All Blog
เฮ้อ ....ไม่น่าอั้น .... ไว้เลย
เหตุเกิดที่ห้องสมุดค่ะ
นานมาแล้ว
ตอนนั้นเรายังรุ่นๆ อยู่เลย

วันนั้นเข้าไปใช้บริการในห้องสมุด
มีคนมาใช้บริการมากพอสมควร
จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่ง ดังแทรกขึ้นมาในความเงียบ

"...........ปี๋............"

ทุกคนเริ่มมองหาที่มาของเสียงค่ะ

"..........ปี๋........................."

ดังอีกครั้ง
แต่คราวนี้ลากยาวกว่าเดิม

สักครู่ ก็ตามด้วยเสียงซึ่ง ถี่ขึ้นเรื่อยๆ
และปิดท้ายด้วยเสียงลากยาว...ว....ว....

"......ปี๋..ปี๋...ปี๋........ปี๋.........................."

เงียบ!
ทิ้งไว้แต่เสียงคิกคักเบาๆ จากคนรอบข้าง


เฉลยค่ะ

เสียง ..ปี๋.. ที่ว่า มันเป็นเสียงของตดค่ะ
คุณเธอตดจริงๆ
แต่พยายามอั้นไว้สุดฤทธิ์สุดเดช
ก็เลยค่อยๆ ปล่อยออกมา
แบบกระมิดกระเมี้ยนสุด สุด

ครั้นจะลุกออกไปตั้งแต่ปี๋..แรก
ก็คงกลัวคนจะรู้ว่าเป็นต้นเหตุแห่งเสียง
เลยนิ่งเฉยซะงั้น ...ใครจะทำไม

เนี่ย.... โชคดีโขแล้วล่ะค่ะ
ที่มันมีแต่เสียง ไม่มีกลิ่นออกมาด้วย
ไม่งั้น ...ห้องแอร์คงกระจาย...ครับพี่น้อง...


คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ



Create Date : 30 กรกฎาคม 2551
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 15:59:57 น.
Counter : 887 Pageviews.

13 comment
เตากระดองแตก
เรื่องนี้เป็นการบอกบุญค่ะ สำหรับเพื่อนพ้องน้องพี่ผู้ใจบุญและผู้ที่รักสัตว์

เมื่อคืนได้ฟังรายการ ”ร่วมด้วยช่วยกัน” มีลุงท่านหนึ่ง (ฟังชื่อไม่ทันค่ะ) ไปพบเต่าถูกรถทับจนกระดองแตก บริเวณถนนนิมิตใหม่ ใกล้ปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งคุณลุงท่านนี้ขับรถมาจากจังหวัดชัยนาท เพื่อไปส่งคนงานแถวๆนั้น ขากลับก็มาพบเต่าตัวนั้นเข้า ซึ่งเป็นเต่าขนาดใหญ่มากมีน้ำหนักหลายสิบกิโลฯ

คุณลุงจอดรถลงช่วย แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยนำส่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่มไทรลำลูกกา หน้าตลาดคลอง 8 แต่เจ้าหน้าที่ไม่สะดวกที่จะนำส่งต่อที่โรงพยาบาลให้ คุณลุงจึงติดต่อผ่านรายการร่วมด้วยช่วยกัน หาผู้ใจบุญช่วยนำเต่าส่งต่อโรงพยาบาล ในที่สุดก็มีผู้ใจบุญไปรับเต่าตัวนั้นตอนประมาณตี 3 และส่งถึงโรงพยาบาลสัตว์จุฬา ประมาณตี 4

ทราบว่า คุณลุงคนนั้นมีใจเมตตาสุดๆ แกไม่มีโทรศัพท์มือถือติดต่อใคร ก็อุตส่าห์ลงทุนควักเงินซื้อโทรศัพท์เครื่องละ 600 กว่าบาท เพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ

ตอนถึงโรงพยาบาล เต่ายังมีชีวิต แต่สาหัสสุดๆ ถ่ายและสำรอกออกมาเป็นเลือดหลายครั้ง แพทย์ต้องให้การช่วยเหลืออย่างรีบด่วนเนื่องจากเสียเลือดมาก

ต่อมา ศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ ก็แจ้งเพิ่มเติมมาทางรายการร่วมด้วยช่วยกันว่า เต่ายังมีอาการหนักอยู่ ต้องให้เลือด ให้น้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อตลอดเวลา กระดองเต่าเสียหายอย่างหนัก แต่ไม่สามารถนำตัวเต่าออกมาจากกระดองได้ เพราะเต่าอาจตายเนื่องจากเนื้อติดแน่นอยู่กับกระดอง จะต้องใช้วิธีทำกระดองเทียม ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายมาก

น้ำตาลอยากร่วมฝากบอกบุญมากับเพื่อนๆผู้ใจบุญนะคะ
ถ้าใครจะร่วมช่วยเหลือเต่าตัวนี้ สามารถบริจาคเงินได้ที่

บัญชีออมทรัพย์
สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ศูนย์สัตวแพทย์อาสา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาราชเทวี
044-1-27693-0


กุศลคราวนี้ น่าจะมหาสารกว่าการเอาเงินไปซื้อเต่ามาปล่อยลงน้ำอีกนะคะ



Create Date : 30 กรกฎาคม 2551
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 8:34:24 น.
Counter : 1945 Pageviews.

16 comment
เด็ก ป. 6 อัจฉริยะ ค้นพบวิธีกำจัดแมลงสาปตายยกรัง
ได้รับ forward mail เรื่อง เด็กป. 6 พบสารกำจัดแมลงสาปสูตรตายรัง มาเมื่อวันก่อน เลยเอามาแบ่งให้เพื่อนๆอ่าน เผื่อมีใครลองเอาสูตรไปใช้ แล้วได้ผลยังไงกระซิบบอกกันมั่งนะคะ

เด็กนักเรียนประถมโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หัวใสคิดค้นสารกำจัดแมลงสาป สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคร้าย นิสัยทำลายข้าวของ ขับถ่ายสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น และเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคมาสู่คนมากมายได้แก่โรคทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ ภูมิแพ้ และโรคหอบหืด

สูตรสารกำจัดแมลงสาปโดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ที่นักเรียนโรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ค้นพบและสามารถกำจัดแมลงสาปให้กลับไปตายที่รังได้สำเร็จ
มีส่วนประกอบสำคัญคือ ปูนซีเมนต์ผง แป้งข้าวจ้าว และโอวัลติน ซึ่งเมื่อนำมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันมากที่สุด แล้วนำไปวางไว้ในที่ที่มีแมลงสาปซุกชุม พร้อมนำน้ำไปวางใกล้ๆ แมลงสาปจะมากินสารกำจัดแมลงสาปและน้ำแล้วจะกลับไปตายที่รังของมัน ซึ่งเป็นวิธีการกำจัดแมลงสาปที่ไม่มีพิษตกค้าง และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เหมือนกับการกำจัดแมลงสาปโดยวิธีการใช้สารเคมีฉีดพ่น

เด็กหญิงเจนจิรา โพนยงค์ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนสมเด็จประชานุเคราะห์ หนึ่งในผู้คิดค้นสารกำจัดแมลงสาปกล่าวว่า ส่วนประกอบของสารกำจัดแมลงสาปที่นำผสมกันจะมีคุณสมบัติและทำหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น โอวัลตินจะเป็นสารที่ล่อให้แมลงสาปมากินสารกำจัดแมลงสาป แป้งข้าวจ้าวจะทำให้แมงสาปหิวน้ำเมื่อกินเข้าไป ส่วนปูนซีเมนต์จะทำให้ แมงสาปแน่นท้องและตายเมื่อกินสารกำจัดแมลงสาปและน้ำเข้าไป


เป็นไงคะ.... สูตรง่ายๆ ซึ่งน่าทึ่งมากที่เด็กประถมเล็กๆ เขาคิดกันได้
................ นับถือค่ะ





Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 15:00:40 น.
Counter : 4373 Pageviews.

22 comment
มีโอกาสทำดี... อย่าลังเล (ภาคต่อ)
จากเรื่อง ยาย-ตา ที่เรามีโอกาสช่วยเหลือแก แต่ก็ลังเลที่จะทำ และในที่สุดโอกาสทำความดีนั้นก็ผ่านเราไป

หลังจากวันนั้น เรามีโอกาสได้ปุจฉา-วิสัชชนา กับพระคุณเจ้ารูปหนึ่ง
เราเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟังและให้ท่านพิจารณาความผิด (คล้ายๆ สารภาพบาป ของคริสต์เลยนิ)


ท่านบอกเราว่า
"โยม... โยมไม่ใช่คนจิตใจหยาบแข็ง หรือละเลยความรู้สึกของคนอื่นหรอกนะ เพราะถ้าโยมเป็นคนเช่นนั้น โยมจะไม่เก็บเอามาคิดจนกลายเป็นความทุกข์แบบนี้หรอก ถ้าโยมเป็นคนไม่มีน้ำใจ โยมก็จะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ และก็คงปล่อยเลยไป หรือมองไม่เห็นยาย-ตาสองคนนั่นด้วยซ้ำ

นี่เพราะโยมรู้สึกผิดชอบชั่วดี และไม่ใช่คนแล้งน้ำใจโดยสันดาน โยมถึงเสียใจและรู้สึกได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีใครมาพูดมาว่า
ข้อดีของโยมจากเรื่องนี้คือ โยมเป็นคนยอมรับความจริง ไม่เข้าข้างความผิดของตัวเอง และกล้าที่จะออกมาบอว่าว่าโยมทำผิดคิดผิดเรื่องอะไร

ความผิดที่โยมมีตอนนั้นคือ การตัดสินใจที่ช้าลังเล ก็เลยไม่ทันการ เพราะการบางอย่างรอเราไม่ได้

ส่วนความผิดที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ การไม่ละวาง โยมยังยึดเรื่องนี้ไว้กับตัวจนทำให้โยมเป็นทุกข์"


หลังจากนั้น เรารู้สึกโล่งค่ะ
มิน่า คริสต์เขาถึงต้องไปสารภาพบาปกัน เพราะการสารภาพสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป แล้วได้รับการชี้แนะที่ดีกลับมานี้ ทำให้เรามีทางออกให้กับตัวเองจริงๆค่ะ

พระท่านยังให้เรานึกทบทวนถึงการทำคุณความดีกับคนที่เราไม่รู้จัก ให้ท่านฟังว่ามีบ้างไหม


แว่บแรกทันทีที่เราคิดได้โดยใช้เวลานึกไม่นานนัก

มีอยู่ครั้งหนึ่ง.....
เรื่องนี้เกิดขึ้นสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นเรายังไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
ต้องอาศัยบริการรถเมล์เป็นประจำ


วันหนึ่งเราขึ้นรถเมล์สาย 23 ทางด่วน จะไปลงที่สำโรง
วันนั้นรถแน่นมาก อัดกันยังกับปลากระป๋อง
เราโชคดีที่ได้นั่ง พอรถเลี้ยวขึ้นทางด่วนมาได้อึดใจเดียว จู่ๆ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็เอียงวูบมาหา อาการเหมือนยืนไม่อยู่แล้ว เราก็เลยลุกให้นั่ง
แป๊บเดียว เธอก็เหงื่อออกเต็มตัวและวูบเป็นพักๆ เราคิดว่าเธอคงเป็นลม

เธอบอกเราว่าเธอจะลงที่ซอยลาซาน ซึ่งลาซานเป็นซอยใหญ่อยู่ก่อนถึงสำโรงประมาณ 6-7 ป้ายได้ พอรถถึงป้ายลาซาน เราก็ตัดสินใจลงพร้อมเธอและพาเธอนั่งรถรับจ้างปากซอยลาซานไปส่งที่หอพัก พอส่งเธอเสร็จ เราก็นั่งรถรับจ้างคันนั้นกลับออกมาเลย ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรด้วยซ้ำ


อีกครั้ง เมื่อไม่กี่เดือนมานี้
ชายแก่คนหนึ่งนั่งรถเมล์เบาะคู่มากับเรา สักพักแกก็ถามว่า
"บุญศิริ ลงที่ไหนหนู ลุงจะไปธุระ เขาบอกว่ามันเลยช้างสามเศียรไปหน่อย ลุงกลัวลงผิด" เราก็บอกแกว่า เดี๋ยวรถใกล้ถึงแล้วจะบอกให้

หลังจากนั้น แกก็ชวนเราคุยไปตลอด แล้วก็ทราบว่า ลูกสาวแกให้เงินแกติดตัวมา 20 บาท ซึ่งพอสำหรับแกเดินทางมาทำธุระแล้วก็นั่งรถเมล์กลับ ขณะนั้นสองทุ่มกว่าแล้ว เราฟังแล้วก็สงสาร โถ... พ่อมาธุระค่ำมืดขนาดนี้ ลูกสาวให้เงินติดตัวมา 20 บาทเอง ไม่เผื่อกินน้ำกินท่า หรือรถเสียต้องต่อรถใหม่เลยหรือ เราก็เลยส่งเงินให้แกไป 20 บาท บอกแกว่า "ไว้ซื้อน้ำกินนะลุง"
ใจจริงอยากให้มากกว่านั้น แต่ก็เผื่อไว้นิดว่าที่แกเล่ามาจริงหรือหลอก เราก็เลยให้ไปเท่านั้นพอ


"เห็นไหมโยม โยมก็เคยทำความดีให้กับคนที่โยมไม่รู้จัก ชนิดไม่หวังอะไรตอบแทนจากเขาเหมือนกัน โยมปล่อยวางความรู้สึกผิดคราวนี้ของโยมไปเถอะ"

เรามีโอกาสไปวัดทำบุญ เราก็จะมีความสุข
เรามีโอกาสได้สนทนาธรรม เราก็จะมีกำลังใจ


จริงไหมคะเพื่อนๆ



Create Date : 21 กรกฎาคม 2551
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 11:56:08 น.
Counter : 741 Pageviews.

13 comment
มีโอกาสทำดี..อย่าลังเล
คงมีบ้างหละ
ที่โอกาสทำความดีวิ่งเข้ามาหา แล้วเราปล่อยผ่านไป

.
.
.
เมื่อคืนวาน เรากลับบ้านเกือบค่ำ เพราะฝนตกหนัก

รถเมล์ที่นั่งมา เป็นสาย 25 รถร่วมบริการ ปากน้ำ-สามแยก
ปกติเราจะนั่งจนสุดสายที่อู่แพรกษา

เมื่อคืน เราสังเกตเห็นชาย-หญิงสูงวัยสองคน
ท่าทางน่าจะขึ้นรถมาจากป้ายหัวลำโพง
บ้านน้อก...บ้านนอก (ขอยืมใช้หน่อยนะ ดูน่ารักดี ไม่ได้คิดดูถูกดูแคลนอะไรเขานะคะ)
สองคนนั่นช่วยกันหอบข้าวของมาเต็ม
โดยเฉพาะผู้ชาย แกแบกกระสอบอะไรมาด้วย ดูท่าทางหนักเอาเรื่อง

แกมาลงสุดสายรถเมล์ที่อู่แพรกษาเหมือนเรานี่แหละ
แต่แกลงประตูหน้า ส่วนเราลงประตูหลัง
แล้วเราก็ได้ยินเสียงหญิงกลางคนซึ่งลงรถมาพร้อมๆกับแก
ดังแว่วๆ มา "ลุงจะไปไหนเนี่ย... ไปบางปูเหรอ...
โอ้ย...ตรงไปนี่ ก็แพรกษา"
หญิงกลางคนชี้มือชี้ไม้ไปข้างหน้า
แล้วก็เดินจากไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก

.
.
.
ชาย-หญิงสูงวัยคู่นั้น หารืออะไรก้นสักครู่
ก็ตัดสินใจหอบข้าวของเดินตรงไปตามเส้นทางที่หญิงกลางคนคนนั้นชี้ไป

เราได้แต่มองตามชาย-หญิงคู่นั้นเดินห่างออกไป
โดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร ทั้งๆที่แน่ใจว่าสองคนนั่นน่าจะหลงทางแล้วหละ เพราะทิศที่แกเดินไปไม่ใช่เส้นทางไปบางปู

เราลังเลที่จะวิ่งตามไปหาชาย-หญิงคู่นั้น ก็พอดีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่วิน แว่บเข้ามาจอดตรงหน้า ก็เลยตัดใจขึ้นรถกลับบ้านทันที เพราะมันดึกแล้ว

.
.
.

คืนนั้น ความคิดเราวนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้

รู้สึกเสียใจ ที่ไม่เข้าไปช่วยเหลือเขาทั้งๆที่น่าจะทำได้
เหมือนจิตตกค่ะ หดหู่บอกไม่ถูก คิดวนเวียนอยู่แต่ว่า ...แกจะเป็นยังไง ...หลงไปไกลขนาดไหน ...จะมีรถกลับออกมาไหม ...แกจะมีเงินติดตัวกันมาเท่าไหร่ พอจะจ้างแท๊กซี่ไปส่งไหวไหม.... อื่นๆอีกที่สาระพัดจะคิด

ครั้งนี้น่าจะสอนเราได้ว่า

ควรต้องรีบทำความดีทันที ที่โอกาสวิ่งเข้ามาหา
เพราะการละเลยโอกาสที่จะทำ
อาจจะกลับมาวนเวียนหลอกหลอนเรา
ให้เสียใจ
.
.
.
วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันเข้าพรรษา
เพื่อนๆ ที่เป็นชาวพุทธ หาโอกาสไปต่อยอดความดีกันนะคะ
ของแบบนี้ ให้ใครทำแทนหรือทำเผื่อกันไม่ได้หรอกค่ะ
.
.
.




Create Date : 17 กรกฎาคม 2551
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 11:49:34 น.
Counter : 652 Pageviews.

24 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

คุณน้ำตาล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดิมอยู่วงเวียนใหญ่ เรียนหนังสือหนังหาอยู่ย่านฝั่งธนฯ พอโตขึ้นหน่อยก็อยากเป็นศิลปิน เลยหันเหไปเรียน Art ปัจจุบันทำมาหากินอยู่แถวเพลินจิต ย่านใจกลางเมืองที่รถติดจนอ่อนใจ
Friends Blog
[Add คุณน้ำตาล's blog to your weblog]
MY VIP Friend