เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 15 กินเป็ดปักกิ่ง วันที่ 27 วันนี้จะได้กินเป็ดปักกิ่ง ตื่นเต้นยังไงไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยกิน ได้ยินแต่ชื่อ วันนี้จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง หน้าร้านที่เราจะไปกินนะ มาแล้วเครื่องเคียงมาก่อน ต้นหอมซอย กับ แตงกวาซอย น้ำจิ้มหวาน ๆ มาหั่นให้ดูด้วย มันไม่อร่อยหรอกนะ เนื้อเป็ดเหนียว ๆ ไม่มีรสชาด ส่วนแป้งก็เหนียว ๆ เหมือนแป้งโรตีแต่หนากว่ามาก แล้วก็เหนียวด้วย เป็ดก็เหนียว ไม่อร่อยเลย กินได้ 2 คำ ก็เปลี่ยนมากินกับข้าวธรรมดา เป็ด MK อร่อยกว่าเยอะ พร้อมกับอาหารมากมาย น้ำซุปนี่ชิมแล้วเหมือนน้ำข้าวต้มขาวเรานี่แหละ อย่างนี้เรียกว่าซุปเหรอ กินเสร็จแล้วเราก็กลับโรงแรม เวลาประมาณ 20.30 น. ตอนไกด์กลับไปแล้วเราก็ย่องออกมาสำรวจราตรีเมืองปักกิ่ง ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาลวันไหว้บะจ่าง คนเยอะเลย โรงแรมที่เราพักตรงข้ามกับสถานีรถไฟ เราเลยออกไปสำรวจกัน คนเยอะมาก เค้ารอรถกลับบ้านกัน ดูน่าสงสารนะ ต้องมานั่งรอนอนรอรถไฟ เพราะที่นี่เป็นเหมือนหัวลำโพงบ้านเรานี่แหละ ทุกคนต้องมาเริ่มต้นจากที่นี่ ว่าจะไปเที่ยวห้างที่อยู่ข้าง ๆ กันปรากฏว่า 3 ทุ่มปิดไฟหมดแล้ว เลยอด กลับมานอนเหมือนเดิม พรุ่งนี้เจอกันใหม่ ที่โรงงานหยก ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย   Create Date : 04 กรกฎาคม 2552     Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:00:33 น. Counter : 577 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 14 ถนนคนเดินเฉียนเหมิน วันที่ 27 ถนนคนเดินเฉียนเหมิน อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสเทียนอันเหมินเท่าไหร่ รัฐบาลจีนปรับปรุงใหม่เอี่ยมอ่องช่วงโอลิมปิก ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีรถรางแบบโบราณวิ่งด้วย แนะนำให้ลองมาเดินทั้งกลางวันและกลางคืน คนบ้าชมตึกแบบผมกรี๊ดแทบแตก ตึกแถวบนถนนนี้สวยมาก มีทั้งแบบจีนแบบยุโรปผสมกัน แต่ไม่ค่อยมีของร้านขายเท่าไหร่นะ เดินจากที่จอดรถไปถนนคนเดิน ก็เจอนี่คะร้านอาหารมีการอบรมพนักงาน พูด สั่งกันเสียงดัง เหมือนทหารเลยค่ะ จัดระเบียบแถวด้วย ถนนทางที่เราผ่านมา ถนนนี้มีรถรางด้วย ไม่ต้องเดิน โคมไฟมั้งน่ารักดี เป็นกรงนก ป๋องแป๋งยักษ์ ร้านขายขนมเครบ แต่แพงมากอันนึง 70 บาท แต่มันนน่ากินนะเค้าจะทำเป็นกรวยมีผลใอยู่ข้างใน รูปปั้นหน้าร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ ซอยย่อย ๆ มีร้านขายของเพียบ รูปปั้นอีกอยู่หน้าร้านขายเครื่องหนัง ราคาก็บางอันถูกกว่าบ้านเรา บางอันก็แพงแบบไม่น่าเชื่อ ดูอย่างเดียวพอ คนนี้แต่งตัวเรียกคนมั้ง แต่งเท่ห์ ๆ มีไรป่าว เหมือนอุ้ยเสี่ยวป้อมั้ย ก่อนกลับขอซักภาพ ทางเดินหรือทางจักรยาน จบแล้วจ้า เดี๋ยวไปกินข้าวเย็นแล้ว วันนี้มีเมนูเป็ดปักกิ่ง ตามมา ๆ ๆ ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย   Create Date : 04 กรกฎาคม 2552     Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:00:03 น. Counter : 817 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 13 พิพิธภัํณฑ์สัตว์น้ำ วันที่ 27 เราจะไป พิพิธภัํณฑ์สัตว์น้ำกันค่ะ ดูวิวสองข้างทางไปก่อนนะคะ ใกล้ถึงแล้ว ชอบดอกไม้สวยมาก ทำเป็นสีตัดกันดี คล้าย ๆ หอไข่มุก แต่ไม่ใช่ ถึงแล้ว อันนี้หน้าทางเข้าจ้า แผนผังของที่นี่ เค้ามีบริการแบบนี้ด้วยแต่เราแบบว่าตามสบายค่ะ ไปใครไปมัน บอกแล้วไงคะสโลแกนของเราคือ ฉี่ ช็อป แชะ อันหลังนี้มากสุด ไกด์กำลังซื้อตั๋ว ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อคนนี้ แจ็คสเปโรว์ ปืนโบราณ ปลาต่าง ๆ ก็เหมือนอันเดอร์วอเตอร์เวอร์เราแหละค่ะ อันนี้แปลกดี เรือจะออกแล้ว เราขับมีใครกล้านั่งไปด้วยมั้ย อันนี้สวยเราชอบ ที่นี่แปลกมีคนใส่ชุดนางเงือกลงไปว่ายให้อาหารปลาด้วย คนส่วนใหญ่มาดูนางเงือกเพราะ ขาว หุ่นดี สวยด้วยนะ เค้าไม่ใช่อ๊อกซิเจนช่วยเลย มีแค่แว่นตาแค่นั้นเอง ดำน้ำเก่งมาก เห็นลีลาแล้ว เหมือนนางเงือกจริง ๆ เลย (ทั้งที่ไม่เคยเห็นของจริงนะเนี่ย) เคลื่อนไหวแบบปลา เซ็กซี่มาก คนก็มารอดูนางเงือกกัน จะมีรอบโชว์วันละ 3 รอบ แล้วเปิดเพลง my heart will go on ประกอบด้วยนะ ตอนที่ดูความรู้สึกขัดแย้งกันเล็กน้อย ระหว่างไททานิคกับพระอภัยมณี พยายามจินตนาการให้มันเข้ากัน มีทางเดินแบบอุโมงค์ด้วย ร้านอาหารที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์ อันนี้เป็นหวี สวยดีทำจากไม้ เดินชมเสร็จก่อนใครเขาเพื่อนก็เลยออกมายืนรออยู่ข้างนอก เห็นเด็กออกมายืนฉี่ข้าง ๆ น่ารักดี คนพี่ก็จะตีตูดน้อง น้องก็ไม่สนใจฉี่ต่อไป แล้วก็มาเจอนี้ด้วยตรงหน้าลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์ เป็นอาหารท้องถิ่นเราสงสัยว่าเป็นอะไร ในถาดกลม ๆ นั้นเป็นเหมือนแผ่นเส้นก๋วยเตี๋ยว เหมือนเส้นใหญ่บ้านเราแหละ บ้านเราทำเป็นสี่เหลี่ยม ที่จีนเค้าทำแบบกลม แต่ใหญ่มาก ที่ไปดูเพราะอยากรู้อยากเห็น ไม่ได้อยากกิน อันนี้ขวดเครื่องปรุง ไม่น่ากินเลย แต่ไกด์บอกว่า ขอให้ลอง เค้าก็ซื้อให้ลองชิมถาดนึง วิธีทำก็เอาแผ่นมาม้วน ๆ แล้วตัดเป็นเส้น ๆ เหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ใส่กะละมังคลุก ใส่ผัก ใส่หมู ใส่เครื่องปรุง เสร็จแล้ว ด้วยความเกรงใจก็ไปชิม คำนึง ไม่อร่อยเลย ข้าง ๆ กันก็มีขายรถของเล่นด้วย อันนี้เหมือนชิกกาบั๊บบ้านเราเลย น่ากินกำลังจะซื้อ เหลือบไปเห็นเครื่องปรุงของ ชิกกาบั๊บ พอเห็นเลยไม่ซื้อ แคตาลูป รถขายบะหมี่ อยู่ใกล้ ๆ กัน เล่นไพ่กัน มีมันเผาขายด้วย อันนี้ชอบเค้าใช้เครื่องชั่งแบบโบราณด้วย แบบก้านเอาก้อนเหล็กมาถ่วงขายเป็นชั่ง หรือ จิ่ง 1 จิ่งเท่ากับ 5 ขีด ร้านขายสารพัดถั่ว เห็นเค้ามุงกันก็วิ่งไปดูมีทุกถั่วจริง ๆ ราคาถูกด้วย ซื้อไม่ทัน คนเยอะ รถจะออกแล้ว แต่ไกด์ไปก่อนเราได้ถั่วพิตาชิโอ มาถูกมาก อร่อยด้วย อยากกลับไปซื้อจัง จบแล้ว เราไปต่อกันที่ถนนคนเดินหวังฟู่จิน ตามมา ๆ ๆ ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย   Create Date : 04 กรกฎาคม 2552     Last Update : 10 มิถุนายน 2553 16:59:35 น. Counter : 2937 Pageviews.   3 comment Share Tweet

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 12 กินข้าวเที่ยว+โรงงานไข่มุก วันที่ 27 ภัตตาคารที่เราไปกินข้าวเที่ยงกัน ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาดูเพราะลืม เคาเตอร์หรูหราจัง บันไดทางขึ้น ชั้นสองของภัตตาคาร ภาพวาดสูงเกือบเท่าเพดาน ทานข้าวเสร็จแล้วเราไปไปต่อกันที่โรงงานไข่มุก ถึงแล้วทางเข้าโรงงาน แต่ดูไม่เหมือนโรงงานเนอะ เราคิดว่าเป็นสถานที่ใหญ่ ๆ ตรงทางเข้านี่เลย รูปพระนางซูสีไทเฮาใช้ครีมไข่มุกแล้วหน้าตาจะขาวอมชมพูแบบนี้นะคะ ด้านแรกต้องมาเจอวิวัฒนาการของหอยมุกซะก่อน มีคนมาสาธิตให้ดู คนนี้น่ารักพูดภาษาไทยคล่องเชียว หอยนี้เป็นมุกน้ำจืดนะจ๊ะ เลี้ยงกันเองไม่มีทะเล ดูอายุหอยให้ดูที่ลายบนตัวมันนะ ตัวนี้ 3 ปี เพราะมี 3 วง เห็นป่าว ก่อนจะเปิดหอยเค้าก็ให้ทายนะว่าจะมีมุกอยู่กี่เม็ด ถ้าใครทายถูกเค้าจะให้หอยทั้งตัวกับมุกที่อยู่ข้างในด้วย แต่มีมีใครทายถูกซักคน หอยยังเป็น ๆ อยู่พอผ่าปั๊บ ตายปุ๊บทันที เรากลัวมีดบาดเค้าจังเลย ออกแรงต่อสู้กับหอย ผ่าออกมาแล้วมุกเยอะมาก ตัวนี้มี 29 เม็ด ไม่มีใครทายถูกเลย แต่เค้าก็แจกมุกมาคนละเม็ด ที่ได้มาก็ยังไม่มีปัญญาเอาไปทำอะไรเลย นับโชว์ด้วย นึกไม่ถึงว่ามันจะมีมากขนาดนี้ในหนึ่งตัว ถ้าเป็นคนมีลูกเยอะขนาดนี้คงเลี้ยงไม่ไหว จบการสาธิตแล้ว ไปต่อที่ห้องขายไข่มุกกัน เม็ดมุกที่โชว์อยู่ในตู้ ไงล่ะ หรูหราซะไม่มี ยังกะจะขายเพชร มีทั้งสร้อยข้อมือ แหวน กำไล ต่างหู สวย ๆ ทั้งนั้น แต่แพง พนักงานเค้าชี้ให้ดูครีมไข่มุกที่ผลิตจากผงมุก อันนี้เป็นแหวน มีหลานสีด้วย สีมุก ชมพู ม่วงอ่อนก็มี ดูชั้นนี้หมดแล้วไปต่อกันที่ชั้นสอง อลังการอีกเหมือนกัน มุกที่ร้อยขาย ชอบสีไหนบอกได้จะใส่คอ ใส่แขน เอามาวัดแล้วตัดขายกันตรงนั้ยเลย นับเม็ดขาย เส้นนึงประมาณ 100 เม็ด ประมาณ 500 บาทแพงเหมือนกัน มาแล้วไฮไลท์ของงานนี้ ครีมไข่มุก นี่มือเราเอง เค้าเอาไปสาธิตให้ดูความแตกต่างระหว่างข้างที่ทาและไม่ทา นวดแล้วเนียนเชียว คนนวดเป็นผู้ชายนะ แต่ท่าทางออกแต๋ว พูดจาดีเราถ่ายรูปเค้ามาด้วย ถ้าเป็นผู้ชายคงหล่อมาก เวลาพูดเค้านะพูดนะคะ นะคะทุกคำ น่ารักดี คนนี้ไง หล่อมั้ย แต่เสียใจเค้าจะมาเป็นเพศเดียวกันเรา นี่ก็อีกมุมหนึ่ง คึกคักใหญ่ พนักงานก็โปรโมตสุดฤทธิ์ แบบว่าลดแลกแจกแถมกันเลยทีเดียว ที่ไปด้วยกันก็ได้กันมาคนละหลายกระปุก แต่เราไม่ซื้อ กลัวจะสวยเหมือนซูสีไทเฮา อิอิ นี่ก็เชียร์ให้เราซื้อใหญ่ แต่เราว่าแพงไปเพราะกระปุกละตั้ง 500กว่าบาทนะ เราคิดว่าซื้อครีมยี่ห้อดี ๆ มาใช้ก็น่าจะดีกว่า เก็บเงินไปซื้ออย่างอื่นดีกว่า งก..... อิอิ เราไม่ซื้อก็เลยไปเดินดูชาวบ้านเค้าซื้อของกัน อันนี้สร้อยคอสวยมาก แต่ก็แพงมาก บางเส้นก็เป็นมุกน้ำเค็ม บางเส้นก็มุกน้ำจืด แหวน หรือโคตรแหวนนั่นเอง เม็ดใหญ่มาก ราคาเป็นหมื่น ๆ ไม่ใช่หมื่นบาทไทยนะ ราคาที่เห็นอยู่ต้องเอา 5.20 คูณเข้าไปนะ สร้อยน่ารัก อันนี้เราก็ซื้อนะ เป็นโปรโมชั่น 2 ชุด 500 บาท ชุดนึงก็จะมีสร้อย 1 เส้นกับต่างหู 2 ข้าง เราก็เลยแบ่งกันคนละชุดกับพี่ที่ไปด้วยกัน เลือกอยู่ตั้งนานเพราะมีหลายแบบ หลายสี ตกคนละ 250 บาทไม่แพงเนอะ ได้ของเป็นที่พึงพอใจก็กลับ จบแล้วคะเราจะไปต่อกันที่ พิพิธพันธ์สัตว์น้ำกันค่ะ ตามมา ๆ ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย   Create Date : 03 กรกฎาคม 2552     Last Update : 10 มิถุนายน 2553 16:59:08 น. Counter : 2845 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 11 พระราชวังฤดูร้อน วันที่ 27 ลงรถมาก็มาเจอนี่ค่ะ ของกิน ไม่พลาดเพราะตั้งแต่มาก็ไม่ค่อยได้ใช้ตังค์เลย จัดให้อย่างละ 1 อัน อร่อยดี ไม่แพง เป็นแคนตาลูปไม้ละ 10 บาท มันขายเป็นกิโล ถ่ายรูปรอระหว่างไกด์ไปซื้อตั๋ว มีเอทีเอ็มด้วย เข้ามาแล้วก็เจอนี้เลยชอบตัวใหญ่ดี พยายามสังเกตุเหมือนกันว่าแต่ละตัวหน้าตาเหมือนกันมั้ย เป็นของประดับวังมีมากมาย แต่ในที่นี้จะเอารูปมาให้ดู ๒ อย่างคือกิเลน นั่งเฝ้าปากทางเข้า เห็นมันนั่งแล้วน่าเอ็นดูเหมือนสัตว์เลี้ยง คนจีนถือว่าเป็นสัตว์นำโชค คนเยอะมาก แต่อากาศดี ร่มรื่นเพราะที่นี่เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนและยูเนสโกได้จัดให้เป็นมรดกโลกด้วย แผนผังของที่นี่ไกด์ให้ดูก่อนว่ามันกว้างขนาดไหน เดินจากเหนือจดใต้กันเลยทีเดียว กำลังบรรยายแต่เขาเราอยากเดินแล้วว ประตูทางเข้าอ่านไม่ออก ต้นไม้ที่นี่แปลกต้องเอาเหล็กค้ำไว้ทุกต้น หินอายุยืน ที่เชื่อว่าเมื่อได้ลูบแล้วจะอายุยืน มีการกั้นคอกไว้กันคนมาลูบจนสึก หินอีกก้อนนึง จับได้ ลูบได้ ที่เป็นรูปเพราะเป็นหินที่ขุดขึ้นมาจากการทำทะเลสาป เลยเป็นรู ๆ แบบนี้ ตำหนักกว่างสูฮ่องเต้ ฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นหลานของพระนางซูสีไทเฮา ที่ถูกควบคุมโดยพระนางฯ ภายหลังขัดแย้งกันและถูกขังไว้ที่ตำหนักนี้จนสิ้นพระชนม์ และที่นี่ต่อมาใช้เป็นที่เก็บสมบัติในวังและถูกลักลอบขนออกไปก็เยอะ กระจกโบราณ ของที่ตั้งแสดงอยู่เป็นของจริงทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นของที่เหลือจากขโมยแล้ว เหลือแต่ของที่ไม่มีราคา แต่ปัจจุบันราคาแพงมาก ใกล้ ๆ อีกซักรูป ร้านขายของที่ระลึกจ้า มีแต่ของที่เลียนแบบของใช้ในวัง แต่แพงมาก มีร้านขายของกินในนี้ด้วยเค้าเอาตำหนักเก่า ๆ เล็ก ๆ มาดัดแปลงเป็นร้านขายของ รูปปั้นอะไรไม่รู้ชอบ มันเงา ๆ มัน ๆ ดี คงมีคนมาลูบมันเยอะจนคล้ำ ลานกว้าง หน้าตำหนักบริเวณลาน คานทองหรือเปล่าไม่รู้ ต้นไม้นี้แปลกดีเพราะลำต้นมันเหมือนใส่ชุดลายพรางเลย ใกล้ ๆ กันมีแบบนี้ด้วย คล้าย ๆ กรอบรูปก็เลยจัดไป 1 ภาพ พยายามซูมเข้าไปถ่ายได้แค่นี้ ทางเชื่อมระหว่างตำหนัก ซักภาพเพราะเดินมาเจอกันอีก อีกมุมหนึ่งของวัง ซูมถ่ายเข้าไปข้างใน เป็นของที่ใช้จริงในสมัยก่อน ใกล้ ๆ ทะเลสาบก็มีสระบัวด้วย ภาพวาดโบราณ และในพระราชวังนี้มีภาพวาดรวมกันถึง 5,000 ภาพนะ อันนี้เป็นเพดานของทางเดิน ก็มีภาพวาดด้วย เป็นที่บอกเล่าเรื่องราว แต่ละภาพเป็นภาพเล็กๆวาดไม่ซ้ำกันเลย มีจำนวนมากอยู่ในกรอบรูปครึ่งวงกลมแบบจีน ให้รายละเอียดทิวทัศน์ บ้านเมือง และผู้คนอย่างมีชีวิตชีวา ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ อันนี้เป็นกำแพงที่มีกระจกใสมองเห็นอีกฝั่งนึงได้ แล้ววาดภาพไว้ด้วย ประตูห้อง ต้องเอากระจกมาปิดไว้กันความเสียหายจากน้ำและจากคน ชอบมากหน้าต่างบานใหญ่เวลาเปิดคงต้องเปิดหลายคนเพราะใหญ่มาก และใช้เหล็กที่ห้องอยู่ข้าง ๆ ค้ำไว้ ต้นอี้หลาน(จำปา) อี้หลานเป็นชื่อเล่นของพระนางซูสีไทเฮา ไกด์บอกว่าในเดือนเมษายน ดอกจะบานสะพรั่งสวยงามมาก ตำหนักอีกเหมือนกัน มีรูปปั้นสัญลักษณ์ด้วย อ่านไม่ออก ชอบต้นนี้มากเพราะมันใหญ่มากคงหลายร้อยปีแล้ว คล้าย ๆ บอนไซ ซุ้มประตูทางเดิน รายละเอียดของเพดาน ซุ้มประตูติดทะเลสาป เป็นทางเดินที่ยาวมาก ระเบียงทางเดินที่มีระยะทางไกลถึง ๗๒๘ เมตร ลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบคุนหมิงหู อากาศดี ติดกับทะเลสาบ ลมพัดมาตลอดเวลา วันนี้ไม่เมื่อยเลย ไม่อยากเดินบนทางเดินก็ลงมาเดินข้างล่างก็ได้ แล้วก็ได้ภาพนี้มา เป็นสระบัวใกล้ๆ ทางเดิน ชอบต้นนี้มันเองลงไปในสระเกือบ 45 องศา ชอบต้นนี้มันมีลายเฉียง ๆ แบบนี้ทั้งต้นสวยดี ร้านขายของกินอีกแล้ว บริเวณนี้จะมีผู้คนมานั่งเล่นกันเยอะ มาทำกิจกรรมอะไรต่าง ๆ คล้าย ๆ สวนลุมฯบ้านเรานั่นเอง นี่ก็สีซอไปสบายใจเฉิบ ใครไม่ฟังก็ช่าง นี่ไงภาพวาดอีกแล้ว สวยนะ ทางเดินนี้จะมีภาพวาดประมาณ 2,000 ภาพตลอดทางเดิน ภาพวาดอีก เด็กแต่งตัวเดิ้นมาก พยายามหาซื้อแบบนี้เหมือนกันแต่ไม่เจอ ทางเดินติดทะเลสาบ เป็นทะเลสาบคุนหมิง เป็นทะเลสาบที่พระนางซูสีไทเฮา ใช้คนขุดถึง 10 ล้านคน ใช้เวลาขุดถึง 10 ปี ทะเลสาบกว้างใหญ่ ดูเท่าไรก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดจากแรงงานคนขุดขึ้นมา แล้วเอาดินที่ขุดพูนขึ้นไปเป็นเนินเขาข้างทะเลสาบ อันนี้คล้าย ๆ ท่าน้ำนะ ท่าน้ำทะเลสาป อยู่หลังร้านที่เค้าขายของชำเราทำท่าไปดูของเหมือนจะซื้อแต่เปล่าเลย เข้าไปถ่ายรูปแล้วก็รีบออกมา เดี๋ยวเค้าด่า จะอยากได้ภาพสวย ...อิอิ ของกินอีกแล้วแต่ไม่กล้าซื้อกินตั้งแต่มีข่าวว่าจีนใช้นมผงที่ผงสมเมลามีนก็เลยยับยั้งชั่งใจ.......อิอิพูดดูดีเนอะ มีมาม่าขายด้วย อันนี้เด็ก แต่ว่าเรทอาร์นิดหน่อย ดูซิ เค้า Sexy มั้ยตัวเอง อันนี้พื้นถนนที่เดินไป ละเอียดมั้ยขนาดถนนยังเอาเหล็กมาฝังให้เป็นรูปดอกไม้ เห็นแล้วทึ่งนะคนสมัยก่อน เราจะนั่งเรือลำนี้ไปล่องทะเลสาบคุณหมิงกัน เป็นเรือหินอ่อน เป็นเรือสำราญที่พระนางซูสีไทเฮา ให้สร้างเพื่อเป็นที่นั่งจิบน้ำชาชมละอองฝน ใช้งบก่อสร้างถึง 10 ล้านตำลึง ซึ่งเป็นภาษีจากราษฎรเพื่อใช้ซื้ออาวุธป้องกันประเทศ ภาพที่เห็นเป็นซากเรือที่ถูกต่างชาติบุกเข้ามาเผาทำลาย (ของดั้งเดิมคงสวยงามมากเลย น่าเสียดาย) ต่อแถวขึ้นเรือ เรือออกแล้วที่เห็นสะพานนั้น เป็นสะพาน17 ช่อง จำลองจากสะพานมาโคโปโล ยาว 150 เมตร ในทะเลสาบคุนหมิงหูมีเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง สะพาน ๑๗ ช่องอันสวยงามจะเชื่อมติดกับฝั่ง ชมวิวไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเล่าประวัติให้ฟัง สวนสาธารณะ "อี้เหอหยวน" หรือวังฤดูร้อน วังฤดูร้อนหรือที่เรียกกันว่า สวนสาธารณะอี้เหอหยวนนั้น ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง เป็นพระราชอุทยานที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๙๐ เฮกต้าร์ ประกอบด้วยเนื้อที่ที่เป็นนํ้า ๓ ส่วน เนื้อที่ที่เป็นดิน ๑ ส่วน เมื่อศตวรรษที่ ๑๒ จักรพรรดิองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์จินทรงมีพระราชโองการให้สร้างที่ประทับแรมขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก ต่อมาในหลายราชวงศ์มีการสร้างเสริมเติมต่อหลายครั้ง พระจักรพรรดิเฉียงหรงแห่งราชวงศ์ชิงทรงมีพระราชโองการให้สร้างขยายอุทยานแห่งนี้ให้กว้างออกไปและทรงให้ชื่อว่า อุทยาน "ชิงอีหยวน" เมื่อ ค.ศ. ๑๘๖๐ อุทยานแห่งนี้ถูกทหารพันธมิตร อังกฤษ - ฝรั่งเศสเผาทําลาย ต่อมาเมื่อ ค.ศ. ๑๘๘๘ พระนางซูสีได้ใช้งบประมาณกองทัพเรือของชาติซี่งเป็นเงินแท่ง ๕ ล้านตําลึงมาสร้างอุทยานนี้ขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น "อี้เหอหยวน" อุทยานนี้มีชื่อเลื่องลือไปทั่วโลก ก็ด้วยมีทิวทัศน์สวยงาม จะมาขึ้นฝั่งแล้ว ก็จบการเดินทางแต่เพียงเท่านี้สำหรับพระราชวังฤดูร้อน ออกมาแล้วจะไปกินข้าวแล้วนะ ตามมา หิวหรือยัง......... ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย   Create Date : 02 กรกฎาคม 2552     Last Update : 10 มิถุนายน 2553 16:58:27 น. Counter : 2484 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• เที่ยวปักกิ่ง 25-30 มิถุนายน 2552
• เที่ยวสวนสุภัทราแลนด์ 14 กรกฏาคม 2552
• เที่ยวเรือรบหลวงนราธิวาส ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ 5 เมษายน 2551
• เที่ยวเรือดำน้ำ 22 เมษายน 2551
• เที่ยวปราสาทสัจธรรม 22 กรกฏาคม 2551
• ทำขนม+ของว่าง
• เที่ยวจันทบุรี
• เที่ยวหลวงพระบาง 9-12 พฤศจิกายน 2552
• หนังเกาหลีที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
• ดำน้ำที่เกาะล้าน พัทยา 6 กรกฏาคม 2553
• ทุ่งดอกกระเจียว 26 กรกฎาคม 2553
• เที่ยวสุราษฎร์ 28 ก.พ. 2554

• j230i
• eieikondee
• mardoo
• bankercool
• Webmaster - BlogGang

• pantip
• เทกกี้งไทย
• กล่องคอมเม้นสวย ๆ
• โค๊ดสีตัวอักษร
• BG สวย ๆ
• กล่องคอมเม้นสวย ๆ 2
• BG สวย ๆ 1
• BG แนวตั้ง
• งานควิล
• เกี่ยวกับอาหารเกาหลี
• ป้ามด
• ชานไม้ชายเขา
• BlogGang.com