ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใน "คัมภีร์กามา สุตรา" 20+

กามสูตร(Kama Sutra) เป็นคัมภีร์อินเดียโบราณว่าด้วย เพศศึกษา หรือพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์เชื่อกันว่า วาตสยายน เป็นผู้เขียนคัมภีร์เล่มนี้ แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนแน่นอนได้ โดยเนื้อหาของกามสูตรซึ่งพบเห็นในปัจจุบัน ประกอบขึ้นจากเนื้อหาของผู้ประพันธ์หลายท่าน แต่ที่พบเห็นในเน็ตหรือที่ตรงกับมโนภาพของคนทั่วไปนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “กามสูตร”

กามสูตร ไม่ใช่ตำราสอนท่าร่วมรัก แต่เป็นตำราสอนเพศศึกษาสำหรับชาย-หญิง ให้ความรู้ด้านเพศศึกษาอย่างครบถ้วน มิได้มีแต่การร่วมรักอย่างที่เข้าใจกัน นอกจากเนื้อหาด้านศีลธรรมแล้วยังใช้อ้างอิงและศึกษาสภาพสังคมอินเดียในยุคสมัยนั้นด้วย ในรูปแบบ โศลก (คำประพันธ์ในวรรณคดีสันสกฤต) 1,250 บท (มี 7 ภาค, 14 ตอน, 36 บท)

ภาค 1


สาธารณะ : Sadharna
ว่าด้วยความรัก การจำแนกประเภทของสตรี
บทที่ 1 .เกริ่นนำ
บทที่ 2 .ระบบคุณค่าของอินเดีย 4 ประการได้แก่ ธรรมะ อรรถะ กามะ โมกษะ
-ธรรมะ ชีวิตจะมีความหมาย เมื่อได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องเหมาะสม
-อรรถะ ทำให้ชีวิตมีความหมาย เมื่อได้ครอบครอง หรือมีอำนาจจัดการ
-กามะ ทำให้ตัวเองรู้สึกปิติเบิกบาน มีความสุขขณะทำงานหรือมีชีวิตอยู่
-โมกษะ ทำให้ตัวเองกลมกลืนกับธรรมชาติ พ้นไปจากการยึดมั่นถือมั่น
ถึงแม้จะครอบครองทรัพย์สินหรือบริโภคกามก็กระทำได้ โดยไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อโมกษะ
บทที่ 3 .กระบวนท่า 64 ประการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกามสูตร พึงฝึกฝนอย่างอื่นด้วย
เช่น ร้องรำทำเพลง อ่านเรียนเขียนวาด ร้อยลูกปัดพวงมาลัย ย้อมสักวาดลาย ประดับตกแต่งสวน อาหารการกิน เกมเชาว์ลับสมอง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เครื่องประดับเพชรพลอย เครื่องปรุงน้ำหอม กีฬา พิชัยยุทธ์ เรียนรู้ผู้ชาย ฯลฯ
บทที่ 4 .การดำเนินชีวิต การจัดงานรื่นเริง การเข้าสังคม
บทที่ 5 .วิธีปฏิบัติต่อผู้หญิงบริบทต่างๆ คุณลักษณะของผู้หญิงซึ่งไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ติดโรคเรื้อน ฟั่นเฟือนวิกลจริต ผิดต่างวรรณะ ขยายความลับ ร่านกามไม่เว้นที่ ขาวยิ่งกว่าสำลี ดำดีกว่าถ่าน มีกลิ่นเหม็น เป็นญาติใกล้ชิด หญิงสาวเพื่อนสนิท มุ่งคิดแต่แสวงหาธรรมะ และภรรยาของคนอื่น


ภาค 2


สัมปรโยคิกะ : Samparayogika
ว่าด้วยการจูบ การเล้าโลม การแสดงท่าร่วมรัก
บทที่ 6 .วิธีจับคู่ให้เหมาะสม ดูจากลักษณะของอวัยวะเพศ (ชาย 3 แบบ, หญิง 3 แบบ)
-วิธีจับคู่ให้เหมาะสม ดูจากระดับความต้องการทางอารมณ์ (น้อย ปานกลาง สูง)
-ความรัก 4 แบบ เป็นผลจากพฤติกรรม เป็นผลจากจินตนาการ เป็นผลจากการเชื่อมั่น เป็นผลจากการรับรู้ความรู้สึกภายนอก
บทที่ 7 .วิธีกอด 4 แบบ
ลูบไล้แผ่วเบา โอบเอวไหล่ใกล้ชิด สวมกอดแนบสนิท เบียดบิดด้วยดอกบัวคู่

กระบวนท่าเพิ่มเติม - ยกต้นขาสวมกอด ตอดรัดบดท้องน้อย ร้อยรัดเหนือเนินอก หน้าผากปรกถูไถ
บทที่ 8 .วิธีจูบ 3 แบบ จูบแบบผิวเผิน จูบแบบดูดดื่มภายนอก จูบแบบลึกซึ้ง
- 4 กระบวนท่า จูบหน้าตรงกัน หันเอี้ยวศีรษะ เชิดหน้าชูคาง กดลงเป็นเบี้ยล่าง
บทที่ 9 .วิธีใช้เล็บ 3 ขนาด

-ลักษณะเล็บแต่ละแบบ วิธีประดับตกแต่งเขียนลวดลายลงเล็บ ผลการใช้เล็บ
-เกิดเสียงขูด รอยครึ่งวงกลม วงกลม รอยข่วนเส้นเดี่ยว รอยข่วนเป็นทางยาว
-รอยข่วนเป็นทางสั้น รอยข่วนกระจัดกระจายไปทั่ว รอยข่วนซ้อนทับสลับกัน
บทที่ 10 วิธีใช้ฟัน 8 แบบ ลักษณะความชอบ/ไม่ชอบที่ต่างกันของผู้หญิงแต่ละแคว้น
-กัดเหลือรอยจ้ำ กัดเหลือรอยสองแถว กัดด้วยฟันสองซี่ กัดด้วยฟันหนึ่งแถว
-กัดด้วยฟันและริมฝีปาก กัดด้วยฟันสองแถว
-กัดด้วยที่ว่างระหว่างฟันสองแถว – ใช้กับอก
-ประทับรอยฟันติดๆ กัน – ใช้กับอกและไหล่
บทที่ 11 ท่านอนในการมีเพศสัมพันธ์ แตกต่างกันตามลักษณะอวัยวะเพศหญิง 3 แบบ
…………ยกหน้าท้อง ยกต้นขาชันเข่า ยกปลายขาขึ้น เป็นกระบวนท่าเริ่มต้นขั้นพื้นฐาน
…………ยังมีกระบวนท่าต่อเนื่องมากมาย ให้เลือกใช้ตามการสู้รบที่ผันแปรตลอดเวลา
กามสูตร
บทที่ 12 วิธีตบตี 4 แบบ บนผิวนอกร่างกาย 6 ตำแหน่ง จนส่งเสียงร้องออกมา 8 แบบ
-วิธีตบตี 4 แบบ ประกอบด้วย ตบด้วยฝ่ามือ ตีด้วยหลังมือ ขยุ้มนิ้ว กำปั้นต่อย
-ตำแหน่งตบตีได้แก่ไหล่ ศีรษะ กลางอก หลัง เอว ท้อง
บทที่ 13 กระบวนท่าต่อสู้พื้นฐานของฝ่ายชายในสมรภูมิ มี 9 ท่า
-ชักธงออกศึก จับอาวุธให้มั่น ปาดสูง ขยี้ต่ำ ทะลวงกลาง ถอนออกมาตั้งหลัก
-โจมตีครึ่งหน้า โจมตีปีกสองข้าง โจมตีรอบทิศพร้อมกัน
-กระบวนท่าต่อสู้พื้นฐานของฝ่ายหญิงในสมรภูมิ มี 3 ท่า
-ควบอาชาโจมตีหน้า ตะลุยหลัง ระวังข้าง แล้วค่อยนำไปพลิกแพลงต่อท่าอื่นๆ
บทที่ 14 วิธีใช้ปาก 8 แบบ
-มือกำหลักปักปาก นิ้วพิฆาตบีบรัด กัดปลายรูดพิษ ปากบิดถอดถอน จูบอย่างอาวรณ์ ลิ้นร่อนเลียไล้ สูบใส่ครึ่งปลายแรง แทงสุดคอหอย
บทที่ 15 รูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ 7 แบบ
-กระหายใคร่ ข้าวใหม่ปลามัน ขยันเล่นท่า จินตนาการเสมือน ทาสในเรือนชาน หาทานถิ่นแดนไกล ไม่รู้จักฉัน-ไม่รู้จักเธอ
-วิธีปฏิบัติเมื่อทะเลาะเบาะแว้งกัน


ภาค 3


กันยาสัมปรยุกตกะ : Kanya Samprayuktaka
ว่าด้วยการเลือกหาภรรยา การเกี้ยวพาราสี และการแต่งงาน
บทที่ 16 ลักษณะของหญิงสาวที่ไม่ควรแต่งงานตามตำรา
-ชอบทำตัวลึกลับ มีชื่ออัปมงคล ดั้งหักยุบลง รูจมูกหงายขึ้น ประพฤติเยี่ยงชาย ขาโก่ง หลังค่อม หน้าผากยื่น หัวล้านเลี่ยน ไม่สะอาด มีราคี มีตุ่มปม วิกลจริต พึ่งผ่านเลยวัยเด็กมา เป็นเพื่อนสนิท เป็นน้องสาว ฝ่ามือฝ่าเท้ามีเหงื่อออกมาก
บทที่ 17 วิธีสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในคืนแรกหลังแต่งงาน
บทที่ 18 วิธีเกี้ยวพาราสี เอาอกเอาใจ ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์แนบแน่นขึ้น
-วิธีสังเกตกิริยาอาการท่าทางต่างๆ ของฝ่ายหญิง เพื่อดูว่ามีความรักแล้วหรือไม่
บทที่ 19 วิธีปฏิบัติตนเมื่อขอแต่งงาน การปฏิบัติตนของฝ่ายหญิงให้ดูดีมีคุณค่าและราคา
บทที่ 20 วิธีสมรส


ภาค 4


ภรรยาธิการิกะ : Bharyadhikarika
ว่าด้วยการประพฤติตัวอย่างเหมาะสมของภรรยา
บทที่ 21 วิธีดูแลตกแต่งทำความสะอาดบ้านพัก ความสัมพันธ์กับญาติพี่น้องเพื่อนสนิท
-บุคคลที่ควรหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ เสน่ห์ปลายจวัก สิ่งที่ทำเมื่อสามีไม่อยู่
บทที่ 22 วิธีปฏิบัติตนของภรรยาหลวงต่อภรรยาน้อย กรณีที่ตนไม่สามารถมีบุตรเองได้
-วิธีปฏิบัติตนของภรรยาน้อยต่อภรรยาหลวง ซึ่งมีอาสุโสสูงกว่า
-วิธีปฏิบัติตนของภรรยาหม้าย
-วิธีปฏิบัติตนของภรรยาต่อสามีที่หมดรักในตัวตน หรือถูกภรรยาอื่นมารังควาน
-วิธีปฏิบัติตนของราชา ต่อหญิงสาวในฮาเร็ม
-วิธีปฏิบัติตนของสามี กรณีมีภรรยาหลายคน


ภาค 5


ปารทาริก : Paradika
ว่าด้วยการแอบมีชู้กับภรรยาคนอื่น หลักศีลธรรม
บทที่ 23 คุณลักษณะของฝ่ายชายที่ทำให้ฝ่ายหญิงลุ่มหลง
-ข้อควรระวังที่ทำให้ฝ่ายหญิงปฏิเสธการมีความสัมพันธ์ ความลุ่มหลง 10 ระดับ ได้แก่ รักแรกสบตา ติดตรึงหัวใจ กายาสั่นไหว หลับไหลไม่ลง องคาผ่ายผอม งานชอบตรอมตรม สิ้นข่มละอาย วุ่นวายคลุ้มคลั่ง สูญซึ่งพลัง มอดม้วยมรณา
บทที่ 24 วิธีพัฒนาบุคลิกภาพของฝ่ายชายเพื่อให้มีคุณลักษณะตรงตามผู้หญิงปรารถนา
บทที่ 25 วิธีตรวจสอบว่าฝ่ายหญิงมีใจให้เราในระดับไหน
บทที่ 26 เคล็ดลับพ่อสื่อมือที่ 3 ให้ฝ่ายหญิงเกลียดหรือทิ้งสามีเก่ามาด้วยความสมัครใจ
บทที่ 27 วิธีได้ตัวหญิงของชายอื่นมาเป็นภรรยาในฮาเร็ม
บทที่ 28 ปัจจัยที่ทำให้เกิดความยุ่งยากภายในฮาเร็มของราชากับสถานการณ์ที่ควรระวัง

ภาค 6


ไวศิกะ : Vaisika
ว่าด้วยหญิงคณิกา โสเภณี
บทที่ 29 คุณลักษณะของหญิงงามเมือง การดูแลตัวเอง การวางท่าทางเพื่อดึงดูดผู้ชาย
-วิธีวางตัวในสถานที่ส่วนตัว/สาธารณะ การกระทำที่หญิงงามเมืองพึงหลีกเลี่ยง
-คุณลักษณะของผู้ชายที่ควร/ไม่ควรเข้าไปเรียกแขก เพื่อป้องกันความยุ่งยาก
บทที่ 30 วิธีปฏิบัติตนเมื่อหญิงงามเมืองมีคนรัก
บทที่ 31 วิธีเรียกเก็บเงิน ใช้จ่ายยังชีพ ทำบุญ บริจาคทรัพย์สินหรือสิ่งของเมื่อมีโอกาส
-วิธีกำจัดฝ่ายชายที่เข้ามาติดพันเกินสถานภาพหญิงงามเมืองออกไปให้พ้นทาง
บทที่ 32 เงื่อนไขการกลับไปพบปะสามีคนก่อน
บทที่ 33 วิธีเตรียมพร้อมก่อนออกจากสถานภาพหญิงงามเมือง เคล็ดลับการเลือกคนรัก
บทที่ 34 หญิงงามเมืองแบบต่างๆ ที่ส่งผลต่อความมั่งคั่ง (ทรัพย์สินเงินทอง) คุณความดี
(ความน่าเคารพนับถือ) จนถึงความพึงพอใจ (ความรู้สึกที่ได้รับทางกามารมณ์)


ภาค 7


เอาปนิษทิกะ : Aupamishadika
ว่าด้วยการสร้างเสน่ห์ให้ตนเอง
บทที่ 35 เคล็ดสร้างเสน่ห์ ด้วยอาหารการกิน เครื่องแต่งกาย เครื่องประทินผิวชนิดต่างๆ
-เรียนรู้ทักษะพิเศษอื่นเพิ่มเติม เช่น ร้องเพลง ดนตรี ก็ช่วยเสริมเสน่ห์ให้เราได้
-ทำให้เราเป็นที่รักในสายตาผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเกิดความปรารถนาในตัวเรามากขึ้น
บทที่ 36 เคล็ดลับเสริมอารมณ์ นึกอะไรได้ก็เอามาให้หมด ตั้งแต่การเปลี่ยนบรรยากาศ
-ด้วยธูปเทียน สบู่หอม น้ำหอม สมุนไพร เปลี่ยนสถานที่ใหม่ๆ ใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ
-เสริมพลังและสภาพร่างกาย ให้ดูกำยำล่ำสัน แข็งแกร่งปานภูผา มีน้ำอดน้ำทน
-ด้วยยาผีบอก หนวดเต่า เขากระต่ายฯ

กามสูตร ได้ชื่อของมาจาก กามเทวดา เทพเจ้าแห่งความรักของฮินดู เนื้อหาซึ่งหลายส่วนของย้อนหลังไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีทั้งหมด 1,250 โศลก ซึ่งแบ่งเป็น 7 ภาค รวม 36 บท

เรื่องของกาม (ความรัก/ความใคร่) และศาสนา ซึ่งเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ถูก
พรรณนาไว้อย่าตรงไปตรงมาในมหากาพย์ต่างๆ ของฮินดู เช่น มหาภารตะ และไม่มีอะไรเหลือให้จินตนาการเลยถ้าเรามองมหาวิหารที่ประดับด้วยสิ่งที่ถูกตีตราอย่างไม่ถูกต้องว่า “กามาวิจิตรศิลป์” (EROTIC ART)
ในขนบของคนอินเดียนั้น มีเส้นบางๆ แบ่งอยู่ระหว่าง SEX กับศาสนา พฤติกรรมทางเพศอันนอกลู่นอกทางของบรรดาเทพเจ้านั้น ถักร้อยอยู่ในพิธีกรรมและประเพณีของศาสนาฮินดูอย่างเป็นเนื้อเดียวกันประติมากรรมทางเพศอันโจ่งแจ้ง ถูกแกะสลักบนวิหารฮินดูทั่วอินเดีย วิหารอันโด่งดังที่สุด
คือที่  ในอินเดียกลางและ โกนารัก ในแคว้นโอริสสา ย้อนหลังไปถึงคริสต์ศตวรรษ
ที่ 10 และ 13 ตามลำดับ มีการสร้างวิหารที่หมู่บ้านในรัฐมัธยมประเทศ ภาคกลางของประเทศตั้งแต่สมัยปี ค.ส. 950 – ค.ส. 1050 โดยได้รับความอุปถัมภ์จากกษัตริย์ราชวงษ์จัณฑละ มีการสร้างปราสาทไว้ 85 หลังแต่ปัจุบันคงเหลืออยู่เพียง 22 หลังเท่านั้น 

ปราสาทแต่ละหลังได้สลักรูปสตรีในอิริยาบทต่างๆเอาไว้มากมาย

มีการแกะสลักท่วงท่าในการร่วมรักแบบต่างๆเอาไว้ด้วย

ตำราอินเดียอิน แบ่งผู้หญิงเป็น 3 แบบ 3 ความรู้สึก ประเภทโยนีมี 4 ชนิด (หากแต่ในตำราที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ยังแยกแยะแบ่งประเภทผู้หญิงตามลักษณะและ อารมณ์ ละเอียดไปถึง 36 อย่าง)
ผู้หญิง 3 แบบ คือ...


1. ผู้หญิงแบบ กัปปะ มีโยนีที่มีลักษณะ แข็ง เย็น แต่ละเอียดอ่อน
2. ผู้หญิงแบบ ปิตะ มีโยนีลักษณะ ร้อนแรง อ่อนนุ่ม แต่ก็สบายๆ ไม่รีบร้อน
3. ผู้หญิงแบบ วัตตะ มีโยนีลักษณะ ผิวไม่เรียบ มีความหยาบหรือสากเหมือนลิ้นวัว


ซึ่งในแต่ละแบบนั้น ยังแยกถึงลักษณะในส่วนละเอียดอ่อนภายในได้อีก 3 ชนิด คือ


1. มีกิริ หรือ หรนี เป็นโยนีที่ลึก เท่ากับนิ้วชี้เรียงต่อกัน 6 นิ้ว มีคุณลักษณะเย็นเหมือนพระจันทร์ มีกลิ่นหอมเหมือนดอกบัว
2. วัธมะ หรือ อัศวินี โยนีจะมีความลึกเท่ากับ 9 นิ้ว จะปล่อยน้ำสีเหลืองมีกลิ่นเหมือนน้ำมันงา
3. กาลนี โยนีจะมีความลึก 12 นิ้ว มีน้ำมากมาย มีกลิ่นเหมือนช้าง


ประเภทลักษณะของโยนี ยังแบ่งตามลำดับได้อีก 4 ลักษณะ คือ


1. ปัทมณี หรือ บัวหญิง มีลักษณะปานประหนึ่งดอกไม้ ที่จะมีความสุขกับการได้รับแสงอาทิตย์และมืออันแข็งแกร่ง น้ำจากช่องสังวาสมีกลิ่นเหมือนดอกบัวบาน
2. จิตราณี หรือ ผู้หญิงเลอเลิศ มีลักษณะอูมกลม นุ่น ขนไม่ดก น้ำหล่อลื่นหลั่งออกมาง่าย น้ำของหญิงแบบนี้ว่ากันว่าอุ่นจัด มีกลิ่นหวานหอมและรสชาติคล้ายน้ำผึ้ง
3. ฉันคิณี หรือ โยนีแบบหอยสังข์ ผู้หญิงแบบนี้ จะมีช่องสังวาสที่ชุ่มฉ่ำตลอดเวลา มีขนดกมาก ชอบที่จะให้จูบและเลีย จะมีน้ำมากมาย รสชาติน้ำเป็นกรดรสจะออกเปรี้ยวๆ
4. หัสนี หรือ โยนีช้าง จะใหญ่และลึก ปุ่มกระสันผุดเห็นชัดเจน ชอบที่จะให้ลูบไล้สัมผัสส่วนนั้น น้ำมีรสชาติและกลิ่นเหมือนเหงื่อของช้าง

ในยุคคัมภีร์พระเวท เป้าหมายแห่งชีวิตมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า บุรุษสัตถะนั้น ถูกจัดเป็นหมวดหมู่ แบ่งเป็น 3 ภาค คือ ธรรมะ อรรถะ กามะ และเรียกโดยรวมว่า "ไตรภาคี"
ธรรมะ หรือ ความถูกต้องดีงาม ถูกพิจารณาว่าสำคัญที่สุดในฐานะที่เป็นการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของชีวิตทางโลกย์ตามกฎของธรรมชาติ
อรรถะ หมายถึง การสะสมความสะดวกสบายทางโลกย์ และเน้นขั้นคฤหัสถ์อาศรม(ขั้นของการสร้างครอบครัว) ซึ่งเป็นช่วงสะสมความมั่งคั่งและทรัพย์สิน
กามะ หรือความปรารถนาทางเพศนั้นเป็นศูนย์กลางสำหรับวิวัฒนาการของมนุษยชาติ ตรงนี้มีกฎกล่าวไว้ว่า การร่วมเพศควรเป็นมากกว่าการกระทำเพื่อให้กำเนิด ควรได้รับความยินดีสูงสุดจากมัน อย่างไรก็ตาม ควรรื่นเริงแต่พอประมาณ  ^ . ^

ภาพประกอบจาก : อินเตอร์เน็ต




Create Date : 23 มกราคม 2558
Last Update : 23 มกราคม 2558 7:32:39 น. 0 comments
Counter : 6484 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]