คมนาคม ไฟเขียวขึ้นค่าโดยสาร 15 พ.ค.นี้
ที่ประชุมกรมขนส่งทางบกกลาง มีมติขึ้นค่าโดยสาร รถสองแถว มินิบัส บขส. และรถร่วม บขส. มีผล 15 พ.ค. ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เชื่อประชาชนปรับตัวได้
วานนี้ (25 เมษายน) นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ได้เปิดเผย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เรื่องอัตราค่าโดยสาร ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้รถโดยสารหมวด 2, 3 และ 4 ซึ่งได้แก่ รถสองแถว รถมินิบัส รถบขส. และรถร่วม บขส. สามารถปรับค่าโดยสารได้ ซึ่งจะมีผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 ดังนี้
รถสองแถว ปรับจาก 5.50 บาท เป็น 7 บาท รถมินิบัส ปรับจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาท รถบขส. และรถร่วม บขส. ปรับขึ้นสูงสุดกิโลเมตรละ 4 สตางค์ ทั้งนี้ ส่วนรถโดยสารหมวด 1 รถ ขสมก. และรถร่วม ขสมก. นั้น ในที่ประชุมยังไม่อนุมัติให้ปรับอัตราค่าโดยสารจนกว่าราคาก๊าซธรรมชาติ หรือก๊าซ NGV จะอยู่ที่ 9.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยในขณะนี้ ราคาก๊าซ NGV ของผู้ประกอบการ อยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเมื่อราคาก๊าซ NGV ได้ปรับขึ้นราคาถึง 9.50 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว จึงจะสามารถปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นได้อีก 1 บาท ในส่วนของรถเมล์ธรรมดา จาก 6.50 บาท เป็น 7.50 บาท และในส่วนของรถโดยสารปรับอากาศนั้นจะปรับขึ้นระยะทางละ 1 บาท อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่ในที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ปรับค่าโดยสารได้ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2555 นั้น เนื่องจากจะต้องให้กรมการขนส่งทางบก ไปปรับตารางค่าโดยสารก่อน ทางผู้ประกอบการ จึงจะสามารถปรับค่าโดยสารได้ ธนวรรธน์ พลวิชัย จากการอนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จะส่งผลทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น กลุ่มประชาชนผู้ใช้รถโดยสารจะได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ หากรัฐบาลเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลกลับมาอยู่ในอัตราปกติที่ 5.30 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตร เชื่อว่า รถโดยสาร แท็กซี่ รอคิวปรับขึ้นราคาค่าโดยสารในอนาคตอย่างแน่นอน ยิ่งส่งผลให้ภาระค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น แต่ถ้ามองอัตราเงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์ทำดัชนีราคาผู้บริโภค ยังอยู่ที่ประมาณ 3.4 - 3.5% ยังถือว่าไม่สูงมาก
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้น ถือว่าประชาชนยังอยู่ในระดับที่พอปรับตัวได้ ส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้น ผู้ประกอบการทราบอยู่แล้ว ไม่น่ามีผลกระทบรุนแรง ถือว่าปรับตัวได้ แต่หากมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรง เช่น ขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี เอ็นจีวี จะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มอาจจะทำให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาสินค้าได้
ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจขยายตัว พร้อมกับเร่งกระจายเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าประชาชนโดยเร็ว นอกจากนี้ รัฐบาลต้องหามาตรการช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบของภาครัฐ ที่สร้างภาระให้ผู้ประกอบการ หรือค่าใช้จ่ายบางอย่างที่สูง เช่น ค่าไฟ จะหาแหล่งพลังงานที่มีราคาถูกลงได้หรือไม่ หรือสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก เป็นต้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Create Date : 26 เมษายน 2555 |
Last Update : 26 เมษายน 2555 20:39:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1408 Pageviews. |
|
|
|