ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

Sanook! Auto Advance :...ดับเครื่องประหยัดน้ำมัน เรื่องกังขา ที่ต้องมาปรับความเข้าใจ

หากพูดถึงการขับรถยนต์ให้ประหยัดแล้ว ปัจจุบัน
ราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้
เราหลายคนต้องปรับตัวกับสถานการณ์ที่รังแต่จะแย่ลง
ทว่าการขับรถให้ประหยัดนั้นก็ยังเป็นหนทางที่ดีที่สุดเสมอแม้จะมีเทคโนโลยี
ใหม่ๆเข้ามาช่วยก็ตาม



การขับรถให้ประหยัดเป็นเรื่องที่กล่าวถึงมากในยุคน้ำมันแพง
และหนึ่งในหลายคำแนะนำที่เราเคยได้กล่าวไป
ก็มีข้อคำถามข้องใจโดยเฉพาะเรื่องราวการดับเครื่องยนต์ชั่วคราวเพื่อประหยัด
น้ำมัน จนหลายคนไม่เชื่อว่ามันจะทำได้จริง
ด้วยแนวคิดว่าทุกครั้งที่ติดเครื่องยนต์จะต้องมีการจ่ายน้ำมันมากกว่าที่
เดินเครื่องทั่วไปๆ


เทคนิคดับเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันไม่ใช่ของใหม่ในโลกยานยนต์
เพราะไม่ว่าใครก็ต้องรู้ดีว่าติดเครื่องยนต์รถต้องทานน้ำมัน
แต่สำหรับใครที่ไม่เชื่อว่าการติดๆดับๆ เครื่องยนต์นั้นจะทำให้ประหยัดได้ไง
วันนี้ เราจะพาเพื่อนๆไปล้วงแคะ แกะเกาแนวคิดนี้ ในคอลัมน์ใหม่ Auto
Advance ....




เข้าใจในการสตาร์ทเครื่อง ..เรื่องที่ทำทุกวัน แต่คุณอาจไม่เคยรู้





เราทุกคนเคยสตาร์ทเครื่องยนต์กันมาแล้วและมันเป็นเรื่องที่เราทำกันทุก
วันเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปได้ ทว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่า
เบื้องหลังการบิดกุญแจ แชะๆ..แล้ว บรึ้นเป็นเสียงเครื่องยนต์เดินเบา
ต้องประกอบด้วยการทำงานจากหลายองค์ประกอบสำคัญ


Idling Stop


การสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ทำงานเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่าย
ถ้าไม่ได้ส่วนผสมที่ถูกต้อง ซึ่งพื้นฐานช่างยนต์ทุกคน
ต้องเรียนรู้ส่วนผสมของอากาศและน้ำมัน และสำหรับเครื่องยนต์เบนซินนั้น
อาจจะมีไฟจากหัวเทียนเป็นส่วนประกอบในการทำให้เกิดการจุดระเบิด
ซึ่งเป็นต้นกำลังให้เครื่องยนต์ทำงาน


บิดกุญแจแล้วเครื่องติดคือพื้นฐานที่เกิดขึ้นในด้านคนใช้รถ
แต่เบื้องหลังของการสตาร์ทนั้น เมื่อเราบิดกุญแจ ไฟฟ้าจากสวิทช์กุญแจ
จะถูกส่งต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ท หรือ ที่ช่างไทยเรียกว่าไดร์สตาร์ท
เพื่อทำหน้าที่ในการติดเครื่องยนต์และมันทำงานทุกครั้งที่คุณสตาร์ทเครื่อง


มอเตอร์สตาร์ทมีมากมายหลายแบบ แต่ที่เราคุ้นเคยคือมอเตอร์สตาร์ทไฟฟ้า
ซึ่งใช้ไฟฟ้ามากระตุ้นโซลินอยด์ในตัวดันฟันเฟืองจิ๋วๆในตัว
เข้าไปยังล้อช่วยแรงหรือที่เรียกว่า Flywheel
ซึ่งต่อตรงมาจากชุดข้อเหวี่ยงฐานของลูกสูบ
โดยจะหมุนฟลายวีลเป็นระยะเวลาสั้นๆ
เมื่อเกิดการจุดระเบิดเครื่องยนต์ก็ติดและเดินเบาพร้อมใช้งาน





ดั้งเดิมการสตาร์ทรถใช้วิธีการมือหมุนหรือเท้าถีบ
ซึ่งยังเห็นได้ในมอเตอร์ไซค์หลายรุ่น แต่สิ่งที่ทุกคนเข้าใจว่า
สตาร์ทรถยนต์นั้นต้องใช้น้ำมันมากนั้น มาจากเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์
ที่ใช้การผสมแบบคงที่จาก ตัวผสมน้ำมันกับอากาศในชุดคาร์บู หรือที่เรียกว่า
"นมหนู" ทำให้ทุกครั้งที่ติดเครื่องยนต์ อาจจะซดน้ำมันมากกว่าปกติ


ปัจจุบันการสั่งจ่ายน้ำมันของเครื่องยนต์ถูกพัฒนาไปสู่ระบบหัวฉีดที่ให้
ความแม่นยำยิ่งขึ้นในการจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้
โดยสั่งกำหนดค่าประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์จากกล่อง ECU (Electronic Control
Unit) ซึ่งจะวัดค่าต่างๆ เช่นความร้อนหม้อน้ำ ความร้อนเครื่อง และ
น้ำมันเครื่องรวมถึงปริมาตรอากาศ แต่ทั้งหมดนั้นแบ่งการสตาร์ทเป็นเพียง 2
ลักษณะ คือ สตาร์ทเย็น กับสตาร์ทร้อน


การสตาร์ทเย็นและสตาร์ทร้อน
เป็นการแบ่งภาวะอุณหภูมิของเครื่องยนต์ในขณะนั้นว่ามีลักษณะทางกายภาพเป็น
อย่างไรบ้าง โดยการสตาร์ทเย็นจะมีขึ้นเมื่อเราไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานๆ
ทำให้เครื่องยนต์สูญเสียความร้อนที่เหมาะสมในการทำงาน ซึ่งอยู่ในช่วง 85-92
องศาเซลเซียส โดยประมาณ ทำให้การจุดระเบิดทำได้ยากกว่า
จึงต้องมีการจ่ายน้ำมันเพิ่มจากอัตราปกติ
ตรงนี้เองคือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจเรื่องการสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าทุกครั้ง
ที่สตาร์ทเครื่อง



Idling Stop

กลับกันการสตาร์ทร้อนเป็นการทำให้เครื่องยนต์ติดในอุณหภูมิที่เหมาะสม
แล้ว ทำให้เพียงจ่ายน้ำมันตามปกติ เครื่องยนต์ก็จะสามารถติดได้ง่าย
โดยไม่สิ้นเปลือง
และคือจุดที่วิศวกรหรือกูรูมักจะพูดว่าการดับเครื่องยนต์แล้วสตาร์ทใหม่อีก
ครั้งจะมีความประหยัดมากกว่า



Start-Stop..เทคโนโลยีชั้นนำ ยืนยันความเชื่อผิดๆ





เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้วจะพบว่า
การดับเครื่องยนต์และสตาร์ทใหม่เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้งานน่าจะมีข้อดี
มากกว่าข้อเสีย
และมันก็ยืนยันด้วยเทคโนโลยีชั้นนำที่กำลังมาอยู่ในรถหลายๆรุ่นที่บ้างเข้า
มาขายแล้วในบ้านเรา


"ดับชั่วขณะ..ประหยัดมากกว่า"
คือคำที่เรานิยามให้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะมาถึงมือผู้บริโภคอย่าง
เราๆท่านๆ โดยเราคนไทยอาจจะคุ้นเคยในชื่อ Idling Stop
แต่ความจริงมันเรียกว่า Start-Stop



Idling Stop

ระบบดับเครื่องยนต์ชั่วคราว
เป็นการดับเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาที่เหมาะสม
โดยมากไม่เกิน 175 วินาทีหรือ 3 นาที
แต่ความสะดวกสบายไม่ได้ถูกตัดทำงานลงไปด้วย
ซึ่งถ้าเปรียบกับรถเก่าก็เหมือนเราดับเครื่องยนต์แล้วบิดกุญแจมาตำแหน่ง AC
นั่นเอง


Idling Stop


เทคโนโลยีในการดับเครื่องยนต์นี้ไม่ใช่เรื่องให่มแต่มีการคิดค้นกันมา
เกือบจะ 40 ปี แล้ว โดยครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนเป็นค่ายรถยนต์ Toyota
ที่ทดลองระบบนี้ใน Toyota Crown
ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเมื่อรถหยุดนิ่งนานกว่า 1.5 วินาทีเครื่องยนต์จะดับลง
ผลคือสามารถประหยัดมากขึ้นกว่า 10 %


ความเฟื่องฟูของการดับเครื่องยนต์อัตโนมัตินั้นมาเริ่มเมื่อช่วงปี 2006
เมื่อค่ายรถยนต์ Citroen แนะนำระบบดังกล่าวในรถยนต์ซิตี้คาร์ Citroen
C2 และ C3 ก่อนที่ BMW จะผลิตระบบเดียวกันนี้ใส่ไว้ในรถ Mini
ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 และ Toyota
ต้นตำรับเองก็ผลิตรถที่มีเทคโนโลยีเดียวกันวางจำหน่ายญี่ปุ่น รวมถึง Mazda
ที่มีเทคโนโลยีเดียวกันในเครื่องยนต์บล็อก Sky Activ
แต่กำลังจะพัฒนาไปอีกขั้นโดยใช้ระบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้มอเตอร์สตาร์ทอีกต่อไป
เรียกว่า i-E loop ที่อยู่ใน Mazda Takeri
ต้นแบบที่อวดโฉมไปเมื่อไม่นานนี้





ความนิยมในเทคโนโลยีทำให้เป็นคำยืนยันที่ดีว่าวิศวกรระดับหัวกะทิยังคิด
ว่าการดับเครื่องยนต์ชั่วขณะมีแต่เรื่องดี ซึ่งนาย ไมค์ โอโมโตโซ่
ผู้อำนวยการฝ่ายการคาดการณ์ระบบขับเคลื่อนจาก J.D. Power เอง
ก็ออกมาให้นิยามว่า ระบบ Start-Stop นี้คืออนาคตต่อไปของรถวันหน้า
และเมื่อเทียบกับการเดินเครื่องปกติแล้ว มันจะสามารถประหยัดมากกว่า 10%








บทสรุปดับเครื่องประหยัดน้ำมัน ตกลง..ยังไงแน่





เมื่อมองย้อนไปในความเป็นจริงของการดับ
เครื่องประหยัดน้ำมัน จะเห็นว่า
ทั้งหลักการพื้นฐานและเทคโนโลยีนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทุกครั้งที่
เราดับเครื่องยนต์นั้นย่อมดีกว่าทั้งในเรื่องความประหยัด ซึ่ง
การดับเครื่องยนต์เมื่อรถติด หรือรถหยุดนิ่งนานๆ
ย่อมประหยัดกว่าจอดติดเครื่องทิ้งไว้แน่นอน
เพราะทุกครั้งที่เครื่องยนต์เผาไหม้ย่อมหมายถึงการสูญเสียน้ำมันนั่นเอง
และยิ่งถ้ามองให้ลึกกว่านั้น
มันยังช่วยในด้านสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยไอเสียไปด้วย











ในเรื่องความเข้าใจในการสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละครั้งจะสูญเสียน้ำมัน
มากกว่าการเดินเครื่องยนต์ คงต้องยอมรับว่า
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

โดยเฉพาะเมื่อการจ่ายน้ำมันมีความแม่นยำมากขึ้นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

ที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันจำนวนมากในการทำให้เครื่องยนต์ทำงานอีกต่อไป


แม้เราเอาจจะสามารถปรับความเข้าใจในเรื่องการสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ ได้
แต่ก็ยังมีหลายคนที่น่าจะยังโต้แย้งในเรื่องของการสึกหรอของเครื่องยนต์
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการสตาร์ทเครื่องบ่อยๆจะทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างมีการ
สึกหรอมากขึ้น โดยเฉพาะมอเตอร์สตาร์ท
แต่ก็อย่าลืมว่ามอเตอร์สตาร์ทเป็นชิ้นส่วนที่ทำงานชั่วขณะเท่านั้น
ส่วนชิ้นส่วนภายในห้องเผาไหม้ต่างๆ ก็ไม่น่ากังวลมากนัก
เนื่องจากเมื่อเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่เหมาะสมจะมีการลดแรงเสียดทานจากภาวะ
ขยายตัวของโลหะจากค่าความร้อน


การดับเครื่อง
ยนต์ประหยัดน้ำมัน
ท้ายที่สุดแล้วคงต้องอยู่ที่ผู้ขับขี่ว่าจะตัดสินใจเลือกสบายหรือเลือก
ประหยัด แต่ไม่ว่าจะทางใดที่คุณเลือกทางใด
ในชั่วโมงนี้อะไรทีทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้
น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา ๆ ท่านๆ





Create Date : 24 มกราคม 2555
Last Update : 24 มกราคม 2555 16:14:03 น. 0 comments
Counter : 1495 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]