ดอกส้มสีทอง


ดอกส้มสีทอง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก doksom-nz.com, pantip.com, ช่อง 3

สวน ดุสิตโพล เผยคนส่วนใหญ่ 61.95% หนุน ดอกส้มสีทอง ฉายต่อ ชี้หยุดฉายไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม บอกประโยชน์-โทษพอ ๆ กัน ขณะที่สำนักนายกฯ เรียกถกผู้เกี่ยวข้อง 4 พ.ค.

หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อนถึงความไม่เหมาะสม และมีเสียงเรียกร้องให้หยุดฉายละคร "ดอกส้มสีทอง" ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด ทางสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,251 คน ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2554 ซึ่งผลปรากฎว่า...

ประชาชน ส่วนใหญ่ หรือ 61.95% เห็นว่า ควรให้ฉายต่อไปตามปกติ เพราะอยากรู้จุดจบของเรื่อง และเห็นว่าหากหยุดฉายก็จะเป็นการทำลายอรรถรสในการรับชมของแฟนละคร รวมทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ ขณะที่ 33.56% เห็นว่าควรตัดบางตอนที่ไม่เหมาะสมออกไป เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขัดกับวัฒนธรรมของสังคมไทย และมีเพียง 4.49% ที่เห็นว่า ควรหยุดฉายทันที เพราะ ละครมีเนื้อหาไม่เหมาะสมเกินกว่าจะรับได้

ส่วนหัวข้ออื่น ๆ สรุปได้ดังนี้

ผู้ชมคิดว่าละครเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เหมาะสมหรือไม่ ?

53.29% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นเรื่องจริงที่มาจากการสะท้อนชีวิตของคนในสังคม, ให้แง่คิดในเรื่องของการมีชีวิตคู่, การมีครอบครัว ฯลฯ

46.71% เห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะ มีหลายฉากที่ใช้ความรุนแรง พฤติกรรมชู้สาว ฉากเลิฟซีน /อาจเกิดการลอกเลียนแบบได้ ฯลฯ

การแสดงบทบาทของตัวละครชื่อ เรยา มีความเหมาะสมหรือไม่ ?

58.33% ระบุ ไม่เหมาะสม เพราะการใช้พฤติกรรมที่ก้าวร้าว คำพูดไม่เหมาะสมกับบุพการี, เป็นชู้กับสามีคนอื่น ฯลฯ

41.67% เห็นว่า เหมาะสม เพราะสะท้อนให้เห็นถึงผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน อยากได้ใคร่ดี ,การใช้จริตมารยาของผู้หญิง ฯลฯ

ประโยชน์ และ โทษ ที่ผู้ชมได้รับจากละครเรื่องนี้ ?

49.79% มองว่า พอ ๆ กัน เพราะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ชมแต่ละคน , ถ้าเด็กอยากดูควรมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ ฯล

26.47% มองว่า มีประโยชน์มากกว่า เพราะให้ข้อคิด คติสอนใจ, เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบัน ฯลฯ

23.74% บอกว่า โทษมากกว่า เพราะเนื้อหาล่อแหลม ส่อไปในเรื่องของการคบชู้สู่ชาย , ความทะเยอทะยาน ไม่รู้จักความพอดี , เกิดการลอกเลียนแบบ ฯลฯ

การเรียกร้องให้เพิ่มเรตอายุผู้ชมตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เหมาะสมหรือไม่ ?

72.56% มองว่า เหมาะสม เพราะ เป็นช่วงอายุที่มีวุฒิภาวะ มีความคิดความอ่าน และสามารถแยกแยะได้ในระดับหนึ่ง ฯลฯ

27.44% มองว่า ไม่เหมาะสม เพราะไม่สามารถควบคุมได้จริง เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ และควรมีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการออกอากาศ ฯลฯ

ผู้ชมคิดอย่างไร กับละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง

44.92% เห็นว่า เป็นละครสะท้อนสังคมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก

34.72% มองว่า บางตอนมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว / มีฉากเลิฟซีนที่ล่อแหลม

20.36% มองว่า สนุก ให้แง่คิด แต่อาจมีเยาวชนบางกลุ่มที่ลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม



ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ ได้มีการนัดหารือกับตัวแทนช่อง 3 ผู้จัดละคร และตัวแทนสมาคมสื่อวิทยุโทรทัศน์ เข้าร่วมหารือกรณีละคร ดอกส้มสีทอง ที่มีเนื้อหาที่รุนแรง และไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการประสาน และส่งเรื่องมายังตน ทั้ง นี้ ยอมรับว่าเนื้อหาของละครดังกล่าวมีเนื้อหาที่แรงกว่าละครทั่วไป ซึ่งหากเด็กและเยาวชนที่รับชม โดยไม่มีผู้ปกครองชี้แนะ ก็อาจทำให้เข้าใจผิด และสับสนต่อมุมมองที่ละครต้องการนำเสนอ

ส่วนการเรียกร้องให้ทบทวนสัมปทานช่อง 3 นั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการของ อสมท. ที่จะต้องพิจารณาว่าขัดต่อข้อตกลงหรือไม่ นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงการพิจารณาเนื้อหาหรือละคร ก่อนนำเสนอว่า ขณะนี้ไม่มีคณะกรรมการ กบว. ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละสถานี ที่จะต้องพิจารณา แต่ขณะนี้การพิจารณาของสถานี มีเพียงเนื้อหาโฆษณาเท่านั้น จึงเป็นเรื่องของช่องว่างทางกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องด้วย




[2 พฤษภาคม] รมว.วธ. เผยส่ง ดอกส้มสีทอง ต่อ กบว.แล้ว

ชมพู่ รับเสียใจหาก ดอกส้มสีทอง โดนแบน หวั่นถูกตัดตอน แนะผู้ปกครองแนะนำเด็กในการชม ชี้เป็นละครที่ให้แง่คิดต่อสังคม เชื่อคนดูมีวิจารณญาณ

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคม สำหรับตัวละคร "เรยา" ในละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" จนล่าสุดมีผู้ปกครองได้ยื่นข้อเรียกร้องให้แบนละครดังกล่าว เนื่องจากเป็นละครที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

โดย นางเอกสาว ชมพู่ อารยา ซึ่งรับบทเรยา ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชนว่า รู้สึกเสียใจ หากว่าละครโดนแบนและถูกสั่งงดออกอากาศ ซึ่งตนคิดว่าเป็นละครที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตมากกว่า ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ละครถูกตัดตอน หรือถูกงดออกอากาศ เพราะตนและทุกคนต่างตั้งใจและทุ่มเทในการทำงาน แต่ตนก็เข้าใจผู้ปกครองทุกคน ก็ควรให้คำแนะนำแก่เด็ก หากเด็กรับชมว่าเป็นเพียงการแสดง และเป็นคติสอนใจคน และตนก็เชื่อว่าผู้ชมทุกคนต่างมีวิจารณญาณในการรับชมเช่นกัน



ขณะเดียวกัน วันนี้ (2 พฤษภาคม) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง ซึ่งปรากฏภาพและเนื้อหาไม่เหมาะสมแล้ว ซึ่งคิดว่าปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นกับละคร ดอกส้มสีทอง นั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัวในการปกป้องสาธารณะ เด็ก และเยาวชน และศีลธรรมอันดีมากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเงียบกันหมด มันก็จะสะท้อนว่าสังคมก็เริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละครต้องระวังมากยิ่งขึ้น

"ทั้ง นี้ ตนคิดว่าแม้ว่าขณะนี้ทาง กบว. จะให้ทางช่องได้มีการปรับเรตติ้งจาก น.13+ เป็น น.18+ แล้วก็ตาม แต่ตนยังมองว่ายิ่งเป็นการชี้ชัดว่า กบว. ช่องมีปัญหา หรือมัวไปนั่งหลับอยู่ในเวลาตรวจ ทำให้การพิจารณาละครในช่วงแรก ให้เรตที่ น.13+ และเพิ่งมารู้ตัวในตอนที่สังคมมาปลุก" รมว.วธ. กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ. จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละครที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยัง คณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกันตนเห็นว่า ต่อไปการสร้างละคร ควรจะมีการพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน อย่าสร้างละคร หรือทำอะไรด้วยความอยากของคน และอย่าสนองความอยากของคน เพราะจะทำให้สังคมเละเทะอยู่ไม่ได้

"สิ่ง ที่ตนหนักใจอย่างเดียว คือ เมื่อกระทรวงฯ ได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนคุณไม่ค่อยฟังเรา ถ้าคุณฟังเราแล้วไปคิด ก็เป็นทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคุณคิดไม่ได้สังคมก็จะต่ำลง ในส่วนนักแสดงที่ออกมาให้ความเห็นว่า ละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ และผู้แสดงก็อยากได้กระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ขณะเดียวกัน ที่นักแสดงออกมาพูดว่าทุกฉากที่ได้แสดง ทุ่มเท เป็นหยาดเหงื่อและต้องใช้พลังสูงนั้น ตนเห็นว่าถ้าต้องเหนื่อยขนาดนั้น เพื่อเล่นบทที่รุนแรงขนาดนี้ก็น่าสงสาร แต่อย่าให้เขาต้องลำบากอีกเลย" นายนิพิฏฐ์ กล่าว




[1 พฤษภาคม] ดอกส้มสีทอง พ่นพิษ วธ.จี้ทบทวนต่อสัมปทาน ช่อง 3

เร ยา พ่นพิษ วธ.จี้ทบทวนต่อสัมปทาน ช่อง 3 กับ อสมท ชี้ให้เป็นอุทาหรณ์ผลิตละครเรื่องอื่น ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังฯ เผยเรตติ้งมีช่องโหว่ ไร้กฎหมายเอาผิดผู้ผลิต-สถานี

จากกรณีผู้ปกครองร้องเรียนผ่านสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ขอให้ทบทวนการเผยแพร่เนื้อหาละคร "ดอกส้มสีทอง" ที่ออกอากาศทางช่อง 3 เพราะตัวละครเอก "เรยา" มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า วธ.จะส่งหนังสือที่มีรายละเอียดการร้องเรียนของประชาชนถึง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และขอ ให้ นายองอาจ เข้ามาช่วยดูแลตามที่ประชาชนร้องขอ โดยเฉพาะกำชับผู้บริหารสื่อ ผู้บริหารช่อง ผู้ประกอบการ และผู้ผลิต ขณะเดียวกันก็จะขอให้มีการพิจารณาทบทวนถึงการต่อสัมปทานกับ อสมท ช่อง 9 และช่อง 3 ด้วย

น.ส.ลัดดา ยังระบุอีกว่า ถึงความคิดเห็นของการนำเสนอละคร ดอกส้มสีทอง จะมีทั้งสนับสุนนและขัดแย้ง แต่ทาง วธ.อยากให้ประชาชนที่ชมละคร ดอกส้มสีทอง ต้องชมอย่างมีสติ ขอให้คิดตามและแยกแยะประเด็นว่าละครกำลังจะบอกอะไรที่เป็นประโยชน์ และมีโทษอย่างไร โดยเฉพาะตัวละครที่กระทำไม่ดี ทั้งต่อบุพการี และต่อคนรัก จะได้ผลตอบรับเช่นไร

นอก จากนี้ ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ยังกล่าวถึงการจัดเรตติ้งด้วยว่า ช่องโหว่ของการจัดเรตติ้งคือภาครัฐไม่มีกฎหมายเข้ามาบังคับใช้ มีเพียงขอความร่วมมือไปยังผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ และผู้ผลิตเท่านั้น และเมื่อมีการเสนอเนื้อหาละครที่ไม่ตรงตามเรตติ้งที่กำหนด ก็ไม่สามารถเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ แต่ในอนาคต วธ.จะผลักดันให้เกิด กองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ เพื่อให้มีการผลิตละครน้ำดีสู่สังคม

อีก ทั้งเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสทช.) ก็จะมีคณะกรรมการที่เข้ามามีส่วนดูแลโทรทัศน์โดยตรง จึงจะต้องมีการผลักดันให้เกิดกฎหมายเข้ามาควบคุมดูแล และลงโทษการจัดเรตติ้งที่ไม่ตรงกับเนื้อหาของละครด้วย ทั้งในส่วนของเจ้าของสถานี ผู้ผลิต ผู้จัด ผู้เขียนบท




[30 เมษายน] วธ.ว้าก ดอกส้มสีทอง ถึงปรับเป็น น.50+ ก็ไม่มีผล

รมว.วัฒนธรรม ฉุนผู้จัดละคร ดอกส้มสีทอง เมินปรับบท ชี้ต่อให้ปรับเรตติ้ง น.18+ มาเป็น น.50+ ก็ไม่มีผล จ่อยื่นสำนักนายกฯ จัดการ

จากกรณีที่ทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประสานไปทางผู้จัดละครโทรทัศน์เรื่อง ดอกส้มสีทอง ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ให้มีการปรับบท เนื่องจากเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน หลังมีการร้องเรียนจากบรรดาผู้ปกครองจำนวนมาก จนกลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคมไปแล้วนั้น

ล่าสุด ทางผู้จัดละคร ดอกส้มสีทอง ได้ตัดสินใจปรับเรตติ้งจาก น. 13+ มาเป็น น.18+ ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กและเยาวชนมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปดูได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของผู้ปกครอง พร้อม ทั้งยืนยันว่า ไม่สามารถปรับบทตามที่กระทรวงวัฒนธรรมร้องขอได้ เพราะละครได้ถ่ายทำจนเสร็จสิ้นแล้ว ที่สำคัญ ดอกส้มสีทอง เพิ่งออกอากาศไปครึ่งเรื่อง และยังมีผู้ชมที่อยากดูอีกเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนมองว่าน่าจะสามารปรับเปลี่ยนหรือตัดทอนบางช่วงที่ไม่เหมาะสมได้บ้าง เพราะต้องยอมรับว่า พฤติกรรมของตัวละคร มีความรุนแรง หากเด็กได้ดูก็อาจจะจดจำและติดอยู่ในความรู้สึก ซึ่งในระยะยาวเด็กอาจนำเอาพฤติกรรมดังกล่าวมาแสดงออกได้

รมว.วัฒธรรม กล่าวต่อว่า กรณีที่ทางผู้จัดละครค่ายบรอดคาซท์ ได้ทำการปรับเรตติ้งละคร ดอกส้มสีทอง จาก น. 13+ มาเป็น น.18+ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่เหมาะสม เพราะต่อให้มีการปรับเรตติ้งเป็น น.50+ เด็กและเยาวชนก็ยังสามารถดูได้ เพราะในประเทศไทย ยังไม่เคร่งครัดเรื่องการจัดเรตติ้งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทางผู้จัดไม่สามารถปรับบทได้ ตนก็จะประสานไปยัง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลด้านสื่อ เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง




[29 เมษายน] ผู้จัดยันไม่ปรับบท เรยา ใน ดอกส้มสีทอง

หน่อง อรุโณชา ยันไม่ปรับบท เรยา ในดอกส้มสีทอง หลัง วธ. จี้ระงับออกอากาศ แจงถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟุ้งมีเนื้อหาเตือนสติสังคมได้ดี เชื่อคนดูแยกแยะออกอะไรดีชั่ว

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมอยู่ในขณะนี้ สำหรับตัวละคร เรยา ในละครเรื่องดอกส้มสีทอง ซึ่งล่าสุด บรรดาผู้ปกครองได้โทรศัพท์ไปร้องเรียนต่อ นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากละครดอกส้มสีทอง มีเนื้อหารุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และถือว่า ไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน จึงขอให้ทางกระทรวงวัฒนธรรมประสานงานไปยังสถานีโทรทัศน์ เพื่อให้พิจารณาเรื่องการนำเสนอ

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดค่ายบรอดคาซท์ฯ ได้เปิดเผยว่า จริง ๆ ถ้ามองถึงแก่นของละครจะเห็นว่า ในละครแม้จะมีความแรง หวือหวา แต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิด บทเรียนต่าง ๆ ดังเช่นตอนที่ แม่มวย หรือ คุณนายที่ 1 ออกอากาศ คุณนายที่ 1 ก็จะสอนตลอดว่า ผู้ชายต้องมีความรับผิดชอบ ถ้ามีเมียน้อยก็เท่ากับว่าฆ่าผู้หญิง ทั้ง 2 คน คือ ตัวแม่และคุณดี๋ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคำพูดที่เป็นข้อคิดเตือนใจได้ดีเช่นกัน

หน่อง อรุโณชา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องราวที่ผ่านตัวละคร สะท้อนให้เห็นบทเรียนต่าง ๆ ตัวละครทุกตัวให้บทเรียนกับสังคม เช่น ถ้าพระเอกไปมีเมียน้อย พระเอกก็ไม่ได้มีความสุขเลย ครอบครัวของเมียน้อยก็ไม่มีความสุข ถ้าจะบอกว่าเราหยิบจากสิ่งที่เกินเลย สังคมหรือเปล่านั้นไม่ใช่ หลายคนคงจะทราบว่า สังคมมีสิ่งที่มันเกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่ว่า ผู้ประพันธ์หยิบเอาจุดนี้ของสังคมมานำเสนอ และบทประพันธ์นี้เกิดขึ้น 11 ปี แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สังคมเรายังไม่ได้ไปไหนไกล และละครพยายามสะท้อนออกมาว่า ตั้งแต่เรื่องมงกุฎดอกส้ม ตั้งแต่เจ้าสัว คุณนายที่ 1-4 ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีภรรยาหลายคน ทุกคนไม่ได้มีความสุขเลย

แม้กระทั่งละครเรื่องมงกุฏดอกส้ม ซึ่งตัวเรยาเอง ก็ไม่ได้สมหวังในความรัก แต่กลับมีแต่ทุกข์ในสิ่งที่ทำ สิ่งที่เรยาคิด กระทำอะไรที่ไม่สมควร ไม่ถูกต้องจะมีตัวละคร ที่ชื่อว่า นัด เข้ามาสอนว่า สิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้องมันผิดศีล และละครสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ไม่ดีไม่ควรเอาตามอย่าง ทั้งนี้ ก่อนที่เราคิดจะทำตรงนี้ ทางผู้เขียนบทเอง จะต้องการให้มีเหตุและผล และมีข้อคิด จึงเห็นว่า ละครสอดแทรกข้อคิดไปตลอดทั้งเรื่อง เช่น คุณดี๋ เค้าพูดในประโยคที่ดี สิ่งที่แม่สอนลูก ตรงนี้ทางผู้เขียนบทเอง ได้สอดแทรกไว้ดีมาก ๆ บทเรื่องนี้ได้รับคำชมว่าดีมาก ๆ

อย่างไรก็ตาม หน่อง อรุโณชา ยังย้ำว่า ละครเรยานี้ เป็นแค่เรื่องราวที่นำเสนอเป็นบทเรียน เป็นแค่ภาพสะท้อนสังคม และยังมีคำสอน ข้อคิดที่ดี ๆ มากมาย ทั้งนี้การที่มีคนวิจารณ์ก็เป็นสิ่งที่ดี โดยทางเราทำงานออกไปสู่สายตาผู้ชมเป็นสิ่งที่เราเปิดใจกว้าง ที่จะรับฟังทุกความคิดเห็น และเข้าใจทุกคนด้วยความปรารถนาดี และเจตนาที่ดี

[28 เมษายน] แรงเกิน! ผู้ปกครองสุดทน จี้หยุดฉาย ดอกส้มสีทอง

ทั้ง นี้ เหตุผลที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ลูกหลานชมละครเรื่องนี้ เพราะตัว "เรยา" นางเอกของเรื่องมีพฤติกรรมเกเร ไม่เคารพ และก้าวร้าวกับแม่ อีกทั้งยังมีฉากแสดงความรักหญิงชายที่โจ่งแจ้ง จึงกลัวว่า ลูกหลานจะเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ แม้จะเป็นละคร แต่เด็กก็อาจจะติดภาพเหล่านี้ต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม นางสาวลัดดา ยังระบุว่า เกี่ยวกับข้อร้องเรียนดังกล่าว ทางกระทรวงวัฒนธรรมคงไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะ กบว.ได้กำกับดูแลสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องอยู่ และได้จัดเรต น 13+ ไว้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า สำหรับละครที่มีเนื้อหาเชิงชิงรักหักสวาท หรือฆาตกรรม ควรจัดเรตที่ น 18+ มากกว่า เพราะเนื้อหาของเรื่องอาจไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน

นาง สาวลัดดา ยังกล่าวต่อด้วยว่า นอกจากนี้ สิ่งที่น่าห่วงกว่าการที่ละครฉายอยู่ในขณะนี้ก็คือ หากละครเรื่องนี้ถูกนำไปโพสต์เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต หรือกลับมาฉายใหม่ตอนกลางวันช่วงปิดเทอม จะยิ่งทำให้เด็ก ๆ เปิดดูได้ทุกเมื่อ และคงห้ามได้ยาก จึงอยากให้ กสทช. ซึ่งกำลังจะคัดเลือกคณะกรรมการ 11 ท่าน เข้ามากำกับดูแลออกกฎระเบียบต่าง ๆ ของโทรทัศน์ด้วยในอนาคต




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก