Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
เขมร กุมภา 09 # 3

วันที่สามของเรา เดินทางไปที่พนมเปญค่ะ นั่งรถจากเสียมเรียบไปพนมเปญ ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน

ไปถึงพนมเปญ ไปดูคุกที่ขังนักโทษในสมัยเขมรแดง ไปดูพระราชวังและวัดพระแก้ว ไปที่ National Museum ที่ฝรั่งเศสสร้างให้ เสียดายที่มีของน้อยไปนิด เทียบกับอียิปต์แล้วคนละเรื่องกันเลย ไปวัดพนมที่กลางเมืองและไปดูปากน้ำที่แม่น้ำโขงกับโตนเลสาปมาเจอกัน ก่อนจะรวมเป็นแม่น้ำสายใหญ่ และไปรวมกับแม่น้ำจำปาสัก ไหลลงเวียตนามใต้

วันที่สี่ก็เดินทางกลับ แวะพระตะบอง มาถึงตลาดโรงเกลือตอนสี่โมงเย็น ไม่ได้กระจายรายได้ให้ที่นี่เลยเพราะเขาให้ขึ้นรถบ่อน (อีกแล้ว) กลับกรุงเทพฯ



เราสะดุดอยู่ที่คุก Toul Sleang ที่เดียว เพราะไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของสงครามเขมรสามฝ่าย ไม่รู้ว่าเขมรแดงมาจากไหน รู้จักแต่คำว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งจริงๆก็แค่เผ่าเดียวนั่นเอง กลับมาแล้วเลยไปหาความรู้เพิ่มเติมจากตรงนี้ค่ะ

เขมรแดง
//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87


คุก ตวล แสลง
//www.dek-d.com/board/view.php?id=558264


พอลพต พี่ชายหมายเลขหนึ่ง (1)
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=08-11-2006&group=3&gblog=22

พอลพต พี่ชายหมายเลขหนึ่ง (2)
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=14-11-2006&group=3&gblog=13

พอลพต พี่ชายหมายเลขหนึ่ง (3)
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=27-11-2006&group=3&gblog=1

พอลพต พี่ชายหมายเลขหนึ่ง (4)
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&date=03-12-2006&group=3&gblog=29


นั่นคือพวกเขมรแดงได้บังคับให้ชาวเมืองอพยพออกนอกเมืองโดยด่วนเพื่อหลบหนีการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินของสหรัฐฯที่ไม่พอใจว่ารัฐบาลที่ตัวเองหนุนถูกโค่นล้ม พอล พตและพวกอ้างว่าการเดินทางก็ไม่ไกลแค่สองสามกิโลเมตรเท่านั้น และใช้เวลาประมาณสองสามวันเท่านั้นก็กลับบ้านได้ แถมตอนออกไปก็ไม่ต้องล็อคบ้าน เพราะทางพรรคจะดูแลให้ทุกอย่าง

จาก พอลพต พี่ชายหมายเลขหนึ่ง (3)


ตอนที่ฟังไกด์เล่าว่าคนที่นี่ไม่เชื่อถือสถาบันการเงิน เงินที่ฝากในธนาคารไม่มีความหมายอะไร ทรัพย์สินใดๆที่เก็บไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร ยังไม่เข้าใจมาก จนมาเจอข้อความข้างบนเข้านั่นล่ะ

นี่คือคำบอกเล่าของไกด์ ชาวเขมรค่ะ...

ไกด์เล่าว่าเมื่อเขมรแดงเข้ามาแทนที่นายพลลอนนอล ชาวเขมรยินดีต่อการก้าวขึ้นมานำประเทศของเขมรแดงอย่างยิ่ง มีการโบกไม้โบกมือแสดงความดีใจ มียื่นดอกไม้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ (scene แบบนี้มันคุ้นๆตา เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนน่ะค่ะ ) แต่หลังจากนั้น นักศึกษาและข้าราชการถูกลวงมาฆ่าที่คุกแหล่งนี้และอีกหลายแห่ง พนมเปญกลายเป็นเมืองร้าง และเขมรแดงก็คือฆาตกรที่บังหน้าด้วย "ความเชื่อที่จะนำประเทศไปสู่ความเท่าเทียมกันในสังคม"

สมัยนั้น เขาอายุประมาณ 8 ขวบ ต้องออกไปทำงานตามที่ถูกบังคับ แรงงานมีหลายระดับตามอายุ ข้าวสาร 1 กิโลสำหรับคน 10 คนในหนึ่งวัน คนจึงตายเพราะขาดอาหารไปพอสมควร

ในยุคนั้น พ่อแม่กับลูกไม่ไว้วางใจกัน เวลาเจอกันแทบจะไม่คุยกัน ต่างคนต่างระแวงกัน ไม่ต้องนับถือกัน ถือว่าเป็นสหาย เรียกชื่อของอีกฝ่ายได้เลย เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าพูดอะไรไป อีกฝ่ายจะเอาไปบอกทหารแล้วจะถูกจับไปทรมานหรือไปฆ่าหรือเปล่า

ครั้งหนึ่งที่เขาเห็นคือ ครอบครัวข้าราชการที่ทหารมาพบเข้าว่าเป็นข้าราชการ จับพ่อกับแม่ไปฆ่า ส่วนลูกน้อยอายุไม่กี่เดือน ไม่ฆ่าแต่ปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง คนในหมู่บ้านเดินเรียงผ่านไปทำงานเป็นแถว เห็นและได้ยินเด็กร้อง ไม่มีใครกล้าอุ้ม ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะแตะเด็กเพราะถ้าใครไปแตะเข้าก็จะถูกทหารฆ่าเช่นกัน

การฆ่าเด็กเล็กก็ฆ่าได้ง่ายมากๆ แค่จับขาทั้งสองข้างเหวี่ยงหัวเด็กไปที่ต้นตาล แค่นั้น เด็กก็ตายแล้ว มีรูปวาดประกอบตามที่เขาเห็นมาจริงๆด้วย

การฆ่าคนทำได้ง่ายๆ ทำได้แม้การฆ่าเพื่อเอาคนมาถมที่ เช่น มีบ่อใหญ่แห่งหนึ่งที่ต้องการจะถมที่ ก็จะถมดินลงไปสลับกับศพคน บ่อตรงนั้นจะได้เต็มไวๆ ง่ายซะ

สถานการณ์ในตอนนั้น ทหารเขมรแดงตัดสินว่าใครถูกหรือผิดโดยใช้คำว่า “เชื่อว่า” ถ้าเขาเชื่อว่าใครทำผิด ก็ลงโทษได้เลย “เชื่อว่า” “เชื่อว่า” “เชื่อว่า” .... ฟังถึงตรงนี้แล้วหดหู่จัง การตัดสินใครว่ามีความผิด โดยใช้คำว่า "เชื่อว่า" ขอเถอะค่ะ จะที่ไหนก็ตามบนโลกใบนี้

ทหารจะให้ประชาชนย้ายหมู่บ้านไปเรื่อยๆ มีแผนที่การย้ายคนที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งด้วยเพื่อไม่ให้คนอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเกิดความคุ้นเคยและรู้ช่องทางการหลบหนี เมื่อคนถูกย้ายไปอีกที่ ก็จะต้องไปทำความคุ้นเคยกับที่ใหม่อีก มีแผนที่แสดงการวางแผนในการย้ายคนประกอบด้วย

ที่เห็นรูปทหารเขมรแดงดูเด็กนั้น ก่อนหน้าที่เขมรแดงจะขึ้นมามีอำนาจ มีข่าวว่าเด็กผู้ชายหายตัวไปจากบ้านและโรงเรียน คาดว่าเด็กที่หายไป คือพวกทหารเหล่านี้เอง

ญาติและคนในครอบครัวของไกด์ ตายไป 26 คนและหายสาบสูญไป 2 คน จนถึงวันนี้ ก็ไม่รู้ว่า 2 คนนั้นไปอยู่ที่ไหนหรือจริงๆคือตายไปแล้ว

เรื่องข้างบนนั่นคือการตกนรกครั้งที่หนึ่ง


ส่วนการตกนรกครั้งที่สอง

ช่วงสงครามเขมร 3 ฝ่าย มีการฝังลูกระเบิดเต็มไปทั้งประเทศ แต่ละฝ่ายจะฝังระเบิดเพื่อทำลายอีกฝ่าย ฝังไปฝังมาเลยทำยอดไปถึง 14 ล้านลูก เท่ากับประชากรชาวกัมพูชาในปัจจุบัน ตอนนี้กู้ไปได้ประมาณ 70% แล้ว เวลาจะเข้าไปใช้พื้นที่ไหน จะส่งวัวควายไปหยั่งเชิงก่อน ถ้าพวกนั้น อยูได้ ไม่โดนระเบิด คนก็คงจะอยู่ได้เช่นกัน

เขาหนีไปฝั่งไทย อยู่ตรงชายแดนที่มีทหารไทยอยู่ 2-3 วัน จำได้ว่าคืนหนึ่งได้กินปลากระป๋องกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย อย่างที่ไม่เคยได้กินมาก่อน เช้าวันรุ่งขึ้น ทหารให้ขึ้นรถ ไม่รู้ว่าขึ้นรถไปไหน มีชาวบ้านคนไทยมายืนส่งข้าวเหนียว หมู เนื้อต่างๆมากมาย ปรากฎว่ารถคันนั้น นำผู้อพยพไปส่งที่เขาพระวิหาร เดินขึ้นเขาพระวิหารไปแล้วให้ลงไปที่ฝั่งกับพูชา การลงคือ ไต่เขาลงไป

พื้นที่แถบทางนั้นมีลูกระเบิดฝังอยู่มาก โชคดีที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน มีผู้อพยพรุ่นก่อนหน้ามาลงทางนี้ ผู้อพยพเหล่านั้นถูกระเบิดตายนอนเกลื่อนเป็นทาง การจะหลบลูกระเบิดคือเดินผ่านตัวผู้อพยพที่นอนตายเหล่านั้นไป โดยไม่ให้กระทบพื้นดิน ความที่ตายมาแล้ว 3 วัน ศพก็เริ่มเน่าเปื่อย แต่ยังไงก็ต้องทนเหยียบย่ำหรือคลานไปบนตัวศพเหล่านั้นเพื่อรักษาชีวิต


การตกนรกครั้งที่สาม

เมื่อจบชั้นมัธยม วันสุดท้ายของการสอบ มีรถคันใหญ่มารับที่โรงเรียนพร้อมเสื้อผ้าชุดทหารและอาวุธ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกรบ ไม่มีการสอนว่ายิงปืนยังไง ป้องกันตัวยังไง

ถึงจุดหนึ่งของการสู้รบกับคนชาติเดียวกันกลายเป็นความชาชิน ไม่มีความรู้สึกว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องผิดบาปเพราะถ้าไม่ยิงเขา เขาก็ยิงเรา

ถึงที่สุดแล้ว การมีชีวิตในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขา ....


รูปที่ถ่ายในตวล แสลง



เตียงที่ใช้ทรมานนักโทษ มีเครื่องมือทรมาน อย่างตอกเล็บ ...



การทรมานวิธีนี้คือ ผูกตัวคนแล้วดึงขึ้นไป โยนลงมาในตุ่มน้ำ



แผนที่ในการโยกย้ายคนในแต่ละหมู่บ้าน



ภาพหัวกระโหลกมากมายในเขมร ไกด์บอกว่าจำนวนคนตายน่าจะประมาณ 3 ล้านคน ส่วนศพที่เปลี่ยนสภาพเป็นกระโหลกแบบนี้ น่าจะใช้เวลาสัก 6-7 เดือน



รูปวาด ตัวอย่างของวิธีการที่ทหารเขมรแดงฆ่าคน ไม่ได้ใช้อาวุธหนักเลย




ผู้หญิงในรูปที่อุ้มเด็กทารก มีอีกภาพที่ถ่ายด้านข้างโดยเขมรแดงทรมานเธอด้วยการใช้เหล็กเจาะศรีษะด้านหลัง ในภาพเธอยังอุ้มทารกคนนี้ หน้าเฉยๆแบบนี้ พร้อมรอรับความตาย (เวลาเขาทรมาน บอกก็ตาย ไม่บอกก็ตายค่ะ) แต่ยังเห็นน้ำตาหนึ่งหยดที่แก้มเธอค่ะ


..........................................

เริ่มสนุกแต่จบเศร้าเนอะ ภาพสลักก็เหมือนที่อียิปต์แหละ ในแง่ความเชื่อของการทำความดีความชั่ว ดูแล้วก็เพลินดีค่ะ

ส่วนที่มาสะดุดใจ คงเพราะเมื่อมาอ่านเพิ่มเติม ทำให้เห็นว่า ความเชื่อของคนเรานี่มันอันตรายจริงๆนะคะ ความเชื่อที่ว่าตัวเองดี ตัวเองเก่งและจะนำพาประเทศไปทางไหนๆ โดยลืมมองไปว่าคนที่ถูกนำ เขาไม่ได้เต็มใจไปทางนั้น หรือแม้เขาอาจจะเคยเต็มใจก็เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าผลที่ได้จะเป็นแบบนี้

และหวังอย่าให้ความคิดที่ว่า การสู้รบกับคนชาติเดียวกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับคนไทย ขออย่าให้มีวันนั้นเลยค่ะ


นึกขอบคุณเพื่อนร่วมทางเหมือนเคย มีสาวๆวัยเพิ่งจบมหาลัยมาไม่กี่ปีมาด้วย ทำเอาเรากับหญิงเล็กรู้สึกว่าเรายังรุ่นๆเหมือนเด็กพวกนั้นเลย

ขอบคุณร่างกายตัวเองที่ยังแข็งแรง ปีนป่ายบันไดตรงปราสาทพนมบาแค็งได้ว่องไวจนหลานสาวงงไปเลยว่า ทำไมอาชั้นขึ้นมาเร็วจัง ยังเดินไกลๆได้ กินได้กินดีและระบบต่างๆในร่างกายตัวเองก็ทำงานได้ดีทุกวัน

ขอบคุณโชคชะตาหรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้ได้มาเกิดในครอบครัวที่ดีและมีชีวิตที่ดีค่ะ ...



Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 2 เมษายน 2552 19:29:28 น. 4 comments
Counter : 2602 Pageviews.

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:22:54:40 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญร่วมงานสังสรรค์ประจำปี 2554 "เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน สานสัมพันธ์ 5.63 อ.ต." ณ ร้านอาหารครัวริมชล อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ วันเสาร์ที่ 19 ก.พ. 2554 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.9 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:02:11 น.  

 
^
^
คิดค่าเช่าพื้นที่โฆษณานะคะ


โดย: saifan วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:28:23 น.  

 
บรรยากาศที่นั่น มันยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน
ไปมาแล้ว....ก็ยังสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง ความทรมาน ความเจ็บปวด และความตาย โหดร้ายที่สุดเลย


โดย: UDTS#9 IP: 183.88.51.110 วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:14:00:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.