Part 4
Part IV

เช้าวันต่อมา เดรโก มัลฟอยลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนผ้าม่านเก่าๆ นั้นเพียงลำพัง

“แอบหลบกลับไปเองอีกแล้วเหรอเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าให้ปลุก...” เด็กหนุ่มพึมพำแบบหงุดหงิดหน่อยๆ

หายไปเฉยๆ แบบนี้ หาก็ไม่เจอ สรุปว่าเป็นผีไปเลยดีมั้ย เขาคิด

แสงแดดอุ่นสาดมาจากหน้าต่างพร้อมกับสายลมพริ้วมาต้องใบหน้า กลิ่นหอมอ่อนยังคงอวลจาง ราวกับคนที่นั่งอยู่ทั้งคืนนั้นเพิ่งลุกจากไปไม่นาน เดรโกถอนใจ

“ช่างเหอะ เดี๋ยวก็คงเจอกันอีก” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มนิดๆ ก่อนที่ร่างสูงจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมทานอาหารเช้า


“แฮร์รี่ เธอไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดจัง”

เสียงยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ทักเจ้าพอตตี้ ตอนที่เดรโกเดินผ่านโต๊ะของบ้านกริฟฟินดอร์ในห้องโถงใหญ่พอดี ยัยนี่นี่ช่างวุ่นวายกับพอตเตอร์กับเจ้าเซ่อวิสลีย์จริงนะ---อย่างกับเป็นแม่—ไม่รู้เจ้าสองคนนั้นทนคบเข้ามาได้ยังไงตั้งหลายปี

“ฉันสบายดี ขอบใจนะเฮร์ม” เสียงตอบเบาๆ จากเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งซึมอยู่ก่อนที่เจ้าตัวจะฝืนยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง

เฮ้ย นี่มันยังไม่หายเศร้าอีกเหรอเนี่ย เดรโกคิดอย่างประหลาดใจ เท่าที่เขารู้ พ่อทูนหัวของหมอนี่ตายไปตั้งครึ่งปีแล้วนี่นา อะไรมันจะโศกซึมลึกกันขนาดนี้วะ

เฮ้อ ช่างเหอะ วันนี้เขาอารมณ์ดี จะไม่กวนประสาทพวกมันก็ซักวันก็ได้

“หวักลี มัลฟอ...” เสียงทุกอุกอักจากแครบที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะของบ้านสลิธิริน เจ้าหมูยักษ์มีอาหารเช้าตุงแก้ม

“อือ..หวัด..”เจ้ากอยย์ที่นั่งอยู่ติดกันก็มีสภาพไม่ต่างเท่าไหร่

“เออ อรุณสวัสดิ์” ผู้เป็นหัวหน้าทรุดลงนั่งพร้อมกับทักอย่างอารมณ์ดีจนลูกน้องทั้งสองแทบจะอ้าปากค้าง (แต่ทำไม่ได้เพราะอาหารเต็มปาก) เดรโกไม่ได้สนใจท่าทางนั้น เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม

“เดรโก วันนี้มีประชุมพรีเฟ็คหลังจากเรียนเสร็จนะจ๊ะ” แพนซี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามบอกเสียงหวาน

“เหรอ เรื่องอะไรล่ะ” เขาถามกลับหน้าเฉยไม่สนใจจะยิ้มตอบ ทำเอาคนที่พยายามโปรยเสน่ห์แต่เช้าหน้าเสียไปนิด

“ท่าจะเรื่องเดินตรวจตอนกลางคืนนั่นแหละ ว่าแต่เมื่อคืนเธอเดินตรวจคนเดียวไม่เบื่อแย่เหรอ ฉันบอกว่าจะไปด้วยก็ไม่ยอม” เสียงกระเง้ากระงอด

ไม่ไปแหละดีแล้ว ขืนเธอมาเดินเวรด้วยมีหวังฉันไม่ได้เจอเอเรียลอีกแน่ๆ

“โทษนะ ฉันหิว ขอกินข้าวก่อนล่ะ” เดรโกแกล้งตัดบทฉับพลางก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้า ทิ้งให้แพนซี่หน้าเหวอ

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนกฮูกเหยี่ยวสีขาวตัวใหญ่ของเขาบินโฉบลงมาหาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง


“จดหมายจากแม่นี่ ขอบใจมากนะ” เขาลูบขนเจ้าสัตว์เลี้ยงก่อนจะปล่อยมันบินกลับไปแล้วเปิดจดหมายออกอ่าน “สวัสดีจ๊ะ เดรโก อากาศเริ่มเย็นแล้ว อย่าลืมทำตัวให้อุ่นนะลูก เดี๋ยวจะไม่สบาย—เมื่อคืนก็เพิ่งไปนั่งตากลมมาฮะแม่...” เดรโกบ่นพึมพำพลางทำหน้าอมยิ้มให้สองสมุนที่มองอยู่ได้อึ้งอีกครั้ง

“แม่ส่งจดหมายมาถามเรื่องกล่องของขวัญน่ะจ้ะ....แม่กลัวว่าลูกอาจจะใช้มันไปโดยไม่รู้ตัว กล่องนั้นมีอานุภาพพอสมควรทีเดียว ถ้าจะขออะไรก็คิดให้ดีๆ ก่อนนะลูก ถ้าหากมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นล่ะก็ เขียนจดหมายมาปรึกษาแม่ก็ได้นะจ๊ะ”

เดรโกหยิบกล่องคริสตัลในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมาดูเล่น เอ...ยัยเด็กสาวปริศนาของเขานี่ถือเป็นเรื่องประหลาดไหม นะ? แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้เจอหล่อนสักหน่อยนี่นา เด็กหนุ่มคิดแล้วก็ยักไหล่ เอาเหอะ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แม่เขาก็มีเรื่องยุ่งๆ ให้ต้องดูแลมากอยู่แล้วด้วย

เด็กหนุ่มเก็บจดหมายเข้าซองแล้วเงยหน้าขึ้นตอนที่ทรีโอของบ้านกริฟฟินดอร์กำลังจะลุกจากโต๊ะพอดี ดวงตาสีฟ้าจับโฟกัสไปที่ร่างผอมบางซึ่งกำลังเอื้อมไปหยิบตำราเรียน

หมอนั่นมันหน้าซีดจริงๆ แฮะ ขนาดมองจากระยะไกลขนาดนี้ยังสังเกตเห็น โรคซึมเศร้ามันทำพิษได้ขนาดนี้เลยเรอะ

เขามองตามร่างนั้นพร้อมกับความสงสัยเบาบางในใจ


“สวัสดีทุกคน” เสียงศาสตราจารย์มักกานากัลทักพร้อมกับคาบเรียนวิชาแปลงร่างเริ่มต้น “หัวข้อที่เราจะเรียนกันเทอมนี้ พวกเธอคงเห็นจากหนังสือเรียนสำหรับปี 6 ที่ฉันแนะนำให้อ่านล่วงหน้าช่วงปิดเทอมแล้วนะ...”

ดวงตาคมมองปราดไปยังนักเรียนทั้งชั้นซึ่งมีใบหน้าหลากอารมณ์กันไป เช่น เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ที่ยิ้มกริ่มรอเวลายกมือตอบถามเรียกคะแนนให้บ้าน, โรนัลย์ วิสลีย์กับรอยยิ้มเช่นกัน แต่เป็นยิ้มแหยๆ แบบอ่านออกทันทีว่า เขาไม่เปิดหนังสือดูมาสักหน้าเดียว หรือเนวิล ลองบอตทอมที่ทำหน้าซีดบอกท่าทางชัดว่า ถึงอ่านมาป่านนี้ก็คงลืมหมดแล้ว

คนเป็นอาจารย์แอบถอนใจก่อนจะพูดต่อหน้าขรึม “... หลังจากที่เรียนเปลี่ยนรูปสิ่งของมาตลอด 5 ปี คราวนี้พวกเธอจะได้เรียนวิชาแปลงร่างกันจริงๆ จังๆ ด้วยการแปลงร่างตัวเอง ต้องขอเตือนก่อนนะว่ามันค่อนข้างยากกว่าที่ผ่านมา”

“หยั่งกับที่ผ่านมามันง่ายงั้นแหละ” รอนแอบกระซิบกับแฮร์รี่

“แน่นอน มิสเตอร์วิสลีย์ ว่ามันไม่ง่าย และเธอต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเช่นเดียวกัน” เสียงเย็นๆ พร้อมกับที่ศาสตราจารย์มักกานากัลมองลอดแว่นจนคนที่แอบคุยในห้องต้องรีบหดหัวกลับไปหลังตำราตามเดิมทันที

ดีน โทมัสยกมือขึ้นถาม “หมายความว่าเราจะเรียนแปลงร่างเป็นสัตว์หรือครับอาจารย์ ต้องเฉพาะอนิไมจัสไม่ใช่เหรอครับถึงจะทำได้”

“ถูกต้อง มิสเตอร์โทมัส เราอาจจะไม่เรียนถึงคาถาขั้นสูงแบบนั้น ยกเว้นพวกเธอบางคนที่อาจจะทำได้ ฉันจะติวเป็นกรณีพิเศษ หวังว่าคงไม่มีใครคิดจะแอบไปฝึกเองข้างนอกหรอกนะ”

สายตาเหลือบมองมาทางโต๊ะที่ทรีโอแห่งบ้านกริฟฟินดอร์นั่งอยู่ ใจแวบไปหนึ่งถึงกลุ่มเด็กหนุ่ม 4 คนในอดีตที่เคยนั่งโต๊ะนั้นก่อนจะพูดต่อ

“เทอมนี้เราจะเรียนแปลงร่างแบบสลับเพศกัน” นักเรียนทั้งชั้นเงยหน้าขึ้นมองมักกานากัลด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“แปลงร่างแบบสลับเพศ?” เสียงซาบินี่ที่นั่งอยู่ข้างหลังเดรโกฟังดูสยองๆ คนอื่นๆ ก็ทำหน้าแปลกๆ

อาจารย์วิชาแปลงร่างเลยต้องรีบอธิบายต่อ

“ความจริงคาถานี้ค่อนข้างยาก โรงเรียนเราไม่เคยเอามาบรรจุในหลักสูตรมาก่อน แต่ปีนี้มีการผลศึกษาจากพ่อมดที่กระทรวงเวทมนต์ ทำให้รู้ว่าด้วยวัยขนาดพวกเธอที่ร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ จะเรียนรู้คาถานี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นทางกระทรวงจึงขอให้ฮอกวอร์ดบรรจุหัวข้อนี้เข้ามาในวิชาแปลงร่างเพื่อเป็นหลักสูตรทดลอง...”

เมื่อเห็นว่าบรรดานักเรียนพยักหน้าเข้าใจกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ศาสตราจารย์มักกานากัลจึงพูดต่อ “ขอให้ทุกคนเปิดหนังสือไปที่หน้า 25 เราจะเรียนทฤษฎีคร่าวๆ เกี่ยวกับร่างกายของพ่อมดแม่มดกันก่อน…”

ทุกคนเปิดหนังสือ ภาพร่างกายทั้งภายนอกและภายในของมนุษย์ปรากฏให้เห็นเด่นชัด...

เกือบหมดคาบก็มีสั่งการบ้านตามระเบียบ “…ต่อไปจะเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกที่จะช่วยในการใช้คาถา ขอให้อ่านเรื่องทฤษฎีนี้ในบทที่ 3, ใครที่เรียนวิชามักเกิ้ลศึกษาอาจจะอ่านหนังสือของพวกเธอประกอบด้วยก็ได้ เพราะพวกมักเกิ้ลเองก็มีทฤษฎีที่คล้ายกับของพวกเราจนน่าตกใจทีเดียว”

พูดจบแล้วอาจารย์ก็กลายร่างเป็นแมวลายดำสลับเทาเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

เซมัสพูดกับดีนที่นั่งอยู่ติดกันเสียงดัง “หึย ถ้าฉันต้องแปลงเป็นผู้หญิงคงสนุกตายล่ะ”

เดรโกกำลังเก็บตำราอยู่ได้ยินพอดี ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้ว คราวนี้เขาเห็นด้วยกับเจ้าฟินิกัลเต็มๆ น่าสยองจริงๆ นั่นแหละ

ยิ่งมองไปรอบๆ ห้อง พวกผู้หญิงน่ะคงไม่เท่าไหร่ ก็พวกสาวๆ ของบ้านสลิธิรินกับกริฟฟินดอร์หน้าตาถือว่าเข้าขั้นกันเป็นส่วนใหญ่ อย่างมากก็คงกลายเป็นผู้ชายหน้าหวาน แต่ไอ้พวกบึ๊กๆ แบบแครบกับกอยย์กลายเป็นผู้หญิงคงน่าขนลุก ทางฝั่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็ใช่ย่อย---อย่างเจ้าเซ่อวิสลีย์ไง คงเป็นผู้หญิงโย่งผมแดง....

เห็นภาพชะมัดเลยแฮะ เดรโกคิดพร้อมกับสำลักหัวเราะ

สายตามองเลยไปยังร่างเล็กบางของอีกคนที่อยู่ข้างๆ โรนัลล์ วิสลีย์

หมอนั่นเป็นผู้หญิง...

แหวะ พิลึกว่ะ.....


หมดคาบแล้วเดรโกก็เข้าประชุมพรีเฟ็คกับเหล่าอาจารย์ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์รอจนทุกคนครบองค์ประชุมแล้วลุกขึ้นพูด “อย่างที่ทุกคนคงทราบแล้วว่า มิสซิสนอริส แมวของฟิลล์ป่วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเดินตรวจยามตอนกลางคืนได้”

หลายคนพยักหน้าแบบหน่ายหน่อยๆ โดยเฉพาะรอนที่นั่งติดกับเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับเบะปาก


“หลังจากที่มาดามพอมพรีย์ตรวจอาการแล้วก็พบว่า มิสซิสนอริสป่วยเป็นโรคหัดแมว ซึ่งค่อนข้างจะเป็นโรคที่รักษายาก...”

อาจารย์ห้องพยาบาลพูดเสริม “ต้องใช้ยาจากต้นมูนนิตรัสซึ่งจะออกกดอกตอนช่วงพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ตอนนี้ฉันกับศาสตราจารย์สเปราซ์กำลังพยายามเพาะมัน คาดว่าคงจะทันช่วงเดือนหงายครั้งหน้าพอดี”

พรีเฟ็คของบ้านฮัฟเฟิลพัพยกมือขึ้นถาม “แล้วช่วงระหว่างนั้นล่ะครับ ฟิลล์ยังต้องดูแลแมวแก่นั่น...เอ้ย มิสซิสนอริสต่อเหรอครับ”

ดัมเบิลดอร์ยิ้มก่อนจะพยักหน้า “ถูกต้อง และเนื่องด้วยช่วงนี้อาจารย์ของเราทุกคนค่อนข้างจะมีงานหนัก...ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือจากพรีเฟ็คของทุกบ้านเรื่องการเดินตรวจยามตอนกลางคืนต่อไปอีก จนกว่าจะถึงเวลาพระจันทร์เต็มดวงคราวหน้า”

คราวนี้พรีเฟ็คทุกบ้านพร้อมใจกันถอนใจเฮือกแบบเบื่อหน่ายสุดๆ เสียงงึมงำไม่พอใจดังขึ้นระงม

“อะไรกันฟะ ฉันมีการบ้านตั้งเยอะแยะ”

“เดินตรวจทุกคืนเนี่ยนะ ยี้ น่าเบื่อตายเลย”

“ทำไมเราต้องมาทำหน้าที่แทนเจ้าฟิลล์ด้วยล่ะ”

“ง่วงอ่ะ...”

ก่อนที่ทุกคนจะไม่พอใจกันไปมากกว่านั้น ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ก็เอ่ยถามเสียงเรียบๆ “พวกครูเองก็ไม่อยากบังคับ เอาเป็นว่า... มีใครจะอาสาทำงานนี้บ้างไหม”

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ

แล้วก็มีมือๆหนึ่งยกขึ้น มือของพรีเฟ็คบ้านสลิธิริน

“อาจารย์ฮะ ผมเดินตรวจให้ทุกคืนก็ได้ครับ” เดรโก มัลฟอยบอกสีหน้าเรียบ

เสียงซุบซิบจากด้านหลัง

“มัลฟอยเนี่ยนะอาสา ฝนตกเป็นกบแน่ๆ”

“เบาๆ สิรอน”

ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้เด็กหนุ่ม “ขอบใจมาก มิสเตอร์มัลฟอย เพิ่มคะแนนให้บ้านสลิธิริน 50 คะแนนสำหรับการเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อโรงเรียน เลิกประชุมได้”

“เยี่ยมมากเดรโก คะแนนบ้านตั้ง 50 คะแนน”

แพนซี่ยิ้มแป้นเข้ามาทันทีที่ออกจากห้องประชุม “ว่าแต่เธอให้ฉันไปเดินตรวจด้วยกันนะ โรงเรียนตอนกลางคืน
โรแมนติกจัง”

“อย่าดีกว่า แพนซี่ ฉันชอบเดินตรวจคนเดียว...” เด็กหนุ่มบอกสีหน้ายิ้มๆ เรื่องคะแนนบ้านน่ะก็โอเค แต่เขามีอย่างอื่นที่ทำให้อารมณ์ดีมากกว่าเสียอีก

“เดินตรวจเงียบๆ บางทีอาจจะได้เจออะไรแปลกๆ…”

เดรโกพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินลิ่วนำหน้าแพนซี่ไป เขาสาวเท้าเร็วๆ กะไม่ให้อีกฝ่ายตามทันได้ด้วยขี้เกียจจะฟังคำถามเซ้าซี้น่ารำคาญ เมื่อเห็นว่าเดินลับมาไกลแล้วก็ค่อยผ่อนฝีเท้า....พอดีกับที่เห็นเงาร่างหนึ่งยืนพิงกำแพงหันหลังให้อยู่

แผ่นหลังบางๆ เมื่ออยู่ในเสื้อคลุมชุดนักเรียนสีเข้มยิ่งทำให้ดูเล็กลงไปอีก ไหล่สองข้างหอบตามแรงหายใจหนักของเจ้าของ

เส้นผมสีดำยุ่งๆ แบบนั้น มีอยู่คนเดียว...

“สวัสดี พอตตี้ เป็นอะไรน่ะ ผีเข้าหรือไง ตัวสั่นเชียว” เดรโกทักแบบกวนๆ ตามปกติ

แต่เมื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์หันกลับมามอง คนที่แกล้งพูดเสียดสีสะดุ้งนิดหนึ่ง เพราะใบหน้าของเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์ซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด เหงื่อซึมหน้าผากพร้อมกับที่เขายังหอบหายใจหนัก “ไม่...ไม่ใช่เรื่องของนาย..มัลฟอย”

“ไม่สบายก็น่าจะไปห้องพยาบาลซะนะ หรือนายกลัวว่าจะเสียฟอร์ม, แฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดังอ่อนแอไม่ได้เลยสินะ...” เดรโกเยาะก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น

“ฉัน..สบายดี...” คนพูดพยายามยืดตัวตรงโดยเอามือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้

“แน่ใจเร้อ” ใบหน้าคมคายเลิกคิ้ว ส่วนสูงที่ต่างกันทำให้เขาต้องก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าที่ถอยหลังไปจนติดกำแพง ยิ่งพิจารณาใกล้ๆ หมอนี่ก็ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก วันๆ มันกินอะไรบ้างไหมวะเนี่ย

“องครักษ์วีเซิลกับเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่มาคอยพยาบาล เห็นเอาอกเอาใจนายตลอดไม่ใช่เรอะ”

เด็กหนุ่มผมดำกัดริมฝีปากพูดลอดไรฟัน “อย่าว่า...รอนกับเฮอร์ไมโอนี่...” เขากำหมัดแน่นทั้งที่มือยังสั่นระริก

เมื่อเห็นอีกฝ่ายระงับความโกรธไม่ได้ คุณชายแห่งบ้านสลิธิรินยิ่งรู้สึกสนุก “โอ๊ะโอ๋ ถ้าฉันจะว่านายจะทำอะไรได้ พอตตี้” เขาใช้แขนยันกำแพงกันร่างที่บางกว่าไว้ไม่ให้หลบออกไปได้ ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้....จนลมหายใจแทบจะปะทะกับใบหน้าของคู่แข่ง

“บอกก่อนนะ ว่าฉันไม่ประมาทเหมือนคราวที่แล้วแน่” พูดเสียงกระซิบพร้อมรอยยิ้มเยาะ

แต่แล้วรอยยิ้มของเดรโกก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อคนตรงหน้าล้มวูบลง แขนยาวที่ยันกำแพงอยู่เปลี่ยนไปรับร่างนั้นไว้ทันพอดี “เฮ้ พอตเตอร์ นายเป็นอะไรน่ะ เฮ้ย” เด็กหนุ่มเรียกอย่างตกใจนิดๆ ร่างบางในอ้อมแขนเขาเย็นเฉียบ

“แฮร์รี่!” เสียงเรียกดังก้องมาจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นเจ้าเซ่อวิสลีย์กับยัยเกรนเจอร์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“มาพอดีเลย มารับตัวเพื่อนนายไปซะ วีเซิล” เดรโกว่าพยายามปรับสีหน้าให้หายตกใจ

รอนรีบเข้าประคองร่างของเพื่อนซี้พร้อมกับพูดเสียงกร้าว “มัลฟอย! แกทำอะไรแฮร์รี่!”

“ยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อนนายก็เป็นลมไปแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเบะปากก่อนจะเชิดหน้า “ดูแลกันให้ดีหน่อยสิ อย่าให้มาตายเป็นศพรกโรงเรียน”

“หนอย! ไอ้...” รอนทำท่าจะถลาเข้ามาแต่เฮอร์ไมโอนี่รีบดึงไว้

“อย่ารอน รีบพาแฮร์รี่ไปห้องพยาบาลกันเถอะ” เธอว่าแล้วก้มลงมองเพื่อนซี้อีกคนด้วยความเป็นห่วง

รอนพยักหน้าหน้าขรึม “ก็ได้ รีบไปเถอะ เฮอรม์” ทั้งสองประคองแขนของร่างเด็กหนุ่มผมดำแล้วเดินจากไปโดยมีสายตาของเดรโก มัลฟอยมองตามหลัง

หมอนั่นมันป่วยอะไรของมันกันแน่นะ....





Create Date : 19 มกราคม 2548
Last Update : 19 มกราคม 2548 14:57:39 น.
Counter : 483 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]