SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 
วาดรูปเป็นสมาธิ

หลังเริ่มใจกล้า ในการ "วาด"

หัดวาดภาพ จากสิ่งที่มีอยู่ในโลก...ซะที แทนที่วาดจากสิ่งที่หลับตาเห็น

พบว่า การวาดภาพ เป็นสมาธิ แบบที่มีหลายคนบอกไว้

เพราะระหว่างวาด สภาวะนั้นเหลือแค่ "ตาดู...มือเขียน"

หลักการในการวาดที่ใช้ : "เขียน ตามสิ่งที่เห็น"




เริ่มต้น ด้วยการ สเก็ตช์ด้วยมือซ้าย....

Xieng Thong, Left hand Sketch #1


ตามด้วย อีกมุมหนึ่ง ใช้มือซ้ายเช่นกัน

Xieng Thong, Left hand Sketch #2



ต่อมา ลองวาดด้วยมือขวา....
Xieng Thong #1
Pencil on Paper





วาดด้วยมือขวา ภาพที่สอง....
Xieng Thong #2
Pencil on Paper




วาดรูปก็เพลินดี...ไม่ได้คิดอะไรเลย...




พี่สาวของฉันถามว่า "ทำไมกล้าวาด (จากที่ไม่เคยกล้า) นาทีที่ลงมืออะไรทำให้ ลงมือ??"

พิจารณาดูแล้ว คำตอบของฉัน:

ตอนแรก วางกระดาษ จับดินสอ ไอ้ผึ้งตัวดี มาทันที
"ยืนขึ้นเจ๊ ใช้มือซ้าย...แล้วจะเขียนออกมาเส้นจะได้อารมณ์"
"แม่ก็เหมือนกัน ใช้มือซ้าย.."

ซ้ายก็ซ้ายวะ...ไหนๆ ก็เริ่มใช้มือซ้ายมาหลายเรื่องแล้วนี่ ทั้งกินมือเปิบด้วยมือซ้าย จับช้อนมือซ้าย เขียนหนังสือมือซ้ายมาหน่อยนึง...

*ผึ้งอ่ะ ขี้โกง เพราะผึ้งถนัดซ้าย...เลยวาดได้สวยอ่า...*
"ไม่ใช่เจ้ ผึ้งเพิ่งจะใช้มือซ้ายวาดนะ ไม่ได้ใช้ตั้งนานแล้ว ตอนอาจารย์สอนที่มหาลัย เค้าก็ให้เริ่มด้วยมือซ้ายนี่แหละ"
*อ้าว เหรอ เอาๆ งั้นซ้ายก็ซ้าย*

ที่มาของการวาดมือซ้ายก็เป็นเช่นนี้แล...

อีตอนวาดอยู่ คุมมือไม่ค่อยได้ น้ำหนักที่ต้องการ ไม่สามารถทำได้
แต่ก็ทำไปงั้นๆ
"เห็นม๊ะ ผึ้งบอกแล้ว..ก็เส้นแบบนี้แหละ สวยดี ได้อารมณ์ และจังหวะดี ถ้าใช้มือขวานะ ไม่มีทางได้เส้นสายแบบนี้"

คงจะจริง ตอนลงมือด้วยขวา มันจะเส้นเนียน...และทำอะไรที่ละเอียดไปเลย....

เห็น รูปสเก็ตช์มือซ้าย #2 ม๊ะ ต้นมะพร้าว มันโดนลบ เพราะหลังจากนั้น 1 วัน
คิดจะแก้ไขงาน (ด้วยการใช้มือขวา) โดนเจ้าผึ้งตีมือ... ต้องปล่อยให้มันเป็นรอยลบอยู่อย่างงั้น "แผลเป็น"...สอนใจ..หึหึ

ถ้าถามว่า ทำไมกล้าใช้มือซ้าย

ต้องตอบว่า "ไม่กลัว ที่จะใช้" ซะมากกว่า
อีกอย่างนึง เดี๋ยวนี้ ไม่กลัวแล้ว ผลของสิ่งที่ทำ จะออกมาเป็นยังไง ก็ยอมรับได้ มันจะดี หรือไม่ดี มันก็จะเป็นของมันอย่างนั้น

ถ้ามันดีในสายตาใครๆ มันก็ดี
ถ้ามันไม่ดีในสายตาใครๆ มันก็ดี เพราะมันก็เป็นผลงานของเรา

"การมีผลงาน ดีกว่า การไม่มีผลงานสักอัน" (เหมือนแต่ก่อน ที่ฉันไม่เคยมีงานวาด)

พี่นกเคย นำเสนอเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับการทำศิลปะ ไม่ว่าจะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้ในวงสีน้ำของครอบครัว บอกว่า ให้ได้ที่คั่นหนังสือสักอันก็ได้ หรือไม่ก็ เอาพู่กันจีน หมึก สมุดวาดเขียนพร้อม หนังสือวิธีเขียนภาพพู่กันจีนมาให้ลอง หรือแม้แต่ หนังสือลายตัดกระดาษ...

ในที่สุด ฉันก็คิดว่า "การถ่ายรูป ก็ถือเป็นศิลปะ" ซึ่งในความจริง คงเป็นเช่นนั้น เลยใช้กล้องซะมาก ถ่ายรูปโน่นนี่....

แต่...ล่าสุด หลังจากไปฝึกสมาธิที่อินเดีย
กลับพบว่า "การสัมผัสสิ่งต่างๆ ด้วยตา และความรู้สึก" คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่า "การเอากล้องจ่อไป ถ่ายเก็บไป ไว้ดู"

ซึ่งท้ายที่สุด สายลมที่พัดใบไม้ไหว ระลอกคลื่นถาโถม ใบไม้ร่วงโรยตัวลงมาจากกิ่งสูง เมฆขาวที่กำลังเคลื่อนตัว อาจถูก "เรา" มองข้ามการสัมผัส ด้วยการเอากล้องส่องแล้วยิง ทางโน้นทีทางนี้ที....

ไม่ได้ทิ้งการใช้กล้องถ่ายรูป...
แต่จะใช้มันน้อยลง ใช้มันเฉพาะสิ่งที่ควรใช้
ใช้เวลา...อยู่ว่าง...เงียบ...กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและรอบตัวมากขึ้น

เอ้า แล้วเกี่ยวกับการวาดรูปยังไง??
เกี่ยวตรงที่ว่า การวาดรูป ของฉัน ใช้ "ตาดู มือเขียน"
สมอง "ว่าง"
วาดสิ่งที่เห็น อะไรไม่เห็น ไม่วาด ไม่คิดอะไรทั้งนั้น
ก็มีบ้างแหละที่มีความคิดเข้ามา เช่น มดไต่สมุด มดไต่ขา แมลงหวี่มาตอม แดดร้อน (ก็เริ่มคิดว่าย้ายที่ดีมั้ย ก่อนจะเป็นผื่น)

ตามองไป ตรงจุดที่จะวาด มือก็ทำงานไป ก้มๆ เงยๆ
วัดขนาดด้วยการเล็ง เช็คความเข้มอ่อน ถ้าเห็นว่าเข้มมีเงาดำๆ หรือเส้นเหลี่ยมมุมก็เอาดินสอ ถูๆ ตรงที่เห็นว่าเข้ม

ตรงไหนขยันก็เขี่ยๆ ไป
ตรงไหนขี้เกียจ ถึงเห็น แต่อาจจะไม่ยอมวาด ก็ได้...อิอิ (เช่น ลานหน้าวัดเชียงทอง ตรงบล็อกสี่เหลี่ยมที่พื้น จะมีต้นหญ้าขึ้นเป็นแนว..ก็เห็นแหละ แต่ไม่วาด)

โดยรวม สิ่งสำคัญต่อใจ
มันเป็นการ "ก้าวข้ามอุปสรรคที่มีอยู่ในใจ" เช่น การไม่กล้าวาด (เพราะวาดไม่เป็น วาดไม่เคยได้) การไม่กล้าเต้นรำ (เพราะเต้นไม่เป็น เต้นทีไรเก้งก้าง ขำ ตลก ไม่เป็นท่า)

แต่เมื่อเรียนรู้ว่า ชีวิตจะเป็นยังไงก็เป็น ดีก็ขอบคุณ ไม่ดีก็ขอบคุณ
ฉะนั้น สิ่งที่เราทำในชีวิต จะเป็นอะไร ถ้า "รู้สึก" อยากทำ ก็ทำดู ไม่ว่าผลของมันจะออกมาเป็นยังไง ก็ยอมรับมัน...

วันไหน เริงร่า เป็นสุข ก็เป็นสุข
วันไหน เศร้า เป็นทุกข์ ก็เป็นทุกข์ ..... ยอมรับมัน
วันนี้ อาจจะวาดรูปออกมาดูได้
วันพรุ่งนี้ อาจจะวาดออกมาดูไม่ได้ ..... ก็ยอมรับมัน
ที่สำคัญ เราอยู่กับวันนี้....

โห้....นี่แหละที่เป็นที่มาของการวาดรูป
เพราะมันไม่ใช่ เพียงเพราะเริ่มวาดรูป
แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลง "ชีวิต" จึงมีการวาดรูปคราวนี้....



Create Date : 19 สิงหาคม 2550
Last Update : 20 สิงหาคม 2550 12:12:38 น. 4 comments
Counter : 4441 Pageviews.

 
As times gone by, your inspiration and subconciuosness power had been increased, reflected from your pictures above.

I always mentioned this to firends and people around to be away for sometimes without any reason, just hanging in one good and clam place like Luangprabang, this will slowly clear out one's cahce memory, free one's brain and mind and eventually subconciousness will work out something, whcih one had never experienced like you have shared and shown us.


Love
Thomas



โดย: Thomas IP: 58.64.126.134 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:12:16:53 น.  

 
สวยดีครับ
ไม่น่าเชื่อว่าวาดด้วยมือซ้ายนะเนี่ย


โดย: 96U IP: 203.113.51.5 วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:14:36:07 น.  

 
"แต่เมื่อเรียนรู้ว่า ชีวิตจะเป็นยังไงก็เป็น ดีก็ขอบคุณ ไม่ดีก็ขอบคุณ
ฉะนั้น สิ่งที่เราทำในชีวิต จะเป็นอะไร ถ้า "รู้สึก" อยากทำ ก็ทำดู ไม่ว่าผลของมันจะออกมาเป็นยังไง ก็ยอมรับมัน..."

สวัสดีค่ะพี่กวาง...
อ่านเพลินเลย ใช้มือซ้ายยังวาดก็ยังสวยค่ะ...

ดูแลสุขภาพค่ะ...


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:10:17:41 น.  

 
หวัดดีจ้าพี่กวาง...รูปสวยดี ให้ความรู้สึกที่ดี เหมือนมืออาชีพเลย ไม่น่าเชื่อว่ามือซ้ายสวยมากกก ๆ ต้องลองดูบ้างแล้ว


โดย: หงษ์สองแคว IP: 61.19.65.249 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:19:39:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.