Part 10
Part 10

“เอเรียล....”

เดรโก มัลฟอยเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่เมื่อรู้สึกว่าเด็กสาวที่นั่งข้างๆเงียบเสียงไปพักใหญ่ ร่างบางนั่งเอาคางเกยเข่า ดวงตาสีเขียวมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอกที่มีเพียงความมืดสลัว พรีเฟ็คแห่งบ้านสลิธิรินถอนใจออกมาเบาๆ ...เป็นแบบนี้อีกแล้ว...

เขาเอื้อมมือเขี่ยปอยผมสีดำที่เคลียแก้มใส คนใจลอยสะดุ้งโหยงหันกลับมา

“หือ? เดร?”

เดรโกยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นสีหน้างงๆ ของอีกฝ่าย “คิดอะไรอยู่น่ะ เรียกก็ไม่ได้ยิน”

“เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธเสียงเบาก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้าง เด็กสาวพยายามชวนเขาคุยเสียงแจ๋วๆ ต่อ

ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องมองใบหน้าสวยที่พยายามทำท่าทางสนุกสนานแล้วก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ ความจริงตั้งแต่คืนนั้น ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เดรโกยังคงรับหน้าที่เดินตรวจยาม แล้วก็มาพบเอเรียลที่หอคอย จะต่างไปบ้างก็ตรงที่สาวน้อยตรงหน้าไม่ร่าเริงดังเคย แม้ว่าถ้าต่อหน้าเขาอีกฝ่ายจะพูดคุยหัวเราะตามปกติ แต่เวลาที่เผลอ ดวงตาสีเขียวนั่นก็มักจะครุ่นคิดปนกับมีแววเศร้าเจือจางทุกครั้ง

คิดแล้วเด็กหนุ่มก็นึกโทษตัวเองในใจ ไม่น่าหลุดปากเล่าเรื่องกล่องประหลาดนั่นให้เอเรียลฟังเลย ดูเหมือนยัยตัวเล็กจะคิดมากและกังวลยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก ถึงจะไม่แสดงออกก็เถอะ

ดูสิ คุยได้ไม่เท่าไหร่ก็เงียบไปเองอีกแล้ว...ร่างสูงขยับตัวดึงคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ข้างๆ เข้ามาใกล้ เอื้อมมือไปลูบศีรษะที่มีผมนุ่มหยักยุ่งแล้วถามเสียงเบา

“เอเรียล...เป็นอะไรไป ทำไมไม่บอกฉันล่ะ?”

เด็กสาวหน้าเสียเมื่อถูกจับได้ว่าตนเองแสร้งทำเป็นร่าเริง แต่แล้วก็ส่ายหน้าเร็วๆ “เอเรียลไม่เป็นไรจริงๆนะ เดรจะอ่านหนังสือไม่ใช่เหรอ เอเรียลไม่กวนก็ได้” ร่างบางทำท่าจะถอยออกมา แต่ถูกดึงให้ทรุดนั่งลงอีกครั้ง แถมคราวนี้แขนยาวๆ ยังเอื้อมมารั้งเอวเล็กให้อิงเข้ากับอกกว้าง

“เดร?” ใบหน้าสวยมีแววฉงน รีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดที่อยู่ดีๆ ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

“ใครว่ากวนล่ะ เวลาเธออยู่ใกล้ๆ น่ะดีออกจะตาย”

คนพูดกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นราวกับจะแกล้ง เสียงทุ้มปนหัวเราะนั้นทำเอาคนตัวเล็กกว่าเลิกเครียดได้ทันควัน ใบหน้าสวยทำแก้มป่องพลางดิ้นขลุกขลัก

“ไม่เห็นดีเลย อยู่แบบนี้หายใจไม่ออก”

เดรโกอดขำคำท้วงแบบไร้จริตของคนตรงหน้าไม่ได้ ที่จริงเขาแค่อยากจะดึงความสนใจของเด็กสาวจากเรื่องกังวลเท่านั้น แต่ใบหน้านวลที่ซับสีเรื่อๆ นี่ก็ดูเพลินตาจนไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆ

“นี่...จำเพลงที่เธอเคยร้องให้ฉันฟังได้ไหม?” เด็กหนุ่มถามพร้อมกับเอาคางเกยศีรษะนุ่ม เอเรียลพยักหน้าหงึกหงัก

“Fly me to the moon จำได้ซี” คนตัวเล็กกว่าถามกลับบ้าง “เดรถามทำไม? อยากให้เอเรียลร้องให้ฟังอีกเหรอ?” รีบเงยหน้าถามเสียงกระตือรือร้น

คุณชายแห่งบ้านสลิธิรินส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ใช่หรอก..ไม่ได้อยากให้เธอร้องให้ฟังแต่ว่า…” เขากระชับอ้อมกอดก่อนที่เสียงทุ้มๆ จะดังขึ้น


Poets often use many words.
To say a simple thing.
It takes through and time and rhyme to make a poem thing.

With music and words I've been playing.
For you I have written a song.
To be sure that you'll know what I'm saying.
I'll translate as I go along.

“เดร?!” เสียงอุทานปนประหลาดใจจากเด็กสาวทำให้เดรโกหยุดร้อง แสร้งก้มหน้าแบบฉงน“หือ? ทำไมเหรอ”

“เดรร้องเพลงนี้ได้?” ดวงตาสีเขียวเบิกกว้าง ไม่ใช่แค่ร้องได้ แต่รู้จักเนื้อเพลงเต็มๆ ที่เธอไม่เคยร้องให้ฟังเสียด้วย คนถูกถามทำท่าอมภูมิ “ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวนี่นาที่รู้จักเพลงของมักเกิ้ลน่ะ”

ความจริงเขาใช้เวลาคุ้ยข้อมูลจากหนังสือวิชามักเกิ้ลศึกษาในห้องสมุดอยู่นานทีเดียวกว่าจะเจอ ถ้าให้มาดามพินซ์ช่วยคงจะเร็วกว่านี้แล้ว แต่การตอบคำถามอาจารย์บรรณารักษ์ว่าเขาอยากได้เนื้อเพลงของมักเกิ้ลไปทำอะไรนี่คงจะลำบากกว่าแน่ๆ

ดูเหมือนความพยายามจะได้ผล เด็กสาวตัวเล็กดูจะตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่ต้องเสแสร้ง “เดรร้องเพลงนี้ได้จริงๆ เหรอ? ร้องต่อสิ นะๆ” ร่างบางขยับออกจากอ้อมกอด มือเรียวเอื้อมมาเขย่าแขนแบบกึ่งเร่งกึ่งอ้อน

“เอ...ร้องต่อดีมั้ยน๊อ...” เด็กหนุ่มผมบลอนด์เอามือแตะคางทำท่าครุ่นคิด

“น่านะ เดรนะ” อีกฝ่ายยิ่งรบเร้าหนักขึ้น เดรโกยิ้มออกมาอีกครั้ง

“งั้น...” ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วดึงเอาคนตัวเล็กกว่าให้ลุกตาม “ร้องด้วยกันแล้วกัน” เขาดึงเด็กสาวไปที่ระเบียง ดวงจันทร์ด้านนอกส่องสว่างเข้ากับบรรยากาศ เสียงหวานร้องคลอกับเสียงของเด็กหนุ่ม

Fly me to the moon.
And let me play among the stars.
Won't you let me see what spring is like on Jupiter and Mars.

In other words..

อยู่ดีๆ เดรโกก็จับมือเรียวของอีกฝ่ายขึ้นมา “Hold my hand.” ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองนิ่งทำเอาเอเรียลที่
ปกติจะจ้องตอบแล้วยิ้มแบบเด็กๆ กระพริบตาปริบๆ ทำหน้าไม่ถูกเมื่อนึกถึงท่อนต่อไปขึ้นมาได้

“In other words”

พอใบหน้าของคนตัวสูงกว่าก้มลงมาหาพร้อมกับกระซิบ เสียงหวานก็ขาดหายไปแล้ว “…Darling kiss
me”

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงแต่แล้วก็ชะงักกึก...

ก็ใบหน้าสวยตอนนี้หลับตาแน่น แถมทำหน้ากลั้นใจแบบประหลาดๆ จนดูน่าขำ สุดท้ายคนที่กำลังอยู่ในบรรยากาศโรแมนติกเลยต้องหายใจพรืด...นี่กลัวถูกจูบขนาดนั้นเลยเหรอ ดูซิ หลับตาปี๋เชียว

เดรโกส่ายหน้ายอมแพ้ “ก็ได้ๆ แค่นี้ก็ได้” เขาพึมพำก่อนที่จะก้มลงแตะริมฝีปากที่หน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา “เอ้า ลืมตาได้แล้วยัยเด็กน้อย เฮ่อ” ท้ายประโยคอดมีเสียงถอนใจแบบเสียดายนิดๆ ไม่ได้

อีกฝ่ายยังคงหลับตาแน่นอยู่ เดรโกเลยเอื้อมมือไปดึงจมูกโด่งรั้นนั่นไปมาอย่างมันเขี้ยว “จะกลัวไปถึงไหน”

“โอ้ย เดรนี่” ได้ผล ดวงตาสีเขียวลืมขึ้นแล้วประท้วงเสียงบู้บี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะชอบใจ เด็กสาวเลยทำหน้าบู้ “แกล้งเอเรียลเหรอเนี่ย เอาอีกแล้วน๊า”

“หึหึ เปล่าสักหน่อย โอ้ย อย่าตีแรงสิ” ร่างสูงหัวเราะก่อนจะอุทานเมื่อถูกกำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่ไหล่จนต้องหลบไปด้านหลัง ดึงให้คนจ้องทำร้ายหมุนตามไปด้วยจนสุดท้ายก็เหนื่อยจนต้องนั่งพักกันทั้งคู่

“เดร” เสียงหวานเรียกเบาๆ ก่อนจะถามด้วยสีหน้ากังวล “กล่องนั่นพูดอะไรอีกหรือเปล่า”

คุณชายแห่งตระกูลมัลฟอยส่ายหน้า “ไม่..ตั้งแต่วันนั้นมันก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรอีกเลย” เขาสบตากับดวงตาสีเขียวที่จ้องมองอย่างเศร้าๆ นั้นด้วยสายตากังวลไม่แพ้กัน

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้ากล่องประหลาดนั่นเรียกร้องคงจะไม่ใช่ของเล็กน้อยแต่...

มือยาวดึงเอาร่างบางเข้ามาชิด เดรโกกระซิบหน้าขรึมพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรหรอก...กล่องนั่นมันอยากได้อะไรก็ให้มันเอาไปเถอะ ไม่ต้องกังวลนะ”

คนในอ้อมกอดได้แต่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย

......................................................................................................................................

ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมควิชดิชสีเขียวก้าวไปตามระเบียง การซ้อมช่วงบ่ายวันนี้หนักไม่ใช่เล่น เจ้ากัปตันคนใหม่คงอยากแก้มือเต็มที่ เดรโกเดาะไม้กวาดนิมบัส 2001 ของตัวเองขึ้นพาดไหล่ เขาวางแผนจะรีบกลับหอไปจัดการการบ้านให้เสร็จเรียบร้อย เผื่อคืนนี้จะพายัยตัวเล็กไปขี่ไม้กวาดเล่นจะได้ไม่ต้องมีห่วง

เด็กหนุ่มหยุดกึกเมื่อเห็นร่างในชุดเสื้อคลุมนักเรียนที่กำลังยืนเกาะผนังอยู่ “พอตเตอร์?” เขาขมวดคิ้ว แค่มองจากระยะไกลก็พอจะเห็นแล้วว่าฝ่ายนั้นอาการไม่ค่อยดี ก็ไหล่บางหอบเสียขนาดนั้น

“อีกแล้วเหรอเนี่ย?”

ทำไมเวลาเขาเจอพอตเตอร์ตามลำพังทีไร ต้องเป็นตอนที่หมอนี่กำลังป่วยทุกทีเลยนะ? พรีเฟ็คแห่งบ้านสลิธิรินรีบสาวเท้าตรงไปหา

“หวัดดี พอตตี้ จะเป็นลมอีกแล้วเหรอ?”

เขาส่งเสียงทักแบบกวนประสาทตามเคย หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนไปแล้ว ทั้งเขาทั้งคนดังแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็กลับมาแง่งๆ ใส่กันเหมือนเดิม ทุกอย่างแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คงเป็นนิสัยที่แก้ยากไปเสียแล้วนั่นแหละ

แฮร์รี่ พอตเตอร์พอได้ยินชัดว่าคนที่ทักตนเองจากด้านหลังเป็นใคร ร่างบางซึ่งกำลังรู้สึกวิงเวียนศีรษะก็รีบยืดตัวขึ้น สีหน้าติดจะบึ้งหันขวับไปประจันกับร่างสูงของเด็กหนุ่มผมบลอนด์

“ไม่มีอะไร มัลฟอย ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย” รีบปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าซีดเผือดของตนจากดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายได้

“นิดหน่อย? ไม่มั้ง” เดรโกย่นคิ้วล้อแล้วก้มลงมองคนตัวเล็กกว่า มือยาวเอื้อมไปคว้าข้อมือข้างที่ไม่ได้ถือหนังสือเรียนของอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่ขออนุญาตสักคำ “นายมือสั่นด้วยล่ะ นอนน้อยไปหรือเปล่า?”

“ฉันสบายดี!” เด็กหนุ่มผมดำรีบสะบัดมือสั่นเทาของตนออกจากการเกาะกุมพร้อมกับเถียงเสียงเข้ม ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบใจ

ยังไม่ชอบแสดงความอ่อนแอเหมือนเคย...

เดรโกวางไม้กวาดของตนพิงกำแพง แล้วกอดอกเอียงคอมองพิจารณาขึ้นๆลงๆ ด้วยสายตาแบบที่ทำให้คนถูกมองหน้าบึ้งมากขึ้นไปอีก

“จริงเหรอ? ฉันว่านายน่าจะไปห้องพยาบาลได้แล้วนะ” เสียงทุ้มแนะนำจริงจัง ไม่ใช่เพราะว่าห่วงเจ้าแว่นหัวยุ่งนี่หรอก ก็แค่เห็นว่าท่าทางช่วยตัวเองไม่ได้แบบนี้มันน่าสมเพทเท่านั้นเอง

“ฉันบอกว่า ฉัน-ไม่-เป็น-ไร!” แฮร์รี่กระแทกเสียง เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายซักไซ้ไม่เลิก แล้วก็พาลรำคาญร่างกายของตนเองที่อ่อนแอลงอย่างไม่มีสาเหตุ

ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพราะความเครียดจากการสูญเสียพ่อทูนหัว แต่หลังๆ มานี่กลับไม่ใช่ แม้ว่าจะหายเศร้าจากเรื่องของซีเรียสไปมากแล้ว เขาก็ยังคงอ่อนแอลงเรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งที่อาการดีขึ้น แต่ตอนนี้มันกลับแย่ลงอีกจนเพื่อนสนิททั้งสองเริ่มสังเกตเห็น เฮอร์ไมโอนี่กับรอนพยายามโน้มน้าวเขาด้วยประโยคเดียวกับมัลฟอยนี่แหละ...

“ถอยได้แล้วฉันจะไปห้องสมุด”

ร่างบางพยายามเบี่ยงตัวหลบออก แต่พอก้าวเท้าก็รู้สึกวูบจนเซอีกครั้ง ดีว่าแขนยาวของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอื้อมมารับไว้ มีเสียงเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจนักจากคนตัวสูงกว่าที่ก้าวเข้ามาชิด

“เอาเข้าไป กะอีแค่ไปห้องพยาบาลนี่มันเสียศักดิ์ศรีนายมากหรือไง พอตเตอร์?”

ใครบอก ฉันไปห้องพยาบาลบ่อยกว่าทุกคนในโรงเรียนด้วยซ้ำ! แฮร์รี่ขยับปากจะเถียงแต่คำพูดกลับหายวับเมื่อร่างสูงตรงหน้าคว้าตัวเขาขึ้นอุ้ม

“เฮ้ มัลฟอย ทำบ้าอะไรของนาย!” ซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์ตะโกนลั่นแต่อีกฝ่ายกลับรัดร่างเขาแน่นขึ้น

“ก็แค่จะพานายไปห้องพยาบาล อย่าตื่นตูมนักได้มั้ย”

เดรโกบอกแล้วก้าวเดินไปเรื่อยๆ คนในอ้อมแขนยังดิ้นไม่เลิกจนต้องจับขาไว้อีก ตกลงไม่สบายแน่หรือเปล่าเนี่ย แรงดีขนาดนี้

“ฉันเดินไปเองได้ ปล่อยฉันลง!” แฮร์รี่ประท้วงเสียงลั่นแต่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ไม่ฟังแม้แต่น้อย ร่างบางโดนอุ้มเดินลิ่วๆ ไปแบบยากจะขัดขืน


โครม!!!!!

ขายาว ๆ ถีบประตูห้องพยาบาลให้เปิดผางออก ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่ในห้องสะดุ้งโหยง เด็กปีสองบ้านฮัฟเฟิลพัพผู้โชคร้ายมาขอยาแก้ปวดท้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร

เดรโก มัลฟอยอุ้มแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่เข้ามา “มาดามพร็อมพรีย์ล่ะ?” พรีเฟ็คของบ้านสลิธิรินถามเสียงห้วน

“ไป...ไปดูคนเจ็บ...ที่เรือนเพาะชำ..ครับ”

รุ่นน้องต่างบ้านตอบตะกุกตะกัก เหลือบมองเด็กหนุ่มผมดำในอ้อมแขนของร่างสูงที่ตอนนี้เงียบกริบทำสีหน้ากระอักกระอ่วน พยายามหลุบซ่อนใบหน้าของตนลงกับอกของคนอุ้มให้มากที่สุดแต่ดูจะไม่เป็นผล เมื่อพยานเห็นเต็มสองตาไปแล้วเมื่อครู่

ดวงตาสีฟ้ากวาดไปทั่วห้องพยาบาล ตอนนี้ไม่มีคนนอนป่วยอยู่ เตียงทุกเตียงว่างเปล่า “งั้นนาย...” เขาสะบัดหน้าไล่เจ้าเด็กหน้าจืด อีกฝ่ายก็ทำท่าจะหลบออกไปโดยดีแต่เสียงทุ้มเรียกไว้ก่อน “เดี๋ยว!”

“ค...ครับ?”

“อย่าเอาเรื่องนี้ไปโพทนา ถ้านายอยากอยู่ที่นี่ต่ออย่างสงบสุข” ใบหน้าเย็นชาที่มองคาดโทษ“เข้าใจไหม” เสียงคาดคั้นทำเอาเสียวสันหลังวาบจนต้องรีบรับคำแล้วเผ่นแบบไม่เหลียวหลัง

หลังจากผู้ร่วมเห็นเหตุการณ์ออกไปแล้ว แฮร์รี่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดเสียงห้วน “ถึงห้องพยาบาลแล้ว นายปล่อยฉันลงซะที!”

“ปล่อยแน่ คิดว่าฉันอยากอุ้มนายนักเรอะ” เดรโกตอบเสียงห้วนพอกัน เขาเดินไปถึงเตียงพยาบาลเตียงหนึ่งแล้ววางร่างบางลง

“เอ้า นอ…” พูดยังไม่ทันจบประโยค เพราะคนที่อุตส่าห์อุ้มมาตั้งนานทำท่าจะโดดลงจากเตียงแล้วเผ่นหนี ร่างสูงต้องคว้าแขนดึงกลับมา ส่งผลให้ร่างของทั้งคู่ลงไปกระแทกที่นอนเสียงดังโครม

“โอ้ย!”

“นี่นายจะดื้อไปถึงไหนหา!” คุณชายแห่งบ้านสลิธิรินชักจะหมดความอดทน

ร่างสูงคร่อมกดคนที่นอนอยู่ข้างใต้ไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้อีก “ฉันเปลืองแรงอุ้มนายมาถึงนี่ ดังนั้นช่วยอยู่นิ่งๆ แล้วนอนหลับไปซะ!”

ใบหน้าเรียวของแฮร์รี่แดงก่ำ ตะโกนกลับเสียงดังไม่แพ้กัน “ฉันไม่ได้ขอให้นายพามาสักหน่อย ฉันไม่นอนเข้าใจมั้ย!”

เดรโกขมวดคิ้ว ดื้อนักนะ...

อยู่ดีๆ ร่างบางก็ต้องตัวแข็งนิ่งอึ้งเมื่อคนที่อยู่ด้านบนก้มหน้าลงมาหา ใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดแก้ม “เฮ้ย!” เขาขยับจะหนีแต่มือของอีกฝ่ายล็อคแขนไว้แน่น เสียงทุ้มๆ กระซิบ

“ถ้านายยังโหวกเหวกอยู่แบบนี้ รับรองว่ามีขบวนพวกสอดรู้สอดเห็นตามเข้ามาเยี่ยมถึงห้องพยาบาลแน่ อยากให้พวกนั้นเห็นนายกับฉันอยู่ในสภาพนี้หรือไง พอตเตอร์?”

คนตัวเล็กกว่าชะงักกึก ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างมองรอยยิ้มเย็นๆ ที่บอกว่าคนพูดไม่ได้ขู่เล่นๆ เขารีบส่ายหน้าดิ่ก จนคำประท้วงไปโดยปริยาย

“นายจะยอมนอนพักดีๆมั้ย?”

ใบหน้าเรียวที่เริ่มแดงก่ำได้แต่กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้าตอบรับหงึกหงัก

เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มอย่างผู้ชนะ “ดีมาก เอ้า นอนซะ” ร่างสูงลุกจากเตียงแล้วลากเก้าอี้มานั่งกอดอกเฝ้าไม่ยอมไปไหน ทำให้คนที่วางแผนจะหลบกลับเมื่ออีกฝ่ายออกไปแล้วต้องยอมแพ้ แฮร์รี่ยอมหลับตาลงทั้งที่ความสงสัยยังติดค้างอยู่ในใจ

ทำไมอยู่ดีๆ มัลฟอยมาใจดีกับเขาแบบนี้นะ....


...ก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอกนะ แค่รำคาญตากับท่าทางดื้อไม่ฟังใครของเจ้านี่เท่านั้นเอง

เดรโกมองคนบนเตียงที่วูบหลับไปอย่างง่ายดาย ดูก็รู้แล้วว่านอนน้อย มัวเอาเวลาช่วงกลางคืนไปทำอะไรอีกล่ะ? แต่พอเสียเวลาคิดอยู่ชั่วครู่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ยักไหล่ ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาสักหน่อย ดวงตาสีฟ้าหันมาพิจาณาใบหน้าเรียวที่หลับพริ้มอยู่แทน...เพิ่งเคยเห็นหมอนี่ตอนไม่ใส่แว่นแฮะ

ผิวแก้มสีน้ำผึ้งอ่อนตอนนี้เริ่มมีสีเรื่อ เพราะเพิ่งออกอาการอาละวาดไปเมื่อครู่ ผมสีดำหยักยุ่งเริ่มยาวระกับหน้าผากเนียนบดบังรอยแผลเป็นรูปสายฟ้า ริมฝีปากบางคลายจากอาการบึ้งตึงเปลี่ยนเป็นอมยิ้มนิดๆ ราวกับกำลังฝันดีทำให้ใบหน้านั้นยิ่งน่าดูขึ้น ถ้าดวงตาสีเขียวนี่ลืมขึ้นมามองก็คงจะดูดีกว่านี้ ดูดีเหมือน....

บ้าน่า นายคิดบ้าอะไรของนาย เดรโก!

เด็กหนุ่มรีบละสายตาแล้วผุดลุกขึ้น ไม่มีทาง! จะเหมือนยัยนั่นได้ยังไง

พอได้แล้วเลิกวุ่นวายกับหมอนี่เสียที! ร่างสูงก้าวออกไปจากห้องพยาบาล ทิ้งผู้เป็นต้นเหตุของความสับสนให้หลับใหลอยู่บนเตียงตามลำพัง

........................................................................................................................................

บอกให้เลิกคิด!

เด็กหนุ่มผมบลอนด์สลัดศีรษะทั้งที่ยังก้าวเดินไปตามระเบียงทางเดินอันไร้ผู้คน ใบหน้าหล่อเหลาติดจะบูดบึ้งเมื่อนึกถึงความคิดไร้สาระเมื่อตอนบ่าย นั่นมันผู้ชาย...แถมเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์...ไม่มีทางจะเหมือนยัยนั่นอยู่แล้ว

บางที เอเรียลอาจจะเป็นญาติห่างๆ ของพอตตี้...

เด็กหนุ่มพยายามควานหาเหตุผล แต่รู้สึกว่ามันแสนจะงี่เง่าจนแม้แต่ตัวเขาเองยังรับไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก ถ้าไม่นับมักเกิ้ลต่ำๆที่เลี้ยงหมอนั่นมา กับซีเรียส แบล็คที่เป็นพ่อทูนหัว

โว้ย เลิกคิดซะที!

ร่างสูงหยุดกึ่กบนทางเดินเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาไม่อยากไปเจอเอเรียลทั้งที่ยังหงุดหงิดสับสนแบบนี้ ไม่อยากให้ยัยนั่นไม่สบายใจไปด้วยอีก เดรโกหันหน้าไปทางหน้าต่างบานกว้าง เดินเข้าไปใกล้หวังจะสูดอากาศให้อารมณ์ปลอดโปร่งขึ้น

เดือนหงายอีกแล้ว...ดวงจันทร์ครึ่งซีกลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้าสีเข้ม นี่ก็อีกเรื่อง สงสัยต้องหาวิธีใหม่หลบออกมาพบเอเรียลให้ได้ ก่อนที่ฟิลช์จะกลับมาทวงตำแหน่งคนตรวจยามคืนไป

อาจจะถึงเวลาต้องถามที่มาที่ไปของสาวน้อยปริศนาของเขาเสียทีแล้ว ทั้งที่เขาไม่คิดจะคาดคั้นถ้าเธอไม่อยากบอก แต่เดรโกอยากรู้ว่าเอเรียลเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ไม่ใช่เพราะความระแวงแคลงใจ แต่เพื่อให้รู้ว่า ทำอย่างไร พวกเขาจึงจะได้อยู่ด้วยกันต่อไปต่างหาก เด็กหนุ่มแห่งบ้านสลิธิรินคิดหาหนทางไปเรื่อยๆ

ถ้ายัยนั่นยอมออกไปข้างนอกล่ะก็ เอาไปฝากให้แม่ดูแลก็คงได้...

เด็กน่ารักแบบเอเรียล แม่เขาต้องเอ็นดูอยู่แล้ว ยิ่งเธอไม่มีลูกชายคนเดียวมาคอยอ้อนแบบเมื่อก่อน คงยินดีรับลูกสาวคนใหม่ได้ไม่ยาก พ่อเขาเองก็คงไม่รังเกียจแม่มดสายเลือดบริสุทธิ์ ท่าทางยัยนั่นก็เป็นมีพลังเวทย์ไม่น้อยด้วย

พอคิดได้แบบนี้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็คลี่ยิ้ม ไม่เห็นต้องมัวคิดมาก เอาเวลาไปหาวิธีหว่านล้อมยัยตัวเล็กแล้วก็พ่อแม่ของตัวเองดีกว่า

ร่างสูงทำท่าจะเดินต่อไปยังหอคอย แต่ก็ต้องสะดุดกึกอีกครั้งเมื่อมีเสียงเรียกเบาๆ

“ผู้ถือครอง”

เสียงแหบพร่าที่ทำให้เด็กหนุ่มนิ่งขึงก่อนจะหรี่ตาลง ถึงเวลาแล้วสินะ...เขาหยิบกล่องคริสตัลที่เอาติดตัวไว้ตลอดเวลาออกมา เดรโกรู้ว่ากล่องปริศนาจะต้องเรียกร้องค่าตอบแทนของตนไม่วันใดก็วันหนึ่ง และเขาก็ยินดีที่จะจ่ายให้มัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

“ค่าตอบแทนของแกสินะ” เขาพูดออกมาเองโดยไม่ต้องรอให้เตือน ทำให้มีเสียงหัวเราะพอใจดังออกมาจากกล่องที่กำลังเปล่งแสงสีเขียวเรื่อเรือง

“ท่านยินดีรักษาสัญญา”

เสียงกึ่งหยันนั้นทำให้ผู้เป็นเจ้าของตอบหน้าขรึม “ใช่ รีบบอกมาสิ ว่าแกต้องการอะไร”

“อย่าใจร้อน”

เสียงแหบพร่าตอบ เดรโกมัวแต่สนใจมองมันจนไม่ทันสังเกตสิ่งอื่น มารู้สึกตัวก็เมื่อร่างบางของใครคนหนึ่งก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าห่างออกไปเล็กน้อย เงามืดจากผนังทำให้ไม่เห็นใบหน้าของคนในชุดนอนรุ่มร่าม

“เอเรียล” เด็กหนุ่มแห่งบ้านสลิธิรินรีบเงยหน้าขึ้นอุทาน ที่จริงเขาไม่อยากให้เด็กสาวอยู่ตอนที่ไอ้กล่องเจ้าเล่ห์มันยื่นเงื่อนไข เดรโกยิ้มแล้วบอกอีกฝ่ายเสียงอ่อน “ออกมาทำไม..กลับไปก่อนเถอ..”

รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้าเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้าออกมาจากเงามืด

แฮร์รี่ พอตเตอร์!

ร่างบางยืนนิ่ง ดวงตาสีเขียวกลมโตปราศจากแว่นลอยคว้าง สีหน้านิ่งเลื่อนลอยราวกับคนตรงหน้าเขากำลังละเมอ หมอนี่ออกมาที่นี่ทำไมกัน?

ท่ามกลางความสับสนงุนงงของเด็กหนุ่ม เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่านอยากรู้ว่าค่าตอบแทนคืออะไรใช่ไหม”

เดรโกนิ่งอึ้งแทบไม่ได้ยินที่กล่องปริศนาเอ่ย เขาได้แต่จ้องมองคนตรงหน้า

และเมื่อร่างของคู่แข่งคนสำคัญก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด ดวงตาสีฟ้าซีดก็เบิกกว้าง ร่างสูงตะลึงอยู่กับที่ได้แต่ตะกุกตะกัก

“เธอ...? ทำไม...?”

ลมจากหน้าต่างบานกว้างพัดเส้นผมยาวหยักจนปลิวไสว ใบหน้าเรียวหม่นลงพร้อมกับดวงตาสีเขียวคลอด้วยหยาดน้ำที่จ้องตอบเขาด้วยแววตาปวดร้าว

“ค่าตอบแทน...คือ ‘ชีวิต’ ของเจ้าของร่างนี้”




Create Date : 22 เมษายน 2548
Last Update : 22 เมษายน 2548 13:18:48 น.
Counter : 561 Pageviews.

3 comments
  
'ชีวิต'ของเจ้าของร่างนี้เหรอ??...อ๊ายยยยยย ม่ายน้า
T______________Tอย่ามาพรากน้องแฮร์ไปจากน้องเดรจิ..
อ่ะฮือ..มาต่อเร็วๆนะคะ..ค้างอย่างรุนแรงง่ะ
โดย: MeZzaLuNa IP: 203.107.198.30 วันที่: 22 เมษายน 2548 เวลา:21:05:34 น.
  
อ่า อยากอ่านต่อมากๆๆๆอ่ะ >__<
รีบๆ up นะค่ะ
โดย: CooL IP: 210.86.207.7 วันที่: 29 เมษายน 2548 เวลา:21:14:52 น.
  
โดย: เนกิ สปริงฟิลด์ IP: 124.121.107.51 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:03:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]