Group Blog |
Chapter 2
ยามเช้าของวันเปิดภาคการศึกษามักจะเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวาย ไหนจะเรื่องห้องเรียน ไหนจะเรื่องตารางสอน ไหนจะเครื่องแบบใหม่ที่ไม่คุ้นเคยอีก ยิ่งกับเด็กปีหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ด้วยแล้ว มันแทบจะเรียกว่า วิกฤตการณ์ย่อยๆเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่า...เรื่องวุ่นๆ ชวนปวดหัวเหล่านั้นย่อมไม่เกี่ยข้องอะไรกับนักเรียนปีสูงๆ โดยเฉพาะกับคุณชายแห่งชั้นปี 4 อย่าง ดีล พอตเตอร์ เอ้า รีบเข้ามาสิ ร่างสูงเปิดประตูบานใหญ่ให้คนตัวเล็กกว่าที่เดินเคียงกันมาเข้าไปก่อน เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มแล้วแทรกตัวผ่านเข้าไป ขอบคุณฮะ ดีล เสียงใสพูดอย่างกระตือรือร้น ยิ่งเมื่อใบหน้าขาวเหลือบไปเห็นร่างโปร่งของใครบางคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมประตูเพียงลำพัง อ๊ะ พี่เฟลย์นี่นา เฟนริส เดอ ลากูร์อุทานเบาๆ แล้วหันมาเงยหน้าปรึกษากับเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่ ดีล ผมไปโต๊ะกริฟฟินดอร์ได้ไหมฮะ? มีกฎห้ามหรือเปล่า? ถามเพื่อความแน่ใจ ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้ว เอ...ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครห้ามอะไรนะ พูดไป ตัวเขาเองก็นั่งโต๊ะนั้นอยู่เป็นประจำนี่นา แต่เมื่อวานศาสตราจารย์สเนปบอกว่า... โอ๊ย เรื่องเล็ก เซเวอรัส...เอ๊ย ศาสตราจารย์แค่เป็นพวกบ้านนิยมนิดหน่อยเท่านั้นเองแหละ เด็กหนุ่มผมดำโบกไม้โบกมือไปมา ดวงตาสีฟ้าแอบกวาดสำรวจไปยังโต๊ะที่ถูกพูดถึง อืม...ดูเหมือนเจ้าพวกสองแฝดตัวแสบกับเฮอร์มิส อีก 3 สมาชิกที่เหลือของ The Gang Of Four (ชื่อกลุ่มที่เขาแสนจะภาคภูมิใจ) จะยังไม่มา มีเพียงพี่สาวของเพื่อนใหม่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง โอกาสเหมาะชะมัด... ไวเท่าความคิด ดีลดึงร่างบางข้างๆ ตัวให้เดินไปทรุดนั่งที่โต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์ ตรงที่ประจำของเขาเอง...และบังเอิญว่ามันอยู่ข้างคนตัวสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบฮอกวอร์ตใหม่เอี่ยมพอดิบพอดี ใบหน้าเรียวที่กำลังก้มลงอ่านรายละเอียดของตารางเรียนเงยขึ้นทันควันเมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาข้างๆ ดวงตาสีฮาร์เซลสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าใสแว่บหนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเบนสายตาไปยังร่างบางข้างๆ อรุณสวัสดิ์ฮะ พี่เฟลย์ เฟนริสเอ่ยทักเสียงร่าเริง เรียกรอยยิ้มบางๆ จากใบหน้าของผู้เป็นพี่สาว อรุณสวัสดิ์ เฟนริส เสียงใสเย็นที่ได้ยินเป็นครั้งแรกทำให้เด็กหนุ่มผมดำถึงกับเลิกคิ้ว อืม...เสียงหวานอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยแฮะ เขาทรุดนั่งข้างๆ เฟนริสเงียบๆ จากสายตาเมื่อครู่ แถมด้วยรอยยิ้มที่ตีความหมายไม่ออกแบบเมื่อคืนทำให้ดีลตัดสินใจจะเป็นฝ่ายนั่งฟังสองพี่น้องคุยทักทายกันไปก่อน เหอะ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตามตำราพิชัยสงครามเขาว่าเอาไว้ มือเรียวจัดการเก็บเอกสารต่างๆ เข้ากระเป๋า แล้วเลื่อนจานอาหารเช้าให้น้องชาย หลับสบายดีไหม? หอใหม่เป็นอย่างไรบ้าง? ดีฮะ...ตอนแรกนึกว่าจะมีแต่คนน่ากลัว แต่ว่าความจริงแล้วทุกคนเป็นคุยสนุกแล้วก็ใจดีมาก...ยกเว้น..บางคนก็...เอ่อ...เข้าใจยากนิดหน่อยน่ะฮะ อืม...ก็ดีแล้วล่ะ คนเป็นพี่สาวดูเหมือนจะเป็นฝ่ายฟังมากกว่า หอนอนผมอยู่ที่คุกใต้ดินล่ะ หนาวไปนิด แต่ก็โอเคเลย เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทำท่าจะเล่ายาว แต่พอดีเหลือบไปเห็นเพื่อนคนใหม่ที่นั่งเงียบฟังเขาพูดมานาน อ๊ะ เกือบลืมแนะนำแน่ะ พี่เฟลย์ฮะ นี่ ดีล พอตเตอร์ เพื่อนของเมธีสกับนาย่า แล้วก็เฮอร์มิสไงฮะ นี่แหละที่รออยู่ ดีลคิดในใจก่อนจะคลี่ยิ้ม เลือกใช้รอยยิ้มอบอุ่นเป็นกันเองแบบที่เคยเรียกคะแนนสาวๆ ทุกบ้านมาแล้วนั่นแหละ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ร่างสูงหันไปหาพร้อมกับยืนมือออกไปตรงหน้าอีกฝ่าย เพิ่งรู้ว่าคุณเป็นญาติกับพวกวิสลีย์ พวกนั้นไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลยว่ามีญาติอยู่ที่อื่นด้วย ดวงตาสีฟ้ามองใบหน้าเรียวขาวด้วยแววตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งถ้าเป็นเด็กสาวที่เคยคบด้วย ป่านนี้คงหน้าแดงเขินจนหาคำพูดไปถูกไปแล้ว แต่คราวนี้คนถูกมองกลับไม่มีท่าทางประหม่าเลยแม้แต่นิด ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน มือเรียวยืนมาสัมผัสตอบเพียงปลายนิ้วอย่างรวดเร็วหนักแน่นแล้วผละออกราวกับคุ้นชินกับการสมาคม ตรงข้าม...พวกฉันได้ยินเรื่องเธอมาเยอะพอสมควรเลยล่ะ อีกครั้งที่รอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปากของอีกฝ่ายทำให้ดีลรู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นคุณชายคนดังแห่งบ้านสลิธิรินก็ยังฝืนคลี่ยิ้มต่อ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เรื่องแบบไหนหรือครับ เจ้าสองแฝดเอาผมไปนินทาหรือเปล่า? นิสัยชอบแฉเรื่องชาวบ้าน เจ้าพวกนั้นถนัดนักล่ะ เหอะ เดี๋ยวต้องหาทางปิดปากเสียแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก... ใบหน้าเรียบเฉยส่ายไปมานิดๆ ยักไหล่อย่างไม่ค่อยสนใจนัก พอดีฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว อ๋อ...เหรอฮะ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มผมดำเก้อไปนิด แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือง่ายๆ อืม...ผมคุยกับเฟนริสเมื่อคืน ท่าทางพวกคุณเพิ่งมาอาจจะยังไม่รู้จักที่นี่ดีนัก ถ้ายังไงผมยินดีช่วยแนะนำให้นะฮะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยครับ วางตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีแบบนี้ ต่อให้เป็นคนไว้ตัวยังไงก็ต้องรับปากแบบรักษาหน้ากันบ้างล่ะน่า อีกฝ่ายฟังเงียบๆ จนจบ แล้วคลี่ยิ้มที่ทำให้คนมองกระหยิ่มในใจ ก่อนจะสรุป แต่ไม่รบกวนดีกว่า เห...? ระหว่างที่คนชวนกำลังอึ้ง มือเรียวจัดการรวบรวมช้อน ยกน้ำฟักทองขึ้นจิบก่อนจะอธิบายให้ฟังสั้นๆ ที่โรงเรียนเก่าของเรา...พวกรุ่นพี่จะไม่ค่อยรบกวนรุ่นน้องแบบนั้นน่ะ หา? รุ่นพี่-รุ่นน้อง? เฟนริส พี่ไปเรียนก่อนนะ จะแวะไปส่งจดหมายหาคุณแม่ที่โรงนกฮูก ร่างโปร่งลูบศีรษะน้องชายแล้วลุกขึ้นยืนพอดีกับที่กลุ่มสมาชิกแก็งออฟโฟร์ที่เหลือเดินเข้ามาถึงโต๊ะพอดี โย่! เฟลย์ จะไปเรียนแล้วเรอะ นาย่ายกมือทัก เหลือบเห็นของในมืออีกฝ่ายเข้าพอดี อ๋อ ส่งจดหมายเหรอ? ไม่ต้องรีบก็ได้ เดี๋ยวพิกซ์ก็ต้องเอาจดหมายของอาเฮอร์ไมโอนี่มาส่ง ค่อยฝากไปก็ได้น่า นั่งก่อนๆ เด็กสาวผมสีเพลิงชักชวนพลางดึงแขนเรียวให้ทรุดนั่งลงอีกครั้ง ขณะที่ลูกพี่ลูกน้องที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มผมดำที่ยังนั่งอึ้งอยู่ที่โต๊ะ เมธิสอุทานออกมาบ้าง อ้าว ดีล ไหงมากินข้าวเช้าจังฟะ แล้วนั่นเป็นอะไรไปล่ะน่ะ? เปล่าๆ คนที่เพิ่งถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยมาหมาดๆรีบกลบเกลื่อนท่าที จะให้เจ้าพวกนี้รู้ไม่ได้ว่า มือหนึ่งด้านการจีบสาวแบบเขาเพิ่งโดนปฏิเสธเข้าอย่างจัง รอบด้านกลายเป็นเสียงอึกทึกไปชั่วครู่เมื่อสองแฝดพากันทักทายเฟนริสที่นั่งอยู่อีกด้าน เฮอร์มิสเอ่ยถามดีลเกี่ยวกับตารางเรียนของบ้านสลิธิริน ซึ่งเด็กหนุ่มผมดำก็ตอบไปเหลือบมองคนที่นั่งอยู่อีกด้านไปด้วย ยังงุนงงปนหงุดหงิดกับคำตอบเมื่อครู่ไม่หาย รุ่นพี่-รุ่นน้องเรอะ? ท่าทางเดี๋ยวต้องไปเรียนแล้วล่ะ ...วันนี้เราเรียนอะไรวิชาแรกหว่า? เมธิสยกกระเป๋าใบเบ้อเริ่มของตัวเองขึ้นมารื้อหากระดาษจดเวลาเรียน แต่คงไม่มีทางหาเจอ เพราะนอกจากหนังสือใหม่เอี่ยมหนึ่งเล่มแล้ว สภาพภายในก็เละเทะราวกับใช้งานมาทั้งปี วิชาปรุงยา ปี 5 ของพวกนายเรียนกับบ้านสลิธิรินเฮอร์มิสเตือนความจำให้ญาติผู้พี่ ก่อนที่เวลาช่วงเช้าทั้งหมดจะถูกใช้ไปกับการหากระดาษแผ่นเดียวซะก่อน วันนี้อาจารย์ใหม่ยังไม่มา เพราะงั้นวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของทุกชั้นปีเลยงด ไม่มีเรียน ตอบทุกคำถามเรื่องตารางเรียนได้อย่างแม่นยำสมกับเป็นลูกชายของอดีตนักเรียนดีเด่นแห่งกริฟฟินดอร์ วิชาปรุงยา? แถมเรียนกับสลิธิรินอีกแล้ว? ทำไมวิชานี้บ้านเราต้องเรียนกับพวกสลิธิรินทุกที ใครกำหนดฟระ? นาย่าออกความเห็นด้วยคำพูดที่ขัดกับเครื่องแบบนักเรียนหญิงของตัวเอง เพราะคำบ่น ทำให้ 'เด็กบ้านสลิธิริน' ท่ามกลางกลุ่มกริฟฟินดอร์ อดแทรกขึ้นมาไม่ได้ เฮ้ๆ น้อยๆ หน่อย ถึงยังไงพวกนายก็ต้องมาถามการบ้านเอากับเด็กสลิธิรินไม่ใช่หรือไง ไม่ต้องมาคุย นายมันก็พึ่งได้แค่วิชาปรุงยากับวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแหละว๊า นอกนั้นก็ต้องพึ่งเฮอร์มีสเหมือนกันแหละ นาย่าตอกกลับ โดยมีเมธิสที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรีบผงกศีรษะรับต่อทันที ช่าย ก็เจ้าหัวเมือกสุดที่รักของนายน่ะ... สองคู่แฝดหันใบหน้าเหยเกเข้าหากัน ก่อนประสานเสียง นรกชัดๆ !! เข้าสายก็ไม่ได้ ทำอะไรผิดก็ไม่ได้ ถูกเพ่งเล็งไปหมด หนอย...ฉันรู้นะเฟ้ย เฮอร์มิสบอกว่า ทีตอน 'พอตเตอร์' เข้าสายล่ะก็ แค่...'ไปช่วยงานฉันทีห้องหลังเลิกเรียนด้วยนะ' ทุกที ช่วยไม่ได้ อันนั้นต้องไปโทษพวกป๊ะป๋านะ ที่ทำให้อาจารย์เค้าเกลียดเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เข้าใส้ ดีลโยนโทษไปให้คนที่บ้านได้ทันที เพราะได้ฟังเรื่องสมัยก่อนมาเยอะ ทั้งจากคนถูกหักคะแนน และตัวคนหักคะแนนเอง สองแฝดยังวิพากษ์วิจารณ์ต่ออย่างใส่อารมณ์ สเนปต้องโรคจิตแน่ๆ จะว่าเอ็นดูนาย... ก็เอ็นดูซ๊า แต่จะว่าโหดก็..... นาย่าตีหน้าสยองแกล้งเอามือปาดคอตัวเอง พลอยทำให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตัวเล็กผู้มาใหม่ถึงกับกลืน้ำลาย เผลอคิดภาพตามไปด้วย ....ว่างๆ เวลาเจ้าดีลโดนเรียกตัวไป ลองตามไปดูที่ห้องพักอาจารย์หัวเมือกสิ เฟนริส แล้วจะรู้ หึหึหึ คนฟังทำตาโต ขนาดนั้นเลยเหรอฮะ? จะขนาดไหนไม่รู้ล่ะ แต่พอเห็นท่าคนพูด คนฟังก็เชื่อไปสนิทใจ บันทึกภาพความน่ากลัวของรองอาจารย์ใหญ่หน้าขรึมไว้เรียบร้อยแล้ว อย่าไปฟังเจ้าพวกบ้านี่เลย เฟนริส พวกมันไม่รู้แล้วก็เอามาพูดหลอกคนอื่น จนคนแทบจะคิดว่าฉันถูกเซเวอรัสลากไปเชือดแล้ว ที่จริงมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก....มั้ง ดีลพูดพลางเหลือบมองปฏิกิริยาของพี่สาวคนฟังไปด้วยแต่ฝ่ายนั้นยังนั่งฟังเพื่อนๆ เขาเงียบๆ เอ่อ... คุณเดอ ลา กูร์ เสียงเล็กที่เรียกจากทางด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันกลับไปมอง เด็กสาวผมบลอนด์หยักยืนยิ้มอายๆ อยู่ เธอเอ่ยอึกอักด้วยท่าทางประหม่า คุณเดอ ลา กูร์ เพิ่งเข้ามาใหม่คงยังไม่ค่อยชินทางในปราสาท ฉันเลยจะมาชวนเดินไปห้องเรียนด้วยกันน่ะค่ะ คนฟังพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ อ่อ....อืม ขอบคุณนะ ร่างโปร่งจัดการหยิบหนังสือเรียนใหม่เอี่ยมของนักเรียนชั้นปี 5 ที่วางอยู่บนเก้าอี้นั่งข้างตัวขึ้น ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอีกครั้ง เอ่ยบอกน้องชายตัวเองและบรรดาญาติทั้งหลายไปในทีเดียว ฉันไปก่อนนะ เชิญๆ ทุกคนโดยเฉพาะคู่แฝดจอมแสบส่งเสียงตอบ เฮอร์มิสซึ่งเป็นฝ่ายจัดตารางประจำวันของกลุ่มเอ่ยชวน ไว้เจอกันตอนเย็นนะ เฟลย์ พวกเรามีนัดน้ำชาประจำวันที่บ้านแฮกริด ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ลองถามนักเรียนคนอื่นๆ ดูละกัน คาบสุดท้ายเธอมีเรียนคนละวิชาเมธิส นาย่านี่นะ บอกได้แม่นยำเพราะจำตารางเรียนของญาติสนิททุกคนได้หมดแล้ว โอเค ไว้เจอกัน สมาชิกกิตติมศักดิ์คนใหม่รับคำ เฟลย์ เดอ ลากูร์ ทำท่าจะเดินออกไปจากโต๊ะ แต่แล้วร่างโปร่งก็ชะงัก ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ หันไปหาเด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ใช่ญาติสนิท พอตเตอร์ เสียงใสเย็นเรียกเบาๆ ดีลรีบเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วก็ต้องชะงัก มือเรียวนั่นเอื้อมลูบศีรษะเขา! ขอโทษด้วยที่ปฏิเสธความหวังดีของเธอ ยังไงก็ขอบใจมากนะ เฟลย์ยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงที่ใช้มีแววเอ็นดูไม่ต่างจากพูดกับน้องชายตนเองเมื่อครู่ เธอเป็นเด็กดีทีเดียว พูดจบอดีตประธานนักเรียนจากโบซ์บาตงก็เดินจากไป ทิ้งคนที่ตนเองเพิ่งลูบหัวปลอบไว้กับสีหน้าตกตะลึง ดีลแทบจะอ้าปากค้าง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หาคำพูดตัวเองไม่เจอ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ กระพริบตาปริบๆ เฮ้ย!!!! เมื่อบทสนทนาหยุดชะงักลงชั่วขณะ สมาชิกในกลุ่มบนโต๊ะทานอาหารที่เหลืออยู่ 5 คน จึงมีโอกาสมองไปทางโต๊ะอื่นๆ รอบตัว เพิ่งจะสังเกตว่า บรรดาเด็กนักเรียนในห้องโถงใหญ่ตอนนี้เหลืออยู่บางตา เสียงจ้อกแจ้กที่ได้ยินมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็หายไปกับทางเดินด้านนอกหมด ท่าทางจะสายแล้วนะ พวกเรารีบไปกันดีกว่า เฮอร์มีสเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว ต้องเร่งเพื่อนคนอื่นๆที่ถึงจะเห็นว่าคนไปหมดแล้ว ก็ยังเอื่อยเฉื่อยกันไม่เลิก ดีล นายไม่รีบหรือไง งั้นพวกฉันไปก่อนนะ ขี้เกียจถูกสเนปที่รักของนายหักคะแนนว่ะ สองแฝดหันไปเรียกสติเพื่อนของตนที่เหมือนจะทำวิญญาณหลุดจากร่างไปเรียบร้อย ช่วยกันหิ้วถุงใบโตขึ้นเตรียมพร้อมออกเดินทาง ขนาดที่ใหญ่เกินกว่าจะเป็นกระเป๋าหนังสือทำให้ญาติผู้มาใหม่อย่างเฟนริสถึงกับทึ่ง นั่นอะไรเหรอฮะ ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะหันมาหลิ่วตาคนละข้าง พูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน ความลับ Talk มาแล้ววว ช้าไปนิด เพราะอุปสรรคหลายอย่าง (VIP เสด็จมาบริษัท โอคุงยืนรอส่งจนถึง 2 ทุ่ม ใส่สูท + คัทชู ปวดหลังมาก กลับมาบ้านก็ฝนเทกระหน่ำ น้ำท่วมซอยเป็นคลองเลย) ตอน2นี่เป็นตอนของ ดีล-เฟลย์จริงๆซะที (หลังจากตอนที่แล้วโดนเฟนริสกับ-ตื๊ด-ชิงบทเด่นไปเต็มๆ) หวังว่าจะ ชอบเฟลย์กันนะคะ ออกจะเป็นคุณพี่สาวที่เท่ขนาดนี้ (เท่ขนาดไหนก็เป็นเมะของเจ้าดีลได้ละ หุหุ) ร้านน้ำชาเพิ่งไปเจอของดีๆ มา ไว้เดี๋ยวจะให้ดูเฟลย์เวอร์ชั่นภาพเคลื่อนไหว!! หลังจากการตามหาเธอมานาน สุดท้ายเราก็เจอแล้ววววว เท่ที่ซู้ดด คาดว่าคงเป็นซักวันศุกร์,เสาร์นี้ ลองแวะเข้าไปดูที่ร้านน้ำชานะคะ ตอนนี้ที่จริงยาวกว่านี้เกือบเท่านึง แต่เห็นว่ามันจะหลายหน้าเกินไป ก็เลยแบ่งให้เป็น2ตอน เพราะฉะนั้น เพื่อ เป็นการแก้ตัวที่มาลงช้า ตอนต่อไปจะลงวันอาทิตย์ที่ 21 นี้ค่ะ^^ ไว้เจอกันวันศุกร์/เสาร์(สำหรับรายการเฟลย์ ออน โชว์) และ วันอาทิตย์นะคะ อคาชา & นะโอ Chapter 1
เสียงคุยที่ดังจ้อกแจ้กอยู่ในห้องโถงใหญ่เมื่อวินาทีก่อนหน้านี้เงียบกริบลงทันควัน ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าสองคู่ที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา
คนที่เดินนำมาก่อนเป็นร่างเล็กที่ค่อนข้างบาง ใบหน้าขาวใสกับริมฝีปากสีชมพูนั้นดูอ่อนหวานน่ารัก แถมยังเข้ากับเสื้อคอปกกะลาสีสีครีมที่เจ้าตัวสวมอยู่อย่างเหมาะเจาะ แต่ที่ทำให้คนทั้งห้องออกจะสับสน เห็นจะเป็นกางเกงขาห้าส่วนที่เจ้าตัวสวมอยู่ มือเรียวขาวปัดเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาเรี่ยแก้มให้พ้นไป พลางมองผ่านไปรอบๆ ห้องด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งที่ปกปิดประกายวับของความสนใจไว้ไม่มิด รอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากสีเรื่อที่ทำให้เด็กหนุ่มหลายคนในห้องตาค้างกันไปเรียบร้อย แต่ระหว่างที่ยังสรรหาคำพูดของตัวเองไม่เจอ สายตาทุกคู่ก็เลื่อนที่คนซึ่งเดินตามมาด้านหลัง ร่างสูงโปร่งนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบสีอ่อนเช่นเดียวกับคนแรก เพียงแต่คราวนี้ตัวเสื้อกลับเป็นเสื้อแนวรอยัล แพทเทิร์นคอปกตั้งเรียบกริบ แขนยาวจรดข้อมือตัดเส้นด้วยสีดำสนิท กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน ช่วงขาเพรียวก้าวยาวๆ อย่างไม่รีบร้อนตามหลังคนตัวเล็กกว่าที่เดินนำอยู่ เส้นผมสีบลอนด์เหลือบแดงยาวเกือบถึงกลางหลังที่ถูกมัดรวบพลิ้วไหวเล็กน้อยตามจังหวะก้าวเดิน ใบหน้าเรียวที่ประดับดวงตาสีฮาร์เซลมองตรงไปข้างหน้า ไม่ประหม่า หรือแม้แต่ให้ความสนใจกับสีหน้าตกตะลึงของบรรดาเพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่สองฟากทางเดินแม้แต่นิด ถ้าจะบอกว่า ใบหน้าหวานของผู้มาเยือนคนแรกทำให้ทุกคนนิ่งเงียบมองตาม (โดยเฉพาะพวกนักเรียนชาย) ใบหน้าคมเปี่ยมความมั่นใจของร่างสูงโปร่งที่เดินตามมาด้านหลังก็เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานักเรียนหญิงทุกโต๊ะได้พอกัน คนที่เดินตามมาข้างหลังนั่นเท่จังเลย! จริงด้วย! เด็กผู้ชายคนแรกก็น่ารักนะ แต่คนหลังเท่มากๆ ใครน่ะ มาจากต่างประเทศหรือ? ว้าว จะอยู่บ้านไหนนะ? เสียงกลุ่มผู้หญิงแทบทุกบ้าน กระซิบเถียงกันเบาๆ หาคำตอบไม่ได้ แม้จะเป็นกระกระซิบกันเบาๆ แต่เมื่อรวมเสียงของหลายๆ คนเข้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำพูดทั้งหมดจะไม่ไปถึงหูเจ้าตัวคนที่ถูกพูดถึง แต่ร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร นอกจากรอยยิ้มเล็กๆ ที่ตีความไม่ออก ส่วนคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นถึงกับต้องกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะไปแล้ว อุ๊บ หึหึ ดูท่าคนที่กำลังกลั้นหัวเราะจะไม่ได้มีเพียงผู้มาเยือน กลุ่มเด็กผมแดงของบ้านกริฟฟินดอร์พากันปิดปากหัวเราะคิกคักราวกับขำเสียเต็มประดา แต่คนที่ไม่รู้สึกตลกคงเป็นเด็กหนุ่มสลิธิรินคนเดียวในกลุ่มนั่นแหละ ดวงตาสีฟ้ายังคงมองไปที่หนึ่งในสองร่างที่ยืนอยู่กลางโถงด้วยสายตาสนอกสนใจ พวกนายรู้จักสองคนนั้น? ดีล พอตเตอร์เอ่ยถามเพื่อนร่วมก๊วนโดยไม่ละสายตาจากร่างนั้น แต่คนถูกถามกลับแกล้งยียวน สองคนไหน? เธอรู้มั้ย นาย่า เจ้าดีลมันพูดถึงสองคนไหน? เมธิสทำหน้าตาไม่รู้เรื่องเต็มที่ หันไปยักไหล่กับเด็กสาวที่เป็นคู่ดูโอ้ประจำโรงเรียน เอ...นั่นสิ สองคนไหนน๊อ นาย่ารับมุขทันควัน คราวนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมดำจึงยอมละจากจุดสนใจหันกลับมาขมวดคิ้วใส่สองแฝดจอมแสบที่ทำท่าเหมือนเก็บงำความลับระดับชาติไว้อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งมาเจอสายตาอยากรู้จากเขาและคนอื่นๆยิ่งทำเล่นตัวกันไปใหญ่ สงสัยจะเป็น2คนนั้น... บารอนเลือดกับนิกหัวเกือบขาด ไม่ก็แฮกริดกับฟิลช์ หรือจะเป็นรองอาจารย์ใหญ่หัวเมือกกับ....ง่า....... เสียงใสขาดหายไป พร้อมกับเปลี่ยนอาการตลกหน้าตายให้เป็นรอยยิ้มจืดเจื่อนในทันที เมื่อมองเห็นร่างสูงในชุดคลุมสีดำสนิทมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พูดต่อสิ ฉันกับใคร...วีสลีย์ น้ำเสียงราบเรียบถามโดยเจาะจงทิ่มแทงสายตาไปที่ฝาแฝดทั้งสอง นาย่ากับเมธิสใช้ศอกถองกันไปมา เกี่ยงจะให้อีกคนตอบ ขณะที่เฮอร์มีสส่ายหน้าเหมือนปล่อยเกาะให้รับกรรมกันเอง คนถามเองก็คงไม่ได้ใส่ใจ น้ำเสียงเย็นชาขัดขึ้น หักกริฟฟินดอร์ 20 คะแนน โทษฐานส่งเสียงดังในห้องโถง มือใต้ชายเสื้อคุลมดำเอื้อมมาดึงคอเสื้อของร่างสูงที่นั่งอยู่ติดๆ กันโดยไม่เสียเวลาฟังเสียงบ่นงึมงำของเด็กทั้งโต๊ะ และหักสลิธิริน 10คะแนน กลับไปนั่งที่ได้แล้ว มิสเตอร์พอตเตอร์ ร่างสูงต้องรีบลุกขึ้นตามแรง เมื่อคอเสื้อและเนคไทยุ่งๆ ถูกดึงเสียจนเกือบจะรัดคอ หวา เดี๋ยวฮะ เซเวอรัส ดีลประท้วงเสียงอ่อยๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลดแรงเลยแม้แต่นิด เลิกเดินมานั่งโต๊ะบ้านอื่นเสียที ดีล เดรโก พ่อเธอยังไม่เคยทำให้ฉันปวดหัวเท่านี้เลยนะ คู่แฝดทั้งสองถึงกับทำท่าซาบซึ้งกับความเสียสละของเพื่อน โบกมือหย่อยๆ แทบจะดันตัวดีลส่งให้อาจารย์วิชาปรุงยาประจำโรงเรียนเสียด้วยซ้ำ ดีลบ่นไปตามทางจนถึงที่นั่งจริงของตัวเอง เรียกสายตาทุกคู่ของเด็กทั้งโรงเรียนได้เป็นอย่างดีพอๆ กับเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็คงไม่แคร์หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะหันไปเห็นแววขบขันในดวงตาสีฮาร์เซลของร่างสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบ ใบหน้าเรียวส่ายไปมาน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ซึ่งถึงจะแปลความหมายไม่ออก แต่เด็กหนุ่มประจำบ้านสลิธิรินก็บอกตัวเองได้ทันทีว่า...เขาไม่ชอบเอาซะเลย! หลังจากรอให้รองอาจารย์ใหญ่จัดการกับสถานการณ์วุ่นวายที่โต๊ะกริฟฟินดอร์อยู่พักใหญ่จนทุกอย่างเรียบร้อย ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เธอกระแอมก่อนจะเริ่มพูดต่อ สมาชิกใหม่ทั้งสองคนนี้เคยศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเวทมนต์โบซ์บาตง ซึ่งใช้หลักสูตรเดียวกับฮอกวอร์ต และได้ผ่านการเทียบความรู้จากฝ่ายการศึกษาของกระทรวงเวทมนต์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนปี 4 และ ปี 5 ได้ เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้งจากบรรดานักเรียนทั้งสองชั้น คราวนี้หญิงชราปรายตาปรามก่อนจะเอ่ยต่อ เนื่องจากทั้งคู่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ขอให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนใหม่ในเรื่องต่างๆ อ้อ..งั้นพวกเธอช่วยแนะนำตัวแล้วบอกบ้านที่จะอยู่ไปด้วยนะ ประโยคหลังหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาจารย์ เนื่องจากย้ายที่เรียน ดังนั้นจึงได้ทำการคัดเลือกบ้านจากหมวกคัดสรรตั้งแต่ตอนที่ทำเรื่องย้ายเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงโปร่งพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายพูดก่อน ใบหน้าเรียวสวยพยักหน้าตอบแล้วจึงก้าวมาข้างหน้า เฟนริส เดอ ลากูร์ ครับ อยู่ชั้นปี 4 บ้านสลิธิริน ฝากตัวด้วยนะฮะ เจ้าตัวปิดท้ายพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่เรียกเสียงเฮจากโต๊ะในสุดของห้องโถงได้ทันควัน จะมีก็แต่เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาฟ้าที่ยังรักษาอาการไว้ได้ ดีลนั่งเท้าคางมองไปยังอีกคนที่เหลือเพราะยังติดใจท่าทางเมื่อครู่ไม่หาย ดวงตาสีฟ้าพิจารณาใบหน้าเรียวค่อนข้างขาว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบาง เสื้อคอปกตั้งสูงเน้นให้เห็นช่วงคอระหง ยังไม่ทันได้จะได้มองมากกว่านั้น คนที่เป็นเป้าสายตาก็หันมาเห็นเข้าเสียก่อน ดวงตาสีฟ้าสบตากับดวงตาสีฮาร์เซล หากแต่ฝ่ายหลังก็ไม่ได้แสดงท่าทางตกใจหรือหงุดหงิด เพียงแต่เลิกคิ้วน้อยๆ เป็นคำถามกลับมาก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะก้าวไปข้างหน้า เอ่ยแนะนำตัวด้วยเสียงเรียบๆ ปี 5 บ้านกริฟฟินดอร์, เฟลย์ เดอ ลากูร์ ค่ะ บรรยากาศวันเปิดเรียนวันแรกภายในห้องนั่งเล่นของหอนอนบ้านสลิธิรินก็เหมือนกับที่อื่นๆ เสียงคุยเสียงฝีเท้าดังลั่นไปหมด เด็กใหม่ชั้นปี1 วิ่งเข้าวิ่งออกห้องโน้นห้องนี้อยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง แต่ซักพักก็หมดแรง หายเข้าห้องนอนของตัวเองกันไปหมด เหลือเพียงรุ่นพี่ปีสูงๆ ที่ชินกับสถานที่จนหาเรื่องตื่นเต้นกับวันแรกได้ไม่เท่ารุ่นน้อง ยังคงนั่งคุยกับเงียบๆ ตามมุมประจำของแต่ละกลุ่ม ยกเว้นร่างสูงของเด็กหนุ่มผมดำเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มไหน Please Wait For the Next State 17 May 2006 Talks ตอนแรกลงแล้วจ้า!!!!!!!! ขอโทษที่ปล่อยให้รอคอยกันมานานนะฮะ ตอนนี้เราเปิดตัวตัวละครใหม่ไปเยอะเลย (ที่จริงมันก็เซตใหม่เกือบทั้งเรื่องนั่นแหละนะ) เหนื่อยคิดชื่อมากมาย แต่ยังไงก็เข็นออกมาจนได้ โดยเฉพาะ คนคนนั้น ที่ได้ฤกษ์ปรากฏตัวเสียที อืม...หลายคนคงรู้สาเหตุแล้วสิว่าทำไมถึงไม่เรื่องในที่หมู่บ้าน แหะแหะแหะ ที่จริงตอนที่คิดพล็อตกับเซตตัวละคร เราก็คิดมากกันเหมือนกันนะ แต่ยังไงก็ถูกใจลูกสาวคนโตของพี่บิลกับหนูเฟลอร์อ่ะ แล้วก็ต้องเป็น ผู้หญิง เสียด้วยสิ (ชอบนางเอกเท่ๆ แมนๆ แบบนี้ชะมัด) ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยน๊อ ตอนต่อไปจะมาลงวันพุธหน้า (17 พ.ค.49) นะคะ เวลาก็คงประมาณเที่ยงๆ แบบนี้แล ขอบคุณที่มาชมอีกครั้งค่า (*โค้ง) อคาชา-นะโอ Prologue
....เป็นเรื่องราว..ที่กำลังจะเกิดขึ้น... ....ในอนาคตอันไกลแสนไกล.... -Prologue- เสียงคึกคักดังออกมาจากห้องโถงกว้างใหญ่ของฮอร์กวอร์ต แม้ว่าจะผ่านไปหลายศตวรรษ แต่โถงนี้ก็ยังคงความโอ่อ่าไว้ไม่เปลี่ยน เพดานห้องที่วันนี้ถูกเนรมิตให้เป็นภาพท้องฟ้าพร่างดาว ก็ยังเรียกเสียงฮือฮาจากปากของบรรดานักเรียนใหม่ได้อยู่เช่นเคย พวกเด็กๆ ชั้นปีต่างๆ นั่งอยู่บนโต๊ะประจำบ้าน แลกเปลี่ยนเรื่องราวช่วงปิดเทอมกันอย่างสนุกสนาน ฮัฟเฟิลพัฟ คุยกันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดที่พ่อแม่เพิ่งจะพาพวกเขาไป เรเวนคลอ แย่งกันอวดว่า ใครเตรียมบทเรียนสำหรับปีการศึกษาใหม่มาได้มากที่สุด สลิธิริน แน่นอนว่า...กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง หรือหลายอย่าง พร้อมกับส่งสายตายโสให้กับโต๊ะข้างๆ และโต๊ะตัวที่อยู่ริมประตูทางเข้ามากที่สุด...กริฟฟินดอร์ นาย่า ส่งหนังสือพิมพ์มาทางนี้ดิ๊ เด็กหนุ่มผมแดงร่างสูงเอ่ยปาก ไม่เรียกเปล่า มีการทำท่ากระดิกนิ้วแถมอีกต่างหาก อ่อ เอาคุ้กกี้ลูกเจี๊ยบส่งให้ลองบัตทอมด้วย เด็กสาวที่เหมือนกับกันอย่างกับแกะ เงยหน้าขึ้นจากบรรดาข้าวของ รายการพิเศษ โยนหนังสือพิมพ์กลางโต๊ะไปทางญาติสนิทที่นั่งอยู่ติดกัน แล้วคุ้ยๆ ค้นๆ กระเป๋าเป้อยู่ชั่วครู่ เพื่อหยิบเอาซองกระดาษลวดลายน่ารักออกมายื่นให้กับเด็กหนุ่มหน้ามึนที่นั่งอยู่อีกด้าน ฝ่ายนั้นขยับจะยื่นมือมารับโดยไม่ทันเห็นสายตาลุ้นๆของคู่แฝดตัวแสบประจำบ้าน นาย่า ถึงกับลงทุนแถมคำโฆษณาเลยทีเดียวลองกินเลยสิ ลองบัตทอม นี่เป็นของใหม่ที่ฉันกับเมธิสเพิ่งได้มาเลยนะ แต่ยังไม่ทันที่ขนมชิ้นเล็กๆนั้นจะถูกแกะออกจากห่อ มือเรียวข้างหนึ่งก็เอื้อมมาคว้าหมับไปต่อหน้าต่อตา เรียกเสียงโวยวายได้จากนายหน้าเจ้าของขนมทั้งสอง เฮอร์มีส! สองเสียงช่วยกันตะโกนเรียกจนเจ้าของชื่อจนเกือบจะหูอื้อ นายรู้มั้ย นั่นมันสินค้าตัวใหม่เลยนะ กว่าจะทำเสร็จ ลงทุนไปตั้งเท่าไหร่! ความโหวกเหวกของโต๊ะบ้านกริมฟินดอร์คงจะเลยเถิดไปกว่านี้ ถ้าไม่มีแขนหนักๆที่เท้าลงมาบนไหล่ของทั้งคู่ จนเกือบทรุดมาหัวโขกกัน เฮ้ย! พวกนายนี่หนวกหูกันจริง สองแฝด เด็กบ้านอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว เจ้าของเสียงเป็นร่างสูงในชุดเครื่องแบบนักเรียนปีสี่ ใบหน้าเรียวยาวที่มีผมสีดำยุ่งเหยิงฉีกยิ้มกวนๆ แล้วทรุดลงนั่งแทรกกลางระหว่างคู่แฝดวีสลีย์อย่างเคยชิน ดีล! เจ้าบ้า ทำไมไม่นั่งโต๊ะบ้านตัวเองฟะ! เด็กหนุ่มชุดเครื่องแบบนักเรียนฮอร์กวอร์ตและเนคไทสีเขียวที่ผูกไว้หลวมๆ ทำให้ดูแปลกตาในโต๊ะริมฝั่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ดูเหมือนทุกคนจะคุ้นชินเป็นอย่างดีแล้ว จึงแทบไม่มีใครสงสัยอะไร นอกจากเด็กปีหนึ่งหลายคนที่มองมาด้วยสายตาแทนคำถาม ก็อยู่ทางโน้นน่าเบื่อ โฮ่ คุณพอตเตอร์ คนดัง เสียงใสของนาย่าทำท่าเหมือนจะแกล้งค่อนขอด แต่แล้วก็เปลี่ยนไปได้ทันควันในประโยคหลัง นายคิดถูกแล้วที่มา! ดูนี่ ของเล่นสำหรับปีนี้ พวกพ่อแอบใส่มาให้ มี.... รายการสินค้าจากร้าน เกมกลวิเศษวีสลีย์ล็อตใหม่ทำท่าจะได้ร่ายยาวต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะ ร่างผอมๆในชุดสีดำของอาจารย์ใหญ่ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล จะลุกจากโต๊ะอาหาร ก้าวออกมายืนตรงหน้าโต๊ะทั้งสี่ ทุกคน เงียบด้วย เธอพูดด้วยเสียงก้องกังวานอันเป็นเอกลักษณ์ รอจนเสียงคุยซาลงไปแล้ว จึงค่อยประกาศต่อ ในปีนี้ โรงเรียนของเราได้รับนักเรียนใหม่ชั้นปี 4 และ ปี 5 ทั้งสองคนย้ายตามคุณพ่อคุณแม่ไปโตที่ต่างประเทศจนถึงเมื่อปีที่แล้ว ขอให้ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย เฮอร์มีสที่นั่งเงียบอยู่หน้าหนังสือเล่มหนามานาน หันมาพูดกับเมธิสและนาย่า มาจริงๆ ด้วยแฮะ สองคนนั้น ดีลที่กำลังนั่งเท้าคางมองดูของเล่นชิ้นใหม่ถึงกับเลิกคิ้ว สองคนนั้น? พวกนายรู้จักด้วยเรอะ ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตอบคำถามนั้น คำสนทนาทั้งหมดถูกขัดด้วยคำสั่งของมักกอนนากัล เสียงประตูบานใหญ่เปิดออก พร้อมกับสองร่างก้าวเข้ามาในห้องโถง ดีลหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเมธีส แล้วจึงค่อยหันมาดูเด็กนักเรียนใหม่ซึ่งย้ายต้นปี ....แล้วอยู่ๆ แขนที่เท้าศอกอยู่ก็เหมือนจะเลื่อนหลุดลงไปเล็กน้อย
|