Bloggang.com : weblog for you and your gang
... เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ...
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 23 หอเทียนถาน วันที่ 29
หอสักการะฟ้า (Temple of Heaven) หรือที่คนจีนเรียกว่า เทียนถาน เป็นสถานที่ที่มีสิ่งปลูก อันมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ ที่ยังคงความใหญ่โต สวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน จนได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกโลก เมื่อปีค.ศ. 1998
โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของ"เทียนถาน"ที่มีความสลับซับซ้อนและมีความเป็นวิทยาศาสตร์นี้ต่างสะท้อนให้เห็นถึงระดับของวิทยาการสมัย ใหม่ด้านสถาปัตยกรรมในยุคกลางของศตวรรษที่16ของจีนอย่างน่าทึ่ง สำหรับสีสันที่ใช้ในการตบแต่งสิ่งปลูกสร้างของ"หอเทียนถาน"นั้นก็มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในสมัยนั้น เนื่องจากว่า ในสมัยโบราณของจีน มักจะใช้สีเหลืองอร่ามซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของอำนาจแห่งพระจักรพรรดิที่ ล่วงละเมิดไม่ได้นำมาตบแต่งพระราชวังแต่ในการตบแต่งของ"หอเทียน ถาน"นั้นกลับใช้สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีของฟ้ามาเป็นสีสันสำคัญ สิ่งปลูกสร้าง สำคัญอื่นๆใน"เทียนถาน"ต่างก็มุงด้วยหลังคากระเบื้องเคลือบที่เป็นสีน้ำเงินเช่นกัน พอเดินเข้าสู่"เทียนถาน" ก็จะเห็นสีน้ำเงินเป็นส่วนใหญ่ซึ่งช่วย เพิ่มสีสันและเสริมความหมายอันทรงพลังให้แก่"เทียนถาน"ที่เป็นสถานที่ สำหรับประกอบพระราชพิธีสักการะบูชาฟ้า ยิ่งทำให้ผู้คนตระหนักถึงความ หมายอันลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ของ"เทียนถาน"แห่งนี้
เทียนถานแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 14 ปีเลยทีเดียวกว่าจะแล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิง ใช้ประกอบพิธีสักการะและบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน ซึ่งจะจัดขึ้นปีละ3 ครั้ง เพื่อขอฝนให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตที่ดี และขอบคุณเทพเจ้า ที่ช่วยบันดาลให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
ซึ่งอาณาบริเวณของเทียนถานมีความกว้างขวางกว่า 2,700,000 ตร.ม. มีกำแพง 2 ชั้นโอบล้อมรอบ แบ่งเป็นเขตชั้นนอก และเขตชั้นใน กำแพงด้านทิศเหนือ เป็นรูปครึ่งวงกลมสูงกว่าด้านทิศใต้ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม โดยเหตุที่ออกแบบในลักษณะนี้ก็เพราะยึดคติของจีนโบราณที่เชื่อกันว่า แผ่นฟ้าโค้ง ผืนดินเหลี่ยม นั่นเอง และความเชื่อนี้ก็เป็นรากฐานในการสร้างวัดจีนสมัยโบราณอีกหลายแห่งด้วย มาถึงแล้วอันนี้ด้านหน้าทางเข้า คนมาเที่ยวเยอะแยะเลย
มีกิจกรรมแบบนี้ตลอดทางเดิน สวนสาธารณะเทียนถานในยามเช้าจะเต็มไปด้วยอาแปะ อาอึ้ม อาม่า อากง มาทำกิจกรรมกัน ผู้สูงอายุชาวจีนดูแข็งแรงดีจัง คงเป็นเพราะมีกิจกรรมให้ทำ ออกกำลังกายกันสม่ำเสมอละมั้ง มีทั้งมีกิจกรรมกลางแจ้งและในร่มต่างๆสารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นจ๊อกกิ้ง รำมวยจีน รำดาบ เต้นรำ มีรำกระบี่ ลีลาศ (แอบเปิดเพลง My Heart Will Go On ด้วย) ตะกร้อ แบดมินตัน เตะลูกขนไก่ คล้ายๆ ตะกร้อวงบ้านเรา แต่ลีลาอาแปะอาอึ้มทั้งหลายน้องๆ ทีมชาติเลย (ฟังไม่ผิดหรอก ผู้หญิงก็เตะั!) มีกีฬาอีกอย่างคล้ายๆ เทนนิส มีไม้มีลูกกลมๆ คล้ายกันแต่ไม่ได้เอามาตีโต้กัน แต่โยนรับส่งกันไปมา ลีลาตอนรับตอนส่งนี่อย่างเท่ห์เลย ส่วนผู้อาวุโสจะนั่งจิบน้ำชา เล่นหมากรุก พูดคุยสังสรรค์กันเป็นกลุ่มๆ อย่างสบายอารมณ์ เยอะแยะ ดูเพลินจนลืมเข้าหอฟ้าเทียนถานไปเลย
ชอบดอกไม้จังมีแบบนี้เยอะแยะเลย กระถางใหญ่ด้วย ตามริมทาง
อันนี้ไปขอแจม แต่ไม่เหมือน จากการไปสอบถามไกด์บอกว่าคนแก่ที่นี่เค้าซื้อตั๋วเข้ามาทำกิจกรรมทุกวัน สำหรับคนแก่มีตั๋วเดือน ซื้อเดือนละครั้งใช้ได้ทั้งเดือนเหมือนตั๋วรถไฟฟ้าบ้านเราเลย แต่ว่าจะสามารถอยู่ได้แค่ในส่วนสวนสาธารณะนี้เท่านั้น จะอยู่นานเท่าใดก็ได้ เปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึง 5 6 โมงเย็น แต่ถ้าจะเข้าไปชมด้านในด้วยต้องซื้อเพิ่ม
โคมไฟที่อยู่ระหว่างทาง สวยดี ถ้าจุดทุกอันเวลากลางคืน
ประตูเล็กของตำหนักริมทาง
มีร้านค้าริมทางด้วย
เดินมาถึงแล้วว แท่นบวงสรวง (หวานชิวถาน)
เป็นแท่นกลม สูง 3 ชั้น ตั้งอยู่กลางแจ้ง สร้างในปี ค.ศ.1530 ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร ชั้นบนสุดเป็นลานกว้างโล่ง ตรงกลางเป็นหินอ่อนกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร ล้อมรอบด้วยหิน 9 ก้อน รอบ 2 มีหิน 18 ก้อน มีทั้งหมด 9 รอบ รอบที่ 9 สุดท้ายมีหินล้อมรอบ 81 ก้อน รวมทั้งสิ้น 3,402 แผ่น หินแต่ละก้อนจะมีขนาด และการจัดวางที่ประณีต แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นเวลานับร้อย ๆ ปี ก็ยังสามารถคงสภาพ สมบูรณ์และเป็นระเบียบเหมือนเมื่อแรกสร้างจนถึง
ปัจจุบันอย่างน่าทึ่ง ตามความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ เรียกที่นี่ว่า "สวรรค์ 9 ชั้น" เป็นจุดสูงสุดและเชื่อว่า เป็นที่ประทับของเทพเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ การคำนวณ การใช้วัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างเป็นต้นของสิ่งปลูกสร้างวงกลมต่างมี ความสลับซับซ้อนมากกว่าสิ่งปลูกสร้างทรงสี่เหลี่ยม เวลาประกอบพิธี ฮ่องเต้จะคุกเข่าลงตรงใจกลางของแท่นที่มีหินรูปร่างกลมก้อนใหญ่ แล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรจากพรจากสวรรค์ ให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และเมื่อพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ฮ่องเต้จะได้ยินเสียงสะท้อน(Echo) ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใกล้ฟ้า ใกล้สวรรค์ และเหล่าเทพเทวดา เชื่อกันว่าเป็นส่วนของบันไดที่เชื่อมต่อกับสวรรค์ ดังนั้น ในทุกวันที่ 22 ธันวาคม ของทุกปี อันเป็นการเริ่มต้นฤดูหนาว องค์จักรพรรดิทุกพระองค์จะถวายรายงานต่อฟ้าถึงผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และขอพรจากฟ้าเพื่อให้ปีต่อไป ร่มเย็นเป็นสุข ทำมาค้าขึ้น ปลูกพืชผลได้ผลดีเป็นเทคนิคพิเศษของการก่อสร้างและการออกแบบเฉพาะในสมัยโบราณจะมีการเผาไหมเป็นเครื่องบวงสรวงบูชาสวรรค์กันที่นี่อีกด้วย
เสานี้เอาไว้สำหรับจุดไฟเวลามาบวงสรวงฟ้าดิน เพราะต้องตื่นมาทำตั้งแต่เช้ามืด จุดเพื่อให้ความสว่าง
ถังขยะในบริเวณนี้ ทำให้แบบกลมกลืนไปเลย
แผ่นหินตรงกลางไปยืนแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออกแล้วพูดดัง ๆ จะมีเสียงสะท้อนกลับมาด้วย ลองทำดูแล้ว พูดว่า ขอให้รวย ก็จะมีเสียง รวย ๆ ๆ ๆ ๆ สะท้อนตามมา น่าทึ่งมาก หันไปด้านอื่นไม่มีเสียงนะ
รั้ว 3 ชั้นลดหลั่นกันลงไป
ภาพหมู่ซะหน่อย
รูปเดี่ยวมั่ง
จบสำหรับ แท่นบวงสรวง (หวานชิวถาน) แล้วเราจะไปต่อกันที่ "ตำหนักหวงฉุงยูว์" หรือ"หอเทพสถิต" เป็นสถานที่ประดิษฐานแผ่นป้ายองค์เทพเทวาทั้งหลายโดยเป็นอาคารสูง 19.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐาน 15.6 เมตร สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จะเข้าไปชมต้องซื้อตั๋วอีก
ประตูทางเข้า
เข้ามาข้างในแล้วว
รายละเอียดภายใน แผ่นป้ายองค์เทพเทวา
ตำหนักที่อยู่ข้าง ๆ กัน
เสาหินอ่อนที่อยู่ด้านนอก รอบ
รายละเอียดภายใน
กำแพงสะท้อนเสียงที่มีชื่อเสียงเรืองนามไปทั่วโลก เพราะเป็นกำแพงทรงกลมรอบนอกของหอเทพสถิต มีความยาว 193.2 เมตร สูง 3.7 เมตร และหนา 0.9 เมตร สามารถส่งผ่านเสียงผ่านไปถึงผู้ยืนอยู่ที่กำแพงฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันเค้าทำเหล็กมากั้นไว้กันคนไปกระซิบผ่านกำแพง เพื่อป้องกันความเสียหาย แต่หลายคนก็ยังพยายามชะโงกหน้าตะโกนกัน ได้ยินเสียงด้วย
พอออกมาจากหอเทพสถิตย์ก็มาเจอนี่ ลานกิจกรรมของที่นี่ รำไท้เก๊ก อยู่ระหว่างทางที่เราจะไปหอประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน
อันนี้เหมือนตีแบตแต่ลูกที่ตีไม่เหมือนกัน มีลีลา หลายท่า พริ้วมาก
หมุนตัวรับ รับใต้ขา เหมือนต่อสู้กันเลย
ชอบต้นนี้ใหญ่มากคงหลายร้อยปีแล้ว
ประตูทางที่จะไปหอประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน
เข้ามาแล้วก็ต้องเดินอีกไกล ดูหนทางที่เราจะไปซะก่อนลิบลับเหลือเกิน
ระหว่างทางมีร้านขายของที่ระลึก มีคนนี้แต่งตัวเป็นฮ่องเต้เรียกแขกอยู่หน้าร้าน ก็เลยถ่ายรูปด้วย
ที่นี่ปลูกต้นไม้ร่มรื่นจำนวนมากและยังปลูกพืชคลุมดินไว้อีกส่วนหนึ่ง เมื่อ เดินเข้าสู่"หอเทียนถาน"ก็จะเห็นต้นไม้สูงใหญ่เขียวชอุ่มให้ความร่มเย็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะต้นไป๋ ที่มีอายุหลายร้อยปีแผ่กิ่งก้านโน้มเข้าหากันจำนวนมาก ซึ่งได้สร้าง บรรยากาศที่น่าเกรงขามให้กับ "หอเทียนถาน" ยิ่งขึ้น ตามสถิติที่มีผู้ศึกษาไว้ เฉพาะต้นไป๋ภายใน "เทียนถาน" ก็มีจำนวนมาก กว่า 4,000 ต้นแล้ว เพราะตามความเชื่อของคนจีนในสมัยโบราณ สีเขียวเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง "ความเคารพ ระลึกถึงและความปรารถนา" ทั้งนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนจีนมักจะปลูกต้นสน และต้นไป๋ไว้ตามหอสักการะวัดวาอารามและสุสานต่างๆซึ่งมีให้เห็นทั่วประเทศ
บรรยากาศมันพาไป
วิวข้างทาง มีการร้องงิ้วมั้งคนดูเต็มเลย
ใกล้เข้ามาแล้ว
เด็กที่นี่น่ารักเนอะ
"สะพานตันปี้" ที่มีความยาว 360 เมตรและมีความกว้าง 30 เมตรนั้นเป็นทางเชื่อมระหว่างตำหนัก "ฉีเหนือนเตี้ยน" กับ "แท่นบวงสรวงฟ้า" โดยทางเดินที่เหยียดยาวจากด้านใต้ที่สูงเพียง 1 เมตรนั้น จะค่อยๆเพิ่มความสูงขึ้นจนไปสูงสุดที่จุดหมายปลายทางด้านเหนือที่มี ความสูงถึง3เมตรได้แฝงความหมายสำคัญเอาไว้ว่าในแต่ละก้าวที่องค์จักรพรรดิ์เสด็จย่ำพระบาทผ่านมาบนเส้นทางสายนี้ จะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งถูกเรียกว่า"เสินเต้า"หรือ"ทางศักดิ์สิทธิ์"เป็นทางเดินของสวรรค์และเทพเทวดาองค์ต่าง ๆ โดยถนนฝั่งซ้ายสำหรับองค์จักรพรรดิเสด็จผ่าน ส่วนถนนฝั่งขวาสำหรับขุน นางชั้นผู้ใหญ่ ในภาพเป็นเป็นทางลงเพราะว่าตอนที่เราเดินมา เราเดินย้อนเส้นทางเพื่อเดินทางไปที่รถ ความจริงต้องเดินมาจากทางด้านหน้าแล้วเดินไปยังทางที่เราผ่านมาแล้วจึงจะถูกต้อง เลยไม่ได้เดินไปสวรรค์ สงสัยไปลงนรก อิอิ
สนามหญ้าข้างทาง เขียวดี
อันนี้เป็นศาลเจ้า เข้าไปไหว้พระได้ เมื่อก่อนเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนขึ้นไปบวงสรวงฟ้าดิน
ป้ายที่อยู่ด้านหน้า
น่ารักอีกแล้ว
ใกล้เข้ามาแล้ว
ผ่านตรงนี้ไปก็ถึงแล้ว
เจอลุงคนนี้อยู่ที่ประตู
ดูเหมือนเล็ก ๆ นะ
ใกล้ ๆ
ขึ้นมาข้างบนหอ
รายละเอียดภายใน "ฉีเหนียนเตี้ยน" หรือ "ตำหนักสักการะ" เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกลักษณ์ของจีนและก็เป็นสิ่ง ปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่สวยงามและโดดเด่นที่สุดในเทียนถาน เป็นสถานที่สำหรับบวงสรวงฟ้า เพื่อขอให้พืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ตำหนักนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง32เมตรและมีความสูงราว 40 เมตร เป็นตำหนักทรงกลมโครงไม้โดยมีหลังคาลักษณะพิเศษที่ไม่มีคานไม้เลย ส่วนเสาใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางห้องโถงทั้ง 4 เสานั้นต่างมี ความสูงราว 20 เมตร เป็นสัญลักษณ์แห่งความหมายของ 4 ฤดูกาลในรอบหนึ่งปีนั่นเอง อีก 12 เสาที่เล็กกว่าซึ่งก็ตั้งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของฉีเหนียนเตี้ยนเช่นกันนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเดือนทั้ง 12 เดือนในรอบหนึ่งปีนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีอีก12เสาที่รวมเข้าอยู่กับกำแพงของ "ฉีเหนียนเตี้ยน" ด้วยกันซึ่งมีความหมายว่า วันหนึ่งมี 12 ช่วงและแต่ละ ช่วงในอดีตนั้นตรงกับเวลา 2 ชั่วโมงในสมัยปัจจุบัน ส่วนฝ้าเพดานในห้องโถง ที่เป็นรูปปั้นมังกร 9 ตัวนั้นมีสีสันหลากหลาย มีความประณีตและมีความโอ่อ่างดงามยิ่ง ส่วนยอดหลังคาที่หุ้มทองนั้นมีความงามสอดคล้องกับหลังคา กระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินอย่างกลมกลืน อีกทั้งตำหนักนี้ได้สร้างบนแท่นหินอ่อนสีขาวสามชั้นที่มีความใหญ่โต ยิ่งทำให้ลักษณะ ของ "ฉีเหนียนเตี้ยน" มองดูแล้วยิ่งใหญ่และงดงามมาก
จำนวนเสาที่อยู่ภายใน สีแดงใหญ่คือเสาที่อยู่กลางห้องโถง รูปข้างบน
คนจีนมั้งหน้าตาเค้าโบราณดีชอบแล้วถ่ายรูปหมู่ด้วยนะ
อันนี้คนไทยอยากเป็นคนจีนมั้ง ค่าเช่าชุด 150 บาท เค้าถ่ายให้ 1 ภาพ พร้อมใส่กรอบกระดาษรูปหอฟ้า ส่วนที่เหลือเราเอากล้องไปเอง รัวไม่ยั้ง อิอิ
อันนี้ไกด์ของกรุ๊ปอื่น น่ารักดี ดูธงสัญญลักษณ์ซิน่ารักสีเหลือง
อันนี้เข้ามาในพิพิธภัณฑ์ที่แสดงอยู่บ้าง ๆ หอบวงสรวง
แบบจำลอง
จำนวนเสาที่อยู่ภายใน
ยอดโดมเป็นทองคำ
อันนี้ถ่ายหน้าพิพิธภัณฑ์ ต้องกระโดดขึ้นไปสูงมาก เพื่อให้ได้ภาพของหอ บวงสรวงฟ้าดิน
ออกมาทางเดินจะกลับไปที่รถ อีกก็อีกซักรูป
ดูแล้วเหมือนสวนลุมบ้านเรา ที่มีคนมาแสดงความสามารถต่าง ๆ ให้ดู อันนี้เหมือนแสดงละคร
อันนี้เล่นโดมิโนกัน ดูสนามที่อยู่ข้างหลังซิร่มรื่นและกว้างมากเลย
ต้นอะไรไม่รู้มีลูกด้วย
อันนี้เค้าเล่นงิ้วกันแต่ไม่แต่งตัวร้องแข่งกันเฉย ๆ แต่คนดูเยอะมาก เราต้องฝ่าฝูงชนนี้ไป
ช่วงนี้ทางโล่งก็จะมีคนเขียนภู่กันจีน โชว์
สนามที่อยู่ข้าง ๆ ทางเดิน
อันนี้ทำงานฝีมือพอเราไปดูใกล้ ๆ เค้าก็จะผลงานออกมาโชว์และถามขายให้เรา เค้าทำหมวก เสื้อ ผ้า
อันนี้ร้องคาราโอเกะโชว์ มีจอทีวีดูด้วยนะ
อันนี้เล่นไพ่กัน แต่เล่นอะไรไม่รู้เหมือนรัมมี่แต่ถือกันคนละ 10 กว่าใบ
อันนี้เหมือนวงประสานเสียง ร้องด้วย เล่นด้วย
ร้านขายของที่อยู่บริเวณนั้น
อันนี้เป็นรากไม้ แต่เหมือนคนมาก
ห้องน้ำของที่นี่ แต่กลิ่นรุนแรงมาก ขนาดผู้ชายที่มาด้วยกันยังเข้าไม่ได้ เราเลยไม่เสี่ยง อาจตายอยู่ในนั้น
จบแล้วสำหรับเทียนถาน จากนี้เราจะไปกินข้าวและตอนบ่ายไปช๊อปปิ้งค่ะ ตามมา ๆ ๆ
ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย
Create Date : 11 กรกฎาคม 2552
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:07:46 น.
0 comments
Counter : 2529 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
j230i
Location :
ชลบุรี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Group Blog
เที่ยวปักกิ่ง 25-30 มิถุนายน 2552
เที่ยวสวนสุภัทราแลนด์ 14 กรกฏาคม 2552
เที่ยวเรือรบหลวงนราธิวาส ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ 5 เมษายน 2551
เที่ยวเรือดำน้ำ 22 เมษายน 2551
เที่ยวปราสาทสัจธรรม 22 กรกฏาคม 2551
ทำขนม+ของว่าง
เที่ยวจันทบุรี
เที่ยวหลวงพระบาง 9-12 พฤศจิกายน 2552
หนังเกาหลีที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ดำน้ำที่เกาะล้าน พัทยา 6 กรกฏาคม 2553
ทุ่งดอกกระเจียว 26 กรกฎาคม 2553
เที่ยวสุราษฎร์ 28 ก.พ. 2554
All Blogs
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย เกี่ยวกับจีน
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 24 กินข้าว+ช๊อปปิ้ง วันที่ 29
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 23 หอเทียนถาน วันที่ 29
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 22 กินข้าว วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 21 โรงงานผ้าไหม วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 20 โรงงานบัวหิมะ วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 19 พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้ง วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 18 สุกี้มองโกล วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 17 กำแพงเมืองจีน วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 16 โรงงานหยก วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 15 กินเป็ดปักกิ่ง วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 14 ถนนคนเดินเฉียนเหมิน วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 13 พิพิธภัํณฑ์สัตว์น้ำ วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 12 กินข้าวเที่ยว+โรงงานไข่มุก วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 11 พระราชวังฤดูร้อน วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 10 กินข้าวเช้า + ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 9 นอนโรงแรม วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 8 ไปดูกายกรรมจีน วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 7 ทานอาหารเย็น วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 6 ชมสนามกีฬารังนก วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 5 นั่งสามล้อชมเมืองเก่าหูถง วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 4 กินข้าวเที่ยง วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 3 จตุรัสเทียนอันเหมิน วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 2 พระราชวังต้องห้าม วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 1 ร้านอาหาร วันที่ 25-26
Friends' blogs
j230i
eieikondee
mardoo
bankercool
Webmaster - BlogGang
[Add j230i's blog to your web]
Links
pantip
เทกกี้งไทย
กล่องคอมเม้นสวย ๆ
โค๊ดสีตัวอักษร
BG สวย ๆ
กล่องคอมเม้นสวย ๆ 2
BG สวย ๆ 1
BG แนวตั้ง
งานควิล
เกี่ยวกับอาหารเกาหลี
ป้ามด
ชานไม้ชายเขา
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.