|
สามีดีแตก บทที่ 81 - 85
Eighty one
หมอกอันหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วบริเวณ หนาวเหน็บและหมอกมัว ก้อนอิฐและเพิงเก่า ๆ เป็นร่องรอยของซากที่พังลงมาจากครั้งก่อน ภายในของกระท่อมที่ลินคอล์นเชอร์ได้ถูกตกแต่งเสียใหม่แล้ว ด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัย เครื่องทำความร้อนและกระจกซ้อนได้ถูกติดตั้งขึ้นมาด้วย เราถูกโอบอุ้มไว้โดยไออุ่น นอนก่ายกันอยู่ในอ่างน้ำสปา กระจกที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งได้กั้นเราไว้จากความหนาวหม่นในฤดูหนาวของอังกฤษ แสงเทียนได้ให้ความสว่างภายในห้อง เธอนอนเอาหลังอิงกับแผ่นอกของผมในขณะที่ผมใช้มือนวดเคล้าคลึงหน้าอกที่ปกคลุมไปด้วยโฟมฟองของสบู่ แล้วผมก็ใช้นิ้วค้นหาเธอ เธอบิดเบียดท้าทายการค้นหาของผม ไม่นานเธอก็สุขสมหมาย เอียงส่ายหน้ามาหาผมริมฝีปากเปียกชื้นแต่เร้าร้อนกับเสียงครางเบา ๆ ทำให้ผมหยุดไม่อยู่เสียแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ย้ายไปนอนเอาหลังพิงกับอีกด้านหนึ่งของอ่าง ขยับยิ้มกรุ้มกริ่มกับผม ผมที่เปียกน้ำของเธอสะท้อนล้อกับแสงเทียน โอ หวานใจของผม แม่สาวอันตราย แม่สาวร้อยเล่ห์ของผม ความไกล้ชิดสนิทสนมของเราแทบที่จะไม่ต้องมีเหตุผลมาอธิบาย แค่หลับตาลงผมก็สามารถจินตนาการได้ถึงทุกส่วนสัดที่เปลือยเปล่าของเธอได้ แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม เธอได้ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของการถึงจุดสุดยอดที่ร่างกายต้องการหลายต่อหลายครั้ง ผมได้จ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีฟ้าของเธอเวลาที่ผมถึงจุดสุดยอดกับเธอ แต่ภายในหัวใจของเธอแล้วผมไม่เคยสามารถมองเข้าไปข้างในได้เลย มันเป็นเหมือนสวนลับที่มีประตูล็อคหลายชั้นภายหลังกำแพงสูงเกินเหตุกั้นไว้จากทุกสิ่งภายนอก จริง ๆ แล้วเธอต้องการอะไรกันแน่ก็ไม่รู้ ผมอาจจะรู้ว่าวันนี้เธอต้องการสิ่งนี้ เวลาเธอไม่อยู่ที่นี่เธอต้องการอะไรผมไม่อาจจะรู้ได้ เงามืดของพอลปกปิดเสียทุกสิ่งจนผมไม่อาจที่จะมองเห็นความต้องการของเธอได้เลย เธอเรียกผมเป็นคนรักและเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ และผมก็อยากจะรู้นักว่าระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายแล้วมันจะเป็นไปได้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ ผมถามเธอว่าในชีวิตนี้เธอต้องการอะไรอีกมั๊ยจากคนรักของเธอแต่เธอจะไม่ยอมปริปากบอกออกมาเลย - ผมไม่เคยเข้าใจเลยจริง ๆ ว่าถ้าคุณรักเขามากมายขนาดไม่สามารถที่จะทิ้งเขาได้ แล้วทำไมคุณมาอยู่กับผมในตอนนี้ได้ล่ะ เธอไม่ยอมตอบ และสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนเด็กหญิงร้ายเดียงสาอีกครั้ง - หรือเป็นเพราะว่าเขาเข้ามาในชีวิตคุณก่อน มันจะต้องเป็นไปตามลำดับก่อนหลังงั้นหรือ ถึงก่อนมีสิทธิก่อนอย่างนั้นใช่มั๊ย หน้าเธอสลดลงเพราะความเดือดดาลของผม มักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมรู้สึกว่ามันได้เริ่มก่อตัวขึ้นจากข้างในจนแผ่กระจายออกมาข้างนอก เธอไม่ยอมตอบคำถามของผม แถมยังนิ่งเงียบหนักเข้าไปอีก ผมโกรธที่เธอเป็นคนทำให้เราทั้งสามคนต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ผมเคียดแค้นแทนสามี ภรรยา เมียเก็บ หรือคนรักทุกคนที่ต้องรอคอยด้วยความเจ็บปวด ผมโกรธที่เธอให้เหตุผลร้อยแปดว่าเธอต้องการที่จะแยกจากเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังให้เหตุผลอีกพันเก้าที่เธอต้องอยู่ต่อไป ผมแค่ต้องการให้เธอให้เหตุผลกับผมว่าเพราะอะไรที่เธอถึงยังอยู่ ผมอยากรู้เหตุผลที่เธอรักพอลและทำไมเธอถึงรักผมอย่างนั้นบ้างไม่ได้ ผมจะได้เดินจากเธอไปเสียอย่างสงบโดยไม่ต้องเหลียวหลังกลับมาอีก เธอกำลังทำอะไรของเธออยู่นะ ผมสงสัยจริง ๆ หรือว่าเธอกำลังลงโทษพอลอยู่ แต่เธอจะทำไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อพอลเป็นของเธอมาตั้งนมนานแล้ว เขายินดีจะทำอะไรไห้เธอได้ทุกอย่าง แล้วเธอยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก มีแต่เธอจะทำร้ายเขาเปล่า ๆ หากว่าเธอไม่ยอมรับเขา หรือไม่ก็ปล่อยเขาไปเสีย - ถ้าหากว่าคุณไม่ต้องการผมแล้วคุณจะมัวรักผมอยู่ทำไมกัน - ฉันรักคุณทั้งสองคนนั่นล่ะค่ะ เธอบอก - นั่นไม่ใช่จุดสำคัญหรอกนะ เพราะผมเองก็รักซูซาน และก็ยังรักอยู่ แต่ผมไม่อยากอยู่กับเธออีกต่อไปแค่นั้นเอง - อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันซิค๊ะ - คุณได้ทำให้ผมเจ็บเกินกว่าที่ผมเคยคิดว่าผู้หญิงคนนึงจะทำได้ หลายเดือนที่ผ่านมาคุณคอยพร่ำบอกกับผมว่าชีวิตคุณขาดหายไปแค่ไหน แล้วมาวันนี้คุณกลับบอกกับผมว่าคุณรักเขาและไม่อยากปล่อยเขาไป เริ่มตั้งแต่ต้นแล้ว ที่คุณคอยให้เหตุผลครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่พอผมหักล้างเหตุผลต่าง ๆ ได้ คุณก็มีเหตุผลใหม่เข้ามาอีก คุณยังมีหนทางอื่น ๆ ที่จะทรมารผมได้อีกมั๊ยนี่ - คุณเองก็เคยบอกกับฉันไว้ว่าเราสามารถช่วยเหลือกันได้โดยที่จะไม่วุ่นวายกับชีวิตของกันและกัน - โอ งั้นมันก็ดูง่าย ๆ ซื่อ ๆ ดีนะ - คุณสัญญาแล้วนะคะ - ถ้างั้นทุกอย่างมันก็ช่วยให้เราได้อยู่ในความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เรามีอยู่งั้นหรือ เรากำลังหลอกตัวเองและทุกคนอยู่นะ - พอทีเถอะค่ะ มาร์ค - คุณน่ะ เปลี่ยนใจทุกวัน วันนี้คุณจะจัดการทุกอย่างกับชีวิตให้เรียบร้อย พรุ่งนี้คุณเปลี่ยนใจรักเค้าล้นใจขึ้นมาอีก ทำไมกัน ทำไมคุณอธิบายให้ผมฟังไม่ได้ ย้ายมาอยู่กับผมซะ คุณก็ทำไม่ได้อีก เพราะอะไร คุณก็อธิบายไม่ได้อีก อย่างนี้มันไม่แฟร์เลยนะ เวลาคุณบอกอะไรต่อมิอะไรกับผมน่ะ ไม่รู้ว่าคุณหมายความตามที่คุณพูดหรือเปล่าก็ไม่รู้ พระเจ้า! คุณกลับไปหาพอลซะเถอะหากว่านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ เพราะถ้าคุณทำอยู่อย่างนี้ก็เท่ากับคุณกำลังหลอกลวงทั้งผมและพอลอยู่ทั้งคู่นะ ยิ่งผมเข้าหาคุณมากเท่าไหร่ ดูเหมือนคุณจะถอยหนีห่างออกไปทุกที คุณคงจะพูดอย่างนึงกับผม แล้วพูดอีกอย่างกับเค้าใช่มั๊ย คุณมีความสุขกับผมตราบเท่าที่ผมไม่ไกล้ชิดกับคุณมากเกินไป ผมว่าคุณคงจะไม่ชอบให้ใครได้เข้าใจไกล้ชิดคุณมากเกินไปมั๊ง เพราะงั้นพอลถึงได้เข้ากับคุณได้ยังกับปี่กับขลุ่ย ผมเริ่มหายใจแรงขึ้น ความคุ้มคลั่งทำให้ผมแทบเสียสติ ผมรีบลุกออกจากอ่างสปาและแต่งตัวอย่างเร่งรีบ ก่อนขับรถออกไปด้วยความเร็วออกไปทางด้านหลัง ผ่านทิวไม้ใหญ่และฝูงอีกานัยตาดุทั้งหลาย รถลื่นไถลไปบนพื้นน้ำแข็งสองสามครั้ง ผมไม่ได้ใส่ใจ สองฟากฝั่งถนนในหน้าหนาวมันแข็งเย็นชาเพราะถูกเกาะปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำเข็งจนไม่สามารถรู้สึกอะไรได้เหมือนกับหัวใจของผม เมื่อผมกลับมาเธอได้มารอผมอยู่ที่ข้างนอก เธอสวมเสื้อคลุมและผ้าพันคอเพื่อปกป้องตัวเองจากลมหนาวที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย เธอดูโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง - คุณต้องการอะไรจากผมหรือ ผมตะโกนใส่เธอ ห่า อะไรล่ะที่คุณต้องการ - ฉันต้องการให้คุณกอดฉันไว้ค่ะ เธอพูดอย่างแผ่วเบา เจอไม้นี้ของเธอเข้า ผมเป็นต้องอ่อนไปเสียทุกครั้ง ผมจึงโอบกอดเธอไว้ รู้สึกถึงความอบอุ่นของเธอผ่านเสื้อคลุม เธอเอาจมูกที่หนาวเย็นซุกไซ้ไปมาที่ซอกคอของผม ผมกอดเธอไว้แน่นจนไม่สามารถแนบแน่นได้กว่านี้อีกแล้ว แต่ก็ดูเหมือนยังไม่ได้ไกล้ชิดเธอเลยแม้แต่น้อย
Eighty two
ตอนที่ผมอายุได้เจ็ดขวบวันหนึ่งขณะที่ผมกลับถึงบ้านจากโรงเรียน แม่ของผมกำลังยืนพิงผนังครัวเอาหน้าซุกอยู่ในวงแขน ผมสังเกตุเห็นไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อย ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร้องให้ ผมเข้าไปกอดชายกระโปรงเธอไว้ - เกิดอะไรขึ้นหรือครับ แม่ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ผมรู้สึกว่าร่างของแม่เกร็งขึ้นมา เพราะระวังถึงการปรากฏตัวของผมในสถานการณ์เช่นนี้ แม่ผลักผมออกมาแล้วเช็ดหน้าของแม่ด้วยผ้ากันเปื้อน ทันใดแม่ก็ยิ้มได้ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไปทันที - ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ แม่กำลังปอกหัวหอมอยู่เท่านั้นเอง มันไม่สมเหตุสมผลนัก แต่ผมก็ยอมรับคำตอบของแม่ ถึงแม้ว่าผมจะอายุแค่เจ็ดขอบแต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดได้ในครอบครัวของเรา ถ้าผมแกล้งทำเป็นมีความสุขดีผมจะได้รับรางวัลจากการกระทำนั้น แต่หากว่าผมมัวแต่โศกเศร้าอมทุกข์ผมจะได้รับโทษจากความโศกเศร้านั้นด้วย ผมจำไม่ได้ว่าเมื่อไรที่ผมได้ตัดสินใจว่ามันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องคอยปกป้องแม่ไว้ แต่การปกป้องแม่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความมุทะลุของผม ในเรื่องของความรัก ผมได้เรียนรู้ว่าเราจะต้องไม่ต้องการอะไรเพียงเพื่อตัวเอง ความรักเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ความรักเป็นการช่วยชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธออาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีคุณ อีกวันหนึ่งหลังจากนั้น แม่ก็ยืนพิงผนังครัวซุกหน้าสะอื้นอยู่ในวงแขน ไหล่ของแม่สะท้านเพราะกำลังร้องให้อยู่ ครั้งนี้ผมไม่ได้เข้าไปกอดชายกระโปรงแม่แล้ว ผมยืนตระหง่านเคียงข้างแม่ ความเยือกเย็นที่ผมเคยรู้จักมันในนามของความละอาย ได้กลายเป็นก้อนไฟความเดือดดาลแห่งโทสะ - นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ - คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมกำหมัดแน่นด้วยความแน่นแค้น และผู้หญิงที่อยู่ในครัวหันมาเผชิญหน้ากับผม เธอคือซูซาน โทสะในวัยเด็กของผมได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ในวัยหนุ่มของผม ผมอยากจะเดินออกจากประตูไปเสียและไม่อยากจะหวนกลับมาอีก แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้เพราะมันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องอยู่เพื่อปกป้องเธอจากหายนะต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอได้หากไม่มีผมอยู่ด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมและเธอก็หวังพึ่งพิงผมเพื่อความสุขสมที่จะมีได้ เหมือนดั่งไม้เลื้อย เหมือนดั่งซูซาน และมันก็เป็นที่มาที่ผมใช้วัดความเป็นคนดีของผม ความเป็นคนดีในฐานะลูกที่ดี สามีที่ดี และผู้ชายที่ดี - นี่มันเป็นเพราะเรื่องที่ผมไปตกปลากับเพื่อนๆ ในช่วงวันหยุดหรือไงกัน - และคุณก็ปล่อยให้ฉันกับเดวิดต้องแก้ปัญหากันเองตามลำพัง - เดวิดเค้าก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ คุณไม่จำเป็นต้องมีผมที่นี่ตลอดเวลาก็ได้ - ฉันคิดว่าเดวิดกำลังติดยาอยู่นะค๊ะ - เค้าก็คงแค่สูบยาเส้น เด็กอื่น ๆ เค้าก็สูบกัน ปัญหานี้มันรอได้หรอกน่า เพราะเรื่องนี้หรือที่คุณไม่ยอมพูดกับผมตั้งแต่ผมกลับมาถึงบ้าน - ใครทำผิดอะไรไว้ คนนั้นก็ต้องได้รับโทษ - พระเจ้า! นี่มันเป็นชีวิตคู่นะไม่ใช่คณะลูกขุนที่จะมาคอยซักผิดเอาเรื่อง และผมก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นบ้าไปเพราะเรื่องอะไรกันแน่ ผมพูดพลางจับไหล่ทั้งสองข้างของซูซานไว้ - ผมอ่านใจคุณไม่ออกหรอกนะ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวของคุณจนกว่าคุณจะเปิดปากบอกผมมา ถ้าคุณไม่เปิดปากพูดแล้วผมจะไปตรัสรู้ได้ยังไงกัน หลังจากนั้นอย่างไม่รู้ตัวผมได้ยินเสียงตัวเองตะคอกใส่ซูซาน - คุณไม่จำเป็นต้องโกรธแค้นผมขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ใช่พ่อของคุณนะ! ผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาเป็นบ้าใส่ ผมจ้องมองไปยังผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัวอยู่ในอ้อมแขนของผม เธอคือแอนนา
Eighty three
ที่ต่าง ๆ ที่เราได้เคยใช้เป็นรังรักของเรา... กระท่อมลึกลับที่ไอริชซี โลมเลียช็อคโกแลตละลายจากกันและกัน หลังจากนั้นเธอก็นอนขดกลมอยู่ในวงแขนของผม เส้นผมของเธอพลิ้วไล้ไปตามใบหน้าของผม อาบน้ำด้วยกันในห้องพักระหว่างวันที่โรงแรมในสนามบินซานฟรานซิสโก บนพื้นกระเบื้องปูที่หนาวเหน็บในวันที่เราคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีก บนพื้นพรมที่อพาร์ทเมนท์ของเพื่อนที่เรากลิ้งตกลงมาจากเตียงด้วยกันจนผมเกือบจะชนกับโต๊ะข้างเตียงเสียให้ได้ ครั้งหนึ่งที่เราต่างก็เมามายภายในห้องของโรงแรมที่ผรั่งเศส หลังจากที่เราต่างก็หมดเรี่ยวแรงไปด้วยกัน เราก็นอนหลับในวงแขนของกันและกันเป็นหนึ่งเดียว ที่เวิ้งของชายหาดแห่งหนึ่ง ด้วยผ้าเช็ดตัวห่อเธอไว้ ผมใช้นิ้วสำรวจภายในของเธอ ที่ชายหาดตื้น ๆ นั้นมีชายสองคนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ ผมกระซิบเล่าจินตนาการของผมให้เธอฟัง เธอกัดนิ้วผมเสียช้ำเพื่อช่วยสะกดกลั้นไม่ให้เธอส่งเสียงร้องออกมา ที่ห้องเซาน่าในโรงแรมตามเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งผมต้องคอยระวังสำรวจแขกคนอื่นผ่านทางกระจกประตูไม้ที่ใครอาจจะเข้ามาใช้บริการตอนไหนก็ได้ เธอสัญญากับผมไว้ว่าเธอจะทำให้ผมมีความสุขที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมาแล้ว และเธอก็ไม่ได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้เลย แต่ตอนนี้ผมกลับมาเกยตื้นจะถึงฝั่งก็ไม่ใช่จะอยู่ในน้ำก็ไม่เชิง ครั้งสุดท้ายที่เราว่าจะแยกจากกันโดยสิ้นเชิงนั้นได้แค่สองเดือน เราก็กลับมาเจอกันอีกจนได้ ราวกับว่าเราเป็นฝาแฝดที่หากว่าจะต้องแยกจากกันแล้วมันเหมือนจะสิ้นใจเสียให้ได้
Eighty four
อีกโรงแรมหนึ่งในลอนดอน ไม่มีชื่อเสียงแต่ก็สะดวกสบายดีถึงแม้จะไม่พรั่งพร้อม ที่เรียบฝั่งทางเดินจะมีพรมปูไว้ มีรูปการล่าสุนัขจิ้งจอกใส่กรอบติดไว้ข้างฝา ในห้องเปิดเครื่องทำความร้อนเสียจนเกินอุ่น และมีผ้านวมผืนหนาเตรียมไว้ที่บนเตียงอย่างเรียบร้อย มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นไปเปิด เบื้องหน้าผมเป็นผู้หญิงในวัยสามสิบเศษ มีเสน่ห์ดึงดูดทีเดียว เส้นผมยาวของเธอดำเป็นเงา ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จและออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันกายเพียงผืนเดียว ผมต้องคอยระวังความทะเล่อทะล่าของตัวเองไว้ เธอมองผมหัวจรดเท้า - คุณโทรไปเรียกบริการนวดไม่ใช่หรือค๊ะ เธอถามด้วยสำเนียงหนักไปทางยุโรปตะวันออก - เชิญเข้ามาซิครับ เธอบอกให้ผมนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง ผมจัดการแก้ผ้าเช็ดตัวออกก่อนที่จะกระทำตามที่เธอบอก เธอคุกเข่าลงบนเตียง กลิ่นน้ำหอมของเธอช่างรัญจวญใจผมเสียเหลือเกิน มันกระตุ้นให้ผมมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างฉับพลัน เธอมีกระเป๋าหนังสีดำใบเล็ก ๆ ติดมาด้วย ผมสังเกตุเห็นได้ทางหางตาว่าเธอกำลังหยิบเอาโลชั่นขวดเล็กออกมา เธอขึ้นคร่อมนั่งบนหลังของผม ผมรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากตัวเธอทันทีที่เธอเริ่มนวดที่หัวไหล่ของผม - คุณชื่ออะไรครับ - อนาตาเชีย - ชื่อเพราะจัง แล้วคุณมาจากไหนล่ะ - จากรัสเซียค่ะ - คุณเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่าหลงไหลเสียจริง และคุณก็คงจะได้ยินประโยคเหล่านี้อยู่แล้วบ่อย ๆ - ขอบคุณค่ะ เธอตอบสั้น ๆ และดูเหมือนเธอจะมีเรื่องราวเศร้าหมองอยู่ในใจ มือของเธอเลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เธอกำลังนวดต้นขาของผมอยู่ บางทีมือของเธอลื่นลงไประหว่างขาของผม ทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องทีเดียว - แล้วแฟนคุณรู้หรือเปล่าล่ะ ว่าคุณมีอาชีพอะไร - เขารู้ค่ะ - แล้วเค้าไม่ว่าอะไรหรือ เธอไม่ตอบ และกลับโน้มตัวลงมาข้างหน้า เส้นผมของเธอสัมผัสกับแก้มของผม - ข้างล่างเค้าบอกกับดิฉันว่าคุณต้องการนวดแบบพิเศษมิใช่หรือค๊ะ เธอกระซิบบอกผม ผมพลิกตัวกลับมานอนหงาย เธอยิ้มกริ่มพอใจที่เห็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่ผมมีต่อเธอ เธอสวมบราเซียสีดำกันจีสตริงที่สวยจนไม่มีที่ติ ผมจะตายเสียให้ได้ เธอเริ่มเทโลชั่นลงบนเจ้าหนูที่กำลังชูชันของผม แล้วก็... - พระเจ้า! ผมร้องลั่นผลุนผลันลงจากเตียงมากองอยู่กับพื้นน้ำตานองหน้าด้วยความเจ็บปวดสองมือกุมระหว่างขาไว้แน่น - ให้ตายซิ! นั่นมันอะไรกัน ที่คุณใส่ให้ผมน่ะ แอนนามองมาที่ผมด้วยความตะลึงงันกันสิ่งที่เกิดขึ้น - มันก็แค่โลชั่นถนอมมือเท่านั้นเองนี่ค๊ะ ผมคว้าเอาขวดโลชั่นที่มาหลี่ตาอ่านส่วนผสมด้วยความเจ็บปวด - มันมีส่วนผสมของแอลกอฮอร์อยู่ด้วยนะซิคุณเซ่อ เธอยืนอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือว่าจะวิ่งไปตามหมอมาดี - ฉันไปเอาน้ำมาให้ดีใหมค๊ะ - ผมว่าคุณไปเอาสายดับเพลิงมาเลยดีกว่า มันรู้สึกเหมือนมีใครเอาระเบิดเพลิงมาวางไว้ในท่อปัสสาวะผมอะไรอย่างนั้นทีเดียว ดูหน้าของเธอแล้วมันทำให้ผมหัวเราะขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่ยังสะอื้นด้วยความปวดเป็นตลกร้องให้ไปเลย ผมเอามือข้างหนึ่งจับเธอไว้แล้วโอบเข้ามากอดไว้ซบกับไหล่ของผม แม่สาวแอนนาในบทบาทหมอนวดสาวรัสเซียในโรงแรมทำเสียฤกษ์เสียแล้ว - คุณเป็นอย่างไรบ้างค๊ะ - ไม่รู้ซิ - ฉันขอโทษค่ะ แล้วเราก็เริ่มหัวเราะกันได้อีกครั้ง ต่อมา ระหว่างนอนอยู่บนเตียงเธอก็คล่อมบนตัวผมเพื่อสำรวจร่อยรอยเสียหายที่เกิดขึ้น - เอ ทำไมมันไม่ใหญ่ขึ้นมาล่ะค๊ะ ปกติแล้วหากว่าฉันทำอย่างนี้มันจะต้องใหญ่ขึ้นทุกที - ก็คุณทำให้มันกลัวจนหดหายไปนะซิ - แล้วมันไม่คิดที่จะลุกมาเล่นกันฉันอีกต่อไปแล้วหรือไงค๊ะ - โห ไม่หรอก ผมไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนั้นหรอกน๊ะ เธอพลิกเจ้าหนูของผมกลับไปกลับมาแล้วพูดด้วยเสียงการ์ตูนว่า - โถ เจ้าหนูช่างดูตลกจังนะ เวลาตัวเล็ก ๆ อย่างนี้น่ะ เธอพูด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับเธอ เป็นทั้งตัวตลกเป็นทั้งเซ็กซ์กอดเดส เธอสะกดผมไว้เสียอยู่หมัด อย่างไม่มีใครทำได้อีก
- นี่คุณ ไอ้หนูของผมมันไม่ใช่หุ่นถุงมือนะครับ ขอร้อง จากนั้นเราก็นอนดูทีวีด้วยกัน ผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด แม่มดหมอนวดสาวรัสเซียของผมอยู่ในชุดนอนของเธอภายในอ้อมแขนของผม เธอช่างน่าหลงไหลเสียจริง - ฉันอยากดูรายการอาชญากรรมรายการโปรดของฉันค่ะ เธอพูดแล้วเริ่มคลำหารีโมท - อยู่นั่นไง ผมบอก ลองค้นหาช่องดูซิ - ให้ฉันดูรายการนี้ให้จบก่อนนะค๊ะ แล้วหลังจากนั้นฉันจะเป็นของคุณ คุณจะทำอะไรก็เชิญ เธอพูดฟังไม่ได้ศัพท์ ต่อมาอีกไม่เกินสิบนาทีเธอก็เริ่มมีเสียงกรนเบา ๆ ลงบนหมอน แว่นตาที่สวมอยู่เฉออกมาจากหน้าของเธอ สิ่งธรรมดาง่าย ๆ แบบนี้ช่างมีความหมายสำหรับผมมากเหลือเกิน ครั้งหนึ่งที่ผมเคยถูกรักในฐานะสามีเพราะความเป็นคนง่าย ๆ สามารถเป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่พึ่งให้กับคนนั้นได้ ตอนนี้ผมถูกรักในฐานะคนรัก เป็นสิ่งตื่นเต้นท้าทาย เป็นความลับอัปยศ และผมก็รู้สึกเสียใจกับความพึงพอใจนั้นเท่ากัน ผมอยากจะเป็นได้ทั้งสองอย่างเพื่อผู้หญิงคนเดียวที่เธอปราถนาในสิ่งที่ผู้ชายพึงมี บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่สามีธรรมดาทั่วไปปราถนาที่เป็นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งปวง วันรุ่งขึ้นเธอต้องบินเที่ยวเช้าตรู่เพื่อประชุมเกี่ยวกับเรื่องงานที่สหัฐฯ ผมไปส่งเธอที่สนามบิน และคาดว่าจะนั่งรถบัสกลับเพดดิงตันแล้วต่อด้วยรถไฟกลับไปแมนเชสเตอร์ ผมหันหลังกลับจากเธอที่ห้องรับรองในสนามบินเพราะไม่อยากจากลากับเธอด้วยน้ำตาอีกครั้ง แต่พอเธอเดินผ่านพ้นด่านตรวจเช็คความปลอดภัยแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับไปมองเธออีกครั้งผ่านกระจกหน้าต่าง ผมใช้นิ้วเคาะตรงกระจกเบา ๆ พร้อมกับพูดไม่ออกเสียงว่า ผมรักคุณ พร้อมกับทำท่าทางประกอบ โดยเอามือชี้มาที่ตัวผม แล้วที่หัวใจของผม แล้วก็ชี้ไปที่เธอ แต่หน้าเธอไม่ได้มองตรงมาทางผม เธอกำลังมองดูข่าวซีเอ็นเอ็นทางจอทีวีอยู่ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่มองเห็นผมทำท่าทางอยู่อย่างนั้นคงคิดว่าผมสติไม่ค่อยดี ผมพยายามที่จะดึงดูดความสนใจจากเธอโดยโทรเข้ามือถือแต่เธอได้ปิดมันไปก่อนแล้ว มันเหมือนเป็นช่วงสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา แต่ผมกลับทะเล่อทะล่าชักช้าจนสายเกินไปกว่าที่จะสามารถส่งข้อความทะลุผ่านกระจกใส ๆ ที่ขวางกั้นถึงเธอได้ เธอหันหน้าไปทางอื่นสนใจอยู่กับสิ่งที่เธอสนใจในโลกส่วนตัวของเธอเอง ผมยังคงไม่สามารถเข้าถึงเธอได้อยู่ดี ภาพที่มองเห็นได้กำลังจางจากไปเรื่อย ๆ ผมไม่มีทางเอื้อมไปสัมผัสได้เลยจริง ๆ
Eighty five
การ์ดที่แอนนาส่งมา... คุณสร้างภาพเขียนที่นำไปสู่โลกใหม่ด้วยวาจาของคุณ สายตาคุณดั่งทะเลอารมย์ที่ฉันลุ่มหลงงมงาย สัมผัสคุณนุ่มนวลดั่งขนนก อ้อมกอดของคุณช่างอบอุ่นเหมือนสุมไฟกองโต สุ้มเสียงของคุณเต็มไปด้วยแรงแห่งปราถนาในขณะที่หัวใจของคุณเต็มไปด้วยความรัก ใครก็ตามที่ได้พบพานกับคุณ เค้าเหล่านั้นก็จะได้เห็นสีสรร, สีสรรแห่งความรักของคุณ
Create Date : 14 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 9:36:43 น. |
Counter : 216 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 76 - 80
Seventy six
มาร์คที่รัก, ฉันเป็นห่วงคุณมากและยิ่งรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับฉันมันยิ่งทำให้ฉัน หงุดหงิดรำคาญใจไปทั้งสัปดาห์เลยทีเดียวฉันไม่ชอบที่คุณรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับพอล แต่ฉันก็เข้าใจคุณดี ฉันมีแต่ทำร้ายจิตใจคุณเท่านั้นเอง ฉันได้กลับเข้าไปอยู่ในโลกมืดของฉันอีกครั้งโลกที่ไม่มีใครหรืออะไรที่ฉันชอบเลย ฉันไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนมันได้อย่างไร ฉันไม่รู้จริง ๆ เหมือนอย่างที่คุณเคยบอกกับฉันนั่นแหละ ที่ว่าฉันไม่รู้จักที่จะอยู่ในความรัก ทุกอย่างมันผสมผสานปนเปกันไปหมด อารมณ์ของฉันก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย มันเปลี่ยนไปอยู่เรื่อย อดีตเหมือนกับเตาหลอมที่มันเผาไหม้จิตใจของฉัน ความหมองเศร้ามันแผ่ปกคลุมไปทั่ว ฉันต้องคอยวิ่งหนีมันอยู่ตลอด ฉันทำให้คุณต้องตกที่นั่งลำบาก ฉันรู้ว่าคุณได้พยายามที่จะเข้าใจ ตอนนี้ฉันกังวลไปเสียทุกอย่าง ทั้งคุณและตัวฉันเอง ฉันไม่รู้ว่าฉันจะสัญญาอนาคตกับคุณได้ไหม ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างมันควรที่จะลงตัวได้แล้ว มันไม่แฟร์สำหรับคุณที่จะให้คุณต้องมาเกี่ยวข้องกับสถานะเช่นนี้ วันนี้ฉันรู้สึกแย่จัง ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด แอนนา
Seventy seven
ที่ร้านอาหารในเชลซี แอนนาบอกว่าเธอสนใจในสคริปท์ของผม ซึ่งมันเป็นข้ออ้างที่เราจะพบกันได้ และเราก็ได้ฉวยโอกาสนั้นไว้ด้วย ฟองอากาศจากแก้วไวน์ แสงไฟสีอำพันจากเทียนบนโต๊ะอาหาร เธอโน้มเอียงมาข้างหน้า พร้อมกับสองแขนกอดอกไว้เผยให้เห็นความเด่นชัดเนินเนื้อจากเสื้อคอเต่าเปิดใหล่ที่เธอใส่ในคืนนี้ให้สวยงามยิ่งขึ้น เหมือนจงใจ เมื่อบริกรนำของหวานมาเสริฟ เธอหยิบเอาเชอรี่สีแดงสดเข้าปาก คาบคาไว้อย่างนั้นโดยที่ปล่อยให้ก้านของมันชี้ออกมาด้านนอก เธอยิ้มยั่วพร้อมทั้งกลอกกลิ้งลูกเชอรี่ไปมาด้วยลิ้น ริมผีปากเผยอเล็กน้อย มันวาวไปด้วยลิปกลอส นัยตาเชิญชวนของเธอบาดลึกลงไปถึงท้องน้อยของผม ผมแทบลืมหายใจมองดูผลเชอรี่ที่เธอกลิ้งไปมาในปากของเธอด้วยลิ้นที่ชุ่มชื้น ทันใดนั้นเอง เธอสำลักเม็ดเชอรี่พ่นเอาเนื้อเชอรี่ที่เธอเคี้ยวแหลกแล้วสีแดงสดออกมาเลอะผ้าปูโต๊ะสีขาวเต็มไปหมด เธอส่งเสียงเอิ้กอ้ากเหมือนแมวน้ำ รบกวนเสียงสนทนากระซิบซึ้ง ๆ ในห้องนั้นจนหมดสิ้น สายตาทุกคู่ต่างหันมาในทิศทางเดียวกัน โต๊ะเรากลายเป็นจุดสนใจไปแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ ผมโน้มตัวไปลูบหลังเธอเบา ๆ เพื่อคลายอาการสำลัก พอหายใจคล่องคอแล้ว เธอคว้าน้ำที่บริกรนำมาให้ด้วยความเป็นห่วงดื่มทันที สัญญาณเตือนภัยในเพศรสของผม ผมบอกกับเธอ เทพเจ้าหญิงแห่งรักของผมพลาดท่าซะแล้ว เธอเริ่มหัวเราคิ๊กคั๊กและสำลักเบา ๆ อีกครั้ง หัวใจผมเริ่มพองโตขึ้นมาอีกครา - ผมบูชารักคุณจริง ๆ นะ ผมบอกกันเธอขณะที่นั่งรถกลับจากร้านอาหารด้วยกัน ฉับพลันทันด่วน อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปทันที - คุณไม่ควรจะมารักฉันหรอกค่ะ เธอบอก ฉันเป็นเหมือนยาพิษสำหรับคุณนะค๊ะ คุณจะพูดอย่างไรกับคนที่คุณรักล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าคุณไม่ควรที่จะรักเธอ ราวกับว่าเธอโอบกอดผมไว้แนบอกแล้วผลักออก ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกให้ผมอย่าเกลียดชังเธอ มาวันนี้เธอกลับบอกไม่ให้รัก - ฉันอยากจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน เธอพูด - ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอย่างนั้นออกมาได้อย่างไร - ถ้าใครก็ตามที่ไม่ชอบตัวเองแล้ว มันก็ไม่ช่วยอะไรได้หรอกค่ะ ที่จะบอกกับพวกเค้าว่าวิเศษอย่างไร มีแต่ตรงกันข้าม ผู้หญิงอัศจรรย์คนนี้ เธอช่างน่าหลงไหลในชุดเสื้อสีขาวกระโปรงดำยาวแค่เข่า กับแว่นตาเจือสีกุหลาบอ่อน ๆ เก็บผมด้วยหวีกระดองเต่า ใครล่ะจะปฏิเสธเธอได้ - คุณแค่อยากจะทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดเท่านั้นเอง ผลักไสเค้าออกไปเพื่อให้เค้าได้ตะโกนด่าใส่คุณว่าคุณแย่แค่ไหน แล้วคุณก็จะสามารถพูดได้ว่า เห็นไหมล่ะ ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันน่ะแย่ แต่คุณก็ยังจะมารักฉันเอง ช่วยไม่ได้ - อ้าว ถ้าคุณรู้อย่างนั้นแล้วคุณยังจะให้มันเกิดขึ้นทำไมล่ะ - ก็เพราะว่าฉันอยากจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉันนะสิ เธอพูด หลังจากนั้นเราก็ขับรถกลับอพาทเมนท์ของเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยตลอดทาง
Seventy eight
มันเริ่มเป็นไปตามรูปการณ์ เธอเริ่มแหนงหน่ายเมื่อผมสร้างความกดดันเพื่อให้เธอเลิกกับพอล ผมเองก็เริ่มเครียดกับเธอ ผมไม่โทรหา เธอเองก็ไม่โทรหาผมเช่นกัน มันดูเหมือนกับว่าทุกอย่างกำลังยุติลง แต่การที่จะต้องอยู่ห่างเหินกันเช่นนี้มันช่างทรมานเสียเหลือเกิน ผมก็เลยโทรหาเธอบอกกับเธอ และบอกกับตัวเองว่าเรื่องเกี่ยวกับพอลจะไม่ยุ่มย่ามใจผมอีกต่อไปแล้วละ ขอให้ผมได้เป็นเพื่อนกันเธอเช่นนี้ตลอดไปผมก็พอใจแล้ว แต่การที่จะพูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์มันก็ชักนำไปสู่ความใกล้ชิด และความใกล้ชิดนี้ก็นำไปสู่ความปราถนา และจากความปราถนาก็จะนำพาไปสู่การนัดพบเจอกันอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อเราได้พูดคุยกันมากเกินไป มีการร่วมรักกันด้วยความปราถนาที่เร่าร้อนมันยิ่งทำให้เรารอคอยให้ถึงวันที่ความสัมพันธ์ฉันท์ชีวิตคู่ของเราจะเป็นจริงเสียที แต่กับแอนนาแล้ว เธอมักจะสร้างกำแพงกั้นไว้เสมอเพื่อไม่ให้ผมข้ามไปได้ง่าย ๆ และเมื่อผมได้พยายามที่จะข้ามเข้าไป เธอกลับถอยห่างออกไปเสียทุกที ผมมีความหลังกับซูซานทั้งทางด้านมิตรภาพและครอบครัว และสิ่งที่ผมค้นพบกับแอนนา มันคือความปราถนา ความหรรษา และการแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ด้วยกัน จากผู้หญิงทั้งสองคนไม่ช้าไม่นานผมก็รู้สึกเหมือนถูกกีดกันให้อยู่นอกวงจรของพวกเธอ ในสุดท้ายทั้งซูและแอนนาต่างก็ถอยห่างจากผมไปทั้งคู่ เหมือนหอยมุกปิดฝาเมื่อเราพยายามที่จะหยิบเม็ดมุกข้างในของมัน มูลค่าของมันอาจจะต่างกันแต่การปกป้องของมันเหมือนกันหมด - สิ่งต่อไปที่เธอจะทำก็คือการไปหาที่ปรึกษา เจนพูด เราเสร็จเรื่องสคริปท์กันแล้ว ตอนนี้เราสามารถผ่อนคลายเฮฮาได้อีกครั้ง - ไร้สาระ - เธอจะทำอย่างนั้นจริง ๆ คอยดูซิ แต่เจนก็พูดถูกจริง ๆ เพราะแอนนากับพอลได้เริ่มไปหาที่ปรึกษาแล้วจริง ๆ แต่ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจน เพราะผมไม่อยากให้เธอได้ใจ ผมเคยไปหาที่ปรึกษาปัญหาชีวิตคู่กับซูซานเมื่อหลายปีที่แล้ว ผมคาดหวังไว้ว่าการถดถอยของเราอาจจะเป็นทางออกให้ผมหลุดพ้นได้ โดยมีคนที่ปรึกษาเป็นคนบอกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแยกทางกัน ซึ่งมันจะทำให้ผมไม่รู้สึกผิด เรายกให้นักปรึกษาเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดชะตาชีวิตคู่ของเรา แต่สิ่งที่เขาทำคือพยายามประสานเราเข้าด้วยกันอีกครั้ง ทั้งยังปล่อยให้เรากลับมาคิดหาผู้แพ้ผู้ชนะเอาเอง ซึ่งเราก็ไม่สามารถทำได้ - คุณจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อการมีชีวิตคู่นะ มาร์ค - เหมือนกับการใช้แรงงานนะหรือ - คุณก็รู้ว่าฉันหมายความว่าอย่างไร - แล้วคุณล่ะ หยุดทำมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าคุณจะปล่อยมันไปอย่างนี้จนกว่าคุณเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะทานไหว หรือจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องตายกันไปข้างหนึ่งก่อน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะได้ยิน แต่หากว่าผมจะต้องตำหนิตัวเอง ผมคงจะตำหนิในเรื่องที่ปล่อยให้ซูซานถลำลึกเกินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เจนส่ายหน้าพร้อมกับกระดกว้อทก้าแก้วที่สามลงคอไปอย่างรวดเร็ว - คุณคิดว่าตอนนั้นคุณจะสามารถรักษาชีวิตคู่ระหว่างคุณกับซูไว้ได้มั๊ย มันเป็นคำถามที่ผมเองก็เฝ้าถามตัวเองมาแล้วหลายครั้ง คนมักจะถามคำถามแบบนี้ราวกันว่าชีวิตคู่เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง; คุณจะช่วยชีวิตซูซานจากการจมน้ำตายได้มั๊ย หากว่าคุณสามารถว่ายน้ำได้ แต่ชีวิตคู่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่สิ่งต้องห้าม เพื่อน ๆ และคนในครอบครัวต่างมองเราราวกับว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วงหายนะ พวกเค้าต่างกำลังมองหาหนทางที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นในสิ่งที่ไม่มีทางหลุดพ้นได้ จนแล้วจนรอดเมื่อไม่มีทางช่วยได้พวกเค้าก็พยายามหาคนผิดเพื่อที่จะตำหนิ ชีวิตคู่บางคู่อยู่ยงคงกระพันจนถึงวันสุดท้ายแต่บางคู่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่ว่าคนดี คุณพ่อที่ดี ภรรยาที่ดี ลูกชายลูกสาวที่ดี ทุกคนอาจจะเปลี่ยนไปได้ทั้งนั้น ผมตื่นขึ้นมาวันหนึ่งก็พบว่าซูซานเป็นเหมือนสงครามที่ผมไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้ด้วยอีกต่อไปแล้ว - คนเราก็เหมือนหอยนางรมนั่นแหละ เจน, ที่คอยเกาะติดอยู่ซึ่งกันและกันเพราะเรากลัวที่จะถูกปลดปล่อย กลัวที่จะหลุดพ้น - มันก็ต้องมีดีอยู่บ้างละ ที่จะต้องเกาะติดกันเอาไว้ - ใช่ แต่คนมันก็เปลี่ยนไปตามกาลนะ อย่างน้อยผมคนนึงละ และผมก็ได้พยายามให้เธอเปลี่ยนไปกับผมด้วย ซึ่งผมก็รู้อยู่ว่ามันไม่แฟร์ ไม่เช่นนั้นผมก็ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมเพื่อให้ชีวิตคู่อยู่รอดได้ ก็เหมือนอย่างคุณไง ผมอยากจะพูดไปว่าอย่างนั้น - เมื่อคุณรักใครเข้าแล้วสักคน คุณจะจากเค้าไปได้อย่างไรกัน เจนพูด แล้วคุณรู้มั๊ยว่านี่เธอกำลังพูดถึงชีวิตคู่ของเธอเอง - ซูเคยบอกกับผมว่า ผมควรจะรักเธอโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ผมไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างนั้นได้โดยเฉพาะในชีวิตคู่ เพราะชีวิตคู่เป็นสิ่งที่มีเงื่อนไขมากที่สุด แต่ความรักที่ผมมีต่อแม่ของผมเองนั่นไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลยจริง ๆ หรือกับเดวิดก็เช่นกัน แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กันพวกเค้าทุกวัน ผมไม่ต้องร่วมหลับนอนกับพวกเค้า แล้วทำไมผมต้องทนอยู่กับใครหากว่าเค้าไม่ทำให้ชีวิตผมมีชีวิตมากขึ้น เจน กระดกแก้วว้อทก้าของเธออีกครั้ง แล้วดันแก้วเปล่าไปอยู่ตรงกันข้ามกับเธอ - ฉันจะต่ออีกแก้วนึงนะ เจนพูด ถึงตอนนี้น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว - คุณยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้รึไง เจนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่อีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดไปนาน - กลับไปหาไอ้เจ้าเทอรี่นะหรือ ยังหรอกค่ะ
Seventy nine
มันมีช่วงจังหวะเวลาที่เน้นบ่งบอกถึงความรู้สึกแห่งความสัมพันธ์ของเรา เวลาที่เราได้บอกลากันไม่ว่าที่สนามบินหรือที่สถานีรถไปที่ไหนก็ได้ สัปดาห์ต่อมาเธอก็จะอารมย์ดีต่อผมมากเวลาที่เราคุยกันทางโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอจะดังก้องกังวาลจากระยะทางไกล เธอคงจะจัดการกับเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธอในเร็ว ๆ นี้ แต่แล้วความต้องการในตัวเธอซึ่งผมไม่สามารถที่จะหยั่งรู้ได้ เวลาที่เรานัดเจอกันทุกทีเธอจะแสดงออกถึงความตื่นเต้นรอคอยที่จะให้ถึงวันนั้น ยิ่งวันนัดไกล้เข้ามาความรู้ผิดยิ่งกัดกร่อนลึกเข้าไปเช่นกัน สำหรับสองสามวันแรกที่เราได้เจอกัน เรื่องอื่น ๆ เป็นอันถูกลืมเสียสิ้น ผมเป็นความลับที่เธอปิดบังไว้จากโลกภายนอก เป็นความละอายและนิสัยที่เธอคาดว่าวันหนึ่งเธอจะทิ้งมันไป ต่อมาเธอก็จะปฏิญาณว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกันจริง ๆ เธอจะต้องจัดการกับชีวิตของเธอซะที แล้ววงจรเดิม ๆ ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ผมรู้ดีเกี่ยวกับชีวิตที่ติดกับของเธอ เพราะผมเองก็ติดอยู่กับสถานการณ์เดียวกันกับเธอกับความรู้สึกผิดและความปราถนา ตอนนี้ในบทบาทที่ต่างออกไป ผมบอกกับตัวเองว่าผมเองจะเป็นคนที่ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากเรื่องหลอกลวงทั้งปวงซึ่งเป็นโอกาสที่ผมจะได้รับความรักจากเธอบ้าง ผมจะได้รู้ว่าเธอรักผมเพราะอะไร ผมจะได้เป็นต่อบ้าง ผมรู้ว่าความต้องการของคนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมมองหาความบกพร่องในผู้หญิงเหมือนสุนัขที่ได้ดอมดมได้กลิ่นคาวของความกลัว ถ้าผมไม่รู้จักเอาใจใส่แล้วผมจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผมควรจะทำอย่างไรดี - ฉันมีความสุขเหลือเกินที่ได้มีเพื่อนอย่างคุณค่ะ เธอเคยบอกกับผมอย่างนั้นครั้งหนึ่ง ฉันหวังว่าเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันตลอดไป เหมือนลิขิตสวรรค์โดยพระเจ้าที่อารมย์กำลังบูดบึ้งได้ลิขิตไว้ไม่ให้เป็นไปอย่างนั้น ความรู้สึกสิ้นหวังและสิ้นไร้เข้าครอบงำเธอจนสิ้น ราวกับว่าเธอไม่เหลือทางเลือกใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว - ทำไมคุณถึงยังอยู่กับพอลล่ะแอนนา ในเมื่อคุณไม่ได้รักเขา ได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ผมรู้สึกได้กลายเป็นอสูรร้ายไปแล้ว เป็นคนแปลกหน้าแม้ต่อตัวผมเอง ผมก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆ ในชีวิตเธอที่คอยบอกให้เธอทำอย่างนั้นคิดอย่างนี้ - ค่ะ มันอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องได้ทุกอย่างหรือไม่ได้อะไรเลยนี่ค๊ะ - ผมได้ยินคุณพูดอย่างนี้หลายครั้งแล้วนะ มันต้องมีมากกว่านั้นซิ ทำไมคุณถึงไม่ยอมเล่นไปตามเรื่องล่ะ ถึงตอนนี้มันคงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการควบคุม ไม่ว่ามันจะลงเอยด้วยรอยยิ้ม ความเงียบ หรือสิ่งที่ผู้ชายบางคนกระทำ คือการลงไม้ลงมือ การรู้จักการควบคุมเป็นสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งของความรัก แต่แทนที่จะปราถนาในตัวเองเหมือนที่ซูซานต้องการ แอนนากลับหลีกลี้ ฉับพลับผมก็กลับควบคุมอะไรไม่ได้เลย ผมมืดไปหมดกับบทบาทใหม่ที่ได้รับ ไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไรดี ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะเฉยชาเสียหรือว่าจะยอมรับความเจ็บปวดดี - ฉันไม่สามารถทนรับต่อความเจ็บปวดของคุณได้อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ เธอบอกกับผมในคืนหนึ่ง ฉันคงจะต้านความสำนึกผิดที่หลอกกับพอลไว้และความเจ็บปวดที่ได้ทำให้เกิดกับคุณไม่ได้อีกต่อไป - มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณเลยนะ แอนนา ผมไม่เคยบอกว่ามันเป็น หรือว่าผมจะเคยพูดออกไป มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราเกาะติดกับความรัก ผมเริ่มไม่มั่นใจว่าผมได้พูดอะไรกับเธอไปบ้าง หรือเธอเคยได้ยินผมพูดอะไรออกไป ไอน์สไตน์ได้เคยพูดไว้ว่าหากว่าคุณวางมือข้างหนึ่งไว้บนแผ่นเหล็กร้อน อีกข้างหนึ่งไว้ในช่องแช่แข็ง โดยเฉลี่ยแล้วคุณจะรู้สึกสบายดี ผมว่านี่คงเป็นสิ่งที่เรากระทำในความรัก ครั้งหนึ่งเมื่อคุณถูกไฟลวก แล้วรีบนำมือที่โดนไฟนั้นเข้าไปในช่องแช่แข็ง แผลรอยลวกก็จะไม่เกิด มันก็ฟังดูมีเหตุผลดี
Eighty
สิบแปดเดือนหลังจากงานศพของซูซาน เถ้ากระดูกของเธอยังถูกเก็บไว้ในกล่องพลาสติกแข็งสีเทาที่บ้าน ผมยังทำใจที่จะไปแตะต้องมันไม่ได้ แต่ในคืนหนึ่ง ด้วยความหนาว ความสิ้นหวังและเหนื่อยหน่าย ผมนำเอาอัฐิของซูซานเข้าไปนอนกอดไว้ด้วย ความเศร้าโศกมันเหมือนจะทะลักออกมา ผมหายใจหายคอไม่สะดวกอยู่พักนึงเมื่อผมรู้สึกดีขึ้น ผมก็ประโลมเธอเหมือนที่ผมเคยทำ ผมกอดกล่องสีเทาไว้แน่นเพื่อให้ความอบอุ่นกันอัฐิข้างใน และบอกกับเธอว่าทุกอย่างจะดีเอง ฉันกำลังจะสิ้นใจตายเพราะการดำรงชีวิตอยู่ของฉันในสี่สิบปีที่ผ่านมานั้นมันไม่ได้ผลเสียแล้ว ...ฉันต้องเชื่อมั่นในเสียงจากหัวใจของฉัน ฉันรู้ว่าฉันกำลังตายลงไปทีละนิดจากภายใน และภายนอกในที่สุดหากว่าฉันไม่ทำอย่างนี้ โอ! พระเจ้า ผมกระซิบท่ามกลางความมืดที่ว่างเปล่า ผมเสียใจจริง ๆ มันเริ่มจากความรักโรแมนติคเหมือนเทพนิยาย เพียงแต่เจ้าชายและเจ้าหญิงไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดกาลในตอนจบเท่านั้นเอง ชุดออกรบของเจ้าชายผุ่นเขรอะ ในขณะที่เจ้าหญิงเปลี่ยนทรงผมเกล้ามวยมาเป็นทรงที่ง่ายกว่า และเราก็บอกกับตัวเองว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดาของความรัก แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมไม่ต้องการให้เธอเปลี่ยนตัวเองเพื่อผมหรอก ผมอยากให้เธอเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ผมรู้ว่าเราอาจจะประณีประนอมกันได้ แต่ในเรื่องของความรักแล้วผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องประณีประนอมกัน ไม่เช่นนั้นแล้วผมเองก็คงจะต้องตายไปทั้งข้างในและข้างนอกเหมือนกัน ผมนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ พลิกกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นเพราะเห็นซูซานกำลังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงนอน - ซูซาน นั่นคุณหรือ - คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ มาร์ค - ผมขอโทษ ผมขอโทษ - มันผ่านไปแล้ว เธอบอกกับผม ให้ลืมมันไปซะ เธอจะได้ไปซะที ครั้งหนึ่งผมรักเธอ รักเธอเกินกว่าที่จะพูดหรือยอมรับได้ เกิดอะไรขึ้นกับมันหรือ คนสองคนได้เปลี่ยนความสุขให้กลายเป็นโซ่ตรวนได้อย่างไรกัน - ผมรู้สึกเหมือนว่าเราล้มเหลว - เรามีหลายปีที่สวยงามด้วยกันค่ะมาร์ค และเราก็ยังมีลูกชายที่แสนจะน่ารักอีก มันแค่ถึงเวลาที่จะต้องยุติลง ทุกอย่างมันสิ้นสุดลงแล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ฉันควรจะจากไปเมื่อหลายปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำไป - ถึงอย่างไรในตอนนั้นผมก็คงจะไม่ให้คุณไปหรอก เราคิดว่าเรารู้ว่ารักคืออะไร ทั้งที่จริงแล้วเราไม่รู้เลย เราอยู่ด้วยกันอย่างคนรักเพื่อความสุขและความปราถนา และเมื่อเวลาผ่านไปมันกลายเป็นหน้าที่และการดูแลซึ่งกันและกัน แล้ววันหนึ่งคุณก็ค้นพบมันอีก เหมือนกับคนที่หิวโซท่ามกลางงานเลี้ยง คุณก็จะไขว่คว้าหามันไว้อีกครั้ง แต่ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินกว่าจะเดินไปข้างหน้าหรือจะถอยกลับไปใหม่ - ฉันจะต้องไปแล้วล่ะค่ะ - ซูซาน - ทุกอย่างมันจะดีเอง ค่ะมาร์ค ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น แล้วเธอก็ลับหายไปในความมืด ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอย่างไม่มั่นใจว่ามันเป็นความฝันหรือว่าผมจะกลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว ผมกับซูซานไม่มีเรื่องที่จะต้องพูดกันอีกแล้วในชาตินี้ แต่ผมก็ยังอยากจะได้ยินเสียงของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากไป XXXXXXX
Create Date : 12 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:26:58 น. |
Counter : 240 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 71 - 75
Seventy one
สิ่งที่ผมต้องการ ผมอยากดื่มแชมเปญกับเธอในบาร์แล้วตามด้วยค็อคซัคกิ้งคาวบอยส์, ฟังเรื่องทะลึ่งตึงตังที่เธอเล่า, ส่งกุหลาบให้เธอที่ออฟฟิส, ฟังเธอเล่าความฝันความกลัวหรือความลับของเธอ, คอยถือเสื้อคลุมให้เธอ, ผมจะนอนตรงกลางระหว่างขาของเธอ มองหน้าเธอตอนที่ผมล้อเล่นเธอด้วยลิ้นของผม ผมจะจับมือทั้งสองของเธอไว้ขณะที่เธอกำลังทะยานขึ้นสู่สวรรค์ ผมจะซื้อน้ำหอมจากฝรั่งเศสให้เธอ มองดูเธอในชุดเซ็กซี่สีดำด้วยความเร้าใจ ดูเธอบรรจงแต่งหน้าในชุดชั้นใน ผมจะจูบใบหน้าเธออย่างแผ่วเบา หัวเราะงอหงายกับโจ๊กที่เธอเล่า ผมชอบดูเวลาเธอยิ้ม ผมอยากโอบกอดเธอไว้บนเตียงฟังเธอเล่าถึงหนังสือเล่มที่เธอเพิ่งอ่านจบไป อยากฟังน้ำเสียงเศร้า ๆ มีพลังที่ฝังไปด้วยจังหวะและอารมณ์ของเธอ ผมจะจูบเธอและรับรู้ถึงร่างกายที่สัมผัสแนบชิดติดกัน เราจะคุยเนิ่นนายเกี่ยวกับหนังสือ ผู้คน หรือชีวิต ผมจะเลื่อนไล้ปลายนิ้วไปหาแหล่งน้ำบ่อน้อยของเธอ ผมจะล้อเธอเล่นถึงเรื่องที่เธอถอยรถเข้าที่จอด เราจะเล่นเกมฟุตบอลด้วยกัน ผมจะคอยเปิดปิดประตูรถให้เธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ผมจะคอยจัดเก้าอี้ให้ยามที่เธอจะนั่ง เราจะสื่อสารกันด้วยสายตา เราจะเต้นรำเพลงช้าด้วยกัน มันเป็นข้อความที่ผมส่งเข้ามือถือของเธอ
Seventy two
บนเครื่องบินในระหว่างนิวยอร์คกับซานฟรานซิสโก ผมกับแอนนาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราอย่างตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก - ถ้าคุณรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลงอย่างไร แล้วคุณยังจะทำมันอีกใหมค๊ะ เธอถามผม แล้วผมจะตอบคำถามนี้ได้ยังไงกัน ในเมื่อมันไม่เคยมีทางให้เลือกเลย ผมถูกชักนำให้มาพบกับเธอแล้วก็รู้สึกว่าเธอมีแรงดึงดูดเกินต้านทานจริง ๆ จนถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกอย่างนั้นไม่หาย - ฉันคิดว่าเราสามารถมีโลกส่วนตัวของเราได้ เธอพึมพำ สายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างทางที่ตั้งของดาวเหนือ ก็อย่างที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้ ผมเองก็คิดเหมือนกับเธอ ตอนแรกผมแค่คิดว่าผมอาจได้บทเรียนอะไรสักอย่างจากเธอเพื่อเอาไปปรับปรุงความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของผม ผมจะได้เป็นคนดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น แอนนาดื่ม Veuve Clicquot อย่างรวดเร็วเกินไป - ฉันคิดว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์สวาทระหว่างเราที่กลายเป็นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนอันยาวนานได้ แอนนาพูด ที่จริงนั่นแหละคือปัญหาของเรา การที่คนคบชู้กันแล้วกลายเป็นความสัมพันธ์อันยาวนานได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายของคู่รักที่อยู่กันยืดได้กว่าห้าสิบปี ส่วนใหญ่การคบชู้จะเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์, ความเสี่ยง และทำให้ภรรยาหรือสามีหันมาให้ความสนใจซึ่งกันและกันมากขึ้น แต่สำหรับเราแล้วมันไม่ได้จบลงที่ตรงนั้น มันไม่เป็นไปตามกฏ - คุณรู้สึกเสียใจแค่ไหนค๊ะ แอนนาถามความรู้สึกของผมเกี่ยวกับซูซาน - ผมไม่เคยรักซูซาน...มันก็ไม่เชิงนะ บางทีผมอยากให้ตัวเองหรือแอนนาเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น และถ้าหากว่าผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ ปฏิกิริยาตอบรับจากแอนนาก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคาดคิด - ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งได้ตั้งนานโดยที่เขาไม่ได้รักหล่อนเลย - มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกนะ ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี แอนนามองเชือดผมด้วยสายตาที่ถากถาง แอลกอฮอร์ทำให้อารมย์เธอละมุนลงได้บ้าง แต่ผมเดาไม่ออกว่าเธอจะไปทิศทางไหนกันแน่ ผมครุ่นคิดถึงสิ่งที่เธอพูด เสียงดนตรีจากหูฟังที่วางอยู่บนตักผมดังเล็ดลอดมาเบา ๆ ผสมกับเสียงจากเครื่องยนต์737 คนอื่นๆ นอนห่มผ้าหลับกันหมดแล้ว หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และแก้วไวน์วางกลิ้งอยู่บนพื้นใต้เก้าอี้ตรงหน้าผม ครั้งหนึ่งผมเคยรักซูซาน ผมพึมพำกับตัวเอง ความรักที่มันควรจะจางลงเมื่อเธอจากไป แต่มันกลับจบลงไปก่อนหน้านั้น ซึ่งมันไม่ควรเป็นอย่างนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมหันไปทางแอนนา เธอกำลังขดตัวหลับอยู่ในที่นั่งของเธอ ผมนอนไม่หลับเฝ้าคิดแต่เรื่องระหว่างผมกับซูซาน ผมรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ที่แอนนารู้จักนั้นเป็นคนละคนกับคนที่ซูซานรู้ ผมสงสัยอยู่เหมือนกันว่าแอนนาที่ผมรู้จักก็คงจะเป็นคนละคนกันกับที่พอลรู้จัก คนที่ผมรู้จักนั้นพอลอาจจะคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ หรือแม้แต่คนในครอบครัวของเธอเองอาจจะไม่มีทางเชื่อได้เลยว่านื่คือแอนนาที่พวกเค้ารู้จักมาตลอด ผมไม่รู้ว่าแอนนาไหนที่เป็นตัวจริงกันแน่ ผมเข้าใจการเกิดใหม่ เหมือนกับที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนเป็นการเกิดใหม่ และผมว่ามันใช่สำหรับผม บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่เธอต้องตัดสินใจว่าเธอจะเป็นแอนนาคนไหน หรือว่าเธอจะไม่ยอมตัดสินใจเลือก เธออยากใช้สองชีวิตแบบนี้ไปตลอดเหมือนกับที่ผมเคยใช้มาก่อนหรือไง ระยะเวลาสั้น ๆ ในโลกส่วนตัวของเราที่ได้ใช้ร่วมกันในโรงแรมหรือที่ห้องรับรองในสนามบินผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ในคืนสุดท้ายที่ห้องในโรงแรมผมได้เป็นต้นเหตุให้เราทะเลาะกันขึ้น เพราะผมทำใจลำบากที่จะต้องห่างจากเธอไปอีกครั้ง หลังจากทะเลาะกันผมก็ออกไปเดินอยู่คนเดียวบนถนนในซานฟรานฯ มองเห็นอัลคาทราซ์อยู่ลาง ๆ ท่ามกลางความมืดของชายฝั่ง กลุ่มพวกหนุ่ม ๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนานในระหว่างเดินออกจากบาร์ ผมหยุดยืนอยู่ที่ท่าสำหรับนักตกปลารู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้งโดยชะตากรรม หัวใจของผมมันสมควรที่จะได้พักผ่อน แต่มันกลับไประเริงอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยบอกกับผมว่าผมเป็นคนพิเศษที่สุดในโลกสำหรับเธอหลังจากที่เธอเพิ่งบอกกับผมว่าเธอไม่ได้รักผมมากพอ ทุกอย่างมันยากที่จะเข้าใจจริง ๆ
Seventy three
การบอกลาของเราได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เราบอกลากันนิรันดรตอนเช้าวันหนึ่งในรถที่ไฮด์ปาร์ค แต่ในเดือนพฤศภาคม ผมก็ได้เจอเธออีกครั้งที่กระท่อมในลินคอล์นเชอร์ เราเต้นรำกันหน้าเตาผิง ขณะที่ข้างนอกเหล่าอีกาได้มารวมตัวกันท่ามกลางหมอกหนา อีกครั้งสุดท้ายที่เราบอกลากันหลังจากการจากไปของซูซาน แต่ตอนปีใหม่เรากลับมาเดินจูงมือกันอีกครั้งท่ามกลางหิมะบนถนนลาดหินในมาร์น เราได้บอกลากันบ่อยเกินไป และดูเหมือนมันง่ายสำหรับเธอที่จะทำอย่างนั้น เพราะในความรู้สึกเล็ก ๆ ของเธอแล้วเธอต้องการให้ผมไปจริง ๆ เพื่อให้เธอรู้สึกผิดน้อยลง และเธอก็จะได้เดินจากไปพร้อมด้วยรางวัลความทรงจำที่เธอจะนำติดตัวไปในอนาคตด้วยเพื่อเป็นเครื่องจรรโลงการดำรงชีวิตของเธอต่อไป ผมไม่รู้ว่าการบอกลาของเราคราวไหนจะเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ เราอยู่ในห้องพักระหว่างวันในโรงแรมของสนามบินซานฟรานฯ ผู้คนยังไม่มากนักเพราะยังเช้าอยู่ มันยังไม่สว่างเต็มที่ หนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้ยังไม่มีใครเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างจะเห็นหอควบคุมการบินนานาชาติซึ่งเหมือนบอกให้เรารู้ว่าที่นี่คือที่แห่งการจากลา ผมคงต้องกลับก่อนเธอ เพราะเธอจะมีผู้ร่วมธุรกิจมาพบปะกับเธอที่นี่เพื่อคุยเรื่องงานกัน และแอนนาเองก็ไม่ไว้ใจใครในเรื่องส่วนตัวของเธอ เราเข้าไปอาบน้ำด้วยกันในห้องน้ำ ผมยืนข้างหลังเธอ เธอกำมือทุบกระจกห้องน้ำในขณะที่เราร่วมรักกันในนั้น เธอโยนผ้าเช็ดตัวลงพื้นแล้วนำผมขึ้นคร่อมเธอ เมื่อผมถึงจุดสุดยอดเราต่างร้องให้ด้วยกัน - ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ เธอกระซิบบอก เราแต่งตัวไปพลางเนื้อตัวหนาวสั่น - นี่เป็นทางเลือกของคุณเองนะ ผมตะคอกใส่เธออย่างโกรธเคือง ขณะที่เราโอบกอดกันไว้ก่อนที่จะออกไปข้างนอกเพื่อเรียกแท็กซี่ให้เธอ เพราะคุณรักเค้ามากกว่าที่คุณรักผมใช่ใหมล่ะ - นี่มันไม่ใช่การแข่งขันนะค๊ะ เธอพูด คุณจะไม่ควรจะเอาสองคนมาเปรียบเทียบกันนะค๊ะ - แล้วคุณจะตัดสินใจอย่างไรได้อีกล่ะ ใครล่ะที่คุณอยากอยู่ด้วย ผมเปรียบเทียบเธอกับผู้หญิงคนอื่น แค่ในเรื่องของความสวยและปราดเปรื่อง แต่กับอีกคนผมไม่มีความรู้สึกให้เลย - ฉันรักคุณทั้งสองคนนะค๊ะ แต่ไม่เหมือนกัน ฉันรักเค้าในทางที่แตกต่างไปจากที่ฉันรักคุณค่ะ แล้วความรักที่เธอว่ามันมาเกี่ยวอะไรด้วย ก็ถ้าเธอรักเค้ามากมายแล้วทำไมเธอถึงไม่มีความสุขล่ะ เราลากันที่สนามบินแล้วเธอก็กลับไปอยู่กับอีกชีวิตหนึ่งของเธอ ชีวิตที่เป็นจริง เธอคงจะไม่ทำอย่างนี้อีกจนกว่าเธอจะตัดสินใจได้ เธอบอกกับผมอย่างนั้น บางครั้งผมก็คิดว่าผมเหมาะสมกับเธอที่สุดหากว่าผมเป็นเพียงจินตนาการที่เธอเก็บไว้ในล็อคเกอร์ที่สนามบิน เมื่อเธอต้องการมันเมื่อไหร่ เธอก็สามารถใช้ได้เมื่อนั้น และเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะทำให้ผมเจ็บได้ด้วย หรือแม้แต่พอล แต่ชีวิตจะดีได้อย่างไรหากว่าคุณต้องคอยหลบหลีกจากมัน อาจจะเหมือนกับที่ผมทิ้งชิวิตคู่ของผมไว้ข้างหลังกระมัง ขณะที่แท็กซี่ของเธอเลื่อนออกไป ผมรู้สึกเหมือนบางส่วนของผมได้ตายลงไปอย่างช้า ๆ ผมคงจะรักเธอมากเกินไปเหมือนที่เธอว่าจริง ๆ ผมรักเธอเสียจนสูญเสียความสัญชาตญาณของความอยู่รอดไปแล้ว
Seventy four
- แน่นอนละ ทันทีที่หล่อนเลือกใครคนใดคนหนึ่งแล้ว หล่อนก็จะสูญเสียการควบคุมไป เจนพูด หล่อนไม่อยากจะปล่อยไปพอ ๆ กับที่หล่อนไม่อยากจะยื้อเอาไว้ด้วย คำพูดของเจนทำให้ผมวูบถึงกับรังไข่หดรั้งขึ้นมาทีเดียว ในฐานะที่เป็นผู้สังเกตุการณ์ เจนคงจะอิ่มใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้แน่ เธอรินกาแฟใส่แก้วสำหรับสองคน เรากำลังคุยกันอยู่ที่ห้องสตูดิโอทำงานของเธอ ซึ่งอยู่ที่ด้านหลังของกลุ่มต้นแบล็คเบอรี่ที่เลื้อยขึ้นสะเปะสะปะไปทั่วสวนหลังบ้าน บ้านของเจนเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ทิวดอร์ ซื้อโดยสามีของเธอที่เป็นนักกฏหมายซึ่งเชี่ยวชาญในด้านคดีหย่าร้าง และก็เป็นแฟนแมนยูฯตัวยงที่มีตั๋วเข้าชมทุกฤดูกาลแข่งขันแต่ไม่ค่อยมีเวลาไปดูเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเพื่อน ๆ ที่เขาคงจะมีมากอยู่ทีเดียว - ถ้าหากว่าเธอตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมาล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น เจนถาม เธอก็คงจะต้องจบสิ้นกับอีกคนโดยสิ้นเชิง - เจน ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นหรอก ผมหยิบแก้วกาแฟแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ พลิกดูงานที่เธอพิมพ์มาอย่างคร่าว ๆ มันเป็นงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องการนอกใจ ความไม่ซื่อสัตย์อะไรทำนองนั้น เป็นงานที่เราร่วมกันทำ และแอนนาก็สนใจที่จะซื้อลิขสิทธิ์ไป ชีวิตมันก็ตลกดี อย่างน้อยผมก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากหยุดไปสิบแปดเดือน ผมรู้สึกโล่งอกที่ได้กลับมาทำงานได้อีก - ตอนนี้หล่อนจะมีใครที่ไหนก็ได้ระหว่างคุณกับสามีของเธอ - ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วละ - ทั้งคุณและสามีของหล่อนต่างก็ต้องการหล่อนด้วยกันทั้งคู่ และหล่อนก็แค่ขู่ว่าหล่อนจะทิ้งคุณหรือเค้าไปหล่อนก็สามารถคุมเกมได้แล้วละ - คุมเกมอะไรกัน เกมแห่งความไม่แน่นอนและความทุกข์ตรมนะหรือ เจนทำหน้าเบ้ - ใช่แล้ว ก็นั่นไม่ใช่รึที่ทุกคนต้องการกัน เจนนั่งลง ละอองไอน้ำลอยละล่องจากแก้วกาแฟของเธอ อากาศข้างในค่อนข้างเย็น ที่หน้าต่างมีเกล็ดน้ำเกาะอยู่บ้าง ส่วนข้างนอกนั้นดูแน่นิ่งไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย - เคยได้ยินที่เค้าพูดว่า เลี้ยงให้เชื่องมั้ยล่ะ ผมคุ้นเคยกับสำนวนนี้ดี แม้แต่แอนนาก็เคยใช้ครั้งนึง มันช่างน่าเหนื่อยหน่ายเสียจริง กลไกของความรักและการรักมันทำให้เราเหือดแห้งลงไปได้ กลายเป็นคนจิตใจไม่มั่นคงอ้างว้างเหมือนนักบินที่ร่อนลงจอดในสนามของศัตรู มีหรือจะรอด - ถ้าหากว่าไม่ต้องมีการแย่งแข่งขันกันแล้ว ไม่รู้ว่าทั้งคุณและเค้าจะยังรักหล่อนอีกหรือเปล่านะ มันอาจจะเป็นเกมที่หล่อนอยากเล่น หรือไม่เกมมันกำลังเล่นอยู่กันหล่อนเองก็ได้ - หยุดถากถางซะทีเถอะน่าเจน - ชั้นกำลังพูดเรื่องจริงค่ะคุณ - มาพูดเรื่องสคริปท์กันดีกว่า - ชั้นไม่รู้ว่าคุณเป็นอย่างไรนะ แต่สำหรับชั้นแล้ว ทุกครั้งที่ชั้นแอบไปมีกิ๊ก มันทำให้เทอรี่ตื่นตัวมากขึ้น - แล้วมันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเทอรี่อย่างไรล่ะ - ก็ธรรมดา ไม่มีอะไรพิศดารนิ - นั่นนะ ผมว่าไม่ธรรมดาหรอก - เก่งนี่ คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ไปแล้วรึนี่ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างในใจรู้สึกหดหู่ - คุณก็น่าจะรู้ว่ามันมักจะมีคนที่รักและคนที่ถูกรักเสมอ เจนพูด - อะไรนะ - ก็คนนึงจะหลงรักอย่างหัวปักหัวปำในขณะคนที่ถูกรักจะได้ใจและใช้ความรักที่ได้รับเป็นเครื่องมือต่อรอง มันยากที่จะปล่อยวางเพราะมันรู้สึกดีที่ถูกรักและเป็นที่ต้องการของใครสักคน ดูอย่างคุณกับซูซานซิ - ไร้สาระ ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับเจน แต่เธอก็ยกตัวอย่างได้แทงใจดำจริง ๆ ผมชอบที่ซูยึดติดอยู่กับผม ไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่จะต้องขึ้นอยู่กับผมเหมือนอย่างเธอ ซึ่งมันก็หมายความว่าผมก็ไม่ต้องขึ้นอยู่กับตัวเองก็ได้ ผมไม่ต้องชอบตัวเองด้วย ผมเคยคิดว่าผมเป็นคนคุมความสัมพันธ์ของเรา แต่ผมไม่มีจังหวะเหมาะ ๆที่จะทำอะไรกับใครที่มีอำนาจเหนือผมบ้างจนกระทั่งแอนนาเข้ามา ซึ่งผมก็ลังเลอยู่หลายเดือนเหมือนกันก่อนที่จะปล่อยตัวให้มันเป็นไป ผมได้รู้ได้เห็นความรักแล้วทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะรักหรือจะถูกรัก และทั้งสองรักก็พาผมไปไม่ถึงไหนเลย มันจะต้องหนทางที่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในความสัมพันธ์ได้โดยปราศจากเงื่อนไขคนรักและถูกรัก หรือว่ามันจะต้องมีคนใดคนนึงเป็นต่ออยู่เสมอ มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหรือที่ทั้งสองคนเป็นทั้งสองอย่างเท่า ๆ กันไม่มีใครเหนือใคร เจนยิ้มอย่างมีชัย เธอรู้ว่าเธอได้จี้โดนต่อมอารมณ์ของผมเข้าแล้ว เธอมักจะเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ ผมไม่ค่อยชอบเธอเลยในบางครั้ง - แล้วระหว่างคุณกับเทอรี่ล่ะ คุณเป็นคนรักหรือถูกรัก - ฉันเคยเป็นคนที่ถูกรัก แต่ผู้หญิงน่ะ พออายุย่างเกินสี่สิบแล้วก็จะกลายเป็นคนรักไปโดยปริยาย ตอนนี้ก็เลยเป็นเวลาของเทอรี่บ้าง - แล้วคุณรู้สึกยังไงบ้างล่ะ เจนยกแก้วกาแฟของเธอขึ้นดื่ม - นี่คุณจะชวนคุยทั้งเช้า หรือว่าจะมาช่วยกันทำสคริปท์นี้ให้เสร็จกันแน่เนี่ย ข้างนอกมีกาตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่กิ่งต้นแอ๊ปเปิลไร้ใบ มันส่งเสียงร้อง กา กา ไปทั่วฟ้าที่เวิ้งว้างและว่างเปล่า
Seventy five
ในวันเกิดของเธอ แอนนาได้เดินตามริมแม่น้ำแทมส์คนเดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมง เธอรู้สึกสับสนและหงุดหวิดกับชีวิตตัวเอง ไม่รู้ว่ามันจะลงเอยยังไง เธอใช้มือถือโทรหาผม พูดกับผมอย่างเปิดเผยถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ แล้วเธอก็ปลอบใจตัวเองในที่สุดเหมือนอย่างที่เธอเคยทำ บอกกับผมว่าชีวิตของเธอไม่ได้เลวร้ายนัก มีคนอื่นอีกมากมายที่มีชีวิตเลวร้ายกว่าเธอหลายเท่านัก ทุกครั้งหลังจากที่เธอได้พรั่งพรูอะไรออกมา เธอก็จะหันกลับไปใช้ชีวิตของเธอเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือครอบครัว ความทุกข์ทนนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ จนกว่าจะถึงวันเกิดครั้งต่อไป หรือวันล้างบาปของครอบครัว หรืองานแต่งงาน งานศพ หรือแม้แต่วันวาเลนไทน์ ความรู้สึกของวันเวลาที่กำลังผ่านไปทุกวันมันยากที่จะปฏิเสธแล้วความทุกข์ก็จะแผ่ครอบคลุมเธออีกครั้ง นั่นทำให้วันเกิดเธอปีนี้เธอใช้เวลากับตัวเอง เดินอ้อยอิ่งอยู่ตามขอบริมแม่น้ำในลอนดอนเพียงเพราะอยากจะยืดเวลาส่วนตัวของเธอออกไปอีกนิดก่อนที่จะกลับไปสู่อีกชีวิตของเธอ กลับไปเป็นคนดีของทุกคน
Create Date : 04 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:30:02 น. |
Counter : 234 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 66 - 70
Sixty six
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ชายฝั่ง เธอมองออกไปยังท้องทะเลกว้าง เฝ้ารอการกลับมาของคนรักของเธอ ซึ่งเขาไม่เคยกลับมาเลย ทำไมเขาต้องทิ้งเธอไป ทำไมเธอถึงได้ไม่ไปกับเขาด้วย เขาเป็นชาวประมงหรือเปล่านะ หรือว่าเขาหลงทางกลางทะเลไปแล้ว หรือว่าเธอกำลังรอการกลับมาของเขา บางทีมันก็สายเกินไปที่จะเฝ้ารอให้คนรักที่เราปล่อยให้เขาไปกลับมา เขาข้ามน้ำข้ามทะเลออกไปแล้วเรืออาจจะล่มจมสลายและเขาก็หายไปในที่สุด
Sixty seven
มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพื้นผิวของแม่น้ำมาร์นได้กลายเป็นพื้นน้ำแข็งเพราะความหนาวเย็น รถคันหนึ่งวิ่งขนานไปกับฝั่งแม่น้ำไรม์ ผมกับแอนนาซุกตัวกันอยู่ใต้ผ้าห่มหนาเพื่อความอบอุ่น ขาของเราเกี่ยวพันกันนัวเนีย - คุณช่างปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมาทั้งอารมย์และความรู้สึกนะค๊ะ เธอกระซิบบอกผมในความมืด มันเป็นคำพูดที่สุดยอดที่สุดเท่าที่ผู้หญิงพึงพูดต่อผู้ชายคนนึง แต่กระนั้นเธอก็ยังคงดูเศร้าสร้อยจากจิตสำนึก ดวงตาสีฟ้าของเธอคลอไปด้วยน้ำตาที่เหมือนจะไหลออกมา - นั่นคงจะไม่ใช่สิ่งดีสักเท่าไหร่ เพราะ... - บางครั้งฉันก็หวังว่าคุณไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้น เพราะว่ามันจะทำให้ฉันอยู่กับพอลลำบากนะค่ะ ได้รู้ว่าเธอคิดอย่างนั้นทำให้ผมชงัก เพราะดูเหมือนว่าการทำให้เธอมีชีวิตชีวารมย์ ทำให้เธอกลับไปเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับพอลให้หนักแน่นขึ้นได้ยาก ผมยังเก็บข้อความที่แอนนาส่งให้ผมทางมือถือเมื่อสิบห้าเดือนที่ผ่านมาเอาไว้ : คุณได้ปลุกให้อารมย์และความปรารถนาของฉันตื่นขึ้นมาได้ ฉันคิดว่าอารมย์ความรู้สึกเหล่านี้มันมีอยู่แต่ในนิยายเสียอีก เช้าวันรุ่งขึ้น ใบหน้าของเธอดูเศร้าเหมือนคนทำผิดมหันต์ ผมเฝ้ารอเวลาที่การดื่มแชมเปญหมายถึงการฉลองรื่นเริงเพื่อความสุข ไม่ใช่การหลบหลีกเพื่อให้พ้นทุกข์ ส่วนนัยตาที่หม่นของผมนั้นอาจจะเนื่องมาจากการดื่มเมื่อคืนนี้ก็ได้ คงจะไม่ใช่เพราะสถานะชีวิตที่ไม่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในขณะนี้หรอก พอลกับซูซาน พวกเขาไม่ดื่มแอลกอฮอร์ ผมกับแอนนาเดินเล่นไปตามริมฝั่งแม่น้ำที่พื้นผิวน้ำได้กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว เราแวะเล่นเกมฟุตบอลที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านนั้น ซึ่งมันช่วยให้เธอได้หัวเราะออกมาอีกครั้ง หรือเธออาจจะแกล้งทำเป็นหัวเราะก็ได้ มันยากที่จะบอก - ขอบคุณที่รักฉันค่ะ เธอกระซิบบอกผม ผมไม่ได้กระซิบบอกเธอกลับไปเหมือนกับที่เธอบอกผม อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทันทีในตอนนั้น ผมรู้สึกดีที่ได้เป็นคนทำให้เธอมีความสุขได้ - ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าผมทำให้คุณได้เห็นความรักเป็นสีสรร คุณพูดจริงหรือเปล่านะ - ใช่ในบางส่วนค่ะ แอนนาเป็นคนอย่างนี้เอง เธอรู้ว่าจะพูดอย่างไรที่ผู้ชายอยากจะฟัง แล้วเธอก็พูดให้มันเพี้ยนไปได้ในภายหลัง ทุกอย่างเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรหนักแน่น คุณจะเอาที่เธอพูดมาตัดสินใจทำอะไรจริงจังไม่ได้เลย ผมมองดูเธอวิ่งเล่นไปตามพื้นก้อนหินเล็กอย่างเริงร่า สดใสไร้ร่องรอยความเศร้า นี่คือแอนนาที่ผมรักที่สุดที่เธอเป็น รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ขี้เล่น ตกใจง่าย แล้วก็ชอบกอดแขนผมไว้ตลอดเวลา สัปดาห์ต่อมา เธอกลับไปลอนดอน ส่วนผมอยู่ที่แฮนฟอร์ดนั่งเหม่อลอยจ้องจอคอมพิวเตอร์อยู่อย่างนั้น และก็ยังไม่สามารถที่จะเขียนอะไรออกมาได้เลย ผมคุยทางโทรศัพท์กับเดวิดอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ผมถามคำเขาตอบคำ ผมถามถึงความเป็นอยู่ของเขาด้วยความเป็นห่วง แต่เขาจะวางสายทันทีที่มีโอกาส ไม่มีอะไรที่ผมสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ นอกจากรอให้เขากลับมาเหมือนเดิม
Sixty eight
จากบันทึกของซูซาน ทำให้ผมได้รู้จักเธอในด้านที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ฉันได้พูดกับมาร์คอีกครั้ง คราวนี้พูดกันอย่างจริงจัง และเค้าก็ช่างคิดอย่างถี่ถ้วนแต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ยังรู้สึกโกรธและเหนื่อยหน่ายกับเขาเหมือนเดิม เราได้ห่างเหินกันไปจนเกินกว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่มันก็มีบางช่วงเวลาที่ทำให้รำลึกถึงวันเก่า ๆ ที่มีคุณค่าระหว่างเราขึ้นมาบ้าง มันเป็นวันเก่า ๆ ที่เราไม่สามารถยึดยื้อเอาไว้ได้ ฉันรู้สึกเหมือนชีวิตมันหมุนไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว ทุกข์บ้างสุขบ้างอยู่อย่างนั้นตลอด ผมไม่เคยรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างนั้น และนี่ก็ผ่านมาแค่หกเดือนหลังจากที่เราแยกกันอยู่ ผมคิดอยู่ตลอดว่าตัวผมเองที่เป็นคนที่ไม่มีความสุขในความสัมพันธ์ของเรา ผมรู้สึกสงบและประโลมขึ้นที่รู้ว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียว มันเหมือนได้ค้นพบบางอย่างที่ปลดปล่อยความตึงเครียดที่อยู่ภายในให้ออกมาบ้างหลังจากได้รู้สิ่งเหล่านี้จากเธอ ถึงแม้ว่าเพิ่งจะได้รู้ในตอนนี้ก็ตาม ผมยังจำได้ที่เธอเคยพูดหลายครั้งว่าเวลาที่เธอพูดกับผมแล้วสายตาผมมักจะหักเหไปทางอื่น เป็นปีที่ผมยึดติดอยู่กับเธอ พยายามทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อรักษาชีวิตคู่ของเราเอาไว้ จริง ๆ แล้วการที่เธอพูดกับผมถึงเรื่องของเรานั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด และสิ่งที่เธอต้องการมาตลอดเช่นกันก็คือการที่ผมให้ความสนใจอย่างจริงจังในระหว่างที่เธอพูด เหมือนกับตอนนี้ ตอนที่ผมกำลังอ่านบันทึกของเธอ หรือเวลาที่ผมสนใจฟังขณะที่แอนนาพูดกับผม แต่ก็นั่นแหละ มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ผมก็ได้แต่ขอให้ซูซานให้อภัยแก่ผม ให้โอกาสผมได้หลุดพ้นซึ่งผมคิดว่าจากบันทึกนี้ ผมได้รับการให้อภัยจากเธอแล้ว วิญญาณของซูซานมาหาผมในฝันในคืนหนึ่ง ในฝันนั้นผมอยู่ในโบสถ์กำลังเข้าพิธีแต่งงาน ส่วนเธอนั้นแต่งชุดสีขาว แม้ว่าอยู่ในความฝัน แต่ผมก็รู้สึกหวาดผวา ผมเป็นเจ้าบ่าวที่เข้าผิดโบสถ์ ผมรู้ว่าผมกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงผิดคน ผมจึงวิ่งฝ่าแขกเหรื่อที่พากันงุนงงออกไปข้างนอก ผมวิ่งเหงื่อตกไปยังอพาร์ทเมนท์ของแอนนา แต่แอนนาไม่ได้อยู่ที่อพาทเมนท์ของเธอ วันรุ่งขึ้นผมยังรู้สึกอึดอัดใจจากความฝันเมื่อคืนก่อนอยู่อีก แอนนาก็โทรมาหาผมบอกว่าเธอจะไปนิวยอร์คและซานฟรานซิสโกเพื่อเรื่องงาน เธอถามผมว่าผมจะไปพบเธอที่นั่นหรือไม่ ผมอยากจะไปจนใจจะขาด แต่ผมก็ยับยั้งชั่งใจเอาไว้ ผมต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้ ผมไม่สามารถไปได้ ผมบอกเธอไปอย่างนั้น
Sixty nine
อีเมล์จากแอนนา : ฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของคุณ วงแขนของคุณโอบรอบเอวฉันไว้ ฉันรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ฉันรู้สึกได้ว่าคุณเฝ้ามองดูฉันอยู่ตลอดเวลา นัยตาสีฟ้าของคุณช่างชวนฝันเสียจริง มันดึงดูดให้ค้นหาพาฝัน คุณพูดได้ไพเราะน่าฟังอย่างที่ฉันอยากจะได้ยิน ในบางครั้งฉันก็ได้ยินในสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขเกินบรรยาย ถ้าฉันคร่ำครวญ ฉันรู้ว่คุณจะฟัง ถ้าฉันทำอะไรไม่ถูกใจคุณ ฉันรู้ว่าคุณจะให้อภัยฉันเสมอ ฉันสามารถทำให้คุณตะลึงงันหรืองุนงงได้โดยที่คุณไม่เคยเบื่อ ฉันได้เห็นทุกส่วนสัดของคุณที่คุณไม่คิดว่าใคร ๆ ได้เคยเห็นมาก่อน ฉันช่วยให้คุณได้เห็นความงดงามในตัวคุณเองเหมือนกับที่คุณทำให้ฉันได้เห็นตัวเอง ฉันเห็นความเป็นอัจฉริย ความปรารถนา ความมีชีวิตชีวา และความรักจากใจที่คุณมีให้คนอื่น ๆ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะขออะไรจากคุณได้มากกว่านี้อีกแล้ว ผมตัดสินใจไปนิวยอร์คทันที
Seventy
มันเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่อากาศข้างนอกกลับหนาวเหน็บ แห้งผาด จากหน้าต่างของโรงแรมมองลงไปอีก สิบสองชั้นข้างล่างเป็นสนามบาสที่ว่างเปล่า เกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่เต็มไปหมด ตึกอึมครึมของแมนฮัทตันดูโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา เหมือนช่วงชีวิตยามไร้คู่ รอบกายเต็มไปด้วยความมืดมิด เราคลอเคลียกันอยู่ในห้องของโรงแรมในนิวยอร์ค ข้างนอกจะมองเห็นสะพานเหล็กควีนโบโรอยู่เลือนลาง แอนนาไม่เคยดูหนังโป๊มาก่อน ผมก็เลยเปิดผ่านช่องทีวีต่าง ๆ ผ่านไปยังช่องหนังโป๊ แต่เธอกลับรู้สึกผิดหวังเพราะเธอคิดว่าเซ็กซ์ที่ดีคือเซ็กซ์ที่เกิดจากตัวพร้อม ๆ กับหัวใจ แต่หนังโป๊ก็คือการที่ร่างกายเปลือยเปล่าเคลื่อยไหวไปในท่าทางต่าง ๆ เท่านั้นเอง ผมปิดวีดีโอหลังจากเปิดดูได้แค่สิบห้านาที เธอหันมาแก้ผ้าผมจนล่อนจ้อนแล้วมัดผมไว้กับเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง หลังจากนั้นเธอก็กลับไปนอนบนเตียง ถอดเสื้อผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ แล้วเธอก็เอาน้ำมันมาลูบไล้ไปทั่วเนินอกของเธอ เธอนอนคว่ำหน้าลงแล้วพาตัวเองขึ้นสู่สวรรค์ไปโดยให้ผมได้แต่นั่งดูอยู่อย่างนั้น มันเป็นครั้งแรกที่ผมมีช่วงเวลาแห่งอารมณ์ความใคร่ไกล้ชิดที่สุดกับผู้หญิงโดยที่ผมไม่ได้สัมผัสเธอเลย และผมก็ไม่ได้ถึงจุดสุดยอดด้วย หลังจากที่เธอเสร็จสมอารมย์หมายแล้ว เธอเอามือประสานกันแล้วปิดหน้าเอาไว้ แล้วมองผมลอดทางช่องนิ้วที่ประสานกันอยู่ ดวงตาสีฟ้ากลมโตของเธอสะกดผมให้อยู่ใต้อำนาจเข้าให้อีกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในขณะนี้เหมือนเป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอย่างไกล้ชิดขนาดนี้มาก่อนเลย ผมไม่เคยมีเซ็กซ์ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าอย่างต่อเนื่องได้ และเวลาถึงจุดสุดยอดผมเป็นต้องหลับตาจินตนาการส่วนตัวไปเสียทุกครั้ง หลังจากนั้นเรายังนอนเปลือยกายก่ายกันอยู่บนผ้าปูเตียงที่ชื้นเพราะเหงื่อจากกิจกรรมก่อนหน้านั้น ผมมองไปที่ตัวเลขดิจิตอลสีแดงจากนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง และช่วงเวลาที่ดีมักจะถูกขโมยไปเสียเสมอ ผมอยากเป็นฮีโร่ หรือ ตัวร้าย เหมือนในหนังสือนิยายจัง ที่มีพลังสามารถฝ่าผ่านทะลุห้องต่าง ๆ ภายในโรงแรมได้ ผมอยากให้มันเป็นจริง แม้ว่าผมจะเป็นแล้วกลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้
Create Date : 02 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:34:14 น. |
Counter : 238 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สามีดีแตก บทที่ 61 - 65
Sixty one
และนี่ก็คือถนนสายที่นำผมมาที่เตียงหนึ่งในโรงพยาบาล ที่มีมอนิเตอร์ต่าง ๆ มีเครื่องช่วยหายใจ มันเป็นห้องที่ความเป็นและความตายอาศัยอยู่ด้วยกัน ผมจินตนาการไปว่าแอนนาอาจจะชอบสภาะที่เธอเป็นอยู่ในขณะนี้ มันเป็นความห่างเหินที่เหมาะเจาะ เธออยู่ที่นี่แต่เหมือนเธอไม่ได้อยู่ เธอมีโลกส่วนตัวของเธอ มีความฝันที่ได้รับจากมอร์ฟีน ไม่มีใครทำร้ายเธอได้เพราะเธอได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่จะต้องดูแลอย่างไกล้ชิด เพราะงั้นเธอจึงปลอดภัย เธออยู่ในขั้นโคม่า มันเป็นขั้นที่เธอไม่รู้สึกผิด ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ต้องรับผิดชอบต่อใคร ๆ ทั้งสิ้น หากว่าเธอตายลงไป ทุกคนที่อยู่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง อะไรที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาต่อไปจะไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ต้องอยู่ไปเพื่ออะไรอีก แต่ขณะนี้จุดสนใจไม่ได้อยู่ที่แอนนา หรือความเศร้าของพวกเขาที่มีต่อแอนนา แต่ทุกคนกำลังพุ่งจุดสนใจมาทางผม ทุกคนกำลังรอให้ผมพูดอะไรสักอย่าง
Sixty two
สำหรับคนอื่น ๆ ความเศร้าโศกจากการตายของซูซานจางหายไปเมื่องานศพเสร็จสิ้น แต่สำหรับผมกับเดวิดแล้ว มันกลับอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ผมคิดอะไรไม่ออก ไม่มีแก่ใจที่จะทำงาน นอนก็ไม่เป็นสุข จะไปไหนหรือทำอะไรเพื่อให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์นี้ไปได้ ผมเหนื่อย โดดเดี่ยว และสิ้นหวัง ความเจ็บปวดมันทำให้ผมอ่อนแอและสิ้นสภาพ นิ้วของผมจิ้มวนไปที่เบอร์โทรของแอนนาบนมือถือ ผมอยากจะโทรหาเธอ แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่เคยสูญเสียคนที่เป็นที่รักมาก่อน ผมเคยคิดว่าความทุกข์มันคงจะโถมลงมาเหมือนก้อนหินตกใส่ในทันทีทันใดมันเป็นหายนะที่หากว่าคุณหาทางออกให้ตัวเองได้คุณก็จะรอด แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย ความทุกข์โศกมันเป็นเหมือนสงครามกองโจร ที่ต้องสูญเสียทุกวันและบางครั้งก็ต้องถูกโจมตีย่อยยับ และมันจะเป็นอยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่า เหมือนที่ผมกำลังเจออยู่ในตอนนี้ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่ามันจะมีวันจบลงหรือเปล่า ผมเจอรูปถ่ายเก่า ๆ ในขณะที่กำลังมองหาถุงเท้าอยู่ในลิ้นชัก ทันใดผมก็ทรุดลงนั่งขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนเพิ่งถูกลอบยิง พระเจ้า! ผมกำลังถูกสะกดรอยตามโดยความทุกข์ระทมที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องซูซาน แต่เป็นเรื่องความใฝ่ฝันที่สูญสลายและอดีตที่ผ่านพ้นไปด้วย ผมมีปากเสียงกับเดวิดด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้กระทั่งเรื่องเลือกช่องทีวีดู มีครั้งหนึ่งเขาขว้างรีโมทมาทางผมอย่างแรง มันปะทะกับฝาผนังจนแตกออกเป็นชิ้น ๆ เราทะเลาะกันในรถเพราะเขาเอาแต่เลื่อนหาคลื่นวิทยุอยู่ตลอดเวลามันน่ารำคาญจนผมทนไม่ไหวเกิดโมโหขึ้นมา ผมจอดรถข้างทางแล้วเขาก็ออกจากรถไปตะโกนเรียกผมว่าไอ้คนเฮงซวย ลูกผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไปแล้ว ความเจ็บปวดมันเกินกว่าจะรับจริง ๆ ผมอยากให้มันพ้น ๆไปเสียที ผมได้สัญญาว่าจะหาความสงบสุขกับแอนนา ซึ่งเธอได้พยายามให้ผมได้พ้นจากห้วงทุกข์นี้ ผมรับมือกับการจากไปของซูซานในหลาย ๆ ทาง ไม่ว่าจะบอกกับตัวเองว่าผมไม่ได้รักเธอ ก้าวร้าวใส่เธอที่ทิ้งให้เดวิดกับผมเผชิญชะตากรรมกันตามลำพัง ผมเกลียดที่เธอทำให้ชีวิตแอนนาต้องกระทบไปด้วย ความทุกข์ระทมของผมมันฝังลึกเกินคาด ทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมเคยคิดที่จะทิ้งชีวิตคู่แล้วจากเธอไปเสีย ผมคิดเสมอว่าความทุกข์กับการสูญเสียใครสักคนเป็นสิ่งเดียวกัน ตั้งแต่ผมย้ายออกมาจากซูซาน ผมยังไม่ได้เริ่มงานเขียนอะไรเลย ใช้แต่เงินที่สะสมไว้ ผมนั่งอยู่กับที่ได้ไม่กี่นาทีก็ต้องลุกขึ้นเดิน เรื่องนอนหลับนั้นเป็นไปได้ยากมาก ถ้าตื่นจากหลับผมก็จะรู้สึกเหมือนจะอ๊วกทุกที ผมก้มหน้าเดินคอตกเพราะความทุกข์วันละหลายไมล์ทีเดียว บางครั้งก็รู้สึกหอบหายใจติดขัดขึ้นมาเฉย ๆ แต่จากผลตรวจเช็คสุขภาพบอกว่าผมแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ทุกคนในครอบครัวผม รวมทั้งเพื่อน ๆ ต่างพากันเป็นห่วง แต่ผมก็ไม่เคยไปปรับทุกข์กับใคร ผมเดินกลับเข้าบ้านเหมือนหมาที่ได้รับบาดเจ็บเดินลากขากลับมาเลียบาดแผลในมุมมืดใต้กองไม้ เดวิดได้กลับไปอยู่โรงเรียนประจำที่ร็อคตันแล้ว โรงเรียนอยู่ห่างจากบ้านประมาณ สี่สิบไมล์ เค้าไม่อยากแม้กระทั่งมองหน้าผมด้วยซ้ำไป ประโยคหนึ่งที่เขาพูดก่อนจะขึ้นรถจากไปว่า : พ่อเป็นฆาตกรฆ่าแม่ ผมยอมรับที่เค้ากล่าวหาแต่ว่าไม่ใช่ในความหมายที่เค้าคิด เดวิดคิดว่าช่วงเวลาแปดเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงเวลาที่เรื่องนี้เกิด แต่ผมคิดว่ามันเกิดมาตั้งแต่สิบปีที่แล้วโน่น คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมเข้าไปนั่งบนเตียงในห้องนอนของเขา ผมจ้องไปที่ผมหางม้าของเดวิด เบ็คเฮมในรูปที่ติดอยู่ในห้อง ผมดื่มวิสกี้บัวบันรสละมุนไปด้วยพร้อมทั้งคิดว่าผมมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน
Sixty three
หกเดือนผ่านไป ว่ากันว่าเวลาช่วยรักษาแผลใจให้ได้ แต่ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กัน แล้วคนที่พูดนั้นรู้ได้อย่างไร ผมกับแอนนาได้จัดเจอกันอีกครั้งที่ปารีส เธอบอกกับพอลว่าเธอจะไปจัดการเกี่ยวกับด้านการเงินในโครงการร่วมกับบริษัทโทรทัศน์ฝรั่งเศส พอลไม่เคยซักถามรายละเอียดจากเธอเลย ซึ่งมันทำความลำบากใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอจะเป็นฝ่ายที่ต้องโกหกอยู่เสมอ ไม่นานความสำนึกมันเริ่มก่อตัวขึ้น เวลาคุยโทรศัพท์น้ำเสียงของเธอร้าวรานและไม่มีชีวิตชีวา เธอส่งอีเมล์ให้ผม : ฉันไม่มีข่าวอะไรจะแจ้งคุณค่ะ ฉันรู้ว่าอาจจะทำให้คุณไม่พอใจ แต่ตอนนี้ฉันกำลังพยายามที่จะต่อสู้อยู่กับมัน...ฉันรู้ว่าฉันยังไปไม่ถึงไหน แต่ฉันไม่อยากอยู่ในสภาพอย่างนี้อีกต่อไป มันสับสนไปหมดซึ่งคุณก็รู้ดี ฉันรู้ว่าฉันเป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตคุณต้องเป็นอย่างนี้ แต่ฉันเองที่ตกในสภาพนี้ก็เพราะคุณเช่นกัน ฉันได้แต่หวังว่าเรายังคุยกัน หัวเราะด้วยกันได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ฉันก็รู้ว่าที่คุณต้องการจริง ๆ มันไม่ใช่แค่นั้น ฉันนึกถึงช่วงวันหยุดที่เราเคยมีด้วยกันแล้วฉันก็อยากกลับไปเป็นอย่างนั้นอีก สักครั้งก็ยังดี หรือแม้แต่การเฝ้ารอว่าคุณกำลังจะมาหาฉันที่ลอนดอนก็ทำให้ฉันมีความสุขได้แล้วล่ะค่ะ บางทีความจริงในชีวิตมันก็ยากที่จะยอมรับเหมือนกันนะค๊ะ แต่ก็มีความจริงข้อนึงสำหรับชีวิตที่ทุกคนต้องยอมรับ นั่นก็คือความตาย เพียงแต่ว่ามันจะมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ฉันรู้สึกเหมือนซูซานเฝ้าคอยหลอกหลอนฉันค่ะมาร์ค เวลาฉันเห็นพอล ฉันเห็นการนอกใจ ความไม่ซื่อสัตย์ และการโกหก เวลาฉันเห็นคุณ ฉันเห็นทั้งความสุขและความเจ็บปวดที่ฉันเป็นคนทำ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้คุณอาจอยากจะตะโกนใส่ฉันว่าแล้วทำไมฉันไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงมันล่ะ คำตอบคือฉันไม่รู้ค่ะ ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่อยากทำร้ายคุณไปมากกว่านี้อีก รักคุณค่ะ แอนนา ผมฉลองคริสต์มาสคนเดียวในบ้านผีสิงหลังนี้ ส่วนเดวิดใช้ช่วงเวลาวันหยุดนี้ที่บ้านเพื่อนของเขาที่เพรสตัน แอนนาฉลองคริสต์มาสกับพอลและครอบครัวของเธอ ผมเกลียดการถูกผลักใสออกจากสังคมของชีวิตที่ควรจะเป็น ความเดียวดายในวันนี้มันรุนแรงกว่าวันอื่น ๆ ในตลอดชีวิตที่ผ่านมาทีเดียว ข้อความจากแอนนา : อีกแค่สัปดาห์เดียว ฉันจะพาคุณไปสู่วิมานชั้นสูงสุด คุณจะสุขสมใจ และเราจะเป็นหนึ่งเดียวค่ะ วันก่อนขึ้นปีใหม่ ผมโทรหาเธอ ผมต้องใช้นิ้วหนึ่งอุดหูไว้ เพราะเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเหล่าสาว ๆ ดังเข้ามาตามสายจากในบาร์ ที่แอนนาอยู่ ผมรู้ว่าปีใหม่ปีนี้คงจะเป็นปีที่แย่ที่สุดแน่ ๆ ใจผมเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ผมรู้สึกซังกะตาย - ก็ไหนคุณบอกว่าคุณจะไปปารีสกับผม แล้วทำไมตอนนี้คุณบอกว่าคุณไม่อยากเจอผมอีกต่อไปล่ะ ผมตะโกนไปตามสาย - ผมถามคุณว่าคุณตกลงตามนี้หรือเปล่า แล้วคุณก็บอกว่าเราน่าจะทำตามนั้นได้ - ผมตกลงตามนี้นะ ผมตะโกนบอกไป พยายามที่จะไม่คิดว่ามันจะลงเอยอย่างไร - ถ้างั้นผมจะเจอคุณพรุ่งนะ - คุณแน่ใจหรือค๊ะว่าเราจะทำตามนั้นแน่ เธอถามมาอีกครั้ง ผมสามารถรู้ได้ว่าผมคงจะเสียเธอไปในไม่ช้า และก็คงไม่มีทางที่ผมจะทำอะไรได้
Sixty four
ที่ผับแจ๊สชื่อ Trois Mailletz ซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเชนไกล้ ๆ กับ Notre Dame ภายในจะเป็นผนังอิฐเปลือย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเสน่หา ผมกับแอนนายืนเคียงข้างกันอยู่ที่บรรไดทางขึ้น ดื่มเบียร์จากขวด ผมอยู่ที่ปารีสกับผู้หญิงที่สวยที่สุดและผมก็อยู่ในภวังค์รัก มันเป็นความรักที่งดงามที่สุด ทุกอย่างลงตัวไปเสียหมดสำหรับคืนนี้ จะเอาชีวิตความเป็นอยู่ในฮอลลีวูดทั้งชีวิตมาแลกผมก็คงไม่ยอมแลก เราขับรถฝ่าหิมะมุ่งหน้าสู่Reims ทั้งเมื่องปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนสุดตา มันเหมือนเป็นโลกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองเรา มันเร่าร้อนเกินจริง เราหยุดแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังจ่ายค่าน้ำมัน ผมหันไปเห็นเธอกำลังกวาดเกล็ดหิมะออกจากกระจังหน้ารถ มันทำให้หัวใจผมวูบวาบแล้วผมก็ตกหลุมรักเธอหนักเข้าไปอีก พอผมเดินกลับไปที่รถเธอได้กลาดเกล็ดหิมะด้านคนขับเสร็จพอดี ตัวเธอสั่นเทาด้วยความหนาว เธอไม่ชอบความหนาวเอาเสียมาก ๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างวิเศษโสภาเสียเหลือเกิน ผมชอบเวลาเธอใส่เสื้อผ้ายับ ๆ ที่เธอไม่ได้รีด บางครั้งผมก็รีดให้เธอ หรือเสื้อแจ๊คเก็ตที่ชายลุ่ยซึ่งเธอไม่สนใจที่จะซ่อม ผมชอบความหรูหราสง่างามตามแบบของเธอ ผมชอบเข็มกลัดที่เธอกลัดซ่อนไว้ในกระโปรงเพื่อให้กระโปรงพอดีตัวเธอ ผมชอบเวลาเธออุทาน ยอดเยี่ยม ทุกครั้งที่ผมออกความเห็นทะลึ่ง ๆ ออกมา ผมชอบเธอไปเสียทุกอย่าง บางทีผมก็อยากจะห่าง ๆ เธอไว้ บางครั้งผมก็อยากจะกอดเธอให้แหลกคามือไปเลย รักละมุนกับรักรุนแรงมันผสมผสานกันนัวเนีย ผมเป่าลมหายใจอุ่นใส่มือเธอเพื่อคลายหนาวให้เธอ ในใจของผมปั่นป่วน มันจะเปิดรับเธอลึกเข้าไปทุกที ความปรารถนา ความขาดหาย การตายจาก ...
Sixty five
ขณะเดินอยู่ในความสลัวที่ร้าน Moet ใน Reims แอนนาครุ่นคิดอยู่ว่าเธอจะรับมือกับความทรมานนี้ได้แค่ไหน ผมเดาความคิดเธอไม่ออกว่ามันไปในทางความใคร่หรือว่าความต่อต้านที่เธออยากจะหลุดพ้น ฉันจะรับมือมันได้ไปถึงไหน ฉันจะทนได้นานแค่ไหน กับพอล มาร์ค แม่ และน้องสาวของฉัน สำหรับผมแล้วดูเหมือนเธอจะเป็นห่วงความเจ็บปวดของคนอื่นมากกว่าของตัวเอง หรือว่าเธอใช้ความเจ็บปวดของเธอเพื่อกันเธอให้ห่างไกลจากโลกที่เป็นจริง เธอคิดว่าการที่ทำให้ตัวเธอเหมือนไม่มีตัวตนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผมว่ามันเป็นเหมือนไวรัสที่กำลังคุกคามชีวิตของเธอมากกว่า ผมลองคิดถึงผู้หญิงทั้งหมดที่ผมได้รู้จักทั้งหมดในชีวิตผม พวกเธอยกเอาความสุขของคนอื่นไว้ก่อนความสุขของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นซูซาน แมรี่ หรือ แอนนา ไม่มีใครคิดที่จะทิ้งมรดกแห่งความสุขไว้ข้างหลังกันเลย เหมือนประชด หรือว่ามันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ - คุณว่าฉันจะทนต่อไปได้ใหมค๊ะ เธอถาม ขณะที่สายตามองไปอย่างเลื่อนลอยภายในห้องเก็บเหล้า ที่หนาว และชื้น มันก็มีวิธีที่จะรับมือกับความเจ็บปวดที่รุนแรงแบบนี้ เพื่อนคนนึงบอกกับผม นั่นก็คือเราจะต้องแยกระหว่างร่างกายกับจิตใจออกจากกัน สักระยะหนึ่งความเจ็บปวดจะเบาบางลงจนสงบในที่สุด ผู้ชำนาญในด้านนี้บอกไว้ว่าเราจะต้องคอยระวังไว้ อย่าให้ตกเป็นเหยื่อของความเจ็บปวดแบบนั้นอีก ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะกลับมาอีกครั้ง สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าเหมือนกับเธอมีความเจ็บปวดเก็บสะสมไว้มากมายมานานแล้ว ความทุกข์ทรมานเธอมีอยู่มันยากที่จะสลัดทิ้งไปได้ง่าย ๆ แม้ว่าเธอจะบอกกับตัวเองว่ามีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตเธอมากมายเช่นกัน ความทุกข์ตรมที่มีทำอะไรเธอไม่ได้หรอก แน่นอนละ ชีวิตเธอไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ชีวิตของเธอ เพราะเธอทั้งฉลาด ปราดเปลื่อง และไปถึงไหนต่อไหนมาหมดแล้ว แต่มันอยู่ที่ความเจ็บปวดภายในที่เธอเก็บไว้ต่างหากที่ทำลายเธออยู่ทุกวันนี้ - คุณคิดว่าฉันจะยืนหยัดต่อสู้กับความทรมารนี้ได้อย่างไรค๊ะ แล้วผมจะตอบคำถามแบบนี้ยังไงดีล่ะ ผมรู้ว่าเธอไม่ได้หักหลังใคร ชีวิตก็เหมือนคนป่วยกับหมอที่คอยซักถามอาการของคุณ หากว่าคุณได้บอกหมอไปอย่างหมดเปลือกแม้แต่สิ่งที่คุณไม่อยากพูด ในที่สุดหมอก็สามารถรักษาคุณได้ แต่ถ้าคุณยิ่งเก็บความลับของอาการของคุณไว้นานเท่าไหร่มันก็เป็นผลเสียต่อคุณเท่านั้นเอง
Create Date : 31 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:40:59 น. |
Counter : 216 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
แม๊กซ์ ครับ อยากเขียนนิยายแต่ไม่เก่ง ก็เลยอาศัยการแปลจากที่คนอื่นเขียนไว้แล้วไปก่อน รวมทั้งงานเขียนอื่น ๆ แล้วแต่อยากจะเขียน ลองติดตามกันดูนะครับ
|
|
เปลือย...ใจ ใส่บันทึก เป็นเรื่องราวของ
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสามีแล้ว
แต่โชคชะตาพาเธอ ให้ไปพบกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งชักนำชีวิต ของเธอ
ให้ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่พูดไม่ได้ห้ามใจไม่อยู่
เลยต้องเปลือยใจใส่ ไว้ในบันทึก.....อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับใคร หลายคน
แตกต่างกันไปในรายละเอียด และ จุดจบ....... |
| สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจผลิตภันณ์จาก Dream Cosmetique จาก Link เวชสำอาง ข้างล่างนี้ ท่านจะได้รับส่วนลด 10% ทันที เพียงท่านแจ้งการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ว่าได้ข้อมูลจาก Maxmaya http://www.dreamcosmetique.com/ |
|
|
|
|
|
|
|