Bloggang.com : weblog for you and your gang
... เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ...
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 2 พระราชวังต้องห้าม วันที่ 26
หลังไมค์ถึงเจี้ยบกดที่นี่
จากนี้เราก็ไปพระราชวังต้องห้ามกัน เค้าสีแดงทั้งหมด บ้านเราสีแดงหมายถึงห้าม ตาย หรืออะไรที่อันตรายมั้ง ที่นี่ก็เลยมีสีแดง ถามไกด์ว่าที่นี่กว้างขนาดไหน เค้าบอกว่าวันนี้เราต้องเดินกันประมาณ 5 กิโล อยากจะบ้าตายกลางอากาศร้อน ๆ นี่แหละ อันนี้ด้านหน้ามีรายละเอียดว่ามีไกด์ภาษใดบ้าง หลายภาษามาก
ระหว่างรอไกด์ไปซื้อตั๋ว ไปเข้าห้องน้ำ หน้าห้องน้ำมีร้านขายของที่ระลึกด้วย
ดูประวัติของพระราชวังต้องห้ามกันซักเล็กน้อยนะค่ะ
พระราชวังต้องห้าม (จีน: จื่อจิ้นเฉิง; อังกฤษ: Forbidden City) จากชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า "เมืองต้องห้ามสีม่วง" เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง พระราชวังต้องห้ามยังรู้จักกันในนาม พิพิธภัณฑ์พระราชวัง (ภาษาจีน: Gùgōng Bówùyùan) ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตร อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง และมีพระที่นั่ง 75 องค์ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวจากเหนือจรดใต้ 961 เมตร กว้าง 753 เมตร มีกำแพงวังล้อมรอบ ยาว 3 กิโลเมตร สูง 10 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ กว้าง 52 เมตร มีประตูวัง 4 ประตู 4 ทิศ มีป้อมหอคอยกำแพงวังอยู่ 4 มุม ใช้ระยะก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1949 จนถึง พ.ศ. 1963
ประตูนี้ไม่เปิดให้คนเข้า ต้องไปเข้าประตูด้านหลัง เห็นไกด์บอกว่าวันนี้มีนายใหญ่เสด็จมา เราผู้น้อยต้องไปประตูข้าง เพค่ะ
เข้ามาแล้วก็เทางแบบนี้ เค้าปลูกต้นสนไว้เยอะเลย เราบ้านนอกไม่เคยเห็นลูกสนก็แถเข้าไปถ่ายเลยค่ะ ดกมาก
แล้วก็พอเดินมาที่ทางเดินด้านข้างซึ่งยาวมาก ซึ่งปกติแล้วจะไปได้พาลูกทัวร์มาทางนี้บ่อยเพราะมีทหารเฝ้าอยู่ วันนี้ทหารไปเฝ้านายใหญ่หมดแล้ว
ประตูเหล็กเก่ามาก ต้องล็อคไว้ห้ามเข้าออก กลัวขโมย
อีกอัน
มีคนขี้สงสัยด้วย ส่วนไกด์เดินนำลิ่วไปแล้ว เรามัวแต่แชะ ๆ ๆกัน
อันนี้เดินมาถึงด้านในแล้ว เมื่อกี้อ้อมมา
ไม่ค้อยมีต้นไม้เลย มีแค่นี้แหละ แล้วแดดร้อนมาก
บางส่วนก็มีการซ่อมแซม เพราะสีซีดมาก ไกด์บอกว่าที่นี่ต้องซ้อมทุก 10 ปี เพราะมีนักท่องเที่ยวมามาก ทรุดโทรมเร็ว
รายละเอียดของหลังคา มีตาข่ายกันนกด้วย
เอาไว้ใส่น้ำดับไฟ เวลาไฟไหม้
เอื้อมถ่ายได้แค่นี้
ช่างก็ซ่อมไป
มีร้านขายไอติมด้วย
ร้านขายของที่ระลึก แพงมาก ไม่กล้าเข้าไปถ่ายข้างนอกพอ
กระถางทอง ต้องเอาเหล็กมากั้นไว้เพราะมีคนมาขูดเอาทองที่เคลือบไว้ออกไปเยอะ
อันนี้อยากไปถ่ายรูปกับยามมาก หน้าล่ะอ่อน แต่เค้าให้เข้าใกล้ได้แค่นี้
ตำหนักไหนชื่ออะไรบ้างจำไม่ได้แล้ว ถ่ายอย่างเดียว ส่วนฟังไกด์พูดก็ปานสีซอให้ควายฟัง จำไม่ได้ เอาไปอ่านเองนะ สังเกตุเอง ว่าอันไหนเป็นอันไหนคนไปจำไม่ได้จริง ๆ
ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ วังหน้าและวังใน
- วังหน้าเป็นเขตที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการ จัดงานพิธีต่างๆ รับเข้าเฝ้า
- วังในเป็นเขตหวงห้าม ผู้ชายห้ามเข้า ยกเว้นขันทีเท่านั้น
วังหน้ามี 3 ตำหนัก เป็นศูนย์กลางที่สร้างอยู่บนเส้นแกนตรงกันเป็นเส้นตรง ดังนี้
1.ตำหนักไถ่เหอ
เป็นตำหนักด้านหน้าที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในพระราชวังหลวง ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาวยกพื้นสูง 2 เมตรเศษ ล้อมรอบด้วยรั้วหินหยกขาว แกะสลักเป็นเมฆ มังกร และหงส์ สร้างในปีค.ศ. 1420 สมัยของพระเจ้าหย่งเล่อ กว้าง 11 เมตร ลึก 5 เมตร หลังคาซ้อน 2 ชั้น สูง 35 เมตร พื้นที่ 2,377 ตารางเมตร ปูด้วยอิฐ(ที่นวดด้วยแป้งทองคำ) ตรงกลางมีบัลลังก์มังกรสีทอง(มังกร 5 เล็บ สัญลักษณ์ของฮ่องเต้อันสูงส่ง) ใช้เป็นสถานที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการแผ่นดินรับการเข้าเฝ้าจากขุนนางขุนศึก ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและอาคันตุกะชาวต่างต่างประเทศ หลังคามุงกระเบื้องสีทอง(สีเฉพาะของฮ่องเต้เท่านั้น)
2.ตำหนักจงเหอ
เป็นตำหนักหลังที่ 2 อยู่ด้านหลังตำหนักไถ่เหอ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมียอดแหลม ใช้เป็นสถานที่พักรอก่อนออกว่าราชการแผ่นดิน รับการรายงานจากข้าหลวงชั้นใน รวมทั้งพิธีการจัดงานเข้าเฝ้า หากมีงานพิธีแต่งตั้งพระราชินีและจัดงานใหญ่ในพระราชวังจะต้องตรวจเอกสารความเรียบร้อยของงาน ณ ตำหนักแห่งนี้ล่วงหน้า 1 วัน
3.ตำหนักเป่าเหอ
เป็นตำหนักหลังที่ 3 อยู่หลังตำหนักจงเหอ เป็นตำหนักใหญ่ มีพื้นที่เท่ากับตำหนักไถ่เหอ ภายในมีบัลลังก์ก่อสร้างโดยไม่มีเสาแถวที่ 2 ทำให้ห้องโถงด้านหน้าท้องพระโรงกว้างขึ้น ไม่บังสายพระเนตรพระองค์ฮ่องเต้ ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองบรรดาหัวหน้าชนเผ่ากลุ่มน้อยต่างๆทุกปี ในวันที่ 30 เดือน 12 (วันสิ้นปีของจีน) พิธีอภิเษกสมรสของฮ่องเต้หรือโอรสธิดา มาถึงในสมัยพระเจ้าเฉียนหลงใช้ที่นี่เป็นสถานที่สอบจอหงวน องค์ฮ่องเต้เป็นผู้ออกข้อสอบและคุมสอบด้วยพระองค์เอง โดยสอบในห้องท้องพระโรงแห่งนี้เอง
ผู้ที่สอบได้ที่ 1 มีเพียงคนเดียวเท่านั้น จะได้เป็น จอหงวน และเป็นลูกเขยของฮ่องเต้
ผู้ที่สอบได้ที่ 2 อาจมีหลายคน จะได้เป็น ท่านฮั้ว เป็นที่ปรึกษาประจำองค์ฮ่องเต้
ผู้ที่สอบได้ที่ 3 อีกหลายคน จะเรียกว่า ป่างเหี่ยน ดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยฮ่องเต้
วังใน
เป็นเขตต้องห้ามสำหรับผู้ชาย ทาสเพศชายที่จะเข้ามารับใช้ในวังได้นั้นต้องผ่านขั้นตอนการตอนให้เป็นขันทีเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียกับมเหสีและเหล่านางสนมใน ขันทีมาจากชนชั้นยากจนเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกพ่อค้าทาสจะลักพาตัวมาตั้งแต่เด็ก แล้วส่งไปให้คนของตระกูลไป่ในกรุงปักกิ่งทำการตอน ตอนเสร็จแล้วก็มีการออกใบรับรองส่งให้ราชสำนัก ขันทีที่ฉลาดมีการศึกษาอาจได้เป็นกุนซือหรืออาจารย์ในวังหลวง แต่ขันทีส่วนใหญ่ต้องทำงานหนักในโรงครัวและในสวนไปตลอดชีวิต ทำผิดเล็กน้อยก็จะถูกโบยถูกเฆี่ยนตี ทำผิดมากโชคไม่ดีก็อาจถูกตัดหัวได้ง่าย
การได้เข้ามารับใช้ใกล้ชิดกับพระราชวงศ์ ทำให้ขันทีบางคนสามารถกุมอำนาจเอาไว้ได้ สร้างความร่ำรวยให้ตนเองใช้ตำแหน่งใหญ่โตสร้างอิทธิพล แสวงหาทรัพย์สินเงินทองในทางมิชอบ จนสามารถซื้อบ้าน ที่ดิน ทำธุรกิจการค้านอกวังหลวง พอเกษียณแล้วจะย้ายออกไปอยู่ตามวัดที่ตนเองเคยให้การอุปถัมภ์ด้วยการบริจาคเงินจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ ในยุคราชวงศ์หมิงมีขันทีอยู่ในพระราชสำนักถึง 20,000 คน แต่ภายหลังก็ค่อยๆลดจำนวนลงจนเหลือเพียง 1,500 คน ในรัชกาลสุดท้ายก่อนที่ราชวงศ์ชิงจะล่มสลายเมื่อปี ค.ศ. 1991
การตอนหรือการตัดอวัยวะเพศทิ้งก็ใช่จะให้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือได้เสมอไป ข่าวลือเรื่องการลักลอบมีความสัมพันธ์กันระหว่างขันทีกับนางกำนัลก็มีให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง คนทั่วไปมองขันทีว่าเป็นพวกน่าสมเพช มักถูกดูหมิ่นอยู่เสมอ เพราะ การเป็นคนที่ไม่สามารถเพื่อมีบุตรสืบสกุลได้นั้นย่อมถูกเหยียดหยามเป็นธรรมดา
ดังนั้นพวกขันทีที่มีอำนาจมากๆ ก็จะซื้อบ้านเอาไว้นอกพระราชวังหลวง ทำบันทึกอ้างอิงถึงการสืบทอดวงศ์ตระกูลลงมาเป็นรุ่นๆ โดยมีการซื้อสตรีและทารกมาเป็นภรรยาและบุตร ซื้อบ่าวทาสหรือแม้กระทั่งนางบำเรอหลายๆคนมาไว้ข้างกาย
เขตพระราชวังชั้นใน(วังใน)
ประกอบด้วยตำหนักเฉียนชิงกง เจียวไถ่เตี่ยน คุนหมิงกง ตำหนักตะวันออกและตะวันตก เป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้ดำเนินการประจำวันทางการเมือง อาทิ ตรวจเอกสาร ลงพระนามอนุมัติ ตัดสินความ และเป็นสถานที่พักอาศัยของพระราชวงศ์ พระราชินี พระสนม พระโอรส และพระธิดา รวมไปถึงมีพระราชอุทยานของฮ่องเต้ เขตวังในจะมีพระตำหนักที่มีความสำคัญอยู่ 2 หลังคือ
เฉียนชิงกง
เป็นตำหนักด้านหน้าของวังใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้ เพื่อตรวจเอกสารลงพระนามอนุมัติราชการแผ่นดินประจำวัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1644 ทหารและชาวนาของหลี่จื้อเฉินทำการปฏิวัติ นำกำลังบุกเข้าปักกิ่ง ซึ่งตรงกับรัชกาลฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง พระเจ้าจูหยิวเจี่ยนชักกระบี่ฟันพระธิดาของพระองค์จนขาดสะพายแล่ง แล้วทรงหนีออกจากพระราชวังไปแขวนคอตายที่ต้นสน ณ ภูเขาเหมยซาน(ปัจจุบันเรียกว่า ภูเขาจิ่งซาน) ซึ่งอยู่ด้านหลังพระราชวังหลวง
หย่างซินเตี้ยน
เป็นตำหนักอยู่บริเวณด้านตะวันตกเฉียงใต้ของวังใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้ นัดพบปะพูดคุยกับพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทั้งเรื่องการเมืองและการทหารในรัชสมัยพระเจ้าถงจื้อและกวางซี่ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการหลังม่านของพระนางซูสีไทเฮา รวมทั้งในสมัยฮ่องเต้องค์สุดท้าย เมื่อครั้งที่ ดร.ซุนยัดเซ็นทำการปฏิวัติ จักพรรดิปูยีก็ทรงสละราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1962 ณ ตำหนักแห่งนี้
สำหรับประตูทางเข้าด้านหน้าของพระราชวังหลวงหลังพลับพลาเทียนอันเหมิน ทางด้านทิศใต้ของพระราชวังจะมีซุ้มประตูไถ่เหอ แนวกำแพงวังประกอบด้วยประตูใหญ่อยู่ตรงกลาง ประตูเล็ก 2 ข้าง รวม 3 ประตู ประตูมีความลึกถึง 28 เมตร ประตูใหญ่ตรงกลางเป็นประตูเข้าเฉพาะฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียว คนอื่นห้ามเดินออกเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนเดินออกจะถูกประหารชีวิต คนอื่นเดินออกได้เพียงประตูเดียวเท่านั้นคือประตูด้านทิศเหนือชื่อ เสินอู่เหมิน (ประตูหลัง)
ประตูใหญ่ตรงกลาง ในชั่วชีวิตของพระราชินีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะได้เดินผ่านเข้าประตูนี้คือ วันอภิเษกสมรส นอกนั้นขุนนางและพระราชวงศ์ทุกพระองค์จะเดินเข้าพระราชวังทางประตูเล็กทั้งสองข้างเท่านั้น
มีรอยคนขูดเอาทองออกไปด้วย
ดูจำนวนคน ต้องฝ่าฝูงชนเข้าไปถ่ายนะ
ได้มาแล้ววว อันนี้เป็นที่นั่งว่าราชการของฮ่องเต้นะ
อันนี้เป็นลายแกะสลัก ข้างบันไดทางขึ้น
เอาเหล็กมากั้นเหมือนเดิม
ช่องระบายอากาศยังหรู นี่แหละน้าเรียกว่าวัง อิอิ
ชัด ๆ อีกซักรูป
รายละเอียดชายคา
น่ารักดี
คล้าย ๆ เต่า สัญลักษณ์ให้ฮ่องเต้อายุยืน
นกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์ของฮองเฮา
สมัยก่อนก็มีนาฬิกาใช้กันแล้วเหรอ ทำมาจากหินนะเรียกว่านาฬิกาแดดและเจียเลี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือชั่งตวงวัดชนิดหนึ่ง
ประวัติเอาไปอ่านเอง
มีตะเกียงยักษ์ด้วย เอาไว้ทำพิธี
เขียนว่าอะไรไม่รู้ เป็นราวกั้นรอบ ๆ
อันนี้เป็นลายที่หน้าประตูใหญ่ ตำหนักฮ่องเต้ อลังการรรรร
ราวเหล็กกั้นหน้าประตูทางเข้า
ภาพข้างในตำหนักที่อ่องเต้ว่าราชการ ใหญ่ กว้าง มีพรมเก่า ๆ ด้วย
เสาของรั้ว
อันนี้ดูไม่ออกว่าถ่ายใครดูวุ่นวายมาก
รายละเอียดชัด ๆ บนเพดาน ขื่อหลังคา
อันนี้เป็นประตูเชื่อมระหว่างตำหนัก ใหญ่มาก เหมือนในหนังจีนที่เป็นประตูเมือง แบบว่าต้องใช้หลายคนเปิด ชอบปุ่มที่ยื่น ๆ ออกมาน่าจะเป็นทองเหลืองคงมีคนมาลูบ ๆ คลำ ๆ หรือขัดจนแวววาวเยี่ยงนี้
รายรอบ ๆ ของซุ้มประตู ไม่ใช่ตำหนักนะ
แบบชัด ๆ
อันนี้เป็นแผนผังของพระราชวังทั้งหมด แล้วก็ประวัติ
มีแบบบรรยายเป็นวีดีโอด้วย
เพดาน
เป็นรูปสิงโตมั้ง
เอาไว้ทำไรไม่รู้ บ้านเราเอาไว้ปักร่มใหญ่
สิงโตยักษ์ ในวังนี้มีหลายตัวแต่หน้าตาจะไม่เหมือนกันซักตัว
ถ่ายรูปรวมพอดีเดินมาเจอกัน
กำลังจะเดินออกไปทางประตูนั้นจะต้องข้ามสะพานน้อย ๆ นั่นด้วย
ถ่ายบนสะพานน้ำสายนี้จะอยู่รอบ ๆ วัง
ทางเดินที่จะเดินออกไปจตุรัสเทียนอันเหมิน
อันนี้เป็นเสาที่ใช้ขัดสำหรับปิดประตู เก่ามากแล้ว
ประตูก็เก่า ลืมบอกว่าในพระราชวังนี้ พื้นปูด้วยแผ่นหินแบบนี้ทั้งหมด
มองไกล ๆ
ประตูกลางนี่แหละที่ใช้เข้าออกสำหรับฮ่องเต้คนเดียวเท่านั้น คนอื่นไปใช้ประตูเล็ก หรือประตูหลัง
ออกมาแล้วไปต่อกันที่จตุรัสเทียนอันเหมินนะจ๊ะ รีบตามมาเร็ว
ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย
Create Date : 29 มิถุนายน 2552
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 16:52:59 น.
2 comments
Counter : 1682 Pageviews.
Share
Tweet
ขอบคุณนะคะที่พามาเที่ยว
โดย:
ดีเจ..เมวิกา หน้าหวาน
วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:11:18:18 น.
รูปเยอะมาก ชอบๆ
โดย:
darinfc
วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:0:32:25 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
j230i
Location :
ชลบุรี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Group Blog
เที่ยวปักกิ่ง 25-30 มิถุนายน 2552
เที่ยวสวนสุภัทราแลนด์ 14 กรกฏาคม 2552
เที่ยวเรือรบหลวงนราธิวาส ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ 5 เมษายน 2551
เที่ยวเรือดำน้ำ 22 เมษายน 2551
เที่ยวปราสาทสัจธรรม 22 กรกฏาคม 2551
ทำขนม+ของว่าง
เที่ยวจันทบุรี
เที่ยวหลวงพระบาง 9-12 พฤศจิกายน 2552
หนังเกาหลีที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ดำน้ำที่เกาะล้าน พัทยา 6 กรกฏาคม 2553
ทุ่งดอกกระเจียว 26 กรกฎาคม 2553
เที่ยวสุราษฎร์ 28 ก.พ. 2554
All Blogs
เกร็ดเล็ก ๆ น้อย เกี่ยวกับจีน
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 24 กินข้าว+ช๊อปปิ้ง วันที่ 29
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 23 หอเทียนถาน วันที่ 29
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 22 กินข้าว วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 21 โรงงานผ้าไหม วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 20 โรงงานบัวหิมะ วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 19 พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้ง วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 18 สุกี้มองโกล วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 17 กำแพงเมืองจีน วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 16 โรงงานหยก วันที่ 28
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 15 กินเป็ดปักกิ่ง วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 14 ถนนคนเดินเฉียนเหมิน วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 13 พิพิธภัํณฑ์สัตว์น้ำ วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 12 กินข้าวเที่ยว+โรงงานไข่มุก วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 11 พระราชวังฤดูร้อน วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 10 กินข้าวเช้า + ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ วันที่ 27
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 9 นอนโรงแรม วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 8 ไปดูกายกรรมจีน วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 7 ทานอาหารเย็น วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 6 ชมสนามกีฬารังนก วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 5 นั่งสามล้อชมเมืองเก่าหูถง วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 4 กินข้าวเที่ยง วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 3 จตุรัสเทียนอันเหมิน วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 2 พระราชวังต้องห้าม วันที่ 26
เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 1 ร้านอาหาร วันที่ 25-26
Friends' blogs
j230i
eieikondee
mardoo
bankercool
Webmaster - BlogGang
[Add j230i's blog to your web]
Links
pantip
เทกกี้งไทย
กล่องคอมเม้นสวย ๆ
โค๊ดสีตัวอักษร
BG สวย ๆ
กล่องคอมเม้นสวย ๆ 2
BG สวย ๆ 1
BG แนวตั้ง
งานควิล
เกี่ยวกับอาหารเกาหลี
ป้ามด
ชานไม้ชายเขา
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.