Part 7
ตอนที่ 7

เดรโก มัลฟอยเดินออกมาจากห้องอาจารย์ใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเพิ่งถูกดัมเบิลดอร์กับคณะอาจารย์เรียกตัวมาเพื่อแจ้งข่าว แน่นอนว่าบิดามารดาของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่พวกภาคีนกฟินิกส์ก็ยังหาตัวไม่พบ แต่จากจดหมายเมื่อเช้าทำให้เดรโกใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่งว่า อย่างน้อยตอนนี้พวกพ่อคงจะสามารถหาที่หลบภัยที่เป็นความลับได้แล้ว เพียงแต่จะซ่อนตัวจากพวกผู้เสพความตายกระหายเลือดนั่นได้นานแค่ไหนเท่านั้น...

มือหนึ่งแตะที่บ่าเบาๆ เมื่อหันกลับไปก็เห็นอาจารย์ประจำบ้านซึ่งเดินตามมาและกำลังมองเขาด้วยสายตากังวล

“เดรโก เธอไม่เป็นไรนะ” สเนปถามเมื่อเห็นว่าใบหน้าของลูกศิษย์คนโปรดซีดเผือด อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ “ครับ..ผมสบายดีฮะ เพียงแค่ห่วงพวกพ่อนิดหน่อยเท่านั้น”

“ไม่ต้องห่วง” อาจารย์สอนปรุงยาพูดหน้าขรึม “ครูจะพยายามติดต่อพวกพ่อแม่เธอให้ได้เร็วที่สุด” พูดแล้วก็ตบบ่าลูกศิษย์หนักๆ อีกครั้ง “เธอเองก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะ อย่างที่พวกสมาชิกภาคีบอก ถ้าหาพ่อแม่เธอไม่พบ พวกผู้เสพความตายอาจจะพุ่งเป้ามาที่เธอแทน”

เดรโกฟังนิ่ง มือของเขาเริ่มกำแน่นขึ้นนิดๆ แต่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่สนใจเรื่องที่กำลังพูดต่อ

“ตอนนี้อย่าออกไปนอกโรงเรียนจะปลอดภัยที่สุด เข้าใจไหม” เสียงเรียบแต่ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองจริงจังราวกับต้องการคำรับปากจากอีกฝ่าย...จากที่ดูแลมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไร...ยิ่งท่าทางภายนอกดูสงบแบบนี้ด้วยแล้ว

เดรโกนิ่งขึงอยู่อึดใจเมื่อถูกดักทางได้ เขาถอนใจก่อนจะพยักหน้าแล้วยิ้มฝืนๆ

“ครับ ผมจะระวัง ขอบคุณครับศาสตราจารย์”


หลังจากที่อาจารย์ประจำบ้านผละไปแล้ว เด็กหนุ่มก็ชะลอฝีเท้า ระเบียงทางเดินตรงนั้นร้างไร้ผู้คนจนทำให้เขาเผลอเอนหลังพิงกำแพง ท่าทางสงบนิ่งที่แสร้งทำยามอยู่ต่อหน้าพวกอาจารย์เมื่อครู่นี้เลือนหายไป ใบหน้าหล่อเหลาหลับตา กัดฟันพร้อมกับค่อยๆ ระบายลมหายใจหนัก มือทั้งสองข้างกำแน่นเพื่อสะกดอารมณ์

อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเครียดและหงุดหงิด ทั้งดัมเบิลดอร์....สมาชิกภาคี....พวกอาจารย์....แม้แต่อาจารย์ประจำบ้าน ทุกคนมองเขาเป็นเด็กน้อยอ่อนแอที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของการแก้แค้น ต้องถูกเก็บไว้ในปราสาท คอยระวังไม่ให้เป็นอันตรายทั้งที่เดรโกอยากจะกลับไปวิลเชียร์ตั้งแต่แรกที่ได้ข่าวร้ายนี่ด้วยซ้ำ

พ่อกับแม่....จะหลบอยู่ที่ไหนกันนะ พ่อน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แม่เขาตอนนี้ก็สุขภาพไม่ค่อยดี คิดแล้วก็เป็นห่วงลูกชายคนเดียวแทนที่จะช่วยได้ก็ต้องถูกกักอยู่ที่โรงเรียน

“บ้าชะมัด...โธ่เว้ย !”

เด็กหนุ่มหลุดปากออกมา กำปั้นข้างหนึ่งทุบกำแพงที่อยู่ด้านหลังจนรู้สึกเจ็บ

กึ่ก! เสียงฝีเท้าที่ก้าวผ่านมาตามระเบียงหยุดชะงัก เดรโกรีบลืมตาขึ้นมองทันที เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นเวลาตัวเองเผลอหลุดความอ่อนแอออกมา

บนระเบียงทางเดินห่างออกไป ร่างผอมบางของแฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนอยู่เพียงลำพัง คงจะถูกเรียกตัวมาพบเพราะเรื่องนี้เหมือนกันสินะ...เดรโกคิด คนที่จะเป็นเป้าของพวกผู้เสพความตายนอกจากเขาแล้วก็คงมีแต่ไอ้หมอนี่เท่านั้นแหละ

ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายยามเมื่อสบตาเขายิ่งทำให้ความหงุดหงิดในใจเพิ่มมากขึ้น

“มองอะไร!”

เดรโกถามเสียงเข้มแล้วพูดต่อราวกับจะหาเรื่อง “คงสมใจนายสินะ พอตเตอร์ พ่อของฉันที่เป็นศัตรูของนายกำลังจะเป็นอันตราย” ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่คุณชายแห่งบ้านสลิธิรินก็อยากจะพาล...ตอนนี้เขาหงุดหงิด...หงุดหงิดจนอยากจะระบายความเครียดนี้ให้คนอื่น

ใบหน้าเรียวของแฮร์รี่ พอตเตอร์เพียงแต่ถอนใจก่อนละสายตาแล้วทำท่าจะผละไปอย่างเมินเฉยราวกับว่าร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ เดรโกฉุนกึ่กขึ้นมาทันที แม้แต่หมอนี่ก็ยังทำท่าเหมือนเขาเป็นเด็กไม่รู้จักคิดงั้นเรอะ?

ไวเท่าใจคิด มือยาวเอื้อมไปกระชากแขนของคนที่จะผละหนีจนฝ่ายนั้นเซ “ทำไมไม่ตอบ!” เขากระชากเสียงถาม คิ้วขมวดมุ่น

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าเฉยชาแสดงความไม่พอใจออกมานิดหนึ่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเดรโก ริมฝีปากบางก็ปรากฏรอยเยาะหยัน “ต้องการให้ตอบหรือมัลฟอย?” แม้จะยิ้มแต่ดวงตาสีเขียวกลับแข็งกร้าว “ถ้าจะให้ตอบ ฉันว่ามันยังไม่สาสมกับสิ่งที่พ่อของนายกับพวกทำไว้ด้วยซ้ำ”

มือของเดรโกบีบต้นแขนของอีกฝ่ายแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “หมายความว่ายังไง?” เขาเค้นเสียงถาม แทบจะเขย่าคนตรงหน้าซึ่งยังคงจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“ต้องให้บอกด้วย? พ่อนายไม่เคยเล่าให้ฟังหรือไง ว่าเขาทำชั่วอะไรมาบ้าง!” แฮร์รี่กระซิบเยียบเย็น แขนเรียวพยายามจะสะบัดออก แต่กลับไม่สามารถสู้แรงของคนตัวสูงกว่าได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อหลุดจากการเกาะกุมไม่ได้เจ้าตัวจึงพูดต่อ “พ่อนายสมควรจะได้รับกรรมจากสิ่งที่เขาก่อ!”

ปึ่ก!

ไหล่บางถูกยึดและดันจนเซไปกระแทกผนังด้านหลังด้วยมือของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่บัดนี้กำลังหายใจหนักพยายามสะกดอารมณ์ เขากระชากเสียงห้วน มือหนักบิดไหล่อีกฝ่าย

“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!”

แฮร์รี่ พอตเตอร์นิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บแต่กลับตอบเสียงแข็ง “ไม่มีทาง!”

มือข้างหนึ่งของเดรโกเอื้อมไปบีบที่คางมนที่เพิ่งเอ่ยปาก “ฉันบอกให้ถอนคำพูด!” เขาพูดเสียงเหี้ยมแม้ว่าในใจจะขัดแย้ง ไม่คิดว่าการชวนหาเรื่องเมื่อครู่จะบานปลายรุนแรง...แต่เพราะเจ้าบ้านี่...เพราะท่าทางราวกับว่ารู้อะไรไปซะทุกอย่างของมัน...ทำให้เขาพลุ่งพล่านจนระงับความโกรธไว้ไม่ไหว

สิ่งที่ได้รับตอบกลับเป็นสีหน้าเคียดแค้นและเสียงเย็นชา “ถึงจะถอนคำพูดก็ไม่ทำให้ความจริงเปลี่ยนไปหรอก มัลฟอย รู้ไหมว่ามีคนตายจากฝีมือพวกพ่อนายกี่ค...”

ยังไม่ทันสิ้นประโยค คอเสื้อของร่างบางก็ถูกกระชากพร้อมกับที่เดรโกเงื้อหมัด เขาต้องชกมันสักทีให้สาสมกับความปากพล่อย!

แต่เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักกึ่ก อีกฝ่ายยังคงจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีเขียวแห้งผากที่ส่อแววเจ็บปวดนั่นช่างคล้ายคลึงกับดวงตาชุ่มหยาดน้ำของใครอีกคนจนเดรโกต้องกัดฟันกรอด

โครม!!!!

เขาสะบัดร่างผอมบางที่ยึดไว้จนลงไปกองกับพื้น ร่างสูงหันหลังขวับแล้วเดินจากมาโดยไม่สนใจคนที่ทรุดอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป

ให้ตายเถอะ! ไม่ว่าหน้าไหนก็บ้ากันทั้งนั้น!


เดรโกเดินพรวดๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธิรินโดยไม่ได้สนใจพวกเพื่อนในบ้านที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันอย่างเคร่งเครียดหน้าเตาผิง แต่เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามา สายตาทุกคู่ก็จ้องมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นปนกับท่าทางกระอักกระอ่วน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องที่ผู้เสพความตายแหกคุกหนีออกมาแล้วไปทางบ้านเขา คงจะเป็นหัวข้อข่าวของวันนี้แน่นอน

“มัล..มัลฟอย เป็นไงบ้าง” แครบเอ่ยถามตะกุกตะกัก กอยย์ช่วยเสริม “ไปหาดัมเบิลดอร์มาเหรอ”

“เออ!ไม่มีอะไร!” คนถูกถามตอบกลับเสียงห้วน ทำท่าจะเดินขึ้นหอนอน แต่เสียงของเบลซ ซาบินี่ที่พูดขึ้นมาจากโซฟาหน้าเตาผิงที่เขากับพวกเด็กปี 4 กำลังเปิดเดลี่พร็อพเฟ็ตอ่านข่าวกันอยู่ทำให้เขาสะดุดกึก “หนังสือพิมพ์บอกว่าพวกผู้เสพความตายมุ่งหน้าไปทางวิลเชียร์ บ้านนายนี่นามัลฟอย พ่อนายไปทำให้พวกมันแค้นเอาหรือเปล่า”

“ฉันไม่รู้” เดรโกหน้าบึ้ง เขาไม่ชอบที่เจ้าพวกนี้จะมาวุ่นวายก้าวก่าย โดยเฉพาะ...ในสิ่งที่เขาเองก็ตอบไม่ได้

“พ่อนายคงไม่ได้ตกเป็นเป้าของมันหรอกใช่มั้ย”

“เขาหลบไปซ่อนตัวเหรอ”


“แล้วพวกภาคีจะมาคุ้มกันนายเหมือนพอตเตอร์รึเปล่า มัลฟอย”

เสียงถามจากคนโน้นคนนี้ จะเป็นห่วงด้วยเจตนาดีหรือว่าแค่อยากรู้เรื่องชาวบ้านก็ล้วนทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านของเด็กหนุ่มสูงขึ้นทั้งนั้น

“ฉันไม่รู้โว้ย! เลิกถามซอกแซกเสียทีได้มั้ย!”

เขาตะโกนออกมากลบเสียงจ่อกแจ่กจนเงียบกริบกันไปทั้งห้อง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งจัด ดวงตาสีฟ้าอมเทาวาวโรจน์บอกอารมณ์โทสะที่พุ่งสูงจนเด็กบ้านสลิธิรินพากันหลบสายตา มีเพียงแพนซี่ พาร์กินสันเท่านั้นที่รีบเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง “เดรโก พ่อแม่เธอไม่เป็นไรนะ” เสียงถามแผ่วๆ พร้อมกับแตะที่มือของเขาเบา ๆ แต่เดรโกสะบัดมันออก

“ฉันไม่รู้ อย่ามายุ่งกับฉัน!” เด็กหนุ่มพูดแล้วก้าวขึ้นบันไดหอนอนไปโดยไม่สนใจสายตานับสิบคู่ที่มองตามมา

ใช่...เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อแม่อยู่ไหน ไม่รู้ว่าพวกท่านจะปลอดภัยรึเปล่า ไม่รู้แม้แต่ว่าพ่อของตัวเองทำอะไรมาบ้าง ถึงได้ถูกผู้เสพความตายอาฆาตจนถึงกับแหกคุกออกมาตามล่า

ไม่รู้...ว่าทำไมดวงตาสีเขียวมรกตถึงจ้องมองเขาด้วยความรังเกียจและเคียดแค้นได้ขนาดนั้น


ร่างสูงก้าวขึ้นมาบนหอคอยตะวันตก เขาหลบจากห้องโถงโดยไม่ได้แตะต้องอาหารเย็น แค่เจอสายตาอยากรู้อยากเห็นที่พากันจ้องมองจากโต๊ะบ้านต่างๆ ก็ทำให้เอียนจนหันหลังกลับออกมาโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกของแพนซี่ ตอนนี้เขาไม่ต้องการจะตอบคำถามหรือแม้แต่รับความเป็นห่วงจากใครทั้งนั้น

ที่จริงเด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะเดินไปเรื่อยๆ แต่ขาทั้งสองก็พามาที่หอคอยนี่โดยไม่ทันได้คิด เขาเดินเข้าไปภายในห้องด้านบน แดดยามสนทยากำลังทอแสงสีส้มอ่อนผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับฝาผนังหิน...

ยังไม่ค่ำ งั้นคงยังไม่มาสินะ...

เดรโกทรุดนั่งลงริมหน้าต่างเอนหลังพิงพนัก รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอแทบไม่มีแรง สมองซึ่งแบกรับความเครียดมาทั้งวันก็ล้าจนไม่อยากจะคิดอะไรอีก ศีรษะที่มีเส้นผมสีทองสัมผัสกับผนังหินเย็นๆ ช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นนิดหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาจึงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงแล้วระบายลมหายใจแผ่ว

เขาคงจะเผลอหลับไปครู่หนึ่งด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีมือเล็กๆ ที่อบอุ่นแตะที่แขน พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นร่างบางในชุดนอนตัวโคร่งทรุดนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ดวงตาสีเขียวทอประกายแห่งความห่วงใยฉายชัด

“เอเรียล...” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มให้ แม้ว่าจะฝืนเต็มที “มาแล้วเหรอ”

“วันนี้เดรมารอเอเรียล?” คนตัวเล็กถามด้วยความประหลาดใจพลางเขยิบเข้ามาใกล้

“อือ ก็แค่วันนี้ฉันว่าง...ไม่ต้องเดินตรวจแล้วน่ะ เลยไม่มีอะไรทำ” อีกฝ่ายแกล้งกลบเกลื่อน ก่อนจะลูบผมสีดำยุ่งเหยิงของคนตรงหน้าเบา ๆ “วันนี้ไปเที่ยวไหนกันดีฮึ?”

สีหน้าของเด็กสาวขมวดมุ่นเผลอหลุดปากออกไปโดยไม่ทันคิด“เดรไม่ควรออกไปไหนนะ อันตราย!” พูดแล้วเจ้าตัวก็หยุดกึก เดรโกเองก็ชะงัก มือที่ลูบผมของอีกฝ่ายอยู่ตกลงมา “เธอรู้?”

คนถูกถามทำท่าจะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าที่จ้องนิ่งก็หน้าม่อยลงพร้อมกับพยักหน้ายอมรับ

“งั้นก็รู้เรื่องพ่อของฉันโดนตามล่าด้วยล่ะสิ”

อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกอีกครั้ง ท่าทางเหมือนสำนึกผิดนั้นทำให้ร่างสูงถอนใจเฮือก “เธอทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อยเลยนะ เอเรียล” แล้วใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะเบาๆ ราวกับจะเยาะตัวเอง “...แต่ช่างเถอะ ยังไงคนก็รู้กันทั้งฮอกวอร์ต บางที...บางคนอาจจะรู้อะไรมากกว่าฉันด้วยซ้ำ” เมื่อคิดถึงไอ้หมอนั่นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด เขาเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว

พ่อนายสมควรจะได้รับกรรมจากสิ่งที่เขาก่อ

มือของร่างบางแตะที่แขนเขาเบาๆ อีกครั้ง “เดร...เป็นอะไรไป?” เสียงหวานถามแผ่วๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งขึงไปอีก

“ไม่มีอะไรหรอก” เขาพูดแล้วแตะมืออุ่นของคนตัวเล็ก ใบหน้าหล่อเหลาจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวกลมโตนั้น...ดวงตาที่ส่อแววห่วงใยอย่างชัดเจน...

ถ้าเป็นเธอ...คงจะเข้าใจฉันใช่มั้ย?...

“เอเรียล” เด็กหนุ่มจับมือเล็กขึ้นมา น้ำเสียงอ่อนล้าถามเบาๆ “เธอ....ไม่คิดใช่ไหม....ว่าพ่อฉันสมควรโดนตามล่าแบบนี้...”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

“เอเรียล?” เขาเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าเรียวสวยมีแววลำบากใจ “เธอคิด?...เธอคิดงั้นเหรอ?”

อีกฝ่ายกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพูดอึกอัก “เอเรียลชอบเดร...เดรใจดี...แต่ว่าพ่อของเดร...”

“ทำไม พ่อของฉันทำอะไร!”เด็กหนุ่มพูดเสียงห้วน มือจับที่แขนบอบบางแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ก็ พ่อของเดร...ไม่ดี...เขาช่วย..คนพวกนั้นฆ่า...” แล้วเด็กสาวก็สะดุดกึกไม่ยอมพูดต่อ

เดรโกขมวดคิ้ว ดวงตาสีฟ้าคาดคั้น “เขาฆ่าใคร...” เด็กหนุ่มหวนนึกถึงครั้งแรกที่พบกับเด็กสาว...เธอร้องไห้ราวกับว่าเสียคนที่รัก....อย่าบอกนะว่า... “พวกเขาฆ่าใคร...ฆ่าคนที่เธอรู้จักงั้นเหรอ....” เสียงเร่งเร้าให้คนตัวเล็กพูดออกมา

ใบหน้าเรียวเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมแม้แต่จะเอ่ยเสียง

“เอเรียล บอกฉันสิ เธอรู้เหรอว่าพวกเขาฆ่าใครไป”

ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งแต่คนตรงหน้ากลับหลุบตาลง เดรโกไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางลำบากใจนั้นเพราะโทสะที่ครอบงำอยู่ มือหนักเขย่าแขนอีกฝ่าย กระชากเสียงจนแทบจะตะคอก

“เขาฆ่าใคร! บอกมาสิเอเรียล!”

“โอ้ย! เดร เจ็บ!” ร่างบางหลุดปากร้องออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอดวงตาสีเขียว เดรโกชะงักกึก ปล่อยแขนอีกฝ่ายโดยเร็ว เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง ตามองรอยปื้นแดงที่ปรากฏชัดบนแขนบอบบาง แล้วร่างสูงก็ขยับตัวห่าง ใบหน้าหล่อเหลากัดริมฝีปากแน่น

“เดร?”

“เธอไปซะ…” คนพูดเสียงล้า...เจ็บใจที่โทสะของตัวเองทำร้ายอีกฝ่าย

“เดร...เอเรียลไม่เป็นไร...”

“บอกให้ออกไป!” เสียงห้าวเริ่มเข้มขึ้น

“เดร...” เสียงหวานที่พยายามปลอบประโลม มือเรียวอบอุ่นนั้นยื่นมาหา...ทว่า..แม้แต่เจ้าของความอบอุ่นนี้ก็ยังไม่เข้าใจเขาอยู่นั่นเอง...เดรโกปัดมือนั้นพร้อมกับตะคอกเสียงดัง

“ออกไปเดี๋ยวนี้ ได้ยินมั้ย! ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ออกไป!”

ร่างบางชะงักกึกนิ่งอึ้ง น้ำตาที่คลอดวงตาสีเขียวไหลลงมาข้างแก้มช้าๆ เดรโกหลับตาลงเพราะไม่อยากจะเห็นภาพนั้น...ภาพที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก “ออกไปซะเถอะนะ ได้โปรด....” เขากระซิบเสียงแผ่ว

ร่างบางเงียบกริบไม่ตอบโต้อีก แล้วก็มีเสียงลุกขึ้นก้าวเดินออกไปช้าๆ เมื่อเสียงฝีเท้าค่อยๆ แผ่วหายไป เด็กหนุ่มก็ยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าผากพร้อมกับก้มหน้าลงซบเข่า เขาพูดลอดไรฟันออกมาเบาๆ

“บ้าที่สุด....”



Create Date : 31 มกราคม 2548
Last Update : 31 มกราคม 2548 10:12:36 น.
Counter : 573 Pageviews.

3 comments
  
เพิ่งตามอ่านครับ...

หนุกมากครับ ???

เอเรียล = แฮร์รี่ ???

น่าสงสารเดรโกเหมือนกันนะ เพราะไม่รู้อะไรเลย เฮ้อ..~~

จะรอตอนต่อไปครับ ^^
โดย: OgaRyu IP: 203.150.217.119 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:14:38 น.
  
ยังไม่มาต่อเหรอคะ ^^ รออ่านอยู่น๊า
โดย: noOne IP: 203.146.253.14 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:22:34 น.
  
มาตามอ่านค่ะ ชอบมากเลย
เขียนเนื้อเรื่องดีมาก สนุกมากๆอ่ะ
โดย: CooL IP: 210.86.207.7 วันที่: 29 เมษายน 2548 เวลา:20:52:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]