซึ้งกับสิ่งที่ละเอียดอ่อน

..... ในชีวิตคุณเป็นคนใจดี เปิดกว้างและมักจะมีความคิดริเริ่มสูง คุณรู้สึกผูกพันกับสรรพสิ่งบนโลกอย่างลึกซึ้งพร้อมทั้งให้ความเห็นอกเห็นใจและความห่วงใยอย่างเต็มที่ คุณเป็นคนกระฉับกระเฉงโดยธรรมชาติ จึงคบหาแต่เพื่อนดีๆ และชอบความสะดวกสบายอย่างยิ่ง

..... จักรพรรดินี้อาจมีนิสัยที่ชอบแสดงออกจึงควรเรียนรู้ที่จะยับยั้งตนเองไว้บ้าง ไม่ใช่ทำอะไรตามใจตัวเองไปซะหมด

..... ด้วยธรรมชาติที่ไม่ชอบตัดสินใคร คุณจึงเป็นที่นิยมชมชอบของไพ่ทุกใบแต่คุณจะให้ความสนใจกับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตา Wheel of Fortune และผู้พิพากษา Justice เป็นพิเศษ เพราะคุณทั้ง 3 คนชื่นชอบธรรมชาติ และวงจร หรือไพ่ม้าศึกเป็นไพ่ประจำตัว ถ้าคุณหยุดเอาชนะซึ่งกันและกันได้ ผู้ที่ถือไพ่ม้าศึกนี้ก็มีโอกาสเป็นคนรักที่ยอดเยื่ยมของคุณได้ ความเป็นคนสร้างสรรค์ของคุณหมายความว่า คุณประทับใจความเป็นคนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งของ The Hermit หรือ ฤาษี และคุณอาจตกหลุมรักผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ The Lover หรือคู่รักอย่างหัวปักหัวปำ


4. The Emperor (จักรพรรดิ)

..... เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพ่อ ผู้สามารถกำหนดแบบแผนและอำนาจขึ้นมาได้ ถ้าจักรพรรดิคือไพ่ประจำตัวคุณ คุณก็จะดูมีอำนาจและเด็ดเดี่ยว คุณสร้างระเบียบขึ้นมาจากความวุ่นวาย และสามารถให้คำแนะนำและแนวทางแก่คนอื่นๆ ได้ คุณมักจะเป็นเกราะกำบังให้กับคนที่อ่อนแอพร้อมทั้งคอยปกป้องอุดมการณ์และประเพณีที่คุณรู้สึกว่าควรอนุรักษ์ให้ยืนยาวต่อไป

..... คุณมีความสุขในการดูแลกฎและข้อบังคับที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสม คุณเป็นคนที่ดูมีอำนาจและมีความเป็นผู้นำคนอื่นๆ มักหันมามองคุณเพื่อกำหนดแนวทาง และคุณก็สามารถเป็นที่พี่งให้ได้เสมอในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ คุณอาจจะมั่นใจเกินไปในการสร้างกฎและข้อปฏิบัติ *ฉะนั้น ... สิ่งสำคัญสำหรับคุณก็คือเปิดใจให้กว้างสำหรับความคิดที่แตกต่างกันและคอยระวังเรื่องความเข้มงวดและความดื้อดึงเอาไว้

..... นิสัยชอบปกป้องของคุณจะดึงคุณไปหาคนที่อ่อนแอกว่าอย่างนักบวช ซึ่งเป็นคนที่คุณอยากแนะแนวทางและคอยปกป้องให้ ถ้าคุณสามารถทนต่อความใจกว้างและสไตล์สบายๆ ของเธอได้ล่ะก็จักรพรรดินี้จะเข้ากับคุณได้อย่างดีมาก ผู้พิพากษาผู้มีเหตุผล และพระราชาคณะผู้ซื่อสัตย์ คือคู่ควงที่ดีสำหรับคุณ แต่คุณอาจต้องต่อสู้กับการทำตามอำเภอใจของผู้วิเศษและม้าศึก การควงคู่กับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รัก Lover นั้น อาจทำ ให้คุณต้องผิดหวังได้


5. The Hierophant (พระราชาคณะ)

..... เป็นตัวแทนของผู้มีความเชื่ออย่างแท้จริง คุณจะมองหาหนทางและอุดมการณ์ ใครสักคนหรืออะไรสักอย่างที่คุณจะคอยช่วยเหลืออย่างซื่อสัตย์ คุณชอบทำงานเป็นทีมและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยระบบความเชื่อที่มีแบบแผน คุณมีความสนใจในการใฝ่หาความรู้และมีแนวโน้มที่จะทำตัวเป็นนักเรียนไปตลอดชีวิต

..... คุณอาจจะให้ความสำคัญกับประเพณีมากเป็นพิเศษ คุณชอบเรียนรู้และยึดหลักของชีวิตที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าและมักรู้เรื่องอะไรเป็นอะไรอยู่เสมอ ดังนั้น...ความศรัทธาของคุณจึงมักจะไม่ค่อยผิดที่ผิดทาง คุณเป็นคนจงรักภักดีและมีความสุขที่สุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือทีม คุณชอบความรู้สึกของการเป็นเจ้าของและให้ความเคารพต่อพิธีกรรมและพิธีการ

..... ถ้าพระราชาคณะคือไพ่ประจำตัวคุณ คุณก็อาจจำเป็นต้องทะลายความคิดตามแบบแผนของคุณในบางครั้ง แล้วทำอะไรบ้าๆ หรือคาดเดาไม่ได้บ้าง ในขณะที่คุณมีความจงรักภักดีต่อคนอื่นติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิดคุณก็ควรรู้จักด้วยว่า... เมื่อใดที่ควรเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และเมื่อไหร่ที่ควรจะทำโดยลำพัง

..... พระราชาคณะจะต้องการความมั่นคงมาก จักรพรรดิจึงเหมาะกับคุณมากที่สุด การเชิดชูประเพณีและยึดถืออุดมการณ์ของคุณจะทำให้ทั้งนักบวชผู้อ่อนโยน และผู้พิพากษาผู้มีใจเที่ยงธรรมรู้สึกนับถือในตัวคุณ โดยธรรมชาติแล้ว คุณมักจะถูกดึงเข้าไปหาความเป็นผู้นำของม้าศึกผู้ประสบความสำเร็จ และผู้วิเศษที่มีเสน่ห์


6. The Lovers (คู่รัก)

..... ถ้าคุณได้ไพ่ใบนี้เป็นไพ่ประจำตัวคุณก็เป็นคนที่มีความลึกซึ้งอย่างสูง คุณเป็นคนเอาจริงเอาจังและมีพลังผลักดันคุณจึงใส่ใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ของคุณจะใช้ความเร่าร้อนรุนแรงเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ความสะดวกสบาย คุณอาจจะทำตามอุดมการณ์และหลักการอย่างเคร่งครัด และใช้ความมานะพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพราะเป็นคนที่อยากจะเมินเฉยหรอก แต่คุณรู้ดีว่าคุณยืนอยู่ตรงไหน

..... ในเรื่องอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งคุณมักตั้งข้อสงสัยกับความเชื่อที่ได้รับการยอมรับกันมา และยึดมั่นกับหลักการและปรัชญาของตัวคุณเอง คุณต้องหางานที่ทำให้คุณพอใจได้ในหลายๆ ระดับและมีรางวัลให้แก่ความทุ่มเทและความกระตือรือร้นของคุณสิ่งท้าทายสำหรับผู้ที่ถือไพ่คู่รักนี้ก็คือ การสร้างสมดุลระหว่างการคิดอย่างมีเหตุมีผล กับการใช้สัญชาตญาณ

..... และความรู้สึกในการสร้างสัมพันธ์รักให้ยืนยาวนั้น คุณต้องควบคุมตัวเองอย่าให้ไปตกหลุมรักใครง่ายนัก คุณคือยอดปรารถนาของไพ่ทุกใบ ใครๆ ต่างถูกดึงดูดมาด้วยเสน่ห์ของคุณแถมแรงดึงดูดทางเพศที่เห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ถือไพ่ผู้วิเศษจะอยากควงคู่กับคุณเหลือเกิน ส่วนผู้ขับรถม้าศึกก็อยากจะเอาอกเอาใจคุณจนตัวสั่นแม้แต่จักรพรรดิผู้เข้มงวดก็ยังยอมตายเพื่อคุณได้ แต่ควรระวังถ้าคุณเกิดไปควงแขนกับคนที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์เดียวกับคุณคู่รักสองคนจะทำให้การครองคู่มีแต่เรื่องปวดหัวและไม่มั่นคง ส่วนพระราชาคณะผู้ยึดติดกับแบบแผนก็ไปกันไม่ได้กับคุณ แต่คุณควรให้โอกาสแก่ผู้พิพากษาบ้าง มีอะไรหลายอย่างที่คุณสามารถเรียนรู้จากเขาได้


7. The Chariot (ผู้ขับรถม้าศึก)

..... จะดูแข็งแรงและอ่อนเยาว์คนที่มีไพ่ม้าศึกเป็นไพ่ประจำตัว จะมี พลังงานและแรงผลักดันอย่างล้นเหลือคุณชอบความท้าทาย ชอบทำอะไร เสี่ยงๆ และเป็นนักแข่งขันโดยธรรมชาติ คุณชอบอะไรที่มั่นคงและตรงไปตรงมาและคุณจะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความบากบั่น ในขณะที่ดำเนินไปสู่จุดหมายที่วางไว้ ใคร ๆ จะมองว่าคุณใช้ชีวิตอย่างร้อนรน ชอบพัฒนาแผนการที่จะเอาชนะ และทำอะไรแปลกๆ คุณไม่มีปัญหาในการใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเอง และมักจะพิชิตการแข่งขันด้วยการข่มใจตัวเองอย่างมีเหตุผล

..... คุณมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัด และสามารถพลิกสถานการณ์ร้ายๆ ให้กลายเป็นโอกาสดีๆ ผู้ขับรถม้าศึกมักพยายามควบคุมจิตใจที่อ่อนโยนกว่า ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่มีอยู่ในตัว คุณจึงรู้จักอดทนและอ่อนน้อมถ่อมตน และอาจได้คิดว่าการเกลี้ยกล่อม และการแนะแนวทางแทนที่จะใช้อำนาจครอบงำคนอื่นนั้นจะทำให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย

..... ผู้ขับรถม้าศึกมักจะต้องตาต้องใจผู้ขับรถม้าศึกด้วยกันเอง นี่อาจเป็นการจับคู่ที่ดี คือมีความเท่าเทียมกันหรืออาจกลายเป็นการชิงดีชิงเด่น ระหว่างคู่แข่งขันที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันก็ได้ คุณจะยอมแพ้ราบคาบให้กับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รักและอาจไปด้วยกันได้ดีกับนักบวช ที่อยู่กันคนละขั้วเลย คุณไปด้วยกันไม่ได้กับผู้พิพากษาจอมหลักการ และมองว่าฤๅษีดูสงบนิ่งเกินไป พระราชาคณะอาจจะเป็นเพื่อนหรือคนรักที่ดีสำหรับคุณถ้าคุณสามารถเป็นคนนำทีมได้


8. Justice (ผู้พิพากษา)

..... คุณจะเป็นคนมีความซื่อสัตย์ ยึดหลักจริยธรรม และให้ความนับถือต่อความยุติธรรมแล ะความซื่อสัตย์ คุณสามารถมองเรื่องต่างๆ ได้รอบด้าน ใช้หลักการทางศีลธรรมเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจ และสามารถมองออกว่าคนไหนมีเหตุจูงใจอะไรให้ทำอย่างนั้น เมื่อถึงคราวต้องค้นหาประเด็นสำคัญ

..... คุณมีสายตาแหลมคมที่สามารถมองออกว่า คนไหนที่เหมาะจะคบเป็นเพื่อนและแฟน และคุณเกลียดการโกหกหลอกลวงมาก คุณเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่า ชีวิตดำเนินไปตามมติของเสียงส่วนใหญ่ โดยที่เราทั้งหมดต้องคอยทำตามหลักการของเหตุและผลคุณหลีกเลี่ยงการทำอะไรแบบสุดโด่ง แต่จะเลือกเดินทางสายกลางมากกว่า

..... คุณจะรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณ และก็หวังให้คนอื่นทำแบบเดียวกัน ถ้าผู้พิพาษาคือไพ่ประจำตัวของคุณ คุณก็อาจมีแนวโน้มจะมองเรื่องอะไรเป็นสีขาวและดำเท่านั้น ความท้าทายของคุณจะเป็นเรื่องการให้อภัยต่อข้อบกพร่องของคนอื่น และรู้จักตัดสินอะไรให้นุ่มนวลขึ้น

..... คุณชอบเป็นเพื่อนกับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ฤๅษีหรือนักบวช ส่วนในเรื่องความรัก ผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์คู่รักจะมีอะไรมาสั่งสอนคุณได้เยอะแยะ และเขาจะชื่นชมความซื่อสัตย์และความเที่ยงธรรมของคุณ คุณเข้ากันได้ดีกับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตา แล้วหัวใจของคุณจะเบ่งบานขึ้นมาทันที ที่ได้ห็นจักรพรรดินีผู้ใจดีและมีเสน่ห์ชวนลุ่มหลง เราไม่แนะนำให้ผู้พิพากษาผู้ยึดถืออุดมการณ์ ควงคู่กับผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ม้าศึก


9.The Hermit The Hermit (ฤาษี)

..... เป็นผู้มีความรอบคอบ รู้แจ้งเห็นจริง อดทนและเข้าใจในความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ถ้าคุณได้ไพ่ฤาษีเป็นไพ่ประจำตัวหรือไพ่นำโชค คุณก็อาจจะดูเย็นชา เพราะนั่นคือวิธีประเมินสถานการณ์ ในแบบของคุณ คุณมักถูกเรียกว่า 'ยายแก่' บ่อย ๆ คุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองโดยการครุ่นคิด อ่านหนังสือ และพักผ่อน

..... คุณคือที่ปรึกษาโดยกำเนิด และชอบแนะแนวทางให้กับคนที่มีพัฒนาการน้อยกว่าซึ่งจะเห็นว่าการที่คุณอยู่ด้วยช่วยทำให้มั่นใจ คุณสามารถให้คำแนะนำดี ๆ และมองปัญหาของคนอื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คุณจะค้นหาคำตอบสำหรับคำถามยากในชีวิตอย่างไม่มีวันหยุดพัก ฤาษีมีแนวโน้มที่จะชอบสันโดษ แต่ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จจากความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวล่ะก็ คุณต้องรู้จักโต้ตอบกับคนอื่นบ้างและต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปันพรสวรรค์และความรู้ของคุณฤาษีมีความอดทนต่อไพ่ทุกใบได้อย่างยอดเยี่ยม

..... แต่สำหรับมิตรภาพและสัมพันธ์รักที่ลึกซึ้งนั้น คุณก็จำเป็นต้องมีเพื่อนคู่คิด คุณไปกันได้ดีกับนักบวช และสามารถทนต่อความแรงสูงของผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์วงล้อแห่งโชคชะตาได้ และคุณอาจพบว่าตัวเองสลัดความรักสันโดษทิ้งไป ผู้ที่เกิดภายใต้สัญลักษณ์ม้าศึกอาจดูเหมือนป่าเถื่อนกับคุณ และอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณในการไล่ตามผู้ถือไพ่วิเศษ


10.The Wheel of Fortune (วงล้อแห่งโชคชะตา)

..... คุณเป็นคนที่มีญาณพิเศษที่สามารถล่วงรู้ชะตากรรมของตนเองได้ คุณต้องเจออะไรหลายอย่างต่อหลายอย่างและเป็นไปได้ที่คุณต้องใช้วิชาการละครขั้นสูงในการเปลี่ยนตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง คุณมีความเข้าว่าสิ่งต่างๆ นั้นเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรและสามารถมองออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับเหตุการณ์ เสน่ห์ดึงดูดในตัวคุณคือความเป็นคนเก่ง การกระทำอะไรโดยสัญชาตญาณและการมองโลกในแง่ดี คุณมักจะได้มีโชคอยู่บ่อยๆ แต่นั่นเป็นเพราะการมองชีวิตแบบไม่เหมือนใคร และความสามารถในการเรียนรู้ จากเหตุการณ์ในอดีต มากกว่าจะเป็นโชคชะตาล้วนๆ

..... สิ่งที่เป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่สุดก็คือ การไหลไปตามกระแสคุณควรรู้จักคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นและอย่าต่อสู้กับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครูที่ดีที่สุดของคุณคือ เหตุการณ์ที่ควรจดจำในชีวิตของคุณเอง ฉะนั้นก็สังเกตและเรียนรู้จากมันไว้ซะด้วยความเป็นคนเปิดกว้าง คุณจึงเข้ากันได้ดีกับทุกคน

..... คุณสามารถดึงความสนใจจากผู้ถือไพ่ฤาษีได้ เข้าใจนิสัยระวังตัวของผู้พิพากษาคุยภาษาใจกับนักบวช แข่งขันกับม้าศึก และแบ่งบันความอุดมสมบูรณ์กับจักรพรรดินีได้ ส่วนในเรื่องความรักควรอยู่ ห่างจากผู้ถือไพ่จักรพรรดิเอาไว้ เพราะความต้องการความมั่งคงของเขาอาจส่งผลร้ายต่อความต้องการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของคุณการควงคู่กับผู้ถือไพ่คู่รัก อาจเป็นอุปสรรคต่อความอยากมีอิสระเสรีของคุณได้




เครดิตจากนี่เลยค่ะ//www.maeban.co.th/view_article.php?id=24 ขอบคุณมากๆค่ะ




 

Create Date : 23 เมษายน 2552    
Last Update : 23 เมษายน 2552 20:20:56 น.
Counter : 593 Pageviews.  

ความหมายของการจุดธูป

ความหมายของการจุดธูป

ข้อมูลจาก องค์เทพ.คอม... รูปจาก Google ค่ะ



ธูป 1 ดอกเป็นเรื่องของการเน้น หรือเจาะจง ในเรื่องที่เกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน ไหว้ศพคนตาย เจ้าที่เจ้าวิญญาณภาคพื้น เช่น การจุดไหว้เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือน

ธูป 2 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ และการ ปักธูปบนอาหารไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 3 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ไหว้มหาเทพ พระศิวะพระนารายณ์ พระพรหม

ธูป 4 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 5 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ไหว้ ร.5 ไหว้ท้าวจตุโลกบาล ตี่จู้เอี้ยศาลตายาย คุณบิดา คุณมารดาและคุณครูบาอาจารย์

ธูป 6 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ กำลังไฟ(คนที่เกิวันอาทิตย์) ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 7 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ (ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่)ครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว ไหว้พระภูมิไชยศรี ไหว้พระอาทิตย์

ธูป 8 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวง ไหว้พระราหูไหว้เทพทุกๆองค์

ธูป 9 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสักการะบูชาเทพ เจ้าป่าเจ้าเขาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมให้เจริญก้าวหน้าคนจีนนิยมครับ หรืออรุกขะเทวดาศาลพระภูมิศาลเทพ

ธูป 10 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมให้สามารถเริ่มหรือกำลังหางานให้ตัวเองคนจีนนิยมครับ

ธูป 11 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทวดาชั้นสูงไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 12 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาไหว้เจ้าแม่กวนอิม

ธูป 13 ดอกไม่นิยม หรือ ใช้จุดไหว้เจ้าแม่กวนอิม.ในเดือน 12

ธูป 14 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบูชาคุณพระสงฆ์ เช่น การจุดบูชาสักการะรูปปั้นพระสงฆ์ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 15 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กัน

ธูป 16 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทพชั้นสูง เช่น บูชาพระพรหม ฯลฯ ใช้บวงสรวงบูชาเทพบูชาครู พิธีกลางแจ้งเชิญ เทพยดาในภูมฺต่างๆใน 16ชั้นฟ้า

ธูป 17 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธาตุ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป 18 ดอกไม่นิยมจุด

ธูป 19 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจุดบูชาครู และการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป 20 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องในการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป 21 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่ธรณี (ใช้ในพิธีกรรมเบิกพระแม่ธรณี) และการสวดเสริมดวงชะตา

ธูป 31 ดอกคือการไหว้ 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดินครับ

ธูป 32 ดอกคือการไหว้ 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดินครับและ 1โลกมนุษยครับ

ธูป 36 ดอกคือการไหว้ขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อองค์เทพเทวาในกรณีที่คนผู้นั้นได้ทำหรือประพฤติต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อองค์ เทพเทวาของคนผู้นั้นครับ

ธูป 38 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธรรม

ธูป 39 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่โพสพ

ธูป 56 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบูชาคุณพระพุทธเจ้า

ธูป 108 ดอกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรมสวดเสริมดวงชะตา





 

Create Date : 22 ธันวาคม 2551    
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 16:56:38 น.
Counter : 1836 Pageviews.  

พระบรมสารีริกธาตุ

ภาพพระธาตุที่ได้ อัญเชิญนำมาลงในนี้ บูชารำลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย .. เพื่อจะได้เป็นอนุสติสืบต่อไป และ ขอขอบพระคุณ และ อนุโมทนาบุญกับความรู้ ข้อความ ภาพประกอบ ที่คัดลอกมาจากเวปต่างๆหลายๆเวปค่ะ ขอให้ทุกๆท่านมีแต่ความสุขความเจริญๆ ยิ่งๆขึ้นไป บุญรักษาผู้มีรากบุญทุกๆท่านค่ะ สำหรับท่านที่เข้ามาชม และ เข้ามานมัสการภาพพระบรมสารีริกธาตุ และ ภาพพระธาตุต่าง ๆ ขอให้มีความสุข ทุกๆคนค่ะ ..พบธรรมนำสุข ... บุญรักษาค่ะ อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ



พระบรมสารีริกธาตุ (ลักษณะทั่วไป)
พระบรมสารีริกธาตุ คือ ส่วนต่างๆของพระสรีระของพระพุทธเจ้าหลังจากถวายพระเพลิงแล้ว

ลักษณะโดยทั่วไป

ในตำราโบราณกล่าวถึงไว้เพียง ๔ ลักษณะคือ ดั่งข้าวสาร๑ ดั่งถั่วเขียว๑ ดั่งงา๑ และดั่งเมล็ดพันธุ์ผักกาด๑.
ในส่วนของสีแห่งพระบรมสารีริกธาตุนั้น เท่าที่ปรากฏ ก็มี สีขาว สีชมพู สีน้ำตาล สีทอง สีเทา สีดำ สีม่วง สีแดง สีเขียวไข่นกการะเวก สีกากี สีใสตั้งแต่ใสขุ่นๆไปจนถึงใสเหมือนเพชร

คุณลักษณะพระบรมสารีริกธาตุ
"พระธาตุในส่วนที่เป็นเนื้อหนังหรืออวัยวะภายใน ทั้งพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุนั้น จะสามารถลอยน้ำได้ แต่ต้องค่อยๆเอาภาชนะช้อนองค์พระธาตุไปวางไว้ในน้ำ ให้น้ำค่อยๆรองรับองค์พระธาตุ

ลักษณะการลอยนั้น พระธาตุจะลอยปริ่มน้ำ กดน้ำจนเป็นแอ่ง องค์พระธาตุอยู่เสมอระดับเดียวกับผิวน้ำ โดยมีบางส่วนจมลงไป ไม่ใช่ลอยเหมือนกับไม้ที่ลอยน้ำ และเมื่ออยู่บนผิวน้ำ ก็จะค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามารวมกัน

พระธาตุในส่วนที่มาจากส่วนกระดูก ทั้งพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จะไม่ลอยน้ำ ยกเว้นแต่องค์พระธาตุนั้น เล็กมาก ขนาดเท่ากับเมล็ดข้าวสาร

พระธาตุจะมีความมันวาว เนื้อละเอียด หากขยายด้วยกล้องจุลทัศน์ที่มีกำลังขยายสูง ก็ยังเห็นผิวขององค์พระธาตุมีความละเอียด และความเรียบมันวาว

พระบรมสารีริกธาตุจะมีเนื้อละเอียดและมันวาวกว่าพระอรหันตธาตุ ยกเว้นแต่พระบรมสารีริกธาตุบางองค์ที่บรรจุไว้ในเจดีย์ที่ไม่เหมาะสม มีน้ำเข้าไปขังไว้ หรือแผ่นดินไหวแล้วมีดินมากลบองค์พระธาตุ ซึ่งอาจจะมีผลทำให้องค์พระธาตุไม่เงางามเท่าที่ควรได้

ส่วนพระอรหันตธาตุของพระอรหันต์บางองค์ที่เชี่ยวชาญในสมาบัติ ก็อาจจะมีลักษณะขององค์พระธาตุที่มีความมันวาวได้เหมือนพระบรมสารีริกธาตุเช่นกัน "








สถานที่ประดิษฐาน

พระบรมสารีริกธาตุ แบบที่กระจัดกระจายนั้น หลังจากได้ทำการแบ่งออกเป็น 8 ส่วน แยกย้ายไปประดิษฐานตามเมืองต่างๆ หลังจากถวายพระเพลิงแล้ว ตามตำนานกล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระ และ พระเจ้าอชาตศัตรู ได้ร่วมกันกระทำ 'ธาตุนิธาน' คือการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่แบ่งออกไปนั้นกลับ มาประดิษฐานรวมกันไว้ในที่แห่งเดียว เพื่อป้องกันการสูญหาย จากการศึกและสงคราม และในตอนท้ายของตำนานกล่าวว่า บุคคลผู้มาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกไปและกระทำการ เผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ยิ่งใหญ่ ก็คือ พระเจ้าอโศกมหาราช นั่นเอง

ผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พบในกรุปรางค์ประธานวัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์พระบรมสารีริกธาตุบรรจุในผอบทองเล็ก รายล้อมด้วยอัญมณีมีค่า เป็นเครื่องบูชาพระบรมสารีริกธาตุ



จากเนื้อความในพระปฐมสมโพธิกถา ได้มีการแจกแจงถึงสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ แบบที่ไม่กระจัดกระจาย ทั้ง 7 ประการ

1. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ประดิษฐานอยู่ที่ พระจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
(บางตำรากล่าวว่า ได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ประเทศศรีลังกา ในรัชสมัยของพระเจ้าทุฏฐคามินีอภัย)

2. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่ เมืองคันธารราฏฐ
(แคว้นคันธาระ เป็นอาณาจักรในสมัยโบราณ กินอาณาเขตทางตอนเหนือของประเทศปากีสถาน และตะวันออกของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน)

3. พระเขี้ยวแก้วเบื้องล่างขวา ประดิษฐานอยู่ที่ ณ ประเทศศรีลังกา
(เชื่อกันว่า เป็นพระเขี้ยวแก้วองค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีดาลา ดามาลิกาวา เมืองเคนดี ในปัจจุบัน)

4. พระเขี้ยวแก้วเบื้องล่างซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่ นาคพิภพ

5. พระรากขวัญขวา ประดิษฐานอยู่ที่ พระเกศจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
(บางตำรากล่าวว่า ภายหลังได้อัญเชิญมาประดิษฐานยังพระเจดีย์ถูปาราม ประเทศศรีลังกา)

6. พระรากขวัญซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่ ทุสสเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
(ทุสสเจดีย์ ประดิษฐานอยู่ ณ อกนิฏฐพรหมโลก ซึ่งเป็นภพภูมิหนึ่งในปัญจสุทธาวาส และเป็นชั้นสูงสุดของรูปพรหม)

7. พระอุณหิศ(กรอบหน้า) ประดิษฐาน ณ ทุสสเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
(บางตำรากล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระเป็นผู้เก็บรักษาไว้ และมอบแก่สัทธิวิหาริกสืบต่อกันมา ภายหลังพระมหาเทวเถระ จึงได้เป็นผู้อัญเชิญไปประดิษฐานยังประเทศศรีลังกา

พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่แยกกระจัดกระจายเพื่อยังประโยชน์แก่มหาชนและสรรพสัตว์สรรพวิญญาณทั้งหลาย ตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงอธิฐานไว้ก่อนเสด็จปรินิพพาน ดังที่ปรากฎอญุ่ใน"ตำนานมูลศาสนา"และ"ชินกาลมาลีปกรณ์" ว่า "เมื่อตถาคตปรินิพานแล้ว ศาสนายังไม่กว้างขวางขอให้ธาตุ ๗ ส่วน(นวิปปกิณณาธาตุ) อย่าแตกย่อย ธาตุอื่นนอกจากนี้ขอให้แตกย่อย เท่าเมล็ดถั่วกิม เท่าเมล็ดข้าวสารหักครึ่ง เท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด รวมประมาณ ๑๖ ทะนาน จงกระจัดกระจายให้คนทั้งหลายอันประกอบด้วยศรัทธาได้อุปัฎฐากบูชาเพื่อเป็นเหตุแห่งสุคติ เถิด

























































การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
การจัดที่บูชาและปฏิบัติต่อพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุต่างๆ
พระบรมสารีริกธาตุเป็นธาตุรู้ เสด็จมาได้ตามคำอธิษฐาน ก็เสด็จไปได้เมื่อปฏิบัติไม่ถูกต้อง ฉะนั้น จึุงต้องปฏิบัติต่อพระบรมสารีริกธาตุเฉกเช่นพระพุทธองค์ ดังนี้

บรรจุไว้ในเจดีย์ไม้จันทร์ เจดีย์ไม้โพธิ์ เจดีย์แก้ว หรือผอบ โถกระเบื้องที่มีฝาครอบก็ได้

ควรรองภายในด้วยสำลี ตัดผ้าแดงให้พอดี วางบนสำลี ตัดไหมเจ็ดสีเป็นเส้นเล็ก ๆ วางบนผ้าแดง แล้วทับด้วยผ้าขาวอีกทีหนึ่ง แล้วจึงอัญเชิญพระบรมธาตุวางข้างบน

การที่เอาผ้าแดงผ้าขาวรองใต้พระบรมสารีิริกธาตุ เพราะถือกันว่า พระธาตุมีเทพรักษา ผ้าขาวผ้าแดง เป็นอาภรณ์ของเทพยดา

พระบรมธาตุจะถูกบรรจุอยู่ในตลับทองคำ ตลับเงิน ตลับนาก ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ แล้วแต่กำลังทรัพย์และศรัทธาของผู้เป็นเจ้าของ นอกนั้นเขาจะบรรจุอัญมณีล้ำค่าเพื่อเป็นการสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ บางแห่งก็จะบรรจุดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน และไม่จันทร์ซีกเล็กๆ ไว้กับพระบรมสารีริกธาตุ

โบราณกล่าวว่าใช้ไหมเจ็ดสี มณีเจ็ดอย่างจะถูำกโฉลกในการบูชา
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุควรสูงกว่าพระพุทธรูปบูชา ถ้าสถานที่ไม่อำนวย จะวางไว้หน้าพระพุทธรูปก็ได้ แต่ควรมีพานรองรับ

ควรตั้งน้ำสะอาดบริสุทธิ์บูชาพระธาตุ และควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน หรือทุกวันพระ

ควรเน้นหนักในการปฏิบัติบูชา ด้วยการสวดมนต์ภาวนาให้สม่ำเสมอ มากกว่าการบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน หรือสิ่งอื่นใด

ไม่ควรกราบไหว้ด้วยจิตที่เจือด้วยกิเลส

พยายามผูกจิตระลึกถึงพระบรมธาตุด้วยการบริกรรมภาวนาคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า "อิติปิโส วิเสสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ" ให้มากที่สุด

การบูชาพระธาตุนี้ มีผลานิสงส์มากนัก อาจให้สำเร็จประโยชน์และสุขสมบูรณ์ได้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า หรือประโยชน์อย่างยิ่ง คือ " พระนิพพาน"

ผู้ไม่เชื่อ และไม่เคยบูชาก็ไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะผลานิสงส์ทั้งนี้่จะเกิดปรากฏเฉพาะผู้ที่มีความเลื่อมใส และกระทำการบูชาโดยสุจริตเท่านั้น

พระธาตุได้มีส่วนเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาแต่โบราณ อาจกล่าวได้ว่าทุกๆ เจดีย์หรือ พระปรางค์ จะมีพระธาตุบรรจุไว้ พระพุทธรูปสำคัญๆ จะมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายในองค์พระ

เจดีย์ที่บรรจุพระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ตั้งประดิษฐานลดหลั่นลงมาตามลำดับ ส่วนเจดีย์ที่บรรจุ พระอรหันตธาตุควรอยู่ต่ำกว่า พระพุทธรูปเพราะเป็นพระธาตุของพระสาวก ควรอยู่ต่ำกว่าพระศาสดา หรือถ้าสถานที่ไม่อำนวย ก็ให้จัดดูตามความเหมาะสม


คำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ ครั้ง )
อิติปิ โส ภะคะวา, นะมามิหัง ตัง ภะคะวันตัง,
ปะระมะสารีริกธาตุยา สัทธิง,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธวิชชาจะระณะสัมปันโน, สุคะโต,
โลกะวิทู,อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
สัตถา เทวะ มะนุสสานัง, พุทโธ, ภะคะวาติ.


วันทาหลวง (ย่อ)

วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธาตุ มหาโพธิง
พุทธะรูปัง สะกะลัง สะทา นาคะโลเก เทวะโลเกพรัหมะโลเก ชัมพูทีเปลังกาทีเป
สะรีระธาตุ โย เกสา ธาตุ โย อะระหันตะ ธาตุ โย เจติยัง คันธะกุฏิง
จะตุราสี ติสสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ


บทสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

อุกาสะ วันทามิ ภันเต เจติยัง สัพพัง สัพพัตถะฐาเน สุปะติฏฐิตัง
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ดังข้าพเจ้า ขอถือโอกาส ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระเจดีย์ทั้งหมด อันตั้งไว้ดีแล้ว ในที่ทั้งปวง
พุทธะสารีรังคะธาตุง มะหาโพธิง พุทธะรูปัง คันธะกุฏิง จะตุราสีติสะหัสเส ธัมมักขันเธ
คือซึ่งพระสารีรังคะธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งพระพุทธรูป ซึ่งพระคันธุกุฏิของพระพุทธเจ้า และซึ่งพระธรรมขันธ์ทั้งหลาย มีแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
สัพเพตัง ปาทะเจติยัง สักการัตถัง
เพื่อสักการะซึ่งพระเจดีย์ คือรอยพระบาทเหล่านั้นทั้งหมดทั้งสิ้น
อะหังวันทามิธาตุโย
ข้าพเจ้าขอไหว้พระธาตุทั้งหลาย
อะหังวันทามิสัพพะโส
ข้าพเจ้าขอไหว้โดยประการทั้งปวง
อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา
ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระรัตนตรัยเหล่านั้นในกาลทุกเมื่อ ด้วยอาการดังนี้แลฯ

พระคาถาบูชาพระธาตุในพรหมโลกและดาวดึงส์

พรหมโลเกทุสสะธาตุ วามะอักขะกะธาตุโย
สัพเพ พรหมมาภิปูเชนติ ถูปัง ทะวาทะสะโยชะนัง
ตาวะติงสัมหิ เทวานะ จุฬามะณี จะ เกสะกัง
สัพเพ เทวาภิปูเชนติ ถูปัญ จะ จะตุโยชะนัง
ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

คำนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ (ในพระสถูป ๘ แห่ง ในชมพูทวีป)

มะหาโคตะมะสัมพุทโธ กุสินรายะ นิพพุโต
ธาตุวิตถาระกัง กัตตะวา เตสุ เตสุ วิเสสะโต
อุณหิโส จะตุโร ทาฒา อักขะกา ทะเว จะ สัตตะมา
อะสัมภินนา จะ ตา สัตตะ เสสา ภินนา จะ ธาตุโย
มะหันตา ปัญจะ นาฬี จะ มัชฌิมา จะ ฉะ นาฬิกา
ขุททะกา ปัญจะ นาฬี จะ สัมภินนา ติวิธา มะตา
มะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา
ขุททะกา สาสะประมัตตา เอวัง ธาตุปะมาณิกา
มะหันตา สุวัณณะวัณณา เอวัง วัณณาปิ ธาตุโย
เอโก ถูโป ราชะคะเห เอโก เวสาลิยา อะหุ
เอโก กะปิละวัตถุสสะมิง เอโก จะ อัลละกัปปะเก
เอโก จะ รามะคามัสสะมิง เอโก จะเวฏฐะทีปะเก
เอโก ปาเวยยะเก มัลเล เอโก จะ กุสินาระถะเก
เอเต สารีริกา ถูปา ชัมพูทีเป ปะติฏฐิตา
ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโย.


พระคาถาบูชาพระธาตุในสากลจักรวาล

จัตตฬละ สะมาทันตา เกสา โลมา นะขา ปิ จะ เทวา หะรันติ เอเกกัง จักกะวาพัง ปะรัมปะรา ปู ชิตา นะระ เทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโย ฯ

พระคาถาบูชาพระธาตุในเกาะลังกาทวีป

อะปะเรนะ สะมะเยน ทุฏโฐ นามะ นราธิโป เอกะโทณัญ ธาตุนัง ลังกาทีเป ปะติฏฐิตัง ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

พระคาถาบูชาพระธาตุ ๘๔,๐๐๐ องค์ในชมพูทวีป

อัฏฐาระเส ทะเววัสสะสะเต ธัมมาโสโก ราชา อะหุ (ธัมมาโศกราช) จะตุราสีติสหัสสา การาปิตา จะ เจติ เจติยา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโย จะตุราสีติสหัสสา เจติยา ปฏิมัณฑิตา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

คำนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ (ของโบราณ)
อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขอ ยอ กร บวร วันทนา ประนมนิ้วหัตถาขึ้นเหนือเศียร ต่างรัตนะ ประทีปธูปเทียนแก้วเจ็ดประการ แลโกสุม สุมามาลย์ ประทุมชาติอันโชติช่วงช่อชั้นวิจิตร แจ่มจำรัสสุนทโรภาส ด้วยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์ญาณสัพพัญญูบรมครูเจ้า เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน พระองค์ทรงประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ สิริพระบรมธาตุทั้งหลายน้อยใหญ่ตวงได้สิบหกทะนานทอง พระรากขวัญทั้งสองพระเขี้ยวแก้วสี่ กับพระศรีอุณหิศหนึ่ง นับรวมกันได้ครบเป็นเจ็ดองค์ นี้แลคงตามสภาวะเดิมอันจะแหลกลาญด้วยเพลิงสังหารนั้นหามิได้ แต่พระอัฐิ น้อยใหญ่ทั้งหลายนั้นไซร้ พลันเพลิงไหม้สังหารละเอียดลง ยังคงแต่พระบรมสารีริกธาตุสามสถาน ใหญ่น้อยปานกลางมีประมาณต่างกันพระบรมธาตุขนาดใหญ่นั้นมีประมาณเท่าเมล็ดถั่วหักตักตวงได้ห้าทะนาน ทรงพระบวรสัณฐานประมาณแม้นเหมือนหนึ่งพรรณทองอุไร พระบรมธาตุขนาด กลางนั้นไซร้มีประมาณเท่าเมล็ดข้าวสารหักตักตวงได้ห้าทะนานทรงพระบวรสัณฐานประมาณเหมือนพรรณแววแก้วผลึกอันเลื่อนลอย พระบรมธาตุขนาดน้อยประมาณแม้นเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดตวงได้หกทะนานทรงพระบวรสัณฐานดังพรรณสีดอกบุปผชาติพิกุลอดุลย์ใสสี พระบรมธาตุทั้งหลายเหล่านี้ หมู่มนุษย์และเทวะนิกร อมรินทร์ พรหมภิรมย์พากันเชิญเสด็จไปประดิษฐานรักษาไว้ พระบรมธาตุองค์ใหญ่ คือ พระรากขวัญซ้าย สถิตอยู่ชั้นพรหมา พระรากขวัญเบื้องขวา กับพระนลาตะอุณหิศ เสด็จสถิตอยู่เมืองอนุราชสิงหฬ พระเขี้ยวแก้วขวาเบื้องบนอยู่ดาวดึงษาสวรรค์ พระเขี้ยวแก้วขวาเบื้องล่างนั้น เสด็จอยู่เกาะแก้วลังกาสิงหฬ พระเขี้ยวแก้วซ้ายเบื้องบนอยู่เมืองคันธาระวิไสย พระเขี้ยวแก้วซ้ายเบื้องล่างนั้นไซร้สถิตอยู่เมืองนาคสถาน

แต่พระบรมสารีริกธาตุทั้งสิบหกทะนานนั้น ประดิษฐานไว้ในแผ่นพื้นภูมิภาคแห่งพระนครทั้งแปด คือเมืองราชคฤหบุรี เมืองเวสาลีสวัสดิ์ เมืองกบิลพัสดุ์มหานคร เมืองอัลปะกะบุรีรมย์ แลบ้านพราหมณ์นิคมเขต เมืองเทวะทะหะประเทศ เมืองปาวายะบุรินทร์ และเมืองโกสินรายน์ พระเกศา โลมา นขา ทันตา ทั้งหลาย เรี่ยรายประดิษฐานอยู่ทุกทิศทั่วทั้งจักรวาล ฝ่ายพระพุทธบริขารคือ บาตรแลจีวรท่อนผ้าสันถัตรัดประคดใน สมุกเหล็กไฟกล่องเข็มผ้ากรองน้ำธะมะการกวัสสิกะฏก ผ้าชุบสรง หนังนิสิทน์มีดโกนตลกบาตรเครื่องลาด แท่นพระบรรทม ลูกดานทองฉลองพระบาท ธาตุบริขารทั้งหลายนี้ องค์ขัติยาธิบดีพราหมณ์มหาศาลผู้เลื่อมใสกมลมาล ประกอบไปด้วยศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ได้อัญเชิญพระบรมธาตุบริขารสิบหกสิ่งนี้ไปประดิษฐานไว้ทั้งสิบเมือง ต่างกระทำสักการบูชารุ่งเรืองเห็นปรากฏ
กายนทนธนํ พระพุทธรัดประคด อยู่ ณ เมืองเทวะทะหะราฐ ปตฺโต บาตร อยู่เมืองอนุราชสิงหฬทวีปลังกา อุทกสาฏกํ ผ้าชุบสรงสถิตอยู่ ณ เมืองปัญจาละนคร จิวรํ ผ้าจีวร อยู่เมืองพันทะวิไสย หรนี สมุกเหล็กไฟอยู่เมืองตักสิลา วาสีสูจิฆรํ มีดโกนแลกล่องเข็มประดิษฐานอยู่เมืองอินระปัตมะไหสวรรค์ จมมํ หนังนิสิทน์สันถัต สถิตอยู่เมืองคันธาระราฐ ถวิกา ตลกบาตรแลเครื่องลาดที่พระบรรทม ลูกดานทองฉลองพระบาททั้งคู่ อยู่บ้านอุสิระคาม ยังพระธาตุบริขารอื่นอีกหกสิ่ง คือพระอังคาร ถ่านเถ้าเสาเชิงตะกอนนั้นสถิตอยู่ ณ เมืองโมรียะประเทศ จุฬามุนีบรมเกศธาตุ ประดิษฐาน อยู่ดาวดึงษาสวรรค์ กาสายะวัตถัง ผ้าทรง นั้นอยู่ ณ ชั้นพรหมา สุวณฺณโฑณํ ทะนานทอง ที่ตวงพระบรมสารีริกธาตุ สถิตอยู่นครโกสินรายน์รัตน มไหสวรรค์ พระบรมธาตุทั้งยี่สิบสองประการนั้นทรงพระคุณเป็นอันยิ่ง พระองค์ทรงอนุญาตประทานไว้ทุกสิ่งด้วยพระมหากรุณา หวังพระทัยเพื่อจะให้เห็นที่สักการบูชาเกิดผลานิสงส์อันเป็นสวัสดิมงคลแก่ฝูงเทพามนุษย์ กว่าจะยุติสิ้นสุดพระพุทธศาสนา


ครั้นกาลล่วงนานมาในห้าพันปี พระบรมธาตุทั้งหลายนี้เสด็จไปสู่ลังกาเกาะ เพื่อที่จะทรงสงเคราะห์ชาวสิงหฬ ให้เกิดสวัสดิมงคลด้วยกระทำสักการบูชาพระคุณ เมื่อถึงกาลพระพุทธศาสนาใกล้จะสิ้นสูญครบจำนวนถ้วนห้าพันปี พระบรมธาตุทั้งหลายนี้จะเสด็จไปสู่ที่พระเจดีย์ฐานดำรงอยู่โดยจำเนียรกาลบ่มิได้คลาด ครั้นถึงพระพุทธศักราชล่วงได้สี่พันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าพรรษาเศษสังขยาเดือนล่วงได้สิบเอ็ดเดือนกับยี่สิบสองวัน วันพฤหัสบดีเดือนหกขึ้นเก้าค่ำคิมหันตฤดูปีชวดนักษัตรอัฐศกเวลารุ่งอรุโณทัย พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายนี้ไซร้ จะสด็จไปสู่สถานที่สันนิบาต มิทันนานทรงทำยมกปาฏิหาริย์ด้วยพุทธฤทธิ์อันพิเศษ บังเกิดเป็นพุทธนิเวศน์ แลพระพุทธวรกายสูงได้สิบแปดศอก เปล่งพระรัศมีออกสิบหกประการ มีพระบวรสัญฐานวิจิตรจำรัสศรีสุนทโรภาสทรงพระสิริวิลาศอันเพริศแพร้ว ดวงพระพักตร์ผุดผ่องแผ้ว ดังสีสุวรรณทองแท่งธรรมชาติ พระรูปองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถเสด็จขึ้นสถิตนั่งเหนือรัตนบัลลังก์อาสน์ทรงพระสมาธิมั่นในควงต้นไม้พระศรีมหาโพธิ์ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ โปรดสัตว์คนธรรพ์ เทวะนิกร อมรฤษีสิทธิ์ พิทยาธร กินนร นาคราช ทั้งหมู่อสุระเดียรดาษนั่งแน่นเหนือพื้นแผ่นพสุธา สตฺตาหํ ทรงตรัสพระธรรมเทศนาโปรดสัตว์อีกเจ็ดวัน ในครั้งนั้นได้สี่อสงไขยสองล้านสามแสนหกสิบเจ็ดพันโกฏิแล้ว พระเตโชธาตุก็พวยพุ่งรุงโรจน์โชตนาการ สังหารพระบวรพุทธสรีระธาตุให้สิ้นสุดในวันพุธเดือนหกขึ้นสิบค่ำ ปีชวดนักษัตรอัฐศก พระพุทธศาสนาก็บรรจบครบจำนวนถ้วนห้าพันพรรษา
อหํ วนฺทามิ ธาตุโย ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
อหํ วนฺทามิ สพฺพโส ข้าพเจ้า ขอนมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ด้วยประการทั้งปวงฯ

วิธีอัญเชิญโดยทั่วๆไปมีดังนี้

1. จัดที่บูชาให้สะอาด

2. ตั้งพานมะลิบูชา (ถ้ามี)

3. นำน้ำสะอาดใส่ขันสัมฤทธิ์ตั้งไว้หน้าที่บูชา (ตามวิธีโบราณ)

4. ชำระล้างร่างกายให้สะอาด

5. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง มีสมาธิ

6. สมาทานศีล

7. ระลึกถึงพระพุทธคุณ (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิโสฯ)

8. สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ ดังนี้
" อัชชะตัคเค ปาณุเปตัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคะโต อัสสามิมะหันตา ภินนะมุคคา จะ มัชฌิมา ภินนะตัณฑุลา ขุททุกะ สาสะปะมัตตา เอวัง ธาตุโย สัพพัฏฐาเน อาคัจฉันตุ สีเสเม ปะตันเต "


หรือ

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ "
* การเสด็จมาอาจมีด้วยกันหลายวิธี เช่น เสด็จมาเอง หรือ มีผู้มอบให้ แบ่งองค์ ฯลฯ

การบูชาพระธาตุนั้น นอกเหนือจากการบูชาด้วย "อามิสบูชา" เช่น การบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และ เครื่องหอมต่างๆแล้ว การบูชาด้วยการ "ปฏิบัติบูชา" ซึ่งเป็นวิธีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ เป็นอีกวิธีการหนึ่ง ที่นิยมปฏิบัติควบคู่ไปด้วย ในการบูชาซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุทั้งหลาย โดยทั่วไปนิยมปฏิบัติตามแนวอริยมรรค 8 ประการ สรุปโดยย่อได้แก่

1. การบูชาด้วยศีล ซึ่งศีลเป็นพื้นฐานและเป็นที่ตั้งมั่นแห่งการทำความดี เป็นเกราะป้องกันความชั่วทั้งปวง ไม่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทำให้เกิดความพร้อมต่อการปฏิบัติสมาธิ (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)

2. การบูชาด้วยสมาธิ ซึ่งการสวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ ดูลมหายใจเข้า-ออก เป็นการฝึกความเข้มแข็งของจิต ให้มีกำลังในการพิจารณาหลักธรรมต่างๆได้ตามความเป็นจริง (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)

3. การบูชาด้วยปัญญา คือการใช้ปัญญาพิจารณาหลักความเป็นจริง ตามหลักไตรลักษณ์ (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ)

การบูชาพระธาตุยังได้ประโยชน์ ในด้านเป็นอนุสติอีกด้วย ดังนี้คือ

พุทธานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า (พระบรมสารีริกธาตุ)

ธัมมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระธรรม (ธรรมที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)

สังฆานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ (พระสงฆ์สาวกธาตุ)

สีลานุสสติ คือ การระลึกถึงศีลของตน (ศีลที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)

เทวตานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดา (เทวดารักษาพระธาตุ)

อุปสมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณพระนิพพาน (แดนพระนิพพานที่พระอริยเจ้าได้ก้าวล่วง)

มรณานุสสติ คือ การระลึกถึงความตายที่จะมาถึงตน (แม้พระอริยเจ้าก็ต้องตาย)

กายคตาสติ คือ ระลึกทั่วไปในกาย ให้เห็นว่าไม่งาม น่าเกลียด (เมื่อตายแล้วก็เหลือเพียงกระดูก)

หลักการวิธีการบูชา
ท่านที่มีพระบรมสารีริกธาตุ - พระธาตุไปบูชาต้องปฏิบัติ ดังนี้

๑.ต้องหมั่นสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน

๒. หมั่นบริจาคทานเสมอ

๓.ปฏิบัติศีล ๕ อย่างเคร่งครัด

๔.ปฏิบัติเจริญภาวนา สมาธิ

๕.ควรบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เป็นประจำ

๖.ควรบูชาด้วยน้ำมันจันทร์หอม

๗.วางไว้บูชาบนหิ้งพระ หรือ ในที่สูง – ใน สถานที่อันควร


อานิสงส์บูชาพระบรมสารีริกธาตุ – พระธาตุ

๑.ไม่ถึงแก่ชีวิตด้วยคมศาตราอาวุธของสัตรูผู้มุ่งร้าย

๒.มีปัญหาอุปสรรค ย่อมผ่านพ้นไปแน่นอน (ขอให้ตั้งบูชาจริง)

๓.ประกอบการค้าพานิณิชย์ จะเริญรุ่งเรืองไพบูลย์

๔.รับราชการ ยศ ตำแหน่งจะเจริญขึ้นเร็วและเจริญขึ้นเรื่อยๆ

๕.มีเมตตาเสน่ห์มหานิยม มหาโชค - มหาลาภ และคลาดแคล้ว

๖.เทวดาอารักษ์คุ้มครองรักษาตลอดกาล

๗.เมื่อดับจิตมีสุคติสรวงสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า

๘.ในบ้านเรือนครอบครัวจะสุขสงบร่มเย็น และรุ่งเรือง

๙.มีฤทิ์มีเดชมีอำนาจวาสนาบารมีแผ่ไพศาล บริวารจะเคารพหมู่ชนจะยำเกรง อานิสงส์นอกจากนี้ สุดแล้วแต่จะอธิษฐานเอาเอง






 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 23:39:26 น.
Counter : 7724 Pageviews.  

1  2  

sharefeeling
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




" อนุภาพของความ รู้สึก มันอยู่ที่การสื่อสาร "
<

sharefeeling

อนาคต เป็นเรื่อง ของเวลา ที่เราไม่รู้ และ ไม่มี ขอบเขต ... เวลาเท่านั้น ที่จะไหล ไป อย่างสม่ำ เสมอ เวลาเป็นตัวเก็บสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความลับ หรือ ปิดเป็นความลับ ถึงจะรีบร้อน .. จะเร่งรีบแค่ไหน เวลา ที่ ไหลไปเรื่อย ๆ ก็จะไหลไป .. อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง..

~ sharefeeling online ~
Friends' blogs
[Add sharefeeling's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.