Group Blog
ทางสายหมอก...บท 4
lozocatlozocat


พันไมล์ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนเขา แต่เพราะเหนื่อยจากการเดินเขามาตลอดห้าชั่วโมงมันทำให้เธอไม่มีแรงผลักเขา ท้ายสุดจึงทำได้เพียงยืนเม้มริมฝีปากแน่น

เอียนไซ้จมูกและริมฝีปากทั่ววงหน้า ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากสีชมพูสดนิ่งนาน เขาหยุดสำรวจด้วยริมฝีบากนานจนพอใจแล้ว จึงผละเงยหน้า แววตาอ่อนเชื่อมเมื่อเอ่ยว่า

“เมล่า- -ผมรักคุณ”

พันไมล์ตกตะลึง กะพริบตาเรียกสติกลับคืนมาแล้วจึงเงยหน้า สบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า “คุณพูดคำว่ารักออกมาง่ายๆ ได้ยังไงกันเอียน ในเมื่อคุณแทบไม่รู้จักฉันเลย”

“ความรักไม่ต้องการเวลา คุณไม่เคยได้ยินคำว่ารักแรกพบหรอกหรือ..เมล่า”

“ฉันเลิกอ่านนิยายรักหวานแหววตั้งแต่อายุสิบเจ็ดแล้ว” พันไมล์พูดเสียงเหยียด

“คุณพูดเหมือนฝังใจเจ็บกับความรัก? คุณเคยอกหักหรือเมล่า”

เอียนยกมือกอดอก ตามองอีกฝ่ายนิ่งๆ อารมณ์ดีถึงขนาดเอื้อมมือไปเกลี่ยข้างแก้มหญิงสาวอย่างต้องการให้ความอบอุ่นแกมล้อเลียนอยู่ในที

พันไมล์รีบถดตัวหนี “มันเรื่องส่วนตัวของฉัน”

เอียนหัวเราะ “แสดงว่าคุณเคยอกหัก” เอียนตีขลุมคำตอบอีกฝ่ายหน้าตาเฉย แววตาจริงจังขึ้นเมื่อเอ่ยว่า “ใครนะผู้ชายโชคดีและโง่ในคราวเดียวกันคนนั้น เขาไม่รู้เลยหรือไงว่าปล่อยเพชรในมือ”

“ฉันยังไม่ได้พูดว่าเคยอกหัก” พันไมล์กัดฟันตอบ

เอียนหัวเราะ “งั้นรับรักผมเป็นคนแรกได้ไหม?”

พันไมล์ชะงัก “คุณมันช่างตีขลุม เจ้าเล่ห์และเจ้าชู้อย่างร้ายกาจเอียน ใครได้เป็นแฟน โชคร้ายไปสิบชาติแน่”

เอียนหัวเราะอย่างชอบใจ ไม่ได้โกรธกับคำพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของเธอนั่น ยังมองตามหลังด้วยรอยยิ้มเมื่อเจ้าตัวพูดจบก็หยิบเสื้อโคทยัดมือเขา ก่อนจะเดินข้ามลำธาร ตรงไปยังเบสแคมป์ Grahan ทันที

เอียนหัวเราะหึๆ

แล้วเราได้เห็นดีกันแน่ มายโซนียา<1>


เบสแคมป์ Grahan เป็นเบสแคมป์ที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจี แวดล้อมด้วยป่าและไกลออกไปสุดสายตาคือเทือกเขาสูงตระหง่านปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ช่วงที่พันไมล์เดินไปถึงเบสแคมป์ พบว่าทุกคนนั่งจิบเครื่องดื่มร้อนๆ อยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่หรือหัวหน้าแคมป์เข้ามาสัมผัสมือทันทีที่เธอเดินเข้าไปใกล้ เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มแล้วแจกน้ำบุรานสีแดงเป็น welcome drink ตามมาด้วยไจ ขนมว่างและซุปมะเขือเทศร้อนๆ

ถึงเวลาหกโมงครึ่ง หัวหน้าแคมป์ก็เรียกทานข้าวเย็น แม้จะเป็นเวลาใกล้พลบค่ำทว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ยังคงมีแสงอาทิตย์เจิดจ้า หลังทานอาหารเย็นทุกคนนำกล่องข้าวไปล้างยังลำธารด้านล่างแคมป์ซึ่งต้องเดินลงไปประมาณห้าสิบเมตร บนแคมป์สูง 7,700 ฟุตแห่งนี้ไม่มีอ่างล้างจานอย่างเบสแคมป์ Kasol ทุกคนจึงได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าแคมป์ว่าให้ล้างจานด้วยดินดำแถบนั้น ซึ่งมีคุณสมบัติขจัดความมันได้ หลังช้อนดินดำมาถูๆ กล่องข้าว พันไมล์พบว่ามันสามารถขจัดความมันจากแกงดาลได้จริงๆ

ด้วยเหตุที่ลำธารเป็นแหล่งน้ำเพียงแหล่งเดียวของแคมป์ Grahan และอยู่ห่างกับตัวแคมป์ค่อนข้างมาก ห้องน้ำซึ่งสมาคมฯ สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ จึงไม่มีน้ำใช้ หากต้องการใช้น้ำก็ต้องแบกขึ้นมาจากลำธารซึ่งเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นทุกคนจึงต้องใช้ทิชชูเปียก แล้วทุกคนก็ทยอยกันอาบน้ำ จากนั้นจึงทำกิจกรรมแคมป์ไฟเป็นลำดับสุดท้าย จนถึงเวลาสี่ทุ่มจึงแยกย้ายเข้านอน อากาศหนาวจัดเนื่องจากอุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา ทำให้ถุงนอนที่สมาคมฯ เตรียมไว้ให้ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทุกคนรื้อเสื้อกันหนาวที่มีอยู่มาสวมเพิ่ม<2> หลายคนเริ่มบ่นปวดกล้ามเนื้อ พันไมล์จึงหยิบยาคลายกล้ามเนื้อที่เตรียมมาแจกจ่ายให้ทุกคน แล้วจึงจัดแจงนอนพาดขากับเป้เพื่อบรรเทาอาการบวมที่เกิดจากการเดินบนเขาสูง<3>

พันไมล์พยายามข่มตาหลับ แต่อากาศที่หนาวจัดทำให้เธอไม่อาจข่มตาหลับได้ ทั้งที่เหนื่อยและอ่อนเพลียจากการเดินเขามาตลอดทั้งวัน พลิกตัวกลับไปกลับมาใต้ถุงนอน จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเธอจึงหลับผล็อยได้ในที่สุด

แล้วนิทรารมณ์คืนนั้น เธอก็ฝันร้ายอีกครั้ง..


‘อะไรนะคะ’ พันไมล์ถามเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อราฆพพาเด็กชายวัยสามขวบมาแนะนำว่าเป็นน้องชายเธอในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ราฆพและภัทราแต่งงานไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว

‘พ่อบอกว่านี่ภูไมล์- -น้องชายของลูก จะย้ายมาอยู่กับพวกเราตั้งแต่วันนี้’

‘ภูไมล์?’ พันไมล์ทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ตามองเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้ม วัยขนาดซนในอ้อมแขนภัทราแวบหนึ่งก่อนตวัดสายตากลับไปมองคุณราฆพ

‘นี่หมายความว่าพ่อมีลูกกับภัทราตั้งแต่สามปีที่แล้ว- -ตั้งแต่ยังไม่หย่ากับแม่ใช่ไหม’ พันไมล์ถามน้ำเสียงบึ้งตึง ใบหน้าติดจะบิดเบี้ยว

‘พ่อก็บอกแล้วว่าพ่อกับแม่แกระหองระแหงมานานแล้ว’

‘แล้วพ่อก็เลยเอาเป็นข้ออ้างไปเล่นชู้กับภัทราจนมีลูกนอกสมรสคนนี้ใช่ไหม’

‘เพียะ’ ราฆพตวัดฝ่ามือลงบนแก้มใสของเด็กสาวในทันทีที่เธอพูดจบ ภาพนั้นทำให้ภัทราหน้าเสียด้วยเธอร้องห้ามไม่ทัน ได้แต่อ้าปากค้าง

‘ภูไมล์ไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฉัน แกเป็นลูกแท้ๆ ที่ฉันรับรองถูกต้องตามกฎหมาย’ ราฆพมองเด็กสาวด้วยแววตาร้อนแรง ด้วยนับวันลูกสาวเขาก้าวร้าวขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เขาตบแต่งกับภัทราและพาเข้ามาอยู่ในบ้าน เด็กสาวก็ไม่เคยอ่อนข้อให้เขาหรือภัทราเลย

แววตาของราฆพทำให้พันไมล์หนาวยะเยือก ด้วยเป็นแววตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน!

พันไมล์กุมแก้ม ใบหน้าแดงก่ำ เธอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อสะบัดหน้ากลับมามองราฆพ ‘จะแก้ตัวยังไงพ่อก็หนีความจริงไม่ได้หรอกว่าพ่อทำร้ายแม่ พ่อทำร้ายเราด้วยการเป็นชู้กับภัทรา’

‘แกไปเลยนะพันไมล์ ก่อนที่ฉันจะมุโทสะไปมากกว่านี้’ ราฆพกำหมัดแน่น อย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์

ภาพนั้นทำให้พันไมล์เหลือบมองกำปั้นข้างตัวของราฆพอย่างอัดอั้นตันใจ เงยหน้ากัดริมฝีปากก่อนจะตวัดสายตาไปมองภัทราด้วยแววตาร้อนแรงอาฆาตแค้น แล้วจึงวิ่งผละขึ้นบันได

‘ลูกไม่เข้าใจผม’ ราฆพเซไปทรุดนั่งบนโซฟายาว เมื่อเด็กสาววิ่งหายลับขึ้นบันไดไปแล้ว

ภัทรามองใบหน้าอ่อนระโหยของสามี อยากจะเอ่ยปากตำหนิเรื่องที่เขาตบหน้าพันไมล์แต่เมื่อเห็นแววตาเหมือนสำนึกผิดของเขา เธอก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจ

‘ปล่อยแกไปก่อนค่ะ วันนี้เรื่องมันยังใหม่ แกถึงยังทำใจไม่ได้ ให้เวลาแกอีกนิด ฉันเชื่อว่าแกจะเข้าใจคุณเข้าใจเรา’

‘แล้วเมื่อไหร่ล่ะคุณภัทร กว่าจะถึงวันนั้นผมมิต้องตายไปก่อนหรือ’ ราฆพพูดเสียงเครือๆ ‘ไม่รู้สิผมรู้สึกว่าระหว่างผมกับลูกนับวันจะมีแต่ห่างเหินกันไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลยนะคุณภัทร ผมเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็ก รักแกไม่ต่างจากภูไมล์’

‘ฉันเชื่อค่ะว่าคุณรักแก ไม่ยังงั้นคุณจะตั้งชื่อลูกเรามีคำว่าไมล์ด้วยหรือคะ’ ภัทรายิ้มอย่างเย้าๆ

‘แต่คุณก็ตั้งชื่อลูกเรามีคำว่าภู’

‘แหม เหมือนกันที่ไหนละคะ นั่นน่ะลูกชายแท้ๆ ของภัทรนะคะ’

ทั้งคู่ยังคงปรับทุกข์และปลอบโยนกันไป ในขณะที่พันไมล์วิ่งขึ้นไปทุ่มตัวฟุบหน้าสะอื้นกับหมอน ร้องไห้จนพอใจแล้วจึงควานมือหาโทรศัพท์ไร้สายบนหัวเตียงโทรหาพาเมล่า ระหว่างที่กดหมายเลขโทรศัพท์ คำพูดของผู้เป็นแม่เธอก็แว่วเข้ามาในหูว่า

‘ฉันพยากรณ์ไว้เลยนะยัยไมล์ วันดีคืนดีพ่อแกจะเอาแม่ใหม่ เข้าบ้าน เผลอๆจะเอาลูกที่แอบไปหยอดทิ้งไว้มาอยู่ด้วยกับแก’

พันไมล์สะอื้นอย่างเจ็บปวด มือกดหมายเลขโทรศัพท์ผิดๆ ถูกๆ กระทั่งมีเสียงปลายสายตอบรับ สัญญาณโทรศัพท์

‘ฮัลโหล’

ชะงักเมื่อพบว่าเสียงปลายสายเป็นผู้ชาย พันไมล์กำกระบอกโทรศัพท์แน่น คำถามอื้ออึงวิ่งวนอยู่ในใจ แม่- -ซึ่งหย่าขาดกับพ่อได้ไม่ถึงสองเดือนมีผู้ชายอยู่ในบ้าน..และในเวลากลางค่ำกลางคืนด้วย

‘ฮัลโหล- -ฮัลโหล?’

เสียงปลายสายยังคงตามมา

‘...’

‘โครโทรมาน่ะคุณชล’

‘ไม่รู้สิ โทรมาไม่ยอมพูด ไม่ขึ้นชื่อด้วยว่าเป็นเบอร์ใคร’

‘ไหนขอพาดูเบอร์หน่อยสิคะ คงไม่ใช่แม่หนูอายลูกสาวคนโปรดของคุณโทรมากวนประสาทพาหรอกนะคะ’

พันไมล์รีบตัดสายทิ้งเมื่อได้ยินพาเมล่าพูดว่าขอดูหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นหน้าจอ วางโทรศัพท์บนแป้นแล้ว ก็ซบหน้าสะอื้นกับฝ่ามือ

พันไมล์หน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้ม

พระเจ้า! แม่หย่าขาดกับพ่อไม่ถึงสองเดือน แต่มีผู้ชายคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน ขณะที่พ่อเธอแต่งงานใหม่ได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็พาลูกนอกสมรสวัยสามขวบมาแนะนำ

แสดงว่าคนทั้งคู่เล่นไม่ซื่อพอๆ กัน!

แล้วชู้ของแม่.. พันไมล์หนาวยะเยือกเมื่อนึกภาวนาว่าขออย่าให้คุณชลและแม่อายที่แม่เธอพูดถึงเป็นคุณชลธีและอาทิตยา- - สองพ่อลูกคู่นั้นเลย

ภาวนาว่าขอแค่ความบังเอิญที่มีชื่อไปพ้องกัน!

แล้ววงหน้าใสที่โผล่พ้นง่ามนิ้วมากระทบแสงไฟนั้น ซีดขาวจนน่าตกใจ แววตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้ม แห้งผากอย่างน่าใจหาย

สะท้อนจิตใจที่กำลังแตกยับไม่มีชิ้นดี!


จากเบสแคมป์ Grahan ไปยังเบสแคมป์ Bara Thach เริ่มต้นในเวลาหกโมงเช้าด้วย bed tea หรือชาที่เจ้าหน้าที่นำมาเสิร์ฟถึงเต็นท์นอนเหมือนเช่นทุกเช้า ทุกคนส่งแก้วต่อๆ กันให้คนที่อยู่ริมหน้าสุดรับไจจากเจ้าหน้าที่ อากาศเย็นยะเยือกจนไม่มีใครนึกอยากลุกออกจากถุงนอน ทุกคนจึงจิบไจในถุงนอน อิดออดกันพักใหญ่แล้วจึงเดินกันไปล้างหน้าแปรงฟันยังคูน้ำซึ่งอยู่ห่างจากเต็นท์ไม่ถึงสิบเมตร ทางน้ำเล็กๆ กว้างไม่ถึงสองคืบข้างหน้า เจ้าหน้าที่ทำไว้สำหรับลำเลียงน้ำไว้ปรุงอาหาร ส่วนน้ำอาบไม่ต้องพูดถึง นอกจากไม่มีแล้วหรือถ้าใครคิดจะอาบกันจริงๆ ก็ต้องลงไปยังลำธารเบื้องล่าง แต่อากาศติดลบกว่าสิบองศาอย่างนี้ คงไม่มีใครคิดอุตริเอาตัวไปแช่ก้อนน้ำแข็งแน่ เพราะขนาดยืนเฉยๆ ฟันยังกระทบกันกึกๆ มีไอหมอกออกจากปากตลอดเวลา

ตอนที่พันไมล์เดินไปถึงนั้น เพื่อนคณะหลายคนกำลังยืนแปรงฟันอยู่ใกล้ๆ คูน้ำ ต่างเงยหน้าขึ้นมาทักทาย พันไมล์ยิ้มทักทายตอบ

“มอร์นิ่งครับ”

เอียนเงยหน้าขึ้นจากการรองน้ำใส่ขวดชงเกลือแร่ เอ่ยทักหญิงสาว เมื่อพันไมล์มาถึงคูน้ำแล้ว

“เอาแก้วมาสิครับ เดี๋ยวผมรองน้ำให้”

“ไม่เป็นไร คุณทำธุระของคุณให้เสร็จเถอะ”

“ของผมเสร็จแล้ว เหลือแต่ชงเกลือแร่ น่า..ยื่นแก้วมาให้ผมเถอะครับ” เอียนไม่ยอมแพ้ ยื่นมือไปรับตรงหน้าพันไมล์ หางตาพันไมล์เริ่มเห็นหนุ่มและสาวอินเดียหลายรายเมียงมองมาอย่างสนใจ ใครที่สนิทสนมกับเอียนหรือเธอมากหน่อย ก็กล้าขนาดส่งเสียงแซว ดีที่พวกเขาแซวเป็นภาษาฮินดูไม่อย่างนั้น เธอคงอับอายไปมากกว่านี้

ก็เอียนน่ะไม่ได้สงวนท่าทีเลยว่าคิดยังไงกับเธอ มีโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง

ตัดสินใจตัดปัญหา ด้วยการยื่นแก้วไปรองน้ำ จะได้เสร็จธุระไวๆ ไม่ต้องยืนเป็นเป้าสายตาใครอีก..

เอียนยกมือกอดอกมองผู้หญิงดื้อ..ที่ตัวเองพึงใจยิ้มๆ เช้านี้พันไมล์รวบผมเป็นมวยหลวมๆ เหนือศีรษะ อวดวงหน้าเรียวบอบบางและลำคอระหง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยหลุบต่ำ เห็นเพียงแพขนตายาวทาบทับ จมูกโด่งงามและริมฝีปากบางกระจับซึ่งเขารู้รสแล้วว่าหวานแค่ไหนนั้นกำลังเหยียดเป็นเส้นตรง

แล้วเขาก็ไล่สายตาต่ำยังเนินอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่วไปจนจดเรียวขายาวภายใต้ชุดเสื้อไหมพรมหนากางเกงยีนส์

“อยากรู้ไหมว่าเพื่อนๆ เขากำลังพูดว่าไงเมล่า” เอียนถามยิ้มๆ

“ฉันถามพวกเขาได้ถ้าอยากรู้ ไม่จำเป็นต้องถามคุณ” พันไมล์ตอบโดยไม่มองหน้าเขา

เอียนหัวเราะอย่างชอบใจ ตอแยต่อว่า

“แต่ผมอยากบอก” เอียนพูดหน้าตาเฉย “พวกเขาบอกว่าคุณสวย ไม่แปลกหรอกที่ผมจะชอบคุณ”

เปล่าหรอก..ที่จริงแล้วภาษาฮินดูที่พวกมันพูดนั้น พวกมันด่าเขาว่ากำลังรุกพันไมล์มากเกินไปจนทำให้เธอกลัวต่างหาก ฉะนั้น สิ้นคำเขาจึงมีเสียงโห่จากเพื่อนๆ คำรบใหญ่

พันไมล์หน้าแดงก่ำกับคำพูดของเอียน เดินถือแก้วน้ำเลี่ยงไปทางกลุ่มหญิงอินเดีย แต่พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จไม่ถึงเสี้ยววินาทีเสียงเอียนก็ตามมาตอแยอีก

“เมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่า อากาศหนาวมาก แถมยังปวดเมื่อยจากการเดินทั้งวัน เต็นท์ชายของผมนอนไม่หลับไปหลายคน”

พันไมล์ถอนหายใจ “เอายาคลายกล้ามเนื้อไหมล่ะ ฉันพกติดตัวมาเยอะเมื่อคืนก็แจกผู้หญิงไปหลายคน”

“ได้ก็ดีครับ คืนนี้จะได้แจกเพื่อนๆ ในเต็นท์”

พันไมล์พยักหน้า ออกเดินนำตรงไปยังเต็นท์หญิง ถึงเต็นท์มุดเข้าไปควานหาถุงยา แล้วคลานกลับออกมายื่นให้เขาซึ่งยืนรออยู่หน้าเต็นท์

“ผมน่ายกตำแหน่งหัวหน้ากรุ๊ปให้คุณ เพราะคุณเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมเหลือเกิน” เอียนล้อยิ้มๆ

“ฉันบอกแล้วว่าฉันเทรกกิ้งบ่อย” พันไมล์ตอบปัดๆ “แต่ถึงจะเทรกบ่อย ไม่ใช่เหตุผลคุณจะมายกกรุ๊ปลีดเดอร์ให้ฉันง่ายๆ เพราะฉันมาที่นี่เพื่อมาหาความสงบกลับมาอยู่กับธรรมชาติ หลีกหนีผู้คนวุ่นวาย ไม่ใช่..”

“มาคอยดูแลหรือบริการใคร..” เอียนต่อคำพูดอีกฝ่ายยิ้มๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวไม่ยอมพูดต่อ

พันไมล์ไม่ตอบ

ภาพนั้นทำให้เกิดเสียง “อืม..” เอียนครางแล้วลูบคางท่วงท่าใช้ความคิด “ผมถามอะไรอย่าง” ถามแล้วไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดนาน “คุณกำลังหนีอะไรมาหรือเปล่าเมล่า”

“ทำไมฉันต้องหนี”

“ไม่รู้สิ อาจเป็นแฟนอเมริกันของคุณมั้ง”

“บ้า..ฉันยังไม่มีแฟน” พันไมล์ตอบอย่างฉุนๆ

เอียนลอบยิ้ม

“งั้นจะรับพิจารณาผมเป็นคนแรกได้ไหม”

“คุณนี่มันช่างลดเลี้ยวจริงๆ เลย”

เอียนหัวเราะ “ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมครับ” เอียนโค้งศีรษะอย่างล้อเลียนแล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “ว่าแต่คุณลาพักร้อนกี่วันครับ”

“เกี่ยวอะไรด้วย” พันไมล์ฉงน

“ตอบมาก่อนสิครับ”

พันไมล์เมินหน้าจากใบหน้าคมคาย เมื่อเห็นแววตาออดอ้อนของเขา- -แววตาที่เหมือนใครคนหนึ่ง..

“เกือบเดือนค่ะ”

“อืม..เวลาถมเถ งั้นสนใจเป็นพรีเซนเตอร์โครงการบ้านจัดสรรของผมไหมครับ” เอียนพยายามหาทางใกล้ชิดผู้หญิงที่ตัวเองพึงใจ

พันไมล์ส่ายหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด “ฉันไม่ชอบงานนางแบบโฆษณาค่ะ อีกอย่างตั้งใจว่าเสร็จจากเทรกกิ้งแล้ว จะกลับอเมริกาทันที เพราะอยากกลับไปใช้วันหยุดที่เหลือกับยายค่ะ”

“จะไม่รับข้อเสนอผมไปพิจารณาหน่อยหรือครับ งานโฆษณารับรองใช้เวลาไม่ถึงเดือน”

พันไมล์ส่ายหน้า “อย่าพยายามให้เสียเวลาเลยค่ะ” พันไมล์พูดแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือ “จะแปดโมงแล้วฉันขอตัวแพ็คเป้นะคะ”


แปดโมงเช้าเจ้าหน้าที่เรียกให้ทานอาหารเช้าและแพ็คข้าวกล่องสำหรับมื้อเที่ยง ก่อนจะออกเดินทางสู่แคมป์ Bara Thach ต่อไป

แคมป์ Bara Thach อยู่ห่างจากแคมป์ Grahan ประมาณหกถึงเจ็ดกิโลเมตร สูงขึ้นไปประมาณ 1,200 ฟุตหรือราว 8,900 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เท่ากับว่าจากนี้ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงต่อสภาวะแพ้ความกดอากาศบนเทือกเขาสูง

เส้นทางเดินเป็นป่าดิบชื้น บางช่วงต้องปีนเขาแต่ไม่ชันเท่ากับเมื่อวาน ตลอดทางเดินเห็นกอดอก Rhododendron ดอกไม้ป่า ตลอดจนน้ำตกไหลเป็นทางสวยงาม เดินมาถึงน้ำตกจุดที่สอง ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เอียนจึงประกาศให้ทุกคนหยุดเดิน หลบใต้ต้นไม้ ทุกคนรื้อเสื้อกันฝนมาสวมแต่กว่าครึ่งชั่วโมงที่หยุดพัก ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เอียนจึงตัดสินใจสั่งให้ทุกคนเดินหน้าต่อ

ตลอดทางเดินฝนตกไม่ขาดสาย ทำให้มองทิวทัศน์รอบตัวได้ไม่ชัดเจนนัก ยิ่งกว่านั้นต้องระวังทาง เพราะพื้นดินลื่น มีโอกาสเสี่ยงล้มตกไหล่เขาตลอดเวลา ระหว่างทางจากแคมป์ Grahan ไปยัง Bara Thach จึงแทบไม่มีภาพถ่าย เพราะฝนตกหนักจนไม่มีใครมีกะจิตกะใจคว้ากล้องออกมาถ่ายรูป ทุกคนต่างพร้อมใจกันเร่งเท้าเพื่อไปให้ถึงแคมป์ที่พักให้เร็วที่สุด

ฝนมาหยุดตกเมื่อบ่ายสองโมงกว่าๆ ใกล้ถึงแคมป์ ช่วงที่ลากเท้าปีนขึ้นไปบริเวณแคมป์ Bara Thach<4> พบว่าหัวหน้าแคมป์ยืนต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว ต่างยื่นมืออกมาสัมผัส และแจกไจเป็น welcome drink ทุกคนดื่มไจแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า นำเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้ามาตากบนก้อนหินหลังเต็นท์ อากาศหนาวจัดจนฟันกระทบกันกึกๆ มีไอหมอกออกจากปาก ไม่น่าประหลาดใจนักเพราะบนแคมป์แห่งนี้อุณหภูมิติดลบถึงสิบห้าองศา

พันไมล์เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาเดินดูทิวทัศน์นอกแคมป์ รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นภูเขาเขียวขจีและตามไหล่เขามีธารน้ำแข็งเกาะสวยงามมาก ท้องฟ้าหลังฝนตกปลอดโปร่งจนเห็นยอดเขาสูงลิบปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดกาลหรือที่เรียกว่า snow line อยู่รอบตัวเธอ ส่วนเบื้องล่างเป็นธารน้ำแข็งขนาดค่อนข้างกว้าง ธารน้ำแข็งแข็งจนเกาะกลุ่มคล้ายหินปูนสีขาว ใครคนหนึ่งลองบิขึ้นมาชิม

“รสชาติเป็นไงบ้าง”

“รสชาติเหมือนทราย”

พันไมล์ชะงักเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่หันกลับมาตอบคือเอียน อีกฝ่ายตอบแล้วยืดตัวตรง เดินกลับมาหาหญิงสาว

“อากาศหนาวทำไมไม่พันผ้าพันคอ” เอียนถามแล้วดึงผ้าพันคอของตัวเองออกมาพันให้พันไมล์

พันไมล์หน้าแดง “ขอบคุณค่ะ แต่คุณใช้เถอะ ฉันยังไม่หนาว” พันไมล์ทำท่าดึงผ้าพันคอคืนเขา แต่เอียนวางมือทาบลงมาก่อน

“ดื้อ!” เอียนดุเธอเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ แล้วฉวยมือข้างนั้นมาคลึงในอุ้งมือ “มือเย็นเฉียบยังจะว่าไม่หนาวอีก”

พันไมล์สะดุ้งวาบเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านจากตัวเขามาตัวเธอ รีบกระตุกมือหนี ภาพนั้นจึงทำให้เอียนนิ่วหน้า ทำเสียงน้อยใจ

“เป็นอะไรเมล่า ทำไมทำเหมือนรังเกียจสัมผัสผม”

“ปละ..เปล่าค่ะฉันแค่รู้สึกเพลียๆ ขอตัวก่อนนะคะ”

พันไมล์ขอตัวแล้วผละจากมาทันที ในใจยังสะดุ้งวาบเมื่อถามตัวเองว่าปฏิกิริยาทางร่างกายเมื่อครู่เกิดจากอะไร ในเมื่อเธอไม่เป็นอย่างนี้มานานแล้วนับตั้งแต่เลิกกับภูผา อันที่จริงเธอไม่เข้าใจตัวเองตั้งแต่เขาคว้าเธอไปจูบเมื่อเย็นวานแล้วว่าทำไมเธอไม่ต่อต้านเขา?

เอาล่ะ ..เธออาจยกเหตุผลความเหนื่อยอ่อนมาเป็นข้ออ้างบอกใครต่อใครได้ ถ้ามีใครบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า แต่เธอไม่อาจโกหกตัวเองได้ว่า นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง ลึกๆ ในใจแล้วเธอไม่อยากต่อต้านเขาจริงจังต่างหาก

แต่ว่า..เพราะอะไร? พันไมล์ถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจนัก



‘มีเวลาไปหาอะไรดื่มกันไหม ผมมีเรื่องคุยกับคุณ’

พันไมล์นิ่วหน้าเมื่อเงยหน้ามาเห็นภูผายืนกอดอก พิงขอบประตูขวางทางออกจากคลาส ก่อนหน้านี้เธอโอ้เอ้จัดหนังสือเพื่อถ่วงเวลาให้ภูผาและอาทิตยาออกจากห้องไป จังหวะที่เห็นว่าทุกคนออกไปหมดแล้ว เธอจึงฉวยกระเป๋าจะเดินออกบ้าง แล้วจังหวะที่จะเดินถึงประตู ภูผาก็โผล่มายืนขวางประตูโดยที่เธอไม่ทันสังเกต

‘ไม่มีเวลาค่ะ ต้องรีบกลับบ้าน’ พันไมล์ตอบโดยไม่เสียเวลาคิด

‘ผมกวนเวลาคุณไม่นาน บอกคนรถคุณให้กลับไปก่อน แล้วผมจะไปส่งคุณเอง รับรองไม่นาน’ ภูผาพูดแล้วมองร่างผอมสูงด้วยแววตาเว้าวอน

พันไมล์ไม่สนใจ ทำเสียงขึ้นจมูก เอ่ยสะบัดๆว่า ‘คุณสัญญาแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับฉัน”

แววตาภูผาฉายแววเจ็บปวดวูบหนึ่งก่อนจางหาย ‘ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแน่หนูพันไมล์ถ้าคุณไม่อยู่ในฐานะน้องสาวผม’

‘ตลก..ฉันก็ไม่ใช่น้องสาวคุณ เราก็แค่ลูกติดของอีกฝ่าย’ พันไมล์โต้ทันควัน

‘ผมก็ไม่อยากคิดว่าคุณเป็นน้องสาวหรอกนะหนูพันไมล์ ถ้าพ่อคุณไม่ยัดเยียด แต่นี่พ่อคุณยัดเยียดให้ผมเป็นผมถึงเลี่ยงไม่ได้’ ภูผาโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน ครู่ต่อมาก็ถอนหายใจ ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง ‘หนูพันไมล์ถึงเราจะเป็นคนรักกันไม่ได้ แต่เราก็เป็นพี่เป็นน้องกันได้ไม่ใช่หรือ ที่ผมมาพูดเพราะผมเป็นห่วง.. ’

‘ไม่ต้องมาห่วงฉัน’ พันไมล์แหวก่อนที่เขาจะพูดจบ ‘ถ้าจะห่วงๆ แฟนคุณโน่น อายไปไหนแล้วล่ะทำไมไม่ไปดูแลเขา- -ไม่ไปตามเขาต้อยๆ เหมือนทุกวัน’

ภูผานิ่วหน้ากับน้ำเสียงกระแหนะกระแหนของพันไมล์ ‘นั่นคุณหึงผมหรือหนูพันไมล์’

พันไมล์หน้าแดง ‘ทำไมฉันต้องหึงคุณ ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ’

ภูผาไม่อยากบอกว่าเขาผ่านผู้หญิงมามากพอจะแยกแยะได้ว่าน้ำเสียง สีหน้าและท่าทางของผู้หญิงแบบไหน เข้าข่ายเป็นอย่างไร แต่เขาก็คร้านจะเถียงกับเธอ

ผู้หญิงปากแข็ง!

อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมยังตามตื้อตามตอแยเด็กสาวอีกทั้งที่หล่อนไม่มีท่าทีจะสนใจเขาเลย อาจเพราะรัก- -เป็นรักครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายเลือกเองกระมัง ภูผานึกให้คำตอบตัวเอง

แต่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองอีกว่าทำไมถึงมารักชอบพอพันไมล์ ในเมื่ออาทิตยามีอะไรที่ ‘เหนือ’ พันไมล์ทุกอย่าง ไม่ว่าการแต่งตัวหรือรูปร่างหน้าตา อาทิตยาสวยเก๋ เปรี้ยว หุ่นสมส่วน ควงออกงานไม่ขายหน้า ขณะที่พันไมล์ค่อนข้างเชย แต่งตัวเฉิ่มและสูงเก้งก้างไม่สมส่วน

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรักเธอ

รักทั้งๆ ที่เป็นรักต้องห้าม!

รักทั้งๆ ที่เธอไม่มีอะไรเกินหน้าอาทิตยา

เพราะอะไร?

อาจเป็นเพราะเขาเจอผู้หญิงมามากหน้าหลายตาทั้งในผับและนอกผับ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฝ่าย ‘รุก’ มากกว่ารับ แม้แต่อาทิตยาก็เป็นฝ่ายเสนอให้เขา ฉะนั้นเมื่อมาเจอผู้หญิงที่ถอยมากกว่ารุก และขี้อายมากกว่ากล้า เขาจึงนึกรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รักอย่างที่รู้ว่าต้องการผูกพันไปชั่วชีวิต

แต่นับตั้งแต่เธอลั่นปากว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา เขาก็เกิดทิฐิ พยายามถอยห่างจากเธอให้มากที่สุด และเขาคงรักษาคำสัญญานั้นได้อีกนาน หากว่าแม่เขาไม่บอกว่าพันไมล์กำลังจะออกจากบ้านมาเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ตามลำพัง ราฆพและแม่เขาห้ามเธอแล้ว แต่เด็กสาวไม่ฟัง จึงวานให้เขามาช่วยพูดอีกที

อันที่จริงแม่เขาเล่ามากกว่านั้น เธอเล่าว่านับตั้งแต่แต่งงานกับราฆพและพาภูไมล์ลูกที่เกิดจากราฆพ ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น พันไมล์มีพฤติกรรมต่อต้านมาโดยตลอด หนักสุดคือรายของภูไมล์ได้รับการกลั่นแกล้ง พันไมล์ทำให้เห็นๆ ว่าไม่ชอบหน้าด้วยการหยิกตีผลัก จนเกิดการปะทะกันบ่อยครั้งระหว่างพันไมล์และราฆพในช่วงหลัง จนพันไมล์ประกาศขอย้ายออกจากบ้าน

อันที่จริงเรื่องที่พันไมล์ไม่ยอมรับภูไมล์ จะโทษเธอทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะลำพังตัวเขาเอง เขายังยอมรับน้องต่างพ่อคนนี้ไม่ได้..

เพราะ..ภูไมล์ ทำให้เขาต้องเสียพ่อไปตลอดชีวิต

แล้วภูผาถอนใจ ยกมือลูบหน้าก่อนตัดสินใจพูดขึ้นว่า ‘เอาเถอะวันนี้ยังไม่เป็นก็ไม่เป็นไร’

พันไมล์คอแข็งกับคำพูดกำกวมของเขา

ชายหนุ่มเฉยกับท่าคอแข็งของอีกฝ่าย ‘ผมไม่ทะเลาะกับคุณหรอกนะหนูพันไมล์ ที่มาดักรอนี่เพราะเห็นแม่บอกว่าคุณจะย้ายออกจากบ้านไปอยู่อพาร์ทเมนต์ รู้หรือเปล่าออกไปอยู่คนเดียวมันอันตรายแค่ไหน คุณเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอย่างนั้น ไม่รู้หรอกว่ามันอันตรายและลำบากแค่ไหน’

‘คุณรู้หรือว่าจะลำบากแค่ไหน’ พันไมล์ย้อน

‘ผมเคยหนีออกจากบ้าน มาใช้ชีวิตข้างนอกตามลำพังแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดกลายเป็นเด็กจรจัดที่อดมื้อกินมื้อ’ แววตาภูผาปรากฏแววเจ็บปวด ‘เพราะงั้นผมไม่อยากให้คุณลิ้มรสความลำบากเหมือนกับผมหรอกนะหนูพันไมล์’

พันไมล์เมินหน้า ไม่ตอบเขา อันที่จริงเธอตั้งใจจะไม่แบมือขอเงินราฆพสักสตางค์แดงเดียวด้วยซ้ำ หลังย้ายออกมาเธอลั่นปากแล้วว่าจะไม่ขอเงินราฆพ

ช่าง..พันไมล์นึกอย่างทิฐิ เธอมีสองมือสองเท้า จะอดตายเพราะไม่มีปัญญาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองก็ให้มันรู้ไป

...........................................
1.Soniya(ภาษาฮินดู) หมายถึงที่รัก

2. มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากการเดินเขาที่น่าสนใจคือ ถ้าเสื้อผ้าที่เตรียมมาไม่เพียงพอจะลดความหนาวได้ ต้องทำให้อวัยวะที่เป็นจุดไวต่อความหนาวอบอุ่นให้ได้ก่อน นั่นคือ ใบหู ลำคอ หน้าอก และปลายเท้า

3.ปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับการเดินเขาคืออาการเท้าบวมซึ่งเกิดจากการเดินเป็นระยะเวลานานหรือเดินบนที่สูง วิธีการแก้ไขคือต้องนอนพาดเท้าให้สูงกว่าตำแหน่งศีรษะ เพื่อให้เลือดไหลลงจากปลายเท้า

4. Bara Thach: อย่าหาว่าผู้เขียนทะลึ่งเลยนะคะ เวลาที่เดินทางไปแต่ละแคมป์ จะเป็นคนสังเกตเรื่องการขับถ่าย ซึ่งแต่ละแคมป์จะผจญกับปัญหาหาสถานที่ขับถ่ายไม่เหมือนกัน อย่างแคมป์ Grahan เล่าแล้วว่ามีห้องหับปิดมิดชิดหน่อย แต่ไม่มีน้ำ ส่วนแคมป์ Bara Thach บริเวณแคมป์โล่งเกินกว่าจะหาที่กำบัง ฉะนั้นต้องไต่เขาลงไป แต่ลองนึกสภาพท่านั่งยองๆ ปล่อยทุกข์ตามไหล่เขานะคะว่าจะน่าสังเวชแค่ไหน จะนั่งท่าไหนไม่ให้ตกเขาหรือปฏิกูลกลิ้งมาเปรอะตัวเรา ครั้นจะนั่งท่าปกติคือหันหน้าออกจากเขาเมื่อชมทิวทัศน์รอบตัว ก็ต้องระวังระยะห่างจากก้นกับพื้นดิน ถ้าไม่เหย่งก้นสูงก็เสี่ยงต่อการที่ก้นระปฏิกูลอย่างยิ่ง แต่ถ้าเหย่งนานก็เมื่อยอีก แต่ครั้นจะนั่งหันหน้าเข้าหาเขา ซึ่งจะทำให้ระยะห่างระหว่างก้นกับพื้นดินมากขึ้นหน่อย แต่ก็เสี่ยงหงายหลังได้ แล้วถ้าวันไหนมามากล่ะ? ถ้าไม่คอยขยับไปเรื่อยๆ ปฏิกูลกองขึ้นมาชนก้นแน่

lozocatlozocat




Create Date : 03 มีนาคม 2556
Last Update : 3 มีนาคม 2556 0:03:25 น.
Counter : 1141 Pageviews.

1 comments
  
การใช้ชีวิตคู่ให้สมบูรณ์เป็นเรื่องยากจริงๆๆ
โดย: sakeena IP: 124.120.242.220 วันที่: 6 มิถุนายน 2556 เวลา:15:33:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments