ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

กล่องรับบริจาคเจ๋งๆ !

กล่องรับบริจาค รูปที่ 1

กล่องรับบริจาค

กล่องรับบริจาค

กล่องรับบริจาค

กล่องรับบริจาค

กล่องรับบริจาค

กล่องรับบริจาค


//webboard.yenta4.com/topic/524660




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2555   
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 22:57:21 น.   
Counter : 3926 Pageviews.  

“ฟองดูว์ เฮ้าส์” บ้านของคนรักฟองดูว์

บรรยากาศโต๊ะนั่งแบบสบายๆ ภายในร้านฟองดูว์ เฮ้าส์

“ฟองดูว์” (Fondue) เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่มักจะนิยมกินกันในฤดูหนาว โดยนำเอาชีสมาตั้งไฟและหลอมละลายรวมกับไวน์ขาว และก็มีส้อมหรือเหล็กแหลมเสียบขนมปังแล้วจุ่มชีสร้อนๆ กิน เพื่อเสริมสร้างพลังงานและให้แคลอรีที่สูงมากๆ

สำหรับเมืองไทยเราแล้วหากนักกินคนไหนคิดอยากจะกิน “ฟองดูว์” คงไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาว เพราะหน้าหนาวบ้านเราเรียกว่าแทบจะไม่หนาวเลย หรือหนาวน้อยวันก็ว่าได้ แต่ว่าเราสามารถเลือกที่จะกินฟองดูว์ได้ตลอดทุกหน้า และได้ทุกวันตามใจปรารถนา

บรรยากาศโต๊ะนั่งดูอบอุ่น

เพียงแค่พากันมาที่ “ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ก็จะได้ลิ้มรสฟองดูว์เลิศรสกันแล้ว ซึ่งที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยมากว่า 30 ปีแล้ว มีฟองดูว์สไตล์สวิสเซอร์แลนด์และฝรั่งเศสขนานแท้ให้ได้ลิ้มรส และยังมีอาหารยุโรปให้ได้ลิ้มลองกันด้วย

ฟองดูว์ชีส

ว่าแล้วเมื่อมาถึงร้านแล้วก็อย่ามัวรอช้าสั่งฟองดูว์มาลิ้มรสกันเลยดีกว่า เริ่มด้วย ฟองดูว์ชีส (600 บาท+/หม้อ) เป็นฟองดูว์สไตล์สวิสฯ แท้ๆ เสิร์ฟมาแบบครบชุด คือมีหม้อตั้งไฟ ที่ภายในหม้อเป็นชีสจากสวิสฯ ที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ นำมาผสมกับไวน์ขาว และเหล้า คนผสมรวมกันกว่าครึ่งชั่วโมง เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังอบที่ทางร้านทำเอง เวลากินให้คนชีสไปเรื่อยๆ แล้วใช้แท่งเหล็กยาวปลายแหลมจิ้มขนมปังอบแล้วจุ่มลงไปในชีสร้อนๆ แล้วเอาขึ้นมาจะเห็นได้ถึงสัมผัสของชีสที่เหนียวยืด พอส่งเข้าปากกินแล้วละมุนลิ้นกับชีสหอมๆ รสเข้มข้นนุ่มยืดเข้ากับขนมปังกรอบเป็นที่สุด

ฟองดูว์น้ำมัน

แล้วก็ตามติดมาด้วย ฟองดูว์น้ำมัน (400 บาท+/คน) เป็นฟองดูว์น้ำมันสไตล์ฝรั่งเศส ที่เสิร์ฟมาแบบครบชุดเช่นกัน คือมีหม้อสเตนเลสที่ใส่น้ำมันลัมตั้งไฟมา และก็มีเนื้อสัตว์ให้เลือกต่างๆ ซึ่งใน 1 ชุด สามารถเลือกเนื้อได้ 4 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะนำเข้าจากออสเตรเลียหมักกับไวน์และบรั่นดีสูตรพิเศษ เนื้อไทยส่วนสันในที่คัดสรรมาอย่างดีหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษ กุ้ง ไก่ เนื้อหมู ตับ หอยนางรมห่อเบคอน ปลากะพง เวลากินก็นำเนื้อสัตว์จุ่มลงไปในน้ำมันร้อนๆ พอสุกได้ที่ก็นำขึ้นมาจิ้มกับซอสรสเด็ดที่ทางร้านทำเอง ซึ่งมีหลายรสชาติ คือ ทาร์ทาร์ซอส บาร์บีคิวซอส เทาซันด์ไอส์แลนด์ซอส ซอสแตงกวา และยังมีสลัดผักและขนมปังกระเทียมเสิร์ฟมาให้กินเคียงกันด้วย

ฟองดูว์ชอคโกแลต

จากนั้นสลับรสชาติจากของคาวมากินของหวาน คือ ฟองดูว์ชอคโกแลต (300 บาท+/ที่) เป็นฟองดูว์สไตล์ฝรั่งเศสเช่นกัน โดยมีหม้อใส่ชอคโกแลตที่ทางร้านคัดสรรสชอคโกแลตแท้ๆ อย่างดี นำมาผสมกับบรั่นดีด้วย และจุดไฟมาพร้อมกับผลไม้สด อย่างกล้วยหอม สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และขนมปังกรอบเป็นแท่งๆ ที่ทางร้านทำเอง เวลากินก็ให้นำผลไม้จุ่มลงไปในชอคโกแลต แล้วส่งเข้าปากจะสัมผัสได้ถึงรสชาติอันเข้มข้นของชอคโกแลตแท้ๆ ที่หอมหวานได้ใจ

ซุปหัวหอม

และใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ฟองดูว์เลิศรสให้ได้ลิ้มลองเท่านั้น เพราะว่ายังมีเมนูยุโรปอื่นๆ ที่ชวนกินไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซุปหัวหอม (150 บาท+) สไตล์ฝรั่งเศสที่ตัวน้ำซุปได้จากน้ำสต็อกเนื้ออย่างดี ใส่หัวหอมลงไปเคี่ยวด้วยนานกว่า 5-6 ชม. และใส่ขนมปังที่อบมากับชีสลงไปในซุปด้วย เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ เป็นซุปหัวหอมที่เข้มข้นหวานหอมกลมกล่อมละมุนลิ้นเป็นยิ่งนัก

ลีลาการปรุงเครปซูเซท

เครปซูเซท (320 บาท+) เป็นอีกหนึ่งของหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อของทางร้าน ที่ถ้าสั่งเมื่อไหร่จะได้เห็นขั้นตอนการทำ ซึ่งทางร้านจะโชว์การทำซอสส้มตามสูตรเด็ดที่จะนำมาราดลงบนแป้งเครปที่ทาง ร้านทำเอง เสิร์ฟคู่มากับไอศกรีมรสวนิลา โรยด้วยอัลมอนด์และใส่เชอร์รี่ ลิ้มรสแป้งเครปนุ่มนิ่มชุ่มซอสส้มเปรี้ยวหวาน กินคู่กับไอศกรีมเย็นๆ สดชื่นปากดีจริง

เครปซูเซท

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ สเต็กคาเฟเดอปารีส (400 บาท+) สันในหมูราดซอสเห็ดเนยแข็ง (320 บาท+) เนื้อแกะนิวซีแลนด์ (400 บาท+) เป็ดซอสส้ม (300 บาท+) ไก่ย่างอบชีส (200 บาท+) ฯลฯ เรียกว่าหากใครที่ชื่นชอบกินฟองดูว์สไตล์สวิสฯ และฝรั่งเศสแท้ๆ ก็อยากให้ลองแวะเวียนมาที่ ”ฟองดูว์ เฮ้าส์” เพราะไม่แน่ที่นี่อาจจะกลายเป็นร้านประจำของคนรักฟองดูว์อย่างคุณไปเลย

โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

”ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ตั้งอยู่ที่ 25/4 ซ.ชำนาญอักษร ถ.พหลโยธิน9 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอารีย์ ลงฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานควาย ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซ.พหลโยธิน 9 ตรงเข้ามาในซอยประมาณ 200 เมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซ.ชำนาญอักษร ตรงเข้ามาอีก 50 เมตร ร้านฟองดูว์ เฮ้าส์จะอยู่ด้านซ้ายมือ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 18.00-23.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร .มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2279-4731




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2555   
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 22:55:52 น.   
Counter : 2677 Pageviews.  

สาวๆ FHM สุดเซ็กซี่ ท้าหนุ่มๆมาจีบ M STORM Dating Game




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2555   
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 22:53:49 น.   
Counter : 2236 Pageviews.  

นิราศภูเขาทอง บทประพันธ์เอกของสุนทรภู่




เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง

อย่างที่ทราบกันดีว่า วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีเป็น วันสุนทรภู่ และเมื่อกล่าวถึง สุนทรภู่ เชื่อแน่ว่า คนที่รักในบทกวี หรือผู้ที่ศึกษาวิชาภาษาไทยย่อมต้องรู้จักนามนี้เป็นอย่างดี เพราะพระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สุนทรภู่  เป็นหนึ่งในกวีเอกของเมืองไทย ที่มีความชำนาญด้านการประพันธ์ โดยเฉพาะผลงานประเภทนิราศที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นผลงานที่โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ ในการนำถ้อยคำ หรือประโยคที่เรียบง่าย มาร้อยเรียงเพื่อสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน

          นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังสอดแทรกคติธรรมคำสอน รวมถึงข้อเตือนใจต่าง ๆ โดยเล่าผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งในบรรดานิราศที่มีอยู่หลายเรื่องนั้น นิราศภูเขาทอง นับเป็นบทประพันธ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศที่ดีที่สุดของสุนทรภู่ เนื่องมาจากมีความยาวไม่มากนัก แต่กลับครบถ้วนในความเป็นบทกวี และพรั่งพร้อมด้วยแง่คิดในดำรงชีวิต

  ทั้งนี้ สุนทรภู่ได้ประพันธ์นิราศภูเขาทองขณะที่อายุได้ 42 ปี โดยใจความของนิราศภูเขาทองได้พรรณนาเรื่องราวในช่วงเวลาหลังจากบวชมาหลายพรรษาแล้ว  และอยู่ในระหว่างการเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปีพ.ศ. 2371 ซึ่งระหว่างทางนั้นได้เกิดความอาลัยถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แม้ว่าท่านทรงเสด็จสวรรคตไปหลายปี โดยเมื่อเห็นภาพต่าง ๆ ระหว่างเดินทาง มักทำให้ย้อนนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต  นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเปรยการใช้ชีวิตเมื่อยังหนุ่ม กับชีวิตในขณะปัจจุบันที่ผ่านการปฏิบัติธรรมทำให้มีมุมมองชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม โดยบทประพันธ์นิราศภูเขาทองมีดังนี้

กลอนนิราศภูเขาทอง


๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา

รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย

ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย

สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย มาจำไกลอารามเมื่อยามเย็น

โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น

เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง

จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง

จึงจำลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาครฯ


๏ ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร

โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น

พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ

ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา

จะสร้างพรตอุตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา

เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงพระบาททุกชาติไปฯ


๏ ถึงหน้าแพแลเห็นเรือที่นั่ง คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล

เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง

เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอ่านฉลอง

จนกฐินสิ้นแม่น้ำแลลำคลอง มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา

เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา

สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ฯ


๏ ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล

ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสกล ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน

เป็นสำคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา

ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา

อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง

ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน้ำ แพประจำจอดรายเขาขายของ

มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสำเภาฯ


๏ ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา

โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย

ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย

ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ


๏ ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน

เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน จึงต้องขืนในพรากมาจากเมือง

ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลือง

ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน

ถึงบางโพธิ์โอ้พระศรีมหาโพธิ์ ร่มริโรธรุกขมูลให้พูนผล

ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภัยพาลสำราญกายฯ


๏ ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย

ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง

จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง

ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืนฯ


๏ โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จพระบรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น

ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา

โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา

เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน

ดูน้ำวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉันฉวัดเฉวียน

บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเปลี่ยนเปลี่ยนคว้างคว้างเป็นหว่างวน

ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน

โอ้เรือพ้นวนมาในสายชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลาฯ


๏ ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา

โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา เหมือนกลิ่นผ้าแพรดำร่ำมะเกลือ

เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ

เหมือนโศกพี่ที่ระกำก็ซ้ำเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย

ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย

ทั้งของสวนล้วนแต่เรือเรียงราย พวกหญิงชายชุมกันทุกวันคืนฯ


๏ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น

โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร

เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย

ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกาฯ


๏ ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา

เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย

โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย

นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิดฯ


๏ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต

แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ


๏ ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปรารถนา

ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสุกสวัสดิ์จำกัดภัย

ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้

เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา

ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก สู้เสียศักดิ์สังวาสพระศาสนา

เป็นล่วงพ้นรนราคราคา ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดีฯ


๏ ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี

ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว

โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว

โอ้เรานี้ที่สุนทรประทานตัว ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ

สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย

แม้นกำเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี

สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี

เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมาฯ


๏ ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง ไม่มีฝูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา

ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นึกก็น่ากลัวหนามขามขามใจ

งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว

ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง

เราเกิดมาอายุเพียงนี้แล้ว ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง

ทุกวันนี้วิปริตผิดทำนอง เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไรฯ


๏ โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว

ถวิลหวังนั่งนึกอนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น

ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ระวังทั้งสัตว์น้ำจะทำเข็ญ

เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอาฯ


๏ พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา

ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว

เป็นเงาง้ำน้ำเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว

เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย

เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด เรือเราฝืดเฝือมานิจจาเอ๋ย

ต้องถ่อค้ำร่ำไปทั้งไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก

กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน เรือขย่อนโยกโยนกระโถนหก

เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก น้ำค้างตกพร่างพรายพระพายพัด

ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด

เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอนฯ


๏ แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน

จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กาเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม

ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจิงหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม

วังเวงจิตคิดคะนึงรำพึงความ ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส

สำรวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ

โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด ช่วยนั่งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย

จนเดือนเด่นเห็นกอกระจับจอก ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย

เห็นร่องน้ำลำคลองทั้งสองฝ่าย ข้างหน้าท้ายถ่อมาในสาคร

จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร

เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา

สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา

กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดั่งดาวพราย

โอ้เช่นนี้สีกาได้มาเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย

ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบัวผันสันตวา

ถึงตัวเราเล่าถ้ายังมีโยมหญิง ไหนจะนิ่งดูดายอายบุปผา

คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน

นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน

พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงตำบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจฯ


๏ มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง คิดถึงครั้งก่อนมาน้ำตาไหล

จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย ก็จะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน

แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล

เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัปประมาณฯ


๏ มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน

บ้างขึ้นล่องร้องลำเล่นสำราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง

บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง

มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสำเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู

อ้ายลำหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู

ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอนฯ


๏ ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด จนสงัดเงียบหลับลงกับหมอน

ประมาณสามยามคล้ำในอัมพร อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ

นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง มันดำล่องน้ำไปช่างไวเหลือ

ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเคอะดูเซอะซะ

แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ

ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปองฯ


๏ ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง

ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย

อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส

ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคงลัยล้อมรอบเป็นขอบคัน

มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงกำแพงกั้น

ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม

บันไดมีสี่ด้านสำราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม

ประทักษิณจินตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบคำนับอภิวันท์

มีห้องถ้ำสำหรับจุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวียนอยู่เหียนหัน

เป็นลมทักขิณาวัฏน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก

ทั้งองค์ฐานราญร้าวถึงเก้าแสก เผลอแยกยอดสุดก็หลุดหัก

โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น

กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น

เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้นฯ


๏ ขอเดชะพระเจดีย์คีรีมาศ บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์

ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวันท์ เป็นอนันต์อานิสงส์ดำรงกาย

จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย

ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์

ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง

ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดาน

อีกสองสิ่งหญิงร้ายแลชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน

ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ตราบนิพพานภาคหน้าให้ถาวรฯ


๏ พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร

สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองซ้อนเชิญองค์ลงนาวา

กับหนูพัดมัสการสำเร็จแล้ว ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา

มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ

แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน้ำตาไหล

โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียน้ำใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน

สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก กำเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน

พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ ให้ล่องวันหนึ่งมาถึงธานีฯ


๏ ประทับท่าหน้าอรุณอารามหลวง ค่อยสร่างทรวงทรงศีลพระชินสีห์

นิราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนา

ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา

เป็นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ

ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย

ซึ่งครวญคร่ำทำทีพิรี้พิไร ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา

เหมือนแม่ครัวคั่วแกงแพนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา

อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยน่าเสียสักหน่อยอร่อยใจฯ


๏ จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน

นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอยฯ


แม้ว่าการประพันธ์นิราศภูเขาทอง จะมีขึ้นในสมัยอดีต และผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน แต่นิราศภูเขาทองก็ยังเป็นที่นิยม โดยได้รับการตีพิมพ์ในแบบเรียนวิชาภาษาไทย หรือถูกนำไปใช้ในการผลิตสื่อการเรียน การสอนต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการเรียนรู้วิธีแต่งบทประพันธ์ไทยที่เรียบง่าย แต่สามารถสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี

และนอกจากนิราศภูเขาทองนี้ สุนทรภู่ยังมีผลงานประพันธ์ที่ทรงคุณค่าอีกมากมาย จนกระทั่งสุนทรภู่ได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นกวีดีเด่นของโลก ในวาระครบรอบวันเกิด 200 ปี เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 อีกด้วย
//hilight.kapook.com/view/72381




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2555   
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 22:52:36 น.   
Counter : 4005 Pageviews.  

Move เสื้อผ้าแบบใหม่ ที่แม่นยำด้านความเคลื่อนไหวแบบเป๊ะ ๆ

Move เสื้อผ้าแบบใหม่ ที่แม่นยำด้านความเคลื่อนไหว

Move เสื้อผ้าแบบใหม่ ที่แม่นยำด้านความเคลื่อนไหว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก electricfoxy.com

           จะว่าไปแล้ว ลักษณะการใช้ชีวิตของคนเราในทุกวันนี้ ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงกันไปพอสมควร โดยเฉพาะชีวิตของคนเมืองที่มีไม่น้อยเลยทีเดียว หันมาใส่ใจและดูแลรักษาสุขภาพร่างกายกันทุกวัน ซึ่งนี่เองคงจะดีไม่น้อยเช่นกัน ถ้าหากเรื่องของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จะช่วยให้การใส่ใจสุขภาพของคนเรานั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  มาวันนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้ทำให้การออกกำลังกายดูมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะล่าสุดมีบริษัทหัวคิดดี ได้นำเทคโลยีสมัยใหม่มารวมไว้กับเสื้อผ้าที่เรา ๆ สวมใส่เพื่อออกกำลังกาย ซึ่งสามารถช่วยให้การบริหารร่างกายนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย "Move"

           Move เป็นเสื้อผ้าแบบใหม่ที่ได้นำความสามารถของสมาร์ทโฟนรวมถึงระบบสมดุลร่างกายต่าง ๆ มาใช้ร่วมกัน โดยเสื้อผ้า Move นี้ จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อของผู้สวมใส่เอาไว้ เพราะเมื่อออกกำลังเสร็จแล้ว ผู้ใช้งานสามารถมาดูได้ว่าที่ผ่านมานั้นออกกำลังได้เต็มที่หรือไม่ มีปัญหากับการยืดกล้ามเนื้อส่วนไหนหรือเปล่า และหากมีอาการบาดเจ็บที่หาสาเหตุไม่เจอ ก็สามารถใช้ข้อมูลที่ Move บันทึกไว้มาวิเคราะห์ถึงสาเหตุได้ด้วย

           สำหรับ Move เป็นผลงานชิ้นเอกของบริษัท Electricfoxy โดยพวกเขาอธิบายว่า ที่ตัวเสื้อนั้น จะมีเซ็นเซอร์คอยเก็บข้อมูลเอาไว้ 4 จุด ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างของตัวเสื้อ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่นทางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต หรือหากจะนำข้อมูลที่บันทึกไว้ไปแชร์ต่อ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดเลยด้วย ฉะนั้นแล้ว Move จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายประเภท โยคะ คลาสฟิตเนส หรือกีฬาอื่น ๆ ที่มีการบริหารกล้ามเนื้อเยอะ ๆ

อย่างไรก็ดี Move ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลองและการพัฒนาด้านอื่น ๆ ต่อไป เนื่องจากทาง Electricfoxy รู้ดีว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนคิดทำ เพียงแต่ว่าที่ผ่าน ๆ มาก็ยังไม่มีใครทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่นัก ดังนั้น พวกเขาก็อยากจะมั่นใจว่าผลงาน Move จะใช้งานได้ผลจริง ๆ  จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการทดลองต่อไปเรื่อย ๆ ก่อน

           ก็ต้องมาดูว่า Move จะประสบความสำเร็จในด้านการใช้งานเหมือนที่ทาง Electricfoxy ตั้งเป้าเอาไว้หรือไม่ ซึ่งยังไงเราก็ขอเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ เพราะนี่คือแนวคิดชั้นเยี่ยมที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะถ้าไม่ประสบความเร็จหรือใช้งานแล้วพบปัญหาโน่นนี่ ก็คงเป็นที่น่าเสียใจแย่




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2555   
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 22:49:42 น.   
Counter : 1909 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]