Group Blog All Blog
|
กระบวนการสำนึกคุณอันทรงพลัง -The Secret
- ทำอย่างไร คุณถึงจะเปลี่ยนชีวิตได้ในบัดดล
- อันดับแรก - คุณต้องทำรายการสิ่งต่างๆที่คุณจะรู้สึกขอบคุณ - ความสำนึกรู้คุณ คือหนทางที่จะนำสิ่งต่างๆมาสู่ชีวิตคุณมากขึ้น - ผู้ชายทุกคนรู้ดีว่า เมื่อภรรยาตนแสดงความซาบซึ้งที่เขาทำอะไรเล็กๆน้อยๆ ให้เธอแล้ว - เขาก็อยากทำอะไรๆให้เธอมากขึ้นอีกน่ะสิ - นี่เป็นเรื่องของสำนึกรู้คุณ ซึ่งจะดึงสิ่งต่างๆ เข้ามา และดึงดูดการเกื้อหนุนด้วย - Dr.John Gray - Mar - ทุกเช้าเมื่อผมลืมตาตื่น ต้องกล่าวคำว่า "ขอบคุณ", ลุกจากเตียง - ก็กล่าว"ขอบคุณ" ล้างหน้า แปรงฟัน - ผมก็นึกถึงสิ่งต่างๆที่ต้องขอบคุณ ผมไม่ได้แค่คิดถึงและทำไปแกนๆ -> แต่ผม "เปล่ง" ความขอบคุณออกไป - ผมก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกดีๆ ของความสำนึกรู้คุณ - James Ray - การที่เขาสำนึกรู้คุณก็ช่วยนำมาซึ่งควมสำเร็จทุกๆด้านในชีวิตเขา ______________________________________________________________ - ผู้คนมากมายที่จัดระเบียบชีวิตได้ถูกต้องแทบครบทุกด้าน แต่ยังลำบากยากจน ก็เพราะเขาขาดสำนึกรู้คุณ - ไม่มีทางที่ชีวิตคุณจะได้อะไรมากขึ้น - หากคุณยังไม่รู้สึกสำนึกในคุณค่าสิ่งที่มีอยู่ - ถ้าคุณอยากได้รถใหม่ - แต่ไม่รู้สึกขอบคุณรถคันปัจจุบันที่คุณมีอยู่แล้ว = จะเป็นคลื่นความถี่หลักที่คุณส่งออกไป - คุณต้องเริ่มสำนึกรู้คุณกับอะไรสักอย่างก่อน เพื่อให้กฎการดึงดูดได้รับคลื่นความคิดสำนึกรู้คุณ - จะได้ทำหน้าที่ดึดูดสิ่งดีๆ ที่ควรสำนึกรู้คุณมาให้คุณอีก - การฝึกสำนึกรู้คุณเป็นประจำทุกวัน คือหนึ่งในวัตรปฏิบัติที่จะนำพาความมั่งมีศรีสุขมาสู่คุณ _________________________________________ - ไอน์สไตน์ - ภูมิหลังยากจน ขัดสน - ใครเห็นก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ - แต่ไอน์สไตน์รู้ความลับนี้อย่างดี - เขากล่าว "ขอบคุณ" วันละหลายร้อยครั้ง - เขาขอบคุณนักวิทยาศสตร์ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นก่อนๆทุกคน ที่ได้บุกเบิกวิชความรู้ - ทำให้เขาได้เรียนรู้และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นในงานเขา - จนได้เป็น 1 ในนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก - จงขอด้วยการจดรายการสิ่งที่คุณต้องการลงบนกระดาษ - โดยเริ่มต้นแต่ละประโยคว่า "ฉันมีความสุข และขอบคุณที่___________" - ทุกเช้าก่อนลุกจากที่นอน - จงรู้สึกสำนึกรู้คุณล่วงหน้า สำหรับวันดีๆที่รออยู่ -ฝึกจนติดเป็นนิสัย ราวกับว่าวันนั้นได้ผ่านไปแล้ว - ทุกๆวัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณต่อหนัง The Secret ที่จะนำความผาสุกมาสู่โลกเรา - เรากลายเป็นทีมงานที่เปล่งรัศมีแห่งสำนึกรู้คุณทุกขณะจิต - สิ่งนี้กลายเป็นวิถีชีวิตของเราไปแล้ว ที่มา- หนังสือ The Secret กฎการดึงดูด - The Secret
The Secret -
ได้อ่าน The Secret แล้วดีมากๆเลย เป็นหนังสือที่ทุกคนต้องอ่านเลย จะขอเล่าให้ฟังสัก 2-3 บทนะคะ ______________________________________________ - ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตคุณ -คุณเองเป็นผู้ดึงดูดเข้ามา -> เพราะคุณมีมโนภาพสิ่งนั้นในใจ - อะไรก็ตามที่คุณคิด -> คุณกำลังจะดึงดูดสิ่งนั้นให้เข้ามาหาตัวคุณเองในที่สุด - วิธีการที่จะนำความร่ำรวยมาให้ คือ คิดถึงความร่ำรวย สิ่งที่เหมือนกัน จะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน - เวลาที่คุณคิดถึงอะไร -> คุณจะดึงดูดความคิดแบบเดียวมาหาคุณ - คิดถึงอะไรที่ไม่ชอบ -> ยิ่งคิดถึง สิ่งนั้นยิ่งดูแย่หนักขึ้นทุกที - ใจคุณมองเห็นสิ่งไหน-> มือคุณจะได้สิ่งนั้น - สาเหตุอย่างเดียวที่คนเราไม่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ -> เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งตนเองไม่ต้องการ - ขอให้ความคิดสุดท้ายก่อนหลับ-เป็นความคิดดีๆ - สิ่งที่คุณกำลังคิดตอนนี้= การสร้างชีวิตในอนาคตตนเอง - สิ่งที่คุณคิดถึงมากที่สุด ใจจดจ่อมากที่สุด = สิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคุณ - ถ้าคุณเอาแต่บ่น -> กฎการดึงดูด จะนำพาสถานการณ์ที่ทำให้คุณต้องบ่นมาหาคุณมากขึ้นอีก - ถ้าคุณได้ยินใครบ่น -> แล้วคุณต้องใจรับฟัง, แสดงความเห็นใจ, พลอยผสมโรงด้วย => คุณกำลังดึงดูดสถานการณ์ที่น่าบ่นมาหาตัวคุณเองมากขึ้น - ถ้าคุณยังมีความคิดเชิงลบต่อไปเรื่อยๆ -> สิ่งที่คุณคิดจะปรากฎเป็นจริงในชีวิตคุณ - ความคิดมีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก, มีคลื่นความถี่ - เวลาที่คุณคิดอะไรสักอย่าง-> คลื่นความคิดจะถูกส่งกระจายออกไปเวิ้งจักรวาล และจะดึงดูดสิ่งที่อยู่ในแถบคลื่นความถี่เดียวกัน -> ทุกอย่างถูกส่งกลับยังแหล่งต้นกำเนิด = คุณ - ตัวคุณเหมือนเสาส่งสัญญาณที่เป็นมนุษย์ -> ส่งกระจายคลื่นความคิดคุณออกไป - ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรๆในชีวิต -> คุณต้องเปลี่ยนคลื่นความถี่โดยเปลี่ยนความคิดคุณเอง __________________________________________________________ - ถามตัวเอง "ฉันกำลังรู้สึกยังไง" วันละหลายๆครั้ง -> คุณจะรู้ตัวมากขึ้น - เมื่อคุณรู้สึกแย่ -> คุณกำลังอยู่ในคลื่นความถี่ที่ดึงดูดสิ่งแย่ๆเพิ่มเข้ามาอีก วิธีใช้ความลับ 1. ขอ 2. เชื่อ 3. รับ - คุณจะต้องทำ, พูด,คิด ราวกับว่า คุณได้รับสิ่งนั้นอยู่ในตอนนี้ - ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าตัวคุณยังขาดสิ่งนั้นสิ่งนี้ -> คุณก็จะดึงดูดความขาดแคลนสิ่งนั้นๆต่อไปอีก -ถ้าคุณได้รับมรดกก้อนโต, ถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ -> ถึงจะยังไม่ได้จับต้องเงินก้อนนั้น -> คุณก็รู้ว่าเงินเป็นของคุณแล้ว = ความรู้สึกที่คุณเชื่อว่า ของสิ่งใดเป็นของคุณ, คุณมีแล้ว, คุณได้รับแล้ว - สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร, จักรวาลจะนำพาสิ่งนั้นมาหาคุณด้วยวิธีไหน -> ไม่ใช่ธุระ,หน้าที่คุณ -> ปล่อยให้จักรวาลทำหน้าที่นี้ให้คุณไปดีกว่า - เงื่อนไขสำคัญ ต้องรู้สึกดีๆ,มีความสุข -> เพราะยามคุณรู้สึกดี -> คุณกำลังนำตัวเองเข้าไปอยู่ในคลื่นความถี่ที่ต้องการ - สิ่งเดียวที่คุณต้องทำ = รู้สึกดี ณ บัดนี้ - วิธีปรับหาคลื่นความรู้สึกดีๆทันใจ = บอกตัวเองว่า "ขณะนี้ฉันได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตทุกอย่าง" -"ขณะนี้ฉันกำลังได้รับ_______________" -> แล้วจงรู้สึกราวกับว่าคุณได้รับแล้วจริงๆ - เมื่อใดคุณเกิดอยากทำอะไร ไม่ว่าโดย - สหัชญาณ, สัญชาติญาณ -> จงลงมือทำ -> แล้วคุณจะพบว่า พลังดึงดูดของจักรวาล กำลังนำพาคุณไปสู่การได้รับสิ่งที่คุณขอ - ขอเพียงคุณเพ่งความสนใจไปยังสิ่งที่ดึงดูดใจคุณ -> เพราะเมื่อคุณนึกภาพของสิ่งที่คุณต้องการอยู่เรื่อยๆ คุณก็จะถูกดึงดูดเข้าไปหาสิ่งนั้น และสิ่งนั้นก็จะถูกดึงดูดเข้าหาคุณ - จงก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกอย่างเชื่อมั่น -> คุณไม่จำเป็นต้องมองเห็นบันไดทั้งหมด -ขอแค่เดินก้าวแรกไปก่อนเท่านั้น - Dr.Martin Luther King Jr (1929-1928) ______________________________________________________________________ - ไม่มีคำว่าเวลา และขนาดสำหรับจักรวาล - จักรวาลสามารถบันดาลเงิน 1$, 1,000,000$ อย่างง่ายดายพอกัน - เหตุผลเพียงประการเดียวที่ทำให้เกิดผลช้าเร็วต่างกัน เพราะคุณคิดว่า หนึ่งล้านดอลล่าร์เป็นเงินก้อนใหญ่, ส่วนหนึ่งดอลล่าร์เป็นเงินน้อยนิด - "ฉันได้ที่จอดรถทุกที่" "ฉันโชคดีจริงๆ ได้รางวัลโน่นนี่อยู่เรื่อย" ที่มา - หนังสือ The Secret วิธีทำงานให้สนุก และสร้างสุขในชีวิต ของเดล คาร์เนกี้- How to Enjoy your life & Your Job - Dale Carne
<b>วิธีทำงานให้สนุก และสร้างสุขในชีวิต ของเดล คาร์เนกี้
- How to Enjoy your life & Your Job - Dale Carnegie ได้อ่านหนังสือวิธีทำงานให้สนุก และสร้างสุขในชีวิต ของเดล คาร์เนกี้ How to Enjoy your life & Your Job - Dale Carnegie แล้ว ดีมากเลย ก็อยากมาสรุปให้ฟังค่ะ ภาค 1. เส้นทางสู่สันติสุข - "จงเป็นตัวของเตัวเอง ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้ที่เหมือนคุณ" - ไม่มีใครหรอกที่ชอบของปลอม ของเก๊- คนไม่เป็นตัวของตัวเอง จะใช้สมรรถภาพอันโดดเด่นได้เพียง 10% -> ทำให้ดำรงชีวิตห่างไกลจากจุดหมายที่เขาควรจะก้าวไปถึง - ศิลปะทุกอย่าง - เกิดจากมนุษย์เป็นตัวของตัวเอง - การฝึกจิตใจเพื่อนำไปสู่สันติสุข กฎข้อแรกคือ "อย่าเลียนแบบผู้อื่น จงค้นหาตัวเองให้พบ และเป็นตัวของเราเอง --------------- วิธีสร้างนิสัยอันดีงามในการทำงาน จัดโต๊ะใหม่ อย่าให้กองสุมด้วยงานต่างๆ ยกเว้นงานต้องเร่งด่วน - การจัดโต๊ะให้เรียบร้อย เท่ากับการมีแม่บ้านที่ดี = บันไดขั้นแรกการก้าวขึ้นสู่ผู้มีสมรรถภาพสูง - กฎแห่งสวรรค์ข้อแรกคือ ความมีระเบียบ - การไม่จัดโต๊ะให้เรียบร้อย และหนักใจต่อการงานมหึมารอข้างหน้า - เกิดโรคความดันสูงฯลฯ จงปฏิบัติงานตามลำดับความสำคัญ - การเตรียมแผนงานให้เรียบร้อย จะทำอันไหนก่อน อันไหนหลัง ยังดีกว่าไม่เตรียมแผนอะไรไว้เลย - ยอร์ช เบอร์นาร์ดชอว์ มีแผนประจำวันที่จะเขียนหนังสือวันละ 5 หน้า (เขาเป็นแคชเชียร์ธนาคาร) -> ปฏิบัติเคร่งครัด จนมีชื่อเสียงโดดเด่น เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา - ถ้าคุณมีข้อมูลปัญหานั้นพร้อมสรรพ - จงตัดสินใจทันที อย่าลังเล - ปัญหาทุกข้อต้องลงมติ ก่อนจะนำปัญหาใหม่เข้าสู่วาระการประชุม - ผล = การประชุมดำเนินรวดเร็ว , คณะกรรมการไม่ต้องหอบรายงานต่างๆ กลับบ้าน, คณะกรรมการไม่ต้องวิตกกังวลว่า ยังมีปัญหาคั่งค้างอยู่ รู้จักจัดระเบียบงาน แบ่งภาระให้ผู้อื่นทำแทน และมีวิธีควบคุมดูแล - การแบ่งงานให้ผู้อื่นทำแทน จำเป็นยิ่ง -> ขจัด ความวิตกกังวล,ความหงุดหงิด,อ่อนล้าเพลียแรง - นักธุรกิจผู้สร้างกิจการเจริญเติบโต- แต่ไม่รู้จักจัดระเบียบงาน, ไม่รู้จักวิธีแบ่งเบาภาระให้ผู้อื่นทำแทน, ไม่รู้จักวิธีควบคุมดูแล--> พบโรคหัวใจตอนอายุ 50-60 ปี ------------------------------------------------ วิธีขจัดความเหนื่อยอ่อน- - การทำงานใช้แต่สมองอย่างเดียว -> ไม่สามารถทำให้คุณเหนื่อยอ่อนได้ - ความอ่อนเพลีย - เกิดจากความผันแปรของอารมณ์และจิตใจ - บ่อเกิดสำคัญความอ่อนเพลีย = ความวิตกกังวล, ประสาทตึงเครียด อารมณ์ไม่สมมาดปรารถนา - ดวงตา บันดาลประสาทให้คลายความเคร่งเครียด - หลับตา เอนหลัง พูดซ้ำๆ ช้าๆ 1 นาที - "ผ่อนคลายเถิด ผ่อนคลายได้แล้ว เลิกคร่ำเคร่งเสียที" ไม่กี่วิ ดวงตาเริ่มปฏิบัติตามคำพูด -1 นาที แล้วไปที่ขากรรไกร, กล้ามเนื้อใบหน้า,คอ,ไหล่, ทุกส่วน - พักผ่อนหย่อนใจ ทำได้ทุกแห่งในเวลาเล็กๆน้อยๆ อย่าฝืนใจ - ปลูกฝังนิสัยการพักผ่อนหย่อนใจ -------------------------------------------------------- วิธีกำจัดความเบื่อหน่าย - สาเหตุใหญ่ความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง = ความเบื่อเหน่าย - เราไม่ค่อยเหนื่อย เมื่อทำสิ่งที่สนใจและตื่นเต้น - ความเบื่อหน่าย คือสาเหตุอย่างเดียวที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง - ความเหนื่อยอ่อน - ไม่ได้มาจากการทำงานมากไปแต่เป็นเพราะ ความวิตกกังวล, ความไม่สมหวัง, ความขุ่นข้องหมองใจต่างหาก - เดินเคียงคู่ไปกับภรรยาหน้าง้ำกระเง้ากระงอดเพียงไมล์เดียวยังเหนื่อยล้าอ่อนเพลียกายใจมากกว่าเดินถึง 10 ไมล์ไปกับคนรักที่ยิ้มแย้มเบิกบาน - ถ้าเราแสร้งแกล้งทำเป็นมีความสุข -> เราจะมีความสุขจริงๆตามนั้น - ลดทอนความอ่อนล้าเพลียแรง ความเคร่งเครียด วิตกกังวลลงได้ - ตักไอศครีมขายนักเรียน - เปลี่ยนงานน่าเบื่อ ให้เพลิดเพลิน- โดยศึกษาว่า ไอศครีมประกอบด้วยอะไร ส่วนผสมเป็นอย่างไร, ทำไมบางสูตรจึงอร่อยยิ่งนัก -> ทำให้ได้คะแนนเยี่ยมวิชาเคมี - เบื่องานยืนข้างเครื่องจักรทำสลักเกลียว -> ทำงานน่าเบื่อให้สนุกสนาน-> ท้าช่างคุมเครื่องติดๆกัน 2 คนว่าใครจะทำงานได้มากกว่า - คำแนะนำฝากให้คนรุ่นใหม่ = การปลุกปลอบจิตใจตัวเองทุกๆเช้า จิตใจต้องบริหารทุกๆเช้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น - การพูดปลุกปลอบใจตัวเองทุกเช้า จะให้ผลทางจิตใจมากมาย ให้คิดถึงแต่ความสันติสุข ความเข้มแข็ง -การพูดกับตัวเองถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องรู้สึกขอบคุณ ช่วยจิตใจบรรจุไว้แต่ความคิดที่เบิกบาน ชุ่มชื่น - การทำงานด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิด -> ช่วยชีวิตคุณมีความสุขขึ้นนับเท่าทวีคูณ - ชีวิตครึ่งนึงยามตื่นอยู่ ->ใช้หมดไปกับการทำงาน ถ้าคุณไม่พบความสุขในงานคุณ -> ก็อาจจะหาไม่พบในที่แห่งไหนอีกเลยก็ได้ ------------------------------------------------ คุณค่าของชีวิต - คุณจะเอาไหม ถ้ามีใครเอาเงินล้าน มาแลกกับสิ่งที่คุณมี - ชีวิตมนุษย์มีความราบรื่น 90% และมีความยากเพียง 10% - ถ้าเราต้องการหาสันติสุข -> เราต้องเอาใจใส่ 90% ที่ราบรื่น, ละเลย 10%ที่ยุ่งยาก - แต่ถ้าเราต้องการความทุกข์ร้อนวิตกกังวล และต้องการเป็นโรคกระเพาะ - จงสนใจกับ 10%ของความยุ่งยาก -> รับรองได้สมใจ - หมอที่ดีที่สุดในโลก = อาหารที่ทรงคุณประโยชน์, ความสงบเงียบ, ความร่าเริงแจ่มใส - คุณจะยอมขายดวงตา 2 ข้าง 1000ล้านเหรียญไหม - จะยอมขายขาทั้งคู่ ขายโสตประสาท มือ ลูกๆ และครอบครัวไหม - คนเรามักจะไม่ค่อยคิดถึงสวิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว แต่กลับไปคิดถึงสิ่งที่ตัวเองไม่มี - ทุกๆ เช้าตื่นนอน คิดถึงแต่เรื่องสบายใจ พึงใจ สิ่งที่มิใช่นำมาซึ่งความกลัดกลุ้มวิตกกังวล - คิดถึงลูกสาววัยรุ่นและน่ารัก, พอใจในความโชคดีที่ตายังมองเห็นและอ่านหนังสือได้, โสตประสาทที่สัมผัสไพเราะของดนตรีได้, อาหารดีๆ เพื่อนฝูงดีๆ - เพียงล้างจานชาม -> มองเห็นประกายรุ้งในฟองสบู่ และมองเห็นนกกระจอกบินผ่นไปท่ามกลางหิมะ -> ขอบคุณพระเจ้า - ถ้าต้องการหยุดยั้งความวิตกกังวล และสร้างสันติสุข จงปฏิบัติตามกฎหนี้ "จงคิดถึงแต่ความสุขความเจริญ และอย่าคำนึงถึงความเดือดร้อน ----------------------------------------------------- วิธีจัดการกับการใส่ร้ายป้ายสี - ถ้าคุณถูกกระหน่ำด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์ - จงจำไว้ว่าเป็นเพราะผู้ตำหนิติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ ต้องการจะเป็นบุคคลสำคัญเช่นคุณบ้างและมันหมายความว่า คุณก้าวหน้าและสำเร็จในบางอย่างที่ควรค่าแก่การสนใจ - มีคนมากมาย ที่พอใจติเตียนโจมตี ผู้ฉลาดเหนือล้ำกว่าตน, ผู้ประสบความสำเร็จมากกว่า - บุคคลต่ำต้อย จะบังเกิดความปีติยินดีอย่างยิ่ง ถ้าได้พบบุคคลผู้ยิ่งใหญ่กระทำความผิดพลาดและโง่เขลา - จำไว้ว่า ไม่มีบุคคลใดเตะสุนัขที่ตายแล้ว ----------------------------------------------------- วิธีจัดการกับคำตำหนิติเตียน- "ถ้าทำก็ถูกด่า ไม่ทำก็ถูกด่าล่ะก็ จงทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องก็แล้วกัน"- ตราบใดก็ตาม ที่หนูแน่ใจว่า ตัวเองทำถูกล่ะก็ อย่าไปสนใจเลยว่า ใครมันจะพูดว่ายังไง - ปลงตก- การอยู่ตำแหน่งใหญ่โต มีลูกน้องมากมาย -> ไม่มีวันหลีกหนีคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาได้พ้น - คติ : จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นว่าดีที่สุด โดยไม่ต้องประจบเอาใจใคร หรือเกรงว่าจะมีคนมานินทาให้ร้าย - เมื่อใดถูกตำหนิติเตียนโดยไร้เหตุผล ปราศจากความเป็นธรรม จงจำกฎนี้ไว้ให้มั่น "จงทำในสิ่งที่คุณเห็นว่าดีที่สุด และกางร่มเพื่อปิดป้องไม่ให้หยดฝนแห่งคำตำหนิติเตียนมาทำให้คุณเปียกปอนได้ ที่มา - หนังสือวิธีทำงานให้สนุก และสร้างสุขในชีวิต ของเดล คาร์เนกี้
|
Kat_kine
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] |