... เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ...
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย เกี่ยวกับจีน



ของแปลกและหายากในจีน


1) มอเตอร์ไซด์
เท่ห์มาก ความจริงเป็นรถมอเตอร์ไซด์เรานี่แหละ แต่ที่ปักกิ่งมีกฏหมายห้ามขี่มอเตอร์ไซด์ ก็เลยต้องดัดแปลงมาเป็นรถแบบนี้ นั่งโดยสาร ได้ 1 คนคือหันหลังชนกับคนขับ เหมือนทะเลาะกันตลกดี มอร์เตอร์ไซต์ เพราะมีกฎว่าห้ามวิ่งบนถนนวงแหวนและถนนหลัก รวมทั้งไม่มีการจดทะเบียนให้กับรถมอร์เตอร์ไซต์คันใหม่ๆ ด้วย เพราะทางการจีนเห็นว่ามอร์เตอร์ไซต์เป็นตัวก่อมลภาวะทางอากาศ เขาจึงต้องการให้มันค่อยๆ หมดไปจากแผ่นดินจีน บนท้องถนนเราจึงเห็นชาวจีนขี่แต่จักรยานเต็มไปหมด และส่วนมากก็จะเป็นจักรยานมือสอง เพราะถ้าซื้อคันใหม่ๆ มาขี่ อาจจะถูกขโมยได้ ที่ปักกิ่งเค้าบอกว่ามีรถหายบ่อยมาก คนที่นั่นเลยไม่นิยมที่จะถอยรถใหม่ๆ ออกมาขี่ นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังมีกฎควบคุมการจราจรและมลภาวะในอากาศ โดยวันคู่จะอนุญาตให้รถยนตร์ที่มีเลขทะเบียนตัวสุดท้ายเป็นเลขคู่เข้าเมืองได้เท่านั้น และวันคี่ก็จะมีแต่รถยนต์ที่มีเลขทะเบียนตัวสุดท้ายเป็นเลขคี่ แต่เท่าที่สังเกต วันคี่ก็ยังมีรถทะเบียนเลขคู่วิ่งอยู่บนท้องถนนเหมือนกันนะ แต่น้อยมั่ก..มั่ก..
Photobucket


2) รถกระบะ :
เป็นรถอีกประเภทหนึ่งที่ห้ามใช้ในเมือง แต่อาจจะมีใช้อยู่บ้างในเขตชนบท และห้ามนั่งในส่วนของกะบะ ต้องไปนั่งข้างในให้หมดเพื่อความปลอดภัย



3) สุนัข :
ในจีนไม่เคยพบเห็น สุนัขที่มีการเลี้ยงตามท้องถนน หรือสุนัขจรจัดเลย ผิดกับบ้านเรา ที่เดินทางไปไหนมาไหน มักพบสุนัขจรจัด นับแสนตัวเพ่นพ่านเต็มไปหมด โดยเฉพาะวัดบางแห่ง ที่ผู้คนที่ขาดความเมตตา กลับนำสุนัขที่ตนเองฟูมฟักมาแต่เล็ก ไปปล่อยตามวัด ยิ่งตอนนี้มีข่าวว่า กทม.พยายามที่จะจัดระเบียบเรื่องสุนัข ด้วยการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฝังไมโครชิป รวมทั้งให้จดทะเบียนด้วย นับว่าเป็นแนวคิด ที่ลอกเลียนแบบต่างประเทศ ได้ไม่เลวเลย แต่ก็ยังดีกว่า ที่จะปล่อยเลยตามเลย ไม่ทำอะไรเลย จนกระทั่งโรคพิษสุนัขบ้าระบาดในฤดูร้อนสอบถามเพื่อนชาวจีน และเด็กชาวจีนรุ่นใหม่ ล้วนไม่เคยพบเห็นสุนัข และเด็ก ๆ ชาวจีนยังไม่ทราบว่า สุนัขสามารถเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นได้ ถึงแม้ระยะหลัง จะมีภาพยนตร์ตะวันตก ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างสุนัขกับเด็ก ออกเผยแพร่ในจีนก็ตาม เด็กชาวจีนก็ยังไม่รู้ซึ้ง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างคน กับสุนัขอย่างแท้จริง
เมื่อสอบถามชาวจีนผู้สูงอายุ จึงทราบว่าจีนเคยมีกฏหมาย ห้ามประชาชนเลี้ยงสุนัข ตามที่พักอาศัย เช่นเดียวกับ การห้ามเลี้ยงหมีแพนด้า สิง เสือ สิงโต หมี ม้า วัว แกะและหมู โดยประชาชน ได้รับอนุญาต ให้เลี้ยงแค่นกและปลาเท่านั้นสำหรับในพื้นที่ชนบทห่างไกล ประชาชนอาจจะได้รับอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ คือแมวสำหรับจับหนู และสุนัขสำหรับการเฝ้าบ้านเท่านั้น นอกจากนั้นยังต้องมีป้ายห้อยคอสุนัขด้วย แต่ไอ้ป้ายห้อยคอน่ะ ไม่ใช่รูปสุนัขนะ แต่เป็นรูปเจ้าของสุนัขตังหาก การห้ามเลี้ยงสุนัข สืบเนื่องมาจากในปลายทศวรรษที่ ๑๙๗๐ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้รณรงค์ทางการเมือง โดยกล่าวหาว่าสุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นนายทุน และในต้นทศวรรษที่ ๑๙๙๐ มีสุนัขในจีนเพิ่มสูงขึ้นถึง ๑๒๐ ล้านตัว โดยในจำนวนนี้มีจำนวน ๑๒ ล้านตัวที่เป็นการเลี้ยงตามบ้านเรือน มิใช่เพื่อการบริโภค และยังมีการลักลอบ นำเข้าลูกสุนัขจากต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ทั้งนี้ การออกเทศบัญญัติห้ามเลี้ยงสุนัขในปี ๑๙๙๔ ได้อ้างว่าสุนัขในจีน ๑๒๐ ล้านตัวนั้น จะต้องบริโภคอาหารปีละ ๑๕๐ ล้านกิโลกรัม ซึ่งสามารถ นำไปเลี้ยงประชากรได้ ๔๐ ล้านคนต่อไป และจีนยังมีประชากรยากจน ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเส้นยากจน ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยปีละ ๕๐๐ หยวน และธัญญาหาร ๓๕๐ กิโลกรัมต่อไป ถึง ๗๐ ล้านคน นอกจากนี้ ในต้นทศวรรษที่ ๑๙๙๐ มีประชาชนในกรุงปักกิ่งถูกสุนัขกัดปีละ ๕๒,๐๐๐ คน และระหว่างปี ๑๙๙๐ - ๑๙๙๒ มีประชากรในเซี่ยงไฮ้ถูกสุนัขกัดปีละ ๖๐,๐๐๐ คน รัฐบาลจีน จึงพยายามควบคุม จำนวนสุนัข แต่ปัญหาหลักคือ ผู้เลี้ยงสุนัขเป็นผู้ว่างงาน หรือผู้ที่เกษียณอายุ ซึ่งมักเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน ซึ่งในที่สุดรัฐบาลท้องถิ่น ของกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองเทียนสิน และเมืองกวางโจว ต่างออกเทศบัญญัติ ให้ผู้เลี้ยงสุนัขนำสุนัขมาจดทะเบียน โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่าย สำหรับการจดทะเบียนสุนัขตัวละ ๕,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ หยวน และต้องเสียค่าต่อใบอนุญาตอีกปีละ ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ หยวน (๘.๒๘ หยวน มีค่าเท่ากับ ๑ ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ประชาชนจำนวนมาก เห็นด้วยกับระเบียบ การจดทะเบียนสุนัข แต่กลับทำให้ผู้เลี้ยงสุนัข โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เกษียณแล้ว บางคนไม่พอใจ และโจมตีค่าธรรมเนียม การจดทะเบียน ๕,๐๐๐ หยวนว่าค่อนข้างแพง เกินกว่าที่ตนเอง จะชำระได้ และตนเองต้องการมีเพื่อน ในยามชราเท่านั้น ความพยายามของรัฐบาลท้องถิ่น ในการลดจำนวนสุนัข เป็นไปอย่างได้ผล ทำให้สุนัขจำนวน ๒๒๐,๐๐๐ ตัวในปี ๑๙๙๓ ได้ลดลงเหลือเพียง ๙๖,๐๐๐ ตัวในปัจจุบัน นอกจากนี้เทศบาลนครปักกิ่ง ยังออกระเบียบ ห้ามนำสุนัข ออกมาเดินตามท้องถนน ในระหว่างเวลา ๐๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.อีกด้วย จึงไม่มีใครเห็นเจ้าของสุนัข นำสุนัขออกเดินพักผ่อน ตามสวนสาธารณะ หรือท้องถนน

อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนตะวันตกรายงานว่าในกลางทศวรรษที่ ๑๙๘๐ มีสุนัขในกรุงปักกิ่งไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ ตัว แต่ในเดือน มี.ค.๒๐๐๒ กลับมีสุนัขในกรุงปักกิ่งเกือบ ๑ ล้านตัว โดยสุนัขเหล่านี้ ถูกนำเข้ามาในจีนในห้วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีการนำออกขายตามตลาดและท้องถนนทั่วไป โดยผู้ซื้อสุนัขไปเลี้ยงคือคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง หรือเป็นผู้ที่เกษียณจากการงานแล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่ประสบคือ ผู้เลี้ยงสุนัขเหล่านี้ กลับไม่มีประสบการณ์มาก่อน และไม่เข้าใจวิธีการเลี้ยงดูสุนัข

สำหรับการบริโภคสุนัข เป็นอาหารนั้น เป็นที่นิยมของชาวจีน โดยชาวจีนอ้างว่า เนื้อสุนัขจะช่วยสร้างความอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว ซึ่งชาวตะวันตก องค์กรเอกชน อาทิ กองทุนนานาชาติเพื่อสัตว์ ได้พยายามต่อต้าน ทั้งต่อต้านการบริโภคสุนัข และการเลี้ยงสุนัข เพื่อจำหน่ายหนัง โดยพยายามใช้เป็นมาตรการ กีดกันทางการค้าจีน รวมทั้งสกัดกั้น มิให้ชาวตะวันตก เดินทางไปท่องเที่ยวจีนด้วย ทั้งนี้ องค์กรเอกชนในสหรัฐฯ กล่าวหาว่านอกจากชาวจีน จะนิยมการบริโภคสุนัขแล้ว ยังมีชาวเกาหลี อินโดนีเซีย เวียดนาม บางส่วนของฟิลิปปินส์ และบางส่วนของไทยด้วย



4) ตำรวจพกปืน :
ตำรวจจะพกปืนได้จะต้องมีใบอนุญาต และกฎหมายของจีนก็ลงโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงมาก รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายก็เป็นไปอย่างเข้มงวด ความผิดคดีต่างๆ จึงมีน้อย:


5) คนท้องแก่ :
จีนอนุญาตให้ครอบครัวมีบุตรได้คนเดียวจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ หากใครมีคนที่ 2 บุตรคนที่ 2 จะไม่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพลเมือง ซึ่งจะทำให้ขาดสิทธิหลายอย่าง ทั้งการศึกษาและสิทธิทางสังคมอื่นๆ แต่ก็มีผู้ฝ่าฝืนโดยเฉพาะพวกชาวนาในชนบทที่ต้องการมีลูกมากเพื่ออาศัยเป็นแรงงานช่วยทำนา ประมาณกันว่ามีคนจีนที่อยู่กันแบบเถื่อนๆ ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนอีกประมาณ 100 ล้านคน นอกจากนี้ใครมีบุตรคนที่ 2 หากเป็นข้าราชการก็จะถูกไล่ออกจากงาน พนักงานบริษัท ใครที่เป็นหัวหน้าก็จะถูกลงโทษด้วย คนที่ตั้งครรภ์จะได้ลาพักงานประมาณ 3 เดือนก่อนคลอดบุตร เราจึงไม่ค่อยเห็นคนท้องแก่ เพราะมีนโยบายลูกคนเดียวออกมาในปี 1979 ในสมัยที่นาย เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นผู้นำสูงสุดของจีน โดยกำหนดให้ประชากรในประเทศจีนวางแผนครอบครัว และทำการควบคุมประชากร โดยวางกฎเหล็กให้บรรดาครอบครัวในเขตเมืองขนาดกลางและเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งมีประชากรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.9 ของประชากรทั้งประเทศ มีลูกได้เพียงคนเดียว และได้ผ่อนปรนให้ครอบครัวในชนบทมีลูกได้สองคน และชนส่วนน้อยมีลูกได้สองถึงสามคน ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลของประเทศจีนภาคภูมิใจมาก โดยพวกเขาอ้างว่านโยบายนี้สามารถป้องกันการเกิดได้ถึง 400 ล้านคน ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนในชาติอย่างเหลือหลาย:


6) ปั๊มน้ำมัน :
ปั๊มน้ำมันในปักกิ่งจะมีอยู่ 2 ยี่ห้อเท่านั้น และเป็นของจีน คือ Sinopec และอีกยี่ห้อหนึ่งผมจำไม่ได้เป็นของจีนเช่นกัน ไม่มี Shell, Caltex, Esso ฯลฯ ที่เป็นของต่างชาติให้เห็นดาษดื่นอย่างเมืองไทยเรา จะสังเกตเห็นว่าในตัวเมืองจะไม่มีปั๊มน้ำมันให้เห็นเลย เนื่องจากปั๊มน้ำมันจะถูกย้ายไปอยู่แถบนอกเมืองกันหมดทั้งนี้ก็เพราะผลจากช่วงยุคสงครามเย็นจีน ประเทศตอนนั้นหวาดกลัวจากภัยระเบิดนิวเคลียร์หรือการก่อการร้ายจากต่างชาติทางรัฐบาลช่วงนั้นกลัวว่าเมื่อเกิดการก่อการร้ายหรือระเบิดขึ้นมาหากมีปั๊มน้ำมันอยู่ภายในตัวเมืองคงยากเกินควบคุมจึงได้ออกกฎหมายให้มีการย้ายปั๊มน้ำมันทั้งหลายออกมาอยู่นอกเมืองซ่ะ ชาวเมืองที่นี่ใครที่มีรถยนต์ก้อต้องตรวจสอบรถให้ดีก่อนออกจากบ้าน

7) โรงนวด
ไม่ค่อยจะเห็นในบริเวณตัวเมืองปักกิ่งก็คือ สถานบริการโรงนาบนวดทั้งหลาย ที่เมืองจีนการขายบริการเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายสถานบริการประเภทนี้จึงมักถูกควบคุมหรือเพ่งเล็งเป็นพิเศษทำแล้วไม่คุ้ม ไม่เหมือนเมืองไทยบ้านเราเปิดกันทั่วเมืองหน้าสถานศึกษาก็ไม่เว้น สำหรับใครที่ไปเมืองจีนแล้วไปปิ๊งปั๊งสาวจีนที่เร่ขายบริการต้องระวังให้ดีเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายถูกตำรวจจับแล้ว ที่เค้าเตือนกันมากคือกลัวจะไปโดนนางนกต่อไปให้มาเฟียที่จีนขู่กรรโชกทรัพย์ได้ไม่ต้องระวังนะปลอดภัย



ร้าน Sex shop ที่ปักกิ่งมีให้เห็นทั่วไปเหมือนเซเว่น บ้านเรานี่แหละ ตั้งแต่จีนเปิดประเทศมา บางครั้งเราก็อยากเห็นนะว่าข้างในเค้าขายอะไร แต่เรารู้สึกว่าคนที่เดินเข้าไปมักจะหื่นกามมั้ง เลยไม่กล้า

Photobucket


Photobucket



หมดแล้วสำหรับตอนนี้ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะเอามาลงให้อ่านนะ



Create Date : 17 กรกฎาคม 2552
Last Update : 17 กรกฎาคม 2552 15:47:00 น. 3 comments
Counter : 1570 Pageviews.

 
Wadee ka.


โดย: CrackyDong วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:58:48 น.  

 
เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ
ดีมาก ๆ เลย


โดย: บ้านลีลาวดี วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:16:02:49 น.  

 
ก็ดีนะ

น่ารักดี

ชอบมากเลย

เก่ง

ช้อบ ชอบ


โดย: apple IP: 192.168.2.87, 202.143.150.11 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:40:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

j230i
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add j230i's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.