All Blog
ยำ 4 ธาตุ
ชื่อเต็มๆตามเจ้าของตำหรับเรียกว่า "ยำผักพื้นเมือง ๔ ธาตุ" ค่ะ

เรารู้จักเมนูอาหารนี้ครั้งแรกที่วัดปทุมวนาราม ใกล้ๆสยามพารากอนนี่แหละค่ะ วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ก็เลยมีโอกาสไปทำบุญใส่บาตรพระ ในวัดปทุมฯ มีร้านค้าของเล็กๆน้อยๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆศาลาพระราชศรัทธา และก็เจออาหารมากประโยชน์ชนิดนี้ที่นั่นค่ะ

เล่าความเป็นมาเป็นไปซะตั้งเยอะ เอ้า เรามาทำความรู้จักกับอาหารที่ว่านี้กันเลยค่ะ ล้อมวงกันเข้ามานะคะ ใครที่ไม่ชอบทานผักก็แวะเข้ามาฟังได้ ไม่หวงค่ะ






รูปร่างหน้าตาบรรจุภัณฑ์ค่ะ (เรียกซะวิชาการเลยนิ)



ดูกันชัดๆ ที่หน้าห่อ ของแท้ต้องป้าตุ๊ (เจ้าตำหรับ) ค่ะ



ด้านหลัง บรรยายสรรพคุณและส่วนประกอบเพียบ ป้าตุ๊บอกว่า ผักของแกประกอบไปด้วยผักกว่า 30 ชนิด เดี๋ยวดูภาพต่อไปนะคะ ก็จะรู้ว่าไม่มีใครแยกออกแน่นอนว่ายำถุงนี้มีผักอยู่จริงๆ กี่ชนิด





พอแกะห่อ เทใส่จาน เราก็จะเจอกับผักหั่นคลุกปนกันมาจนแทบแยกไม่ออกแบบนี้หละค่ะ แล้วก็มีเครื่องปรุงน้ำและแห้งสองถุง กะมะนาวหนึ่งซีก





ดูกันให้ชัดๆค่ะ เครื่องปรุงที่อยู่ในถุง และแกะเทใส่จานพร้อมเสิร์ฟ เราคะเนจากสายตาว่า มันน่าจะมีงาดำ งาขาว กะข้าวคั่วนะคะ ส่วนน้ำปรุง น่าจะมีน้ำตาลปี๊บกะอะไรก็ไม่รู้



จัดวางก่อนเสริ์ฟให้ดูน่าทานค่ะ



เทผงเครื่องปรุง แล้วลาดน้ำปรุง คลุกเคล้าให้ทั่ว บีบมะนาวปิดท้าย คลุกอีกทีให้เข้ากัน คุณก็จะได้ยำผักพื้นบ้าน รสกลมกล่อม แปลกลิ้นค่ะ

เมนูนี้เหมาะสำหรับคนชอบผัก และกินผัก เป็นอาหารเจที่มีสรรพคุณในการขับลม ขับเสมหะ แก้ร้อนใน มีแคลเซียม วิตามินเอ ซี สารเส้นใยสูง ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด (ไม่ได้คิดเองค่ะ ป้าตุ๊ - เจ้าของตำหรับ เขาบอกไว้ด้านหลังห่อค่ะ)



ยำผักพื้นบ้าน ประกอบด้วยผัก ผลไม้ ทั้งคุ้นชื่อและไม่คุ้นชื่อ ซึ่งผักแต่ละชนิดเหมาะกับคนเกิดธาตุต่างๆ ดังนี้ค่ะ

ธาตุดิน (เกิดเดือน ม.ค. ธ.ค. พ.ย.)
ฝรั่ง งาดำ งาขาว สมอไทย ผักฮาก ถั่วพู ผักเม็ก ฟักทอง จมูกข้าวสาลี
แครอท

ธาตุน้ำ (เกิดเดือน ส.ค ก.ย ต.ค.)
มะม่วง มะเฟือง ชมพูมะเหมี่ยว มะเขือเทศ มะดัน ผักติ้ว

ธาตุลม (เกิดเดือน พ.ค. มิ.ย ก.ค.)
ใบชะพลู ขิง ข่าอ่อน กระชาย ตะไคร้ ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ยี่หร่า กระเพรา โหระพา ผักไผ่

ธาตุไฟ (เกิดเดือน ก.พ. มี.ค. เม.ย.)
ใบบัวบก มะละกอ กะหล่ำปลี ผักเป็ด


เราซื้อยำนี้ทานครั้งแรกที่วัดปทุมฯ แล้วก็หาซื้อที่อื่นไม่ได้เลย หาทานยากมาก ตอนนี้โชคดีสำหรับคนชอบกินผักอย่างเรา เพราะมีคนรับไปขายที่ตลาดนัดแถวๆที่ทำงาน ราคาถุงละ 35 บาท 3 ถุง 100 บาท เมื่ออาทิตย์ก่อน ไปธุระที่ห้างเสรี เว็นเตอร์ มา ก็เจอวางขายที่นั่น เพื่อนๆคนไหนนิยมบริโภคผักหญ้าอย่างเรา ก็ไปลองหาซื้อได้นะคะ

เราชอบซื้อไปทานที่ทำงานบ่อยๆ เด็กๆเห็นร้อง "ว้าย พี่ทานอะไรอะ

ก็เลยตอบเขาไปว่า
"พี่ทานอาหารม้าน้อง" 555.....



Create Date : 15 กรกฎาคม 2551
Last Update : 15 กรกฎาคม 2551 18:26:34 น.
Counter : 8241 Pageviews.

16 comment
<< ต า ล ย อ ด ด้ ว น >> ที่แหลมพรหมเทพ
ตอนไปทำงานภูเก็ต เรามีโอกาสแว่บไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำที่แหลมพรหมเทพ แต่วันนั้นท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ เมฆเยอะมาก เลยไม่ได้ภาพสวยๆมาฝากใคร

เราเคยสัญญากับเพื่อนๆไว้ ว่าจะเอาภาพ "ตาลยอดด้วนที่แหลมพรหมเทพ" มาฝาก ลองดูนะคะ





วันนั้นฟ้าคลึ้มๆ แล้วก็เย็นมากแล้ว เราเลยได้ภาพทึมๆไปหน่อย แต่ก็พอให้เพื่อนๆเห็นตาลยอดด้วนได้ชัด

คนที่นั่นบอกว่า ไม่รู้เกิดอะไร อยู่ๆ มันก็ค่อยๆตายกันไปเอง ทีละต้นสองต้น นี่เขากำลังคิดกันว่า จะล้อมตาลต้นใหม่มาปลูกแทนต้นเดิม เพราะชาวภูเก็ตเองก็ทนไม่ได้เหมือนกันที่แหลมพรหมเทพจะขาดต้นตาล




น้ำตาลว่าคลื่นกระทบฝั่งที่ภูเก็ตมีเสน่ห์ไม่เหมือนที่อื่นค่ะ
อย่างที่เกาะเสม็ด เวลาคลื่นกระแทกโขกหินแล้วมันจะแตกซ่าบานออก แล้วก็กระจายตัวหายไป แต่ที่แหลมพรหมเทพ เวลาคลื่นกระแทกโขดหินแล้วมันจะม้วนตัวเป็นก้นหอยแล้วก็หายไปในทะเล (เห็นแล้วอยากนั่งเขียนรูปจัง)




วันที่เราเปิดนิทรรศการที่ภูเก็ต มีฝูงปลาวาฬเกยตื้นเข้ามาแย่งซีนค่ะ

เข้ามาแย่งซีนจริงๆนะคะ เพราะตอนเราทำพิธีเปิดงาน นักข่าวที่มาร่วมงานบอกว่า "โหยพี่ วันนี้นักข่าวไปรวมที่หาดหมด ปลาวาฬมาเกยตื้นเต็มหาด"
ปรากฎว่า วันนั้นนักข่าวเลยไปทำข่าวงานเราน้อยกว่าที่คาด เฮง เฮง จริงๆ หยั่งงี้เรียกว่าแย่งซีนจริงๆ เพราะโดยปกติแล้ว บ่ายวันพฤหัสที่ 25 มิ.ย. ที่ภูเก็ตไม่มีข่าวกิจกรรมอะไรเลย นักข่าวคอนเฟิมมางานเราตั้งเยอะ เพราะรองผู้ว่ามาเป็นประธาน พอฝูงปลาวาฬมา ผู้ว่าก็ผู้ว่าเหอะ ปลาวาฬแย่งซีนไปโม้ด


ภาพข้างบน ทิวหินสีน้ำตาลข้างหน้าเนี่ย เป็นแนวหินของแหลมพรหมเทพ ส่วนเกาะที่เห็นด้านขวาของภาพ เป็นเกาะที่ฝูงปลาวาฬขึ้นมาเกยตื้นค่ะ แต่ขึ้นทางด้านหลังเกาะที่หันออกทะเลนะคะ

จบเรื่องแหลมพรหมเทพแค่นี้ก่อนนะคะ ....บ้าบ บาย...



Create Date : 15 กรกฎาคม 2551
Last Update : 15 กรกฎาคม 2551 14:56:25 น.
Counter : 1368 Pageviews.

7 comment
มีเรื่องภูเก็ตจะเล่าให้ฟัง

เราไปทำงานภูเก็ตมาค่ะ ไปจัดงาน
"84 พรรษา-พลานามัย วิ่งเพื่อคนที่เรารัก" ที่เซ็นทรัลภูเก็ต เฟสติวัล
ซึ่งครั้งนี้เป็นการจัดงานโปรแกรมสุดท้ายแล้ว

ที่เซ็นทรัลภูเก็ต เราบินไปกับแอร์เอเซียค่ะ
(บินชั้นประหยัด จะได้เหลือเงินบริจาคเข้ากองทุนเยอะๆหน่อย)
ตอนแรกเลยเราซื้อตั๋วของนกแอร์ เที่ยวบินบ่ายกว่าๆ
แต่อยู่ๆ นกแอร์ก็โทรมาขอเลื่อนเที่ยวบิน

นกแอร์ขอให้เราเปลี่ยนเป็นบิน 9 โมงเช้า หรือ เที่ยว 4 โมงเย็นแทน
แต่เราไม่สะดวกเพราะถ้าเป็นไฟท์เก้าโมงเช้า เราก็กลัวตกเครื่องเพราะต้องไปพร้อมๆกันหลายคนแล้วยังต้องแวะมาเอาของที่บริษัทก่อนเดินทางอีก แต่ถ้าเป็นเที่ยวเย็น เราก็จะไม่สะดวกอีก เพราะจากสนามบินภูเก็ต เราจะต้องใช้เวลาเดินทางต่อไปอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงตัวเมืองภูเก็ต
สรุปแล้วนกแอร์ก็เลยต้องโอนเราให้ไปบินกับแอร์เอเซียแทน

ใครเจอแบบนี้มั่งคะ
นกแอร์ขอยกเลิกเที่ยวบินกับเรา 3 ครั้ง โดยสรุปก็คือ เที่ยวบินที่จองไว้ตอนเที่ยงถูกยกเลิกทั้งหมด แล้วต้องเปลี่ยนมาบินเช้า หรือเย็นแทน ถ้าเขาบอกกับเราตรงๆว่า เที่ยวบินไฟท์เที่ยงผู้โดยสารน้อย บินไม่คุ้ม ขอยกเลิกไฟท์เที่ยงไปเลย เหลือแต่เช้ากับเย็น น่าจะดีกว่านะ

วันที่เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เป็นวันที่ 24 มิ.ย. มรสุมเข้าพอดีค่ะ เมฆเยอะ มองแทบไม่เห็นอะไรข้างล่างเลย มาเห็นวิวงามๆ ประทับจิตประทับใจอีกทีก็ตอนเครื่องลดระดับลงใกล้ๆถึงภูเก็ตแล้วน่ะค่ะ
ถ้าเพื่อนๆจะบินไปภูเก็ตแนะนำว่าให้เลือกที่นั่งด้านขวาของเครื่องนะคะ เพราะวิวสวยประทับใจมากค่ะ

เครื่องลงตั้งแต่สามโมงเศษๆ กว่าเราจะได้กระเป๋าและสัมภาระก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นกว่าๆ เพราะฝนตก เจ้าหน้าที่เขาเอาของออกจากใต้ท้องเครื่องไม่ได้ ขนาดฝนซาเม็ดไปแล้ว กระเป๋าบางคนยังเปียกนิดๆ

เราใช้บริการรถจ้างเหมาจากสนามบินเข้าตัวเมืองภูเก็ต ราคาจ้างเหมารถเข้าเมืองที่นี่ ถ้าเป็นรถเก๋ง อยู่ที่ราคาคันละ 400 บาท ระยะทางจากสนามบิน-ตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ถามคนขับรถได้ความว่า คนที่ภูเก็ตส่วนใหญ่จะใช้รถส่วนตัวกัน ทำให้รถสาธารณะมีน้อย โดยเฉพาะถ้าไม่อยู่ในตัวเมืองจริงๆ ไปไหนมาไหนต้องเหมารถเท่านั้น

เราไปจัดงานที่ ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล ค่ะ ห้างตั้งอยู่บนเส้นทางบายพาสออกไปนอกตัวเมืองนิดนึง ต้องพยายามหาที่พักใกล้ๆห้าง เพราะจะได้สะดวกในการเดินทางไป-กลับบูธ และเพื่อเป็นการประหยัดค่ารถด้วย
เราพักที่ “บ้านสวน เพลส” สถานที่และบรรยากาศดีเยี่ยม ราคาคืนละ 800 บาท อยู่ห่างจากห้างเซ็นทรัลประมาณกิโลเดียว แต่คุณขา ค่าเหมารถจากห้างเซ็นทรัลไปที่พัก 200 บาทค่ะ แ พ ง โ ค ต ร (ขออนุญาตบ่นแบบไม่เพราะหูนะคะ) ดังนั้น ตลอดอาทิตย์กว่าๆที่เราจัดงาน เราก็เลยใช้วิธีเดินไป เดินกลับเอาค่ะ

ลักษณะการจัดงานที่นี่ก็คล้ายๆกับที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ ที่เคยเล่าให้เพื่อนๆฟัง หน้าตาของการจัดตั้งบูธก็แทบไม่แตกต่างกันเลย ขออนุญาตไม่ลงภาพให้ดูดีกว่านะ เพราะกลัวเพื่อนๆจะเบื่อดู เราต้องเฝ้าบูธที่ห้างทุกวัน ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงสี่ทุ่ม อยู่จนเอียนห้างเลยค่ะ เอาเป็นว่าขอเล่าข้ามเรื่องนิทรรศการในห้างไปเลยนะคะ

เรื่องที่อยากเล่ากว่าการจัดนิทรรศการคือ แหลมพรหมเทพ ค่ะ

มีอยู่วันหนึ่ง คนท้องที่ซึ่งรู้จักกันอาสาพาเราไปเที่ยวแหลมพรหมเทพ เราก็เลยแอบปิดบูธเร็วหนึ่งวัน จะไปดูพระอาทิตย์ตกกัน ดิฉันเคยไปแหลมพรหมเทพมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อซักยี่สิบปีก่อน เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเยอะค่ะ สิ่งก่อสร้างมากมาย ร้านค้าเยอะแยะ ที่นั่นมีศาลท้าวมหาพรหม กับอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร แล้วก็ประภาคารเฉลิมพระเกียรติ คนที่นั่นบอกว่า ท่านท้าวมหาพรหมที่นี่ศักดิ์สิทธิ์นักขออะไรมักจะได้ตามที่ขอ เราว่าถ้าจะจริงนะคะ เพราะสังเกตปริมาณและขนาดของช้างที่เขาเอามาแก้บนแล้วเยอะจริงๆ ช้างบางตัวสลักที่มาด้วย จากสิงค์โปร์ก็มีค่ะ

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าใจหายแทนคนภูเก็ตก็คือ ต้นตาลที่ปลายแหลมพรหมเทพ ซึ่งเป็นของคู่กันมานาน เดี๋ยวนี้เราจะแลเห็นตาลยืนยอดด้วนเกือบหมดแล้ว คนภูเก็ตบอกว่ามีอยู่ปีหนึ่ง จู่ๆก็แล้งจัดแล้วมันก็ยืนต้นตายไปเอง ลองหลับตานึกภาพแหลมพรหมเทพที่ไม่มีต้นตาลเหลือดูสิคะ มันคงแปลกๆโล้นๆชอบกลนะ คนภูเก็ตบอกเราว่า ทางจังหวัดเขากำลังจัดหาตาลต้นใหม่มาปลูกทดแทนต้นที่ตายค่ะ เอาไว้เราจะค่อยๆเอาภาพแหลมพรหมเทพล่าสุดมาลงให้ดูนะคะ (ตอนนี้ file ภาพทั้งหมดติดกล้องเพื่อนไป กำลังตามอยู่ค่ะ)


จบจากเรื่องแหลมพรหมเทพ มีอีกเรื่องที่อยากเล่า เป็นเรื่องที่พักค่ะ

คืนสองคืนแรกที่เราไปภูเก็ต เราพักที่ บ้านสวน เพลส สะดวก ดี และเป็นปลื้มกับที่พักมาก แต่พอคืนที่สาม มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เขาเข้าใจว่าเราพักแค่สองคืน ก็เลยปล่อยห้องพักให้กับแขกอื่นเข้าพักแทนเรา ซึ่งไม่ใช่ความผิดของทางโรงแรมหรอกค่ะ ตกลงคืนที่สามเราก็เลยต้องหาที่พักใหม่ ดิฉันไปได้ที่พักอยู่ไกลออกไปจากห้างเซ็นทรัลราว 3 กิโลเศษ ชื่อโรงแรมอรนิชา

เล่าเสริมหน่อยนะคะ การไปทำงานภูเก็ตเที่ยวนี้ วันที่หนึ่งกับวันที่สอง เราอยู่ทำงานกันหลายคนค่ะ เป็นทีมงานตกแต่งสถานที่, ทีมต้อนรับนักข่าวและทีมคุมคิวเปิดนิทรรศการ แต่พอหลังจากนิทรรศการเปิดแล้ว ดิฉันจะถูกทิ้ง (ประมาณนั้น) อยู่ภูเก็ตคนเดียวเพื่อเฝ้าบูธ และอำนวยการจัดงานเดิน-วิ่งที่จะมีขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า และเพื่อรื้อถอนจัดเก็บงานกลับกรุงเทพฯ
ดิฉันอยู่ภูเก็ตคนเดียวตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. – 3 ก.ค.

วันที่ดิฉันย้ายออกจากบ้านสวน เพลส ไปพักคนเดียวที่อรนิชา ตอนเช็ค-อิน ก็แค่เปิดห้องเข้าไปเห็นสภาพห้องรวมๆ มีเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า และประตูอีกบานเพื่อเปิดเข้าสู่ห้องน้ำ ก็เหมือนๆ ห้องพักทั่วไป ที่เราคุ้นตาเวลาไปพักตามโรงแรมนั่นแหละค่ะ

วันนั้นมีน้องที่น่ารักอาสาขับรถขนของจากบ้านสวนเพลสไปส่งที่อรนิชา
ความที่เราเกรงใจว่าเขาจะรอนาน ก็เลยรีบวางๆ กระเป๋ากับข้าวของไว้อย่างนั้นไม่ได้ดูอะไรละเอียดนัก แล้วก็รีบลงมาหาน้องเขา ซึ่งเขาอาสาจะไปส่งเราต่อที่ห้างเซ็นทรัลอีกรอบ

คืนนั้นกว่าจะปิดบูธ ก็กลับถึงที่โรงแรมอรนิชาเกือบห้าทุ่ม
พอเข้าห้องได้ก็อยากอาบน้ำ ดิฉันเตรียมจะถอดเสื้อผ้าออกแล้วนะคะ เพราะคิดว่าในห้องเราพักคนเดียวเป็นที่ส่วนตัวมาก จะทำอะไรก็คงไม่น่าเกลียด แต่ไม่รู้นึกยังไง เฮ้ย.. อย่าเพิ่งถอดเสื้อดีกว่า เข้าห้องน้ำล้างหน้า ล้างมือก่อนแล้วกัน

เพื่อนๆคะ ไม่นึกไม่ฝัน พอดิฉันหมุนลูกบิดประตูเปิดผ่างออกไป แทนที่จะเห็นเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำ กลับเห็นระเบียงโล่งๆ มีกำแพงสูงแค่ครึ่งอก ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีเหล็กดัดหรืออะไรกั้น มองออกไปเห็นทิวเขาไกลๆ ถนนข้างล่างมีรถวิ่งไปวิ่งมา แล้วก็แสงไฟจากบ้านเรือนข้างๆ ส่วนห้องน้ำจะทำเป็นห้องอีกห้องอยู่ด้านซ้ายมือ พูดง่ายๆ โรงแรมนี้มีห้องน้ำแยกออกไปนอกห้องนอน เวลาจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเดินผ่านระเบียงโล่งนี่ออกไปอีกที

ยอมรับค่ะว่า ตะลึงมาก อึ้งไปเลย นี่ถ้าเราถอดผ้าถอดผ่อนเดินพรวดพราดออกไป มีหวังกลุ่มดาวบนฟ้าแตกกระจายแน่
เราตัดสินใจลงมาหาเจ้าหน้าที่ล็อบบี้ทันที “แปลกใจไหมคับ” (ลองอ่านเป็นสำเนียงใต้ดูนะคะ ฟังดูขำดี แต่อารมณ์นั้น เราขำไม่ออก) “ที่นี่นี้ก็เป็นอย่างนี้ทุกห้องแหละคับ เป็นโรงแรมเดียวในภูเก็ตที่มีห้องน้ำอยู่ข้างนอก แขกบางคนก็ชอบ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะไม่ค่อยชอบ” ค่ะ ดิฉันเป็นหนึ่งในแขกที่ไม่ชอบ

คุณคิดดูสิคะ เราต้องหอบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำให้เรียบร้อยทุกครั้ง ก่อนและหลังอาบน้ำ กลางค่ำกลางคืนจะลุกเข้าห้องน้ำก็ต้องระแวงว่าเปิดผลั่วออกไปแล้วจะมีใครปีนขึ้นมาตรงระเบียง แล้วแอบย่องเข้าไปหลบในห้องระหว่างเราเข้าห้องน้ำหรือเปล่า โอยสาระพัดจะจินตนาการ ตกลงคืนนั้น
กว่าดิฉันจะหลับก็เกือบตีสาม
ซึ่งหลับไปเพราะความเพลียแท้ๆ

รุ่งขึ้น ดิฉันเก็บข้าวของเช็ค-เอ้าท์ ตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงเช้าเลย
เฮ้อ… แปลกใจไหมคับ




Create Date : 10 กรกฎาคม 2551
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 15:48:41 น.
Counter : 3014 Pageviews.

27 comment
อัพบล็อคตั้ง 5 เรื่องแน่ะ


วันนี้ไม่รู้แรงฮึดมาจากไหน คุณน้ำตาลอัพบล็อคทีเดียว 5 เรื่อง


เรื่องแรก เดิน-วิ่ง การกุศล เชียงใหม่เจ๊าว ในบล็อค ชีวิต...ใกล้งาน

เรื่องที่สอง เจดีย์หัวกลับ ในบล็อค เมดเล่ย์

เรื่องที่สาม สัตว์แปลงร่าง ในบล็อค เมดเล่ย์

เรื่องที่สี่ ภาพนิทรรศการ Run for Love ในบล็อค ชีวิต...ใกล้งาน

และเรื่องที่ห้า ภาพดารา นิทรรศการ Run for Love
ในบล็อค ชีวิต...ใกล้งาน


เพื่อนๆ ชอบเรื่องไหน เคาะอ่านเรื่องนั้นนะคะ หรือจะอ่านทุกเรื่องก็ได้
ขอบใจจริงๆ....





Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 18:05:31 น.
Counter : 629 Pageviews.

7 comment
สั ต ว์ แ ป ล ง ร่ า ง
ไม่ใช่มนุษย์แปลง หรืออีทีต่างดาว แต่เป็นสัตว์แปลงร่างเพื่ออำพลางตัวเองจากศัตรูค่ะ

เราเห็นโดยบังเอิญตอนไปที่ลำปาง มันเกาะต้นโพธิ์อยู่ค่ะ ก็เลยคว้ากล้องมากดไว้ 2-3 รูป ก่อนมันจะรู้ตัวแล้วเผ่นแพ้วไป



มีคนบอกว่า มันเอาหัวไปมุดสีฟ้าของมุมภาพที่อยู่ข้างต้นไม้ ก็เลยติดสีฟ้ามา ดู ดูมันคิดไปได้





วันหลัง ถ้าบังเอิญเจอะอะไรแปลกๆ จะเอามาฝากอีกนะ



Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 16:55:48 น.
Counter : 2061 Pageviews.

8 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

คุณน้ำตาล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดิมอยู่วงเวียนใหญ่ เรียนหนังสือหนังหาอยู่ย่านฝั่งธนฯ พอโตขึ้นหน่อยก็อยากเป็นศิลปิน เลยหันเหไปเรียน Art ปัจจุบันทำมาหากินอยู่แถวเพลินจิต ย่านใจกลางเมืองที่รถติดจนอ่อนใจ
Friends Blog
[Add คุณน้ำตาล's blog to your weblog]
MY VIP Friend