... เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย ...

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 20 โรงงานบัวหิมะ วันที่ 28





วันนี้เราจะไปที่โรงงานเป่าฝู่ถัง สถานที่ผลิตยา “บัวหิมะ” ที่ขึ้นชื่อลือชาและมาโด่งดังมาก บัวหิมะที่ร่ำลือกันเรื่องสรรพคุณรักษาแผลน้ำร้อนลวก พุพอง แมลงต่อย สัตว์กัด เอามาพอกหน้าแล้วหน้าสวย สมควรมีไว้เหมือนยาสามัญประจำบ้าน ใช้สำหรับพอรักษาแผลพุพองทั้งหลาย ได้ยินว่าเริ่มดังหลังจากเหตุการณ์รถแก๊ซระเบิดที่ถนนเพชรบุรี แล้วคนที่ได้บาดเจ็บเค้าก็เอามาพอกๆจนแผลดีขึ้น ซึ่งไกด์จะไปชมโรงงานทุกทัวร์ตามข้อบังคับรัฐบาลจีน อันนี้ด้านหน้าโรงงาน
Photobucket


เข้ามาข้างในแล้ว มีตู้โชว์ให้ดู และสังเกตุว่าอันไหนของจริงของปลอม
Photobucket



เข้าไปข้างในจะมีห้องนั่งชมการสาธิตสินค้า และมีสินค้าวางโชว์
Photobucket



ภาพหมอจีนผู้ค้นพบบัวหิมะ และบนโต๊ะคือเครื่องตรวจหาเส้นเลือด
Photobucket


มาแล้วผู้สาธิตสินค้า เธอชื่ออรุณี เป็นคนจีนนะแต่พูดไทยคล่อง ยิงมุกกระจาย เค้าให้ทดลองใช้ด้วย กลิ่นเหมือนเคาเตอร์เพนเลย แล้วก็เย็นๆแบบเคาเตอร์เพนนั่นแหละ ได้ยินมาอีกว่ารัฐบาลจีนออกรุ่นใหม่มาแล้วสำหรับทาหน้าได้ด้วย หน้าตาแบบนี้ เก็บในตู้เย็น ได้ประมาณ 3 ปี ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ “กอเอี๊ยะ” เค้าจะทำเป็นแผ่นใหญ่ยาว ม้วนกลมๆ เหมือนทิชชู่ เวลาใช้ให้ตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ พอประมาณ ปวดตรงไหน แปะตรงนั้น ไม่ใช่ปวดคอ ก็เอากอเอี๊ยะทั้งแผ่นมาพันคอ นะ มุกอีกแล้ว ถ้าปวดใจ ปวดฉี่แปะไม่ได้ ยังงี้ไปเล่นตลกได้เลย
Photobucket


บัวหิมะ ได้รับการสกัดจนเป็นครีมสีขาวใส่กระปุก น้ำหนักขนาด 130 กรัม ราคากระปุกละ 1,300 บาท ที่เจ๊เล้งก็มีขาย ครีมมหัศจรรย์จริงหรือไม่ ทางโรงงานได้ให้พนักงานสาธิต โดยนำโซ่เหล็กที่เผาที่เตาแก๊ซไฟจนร้อนแดง นี่เปิดโชว์กันสด ๆ เลย
Photobucket


อันนี้เผาเสร็จแล้ว แดง ๆ เลย เค้าทดสอบเอากระดาษไปแตะไฟลุกเลย
Photobucket


เค้าก็ขอหน่วยกล้าตายมาพิสูจน์ด้วย แต่ไม่มีใคร แต่มีคนเสนอชื่อคนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเค้าเลยเชิญไปนั่ง
Photobucket


อันนี้พนักงานเค้าสาธิตเองเลย เอามือเปล่า ๆ ลูบ จนทำให้มือขาว ๆ แดงและทำท่าจะพอง บางส่วนไหม้เป็นสีน้ำตาล ชนิดที่เรียกว่าพนักงานทดสอบ ปวดแสบปวดร้อนถึงกับน้ำตาเล็ดเลย เค้าก็ให้ดูด้วยนะว่ามันโดนจริง ๆ
Photobucket



หลังจากนั้นจึงนำบัวหิมะทาเพียงสักพักเดียว อาการปวดแสบปวดร้อนก็หาย
Photobucket


ทาซักพักก็เช็ดออกแล้ว ทาใหม่อีกรอบ เค้าเอามือมาให้ดู หายไปเลยอ่ะรอย ไหม้ เหลือแต่รอยแดง ๆ ถ้าทาอีกรอบนึงคงหายเกลี้ยงเลย ช่วงนี้เราก็สัมภาษณ์เค้านะเกี่ยวกับการสาธิต เค้าเล่าว่า ต้องสาธิตทุกวัน ถ้าแผลหายทัน ถ้าไม่ทันก็ทำวันเว้นวัน โชว์วันละ 1-2 รอบ มีพนักงานที่ทำแบบนี้หลายคน เปลี่ยนกัน แสดงว่ายาเค้าคงดีจริงมั้งแผลขนาดนั้นแต่หายได้ภายในวัยเดียว แล้วมือเค้านุ่มมากนะ เค้าให้เราจับด้วย นุ่ม เนียนมาก เค้าบอกว่าเป็นเพราะทาครีมบัวหิมะทุกวัน
Photobucket



อันนี้มีคนเข้าทดสอบหาเส้นเลือด เทคโนโลยีน่าทึ่งมาก เอามาตรวจที่นิ้วแล้วเห็นเส้นเลือดเลย เค้าขายหินสีดำ เห็นว่าเป็นแร่พลังงานเพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนสูบฉีดดีขึ้น และเพิ่มรังสีออร่าให้เราด้วย เค้าทดสอบโดยก่อนใช้หินนี้ และหลังจากที่จับ และระหว่างที่จับหินนี้ เส้นเลือดมันสูปฉีดต่างกันอย่างไร หินที่ว่านี้เค้าเอามาทำเป็นแก้วน้ำมีฝาปิด ที่เห็นในรูป เราไปยืนดู โอ้น่าทึ่งมันเปลี่ยนไปจริง ๆ แต่ราคาแพงมากหลายพัน เพราะสรรพคุณของบัวหิมะ และหินแร่ดี จนทำเอากระเป๋าสตางค์ของหลาย ๆ คนที่ไปด้วยกันฉีกเป็นแถว เพราะเป็นของที่มีคนฝากซื้อและต้องการซื้อไปฝาก คนที่เมืองไทยคนละหลายกระปุก

Photobucket




จบแล้วสำหรับสำหรับที่นี่เราไม่ซื้ออะไรเพราะแพงเหลือเกิน ก็ออกมาเลย จากนี้ไปเราจะไปต่อกันที่โรงงานผ้าไหมจีน ตามมา ๆ ๆ

ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:04:17 น.
Counter : 2560 Pageviews.  

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 19 พิพิธภัณฑ์หุ่นขึ้ผึ้ง วันที่ 28




ก่อนที่เราจะไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ปักกิ่ง มาฟังประวัติกันก่อนจากคุณหวังเจ้าค่ะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ชื่อว่า Beijing Waxworks Palace of Ming Dynasty หมายถึง พระราชวังหุ่นขึ้ผึ้งราชวงศ์หมิงแห่งนครปักกิ่ง เป็นอาคารชั้นเดียว จัดแสดงประวัติและผลงานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งราชวงศ์ นำโดย จูหยวนจาง จนรุ่งเรืองและล่มสลายที่น่าเศร้า รวมทั้งสิ้น 26 ฉาก แต่ละฉากมีขนาดสมจริงมาก บางฉากดูน่ากลัว มีแสง สี เสียงประกอบด้วย
เริ่มกันที่ด้านหน้าถ่ายรูปหมู่กันหน่อย รูปปั้นนี้เป็นจักนพรรดิ์องค์ไหนไม่รู้
Photobucket




เข้ามาแล้วมีคุณหวังบรรยายให้ฟัง ฉากที่ 1 จูหยวนจางสมัครเป็นทหาร จูหยวนจาง (Zhu Yuanzhang) กำพร้าบิดามารดา อาศัยวัดอยู่เติบโตแล้วบวชเป็นพระ เจ้าอาวาสบอกว่าไม่ควรอยู่วัดควรอยู่สนามรบ ปี ค.ศ.1352ไปสมัครเป็นทหารร่วมกับกองทัพของกบฎชาวนาที่เหาโจวโจว มีกัวชือชิงเป็นหัวหน้า แต่งงานกับหม่าซื่อบุตรสาวบุญธรรมของกัวซือซิง ปี ค.ศ.1356 ได้เป็นหัวหน้ากบฏชาวนา ลำบากสู้รบนาน 12 ปีจึงปราบกลุ่มต่าง ล้มราชวงศ์หยวน สถาปนาราชวงศ์หมิง เป็นจักรพรรดิหมิงไท่จู่
Photobucket

ผู้หญิงคนที่อยู่ข้างในสวยมาก
Photobucket


ฉากที่ 2 ปราบกลุ่มขบถ ที่สมรภูมิทะเลสาบป๋อหยาง ในปี ค.ศ. 1363 ระหว่างจูหยวนจางกับหัวหน้ากบฏเฉิน ยิ่วเลี่ยง (Chen Youliang) มีชัยในการรบเมื่อเฉิน ยิ่วเลี่ยงถูกฆ่าด้วยธนู

Photobucket


ฉากที่ 3 สถาปนาราชวงศ์ที่เมืองจินหลิง(นานจิง) 23 มกราคม ค.ศ.1368 สถาปราชวงศ์หมิงที่เมืองจินหลิงและปราบดาภิเษกเป็นหมิงไท่จู (Taizu) ใช้ชื่อรัชศกประจำพระองค์(Reign Title)ว่า หงอู่ ปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช และส่งเสริมระบบศักดินา พัฒนาเศรษฐกิจจนรุ่งเรือง

Photobucket



ตรงนี้มีจุดที่เค้าให้ถ่ายรูปด้วยนะ มีชุดให้ใส่เปลี่ยนเพื่อถ่ายรูป เราก็เลยไปแจม ไม่แพงนะ คนละ 150 บาท

Photobucket

Photobucket


ถ่ายคู่กับฮ่องเต้ด้วย กลัวบารมีฮ่องเต้ก็เลยดูเจี๋ยมเจี้ยมไปหน่อย น่าจะกอดคอฮ่องเต้นะเนี่ย เออ.....แต่ว่าอาจจะถูกฮ่องเต้สั่งประหารตายคาเมืองจีน เลยได้แค่คิด
Photobucket


ฉากที่ 4 ปกครองด้วยกฎเหล็ก (Rule with a Rod of Iron)

หมิงไท่จู ปกครองด้วยกฎ “ต้าหมิง” และ “ต้าเค้า” เพื่อไม่ให้ข้าราชการใช้อำนาจกอบโกย ได้มีการสร้างคุกไว้เป็นจำนวนมาก ในปี ค.ศ.1380 มหาบดีถูกกล่าวหาเป็นกบฏ ทั้งครอบครัวและมิตรสหายถูกสังหารร่วมสามหมื่น ในปี ค.ศ. 1393 แม่ทัพใหญ่หลานอี้ ถูกกล่าวหาไม่ภักดีถูกสังหารพร้อมครอบครัวและญาติมิตรกว่าสองหมื่นคน


Photobucket

Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 5 ตัดทอนอำนาจเจ้าเมืองชายแดนจากปี ค.ศ. 1378 จักรพรรดิหมิงไท่จูให้ราชบุตรไปปกครองทั่วประเทศ แต่งตั้งให้จูเจียนเหวิน (Zhu Yunwen) หลานซึ่งเป็นองค์ชายผู้ล่วงลับจูเพียว (Zhu Biao) และได้ครองราชย์หลังจากหมิงไท่จูสวรรคตในปี ค.ศ.1398 นามว่าฮุ่ยตี้ (Huidi) ใช้ชื่อรัชศกประจำพระองค์(Reign Title) ว่า เจี้ยนเหวิน (Jianwen) ได้ร่วมมือกับขุนนางคู่ใจลดทอนอำนาจขององค์ชายต่าง ๆ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1398 หลายคนถูกฆ่าและจำคุกเป็นการเริ่มต้นการเคลื่อนไหวกำจัดขุนนางกังฉิน

Photobucket


Photobucket



คนนี้มาแอบฟังอยู่ข้างนอก
Photobucket




ฉากที่ 6 องค์ชายเอี๋ยนยึดอำนาจ (The Prince of Yan Seizes Power)เดือนมิถุนายน 1399 องค์ชายเอี้ยน(จูตี้) ออกมาต่อต้านแผนลดอำนาจองค์ชาย ได้ยกกองกำลังเข้าเมืองนานจิงในเดือนสิงหาคม ปี 1402 และเข้าเมืองสำเร็จ จักรพรรดิฮุ่ยตี้เผาตัวเองตายในตำหนักจูตี้ (Zhu Di) องค์ชายเอี้ยนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเฉิงสู่ (Chengzu) ครองราชย์ ค.ศ. 1360-1424 ที่พระศพถูกฝังไว้ที่เขาจิงซาน กรุงปักกิ่ง


Photobucket


Photobucket



Photobucket


Photobucket

Photobucket


Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 7 ยุคความรุ่งเรืองของหยงเล่อ (The Glorious age of Yongle)

จักรพรรดิเฉิงสู่ (Chengzu) ไช้นามรัชศกว่า หยงเล่อ (Yongle) เป็นผู้ที่เข้มแข็งและเก่งกล้า ปรีชาสามารถ มีการตั้งที่ปรึกษาฮ่องเต้ มีการย้ายเมืองหลวงไปยังเป่ยผิง (Beiping) เพื่อการรณรงค์ต่อต้านพวกมองโกลทางเหนือ ด้วยการตั้งหน่วยงานดูแลทางเหนือและแนวชายแดน มีการส่งกองเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปยังมหาสมุทรอินเดีย ถึง 7 ครั้ง โดยการควบคุมบังคับการโดยเจิ้ง เหอ (Zheng He) เพื่อแสดงพลังอำนาจของจักรวรรดิ


Photobucket


Photobucket




ตะเกียงหรือกรงนก ไม่มีการทำความสะอาด
Photobucket


Photobucket


หลังคาของฉากนี้
Photobucket


ฉากที่ 8 ย้ายเมืองหลวงไปปักกิ่ง (The Capital Moves to Beijing)
ศัตรูสำคัญของราชวงศ์หมิงคือเผ่ามองโกล ที่ตั้งมั่นอยู่ในทะเลทรายทางตอนเหนือ เมืองหลวงนานจิงตั้งอยู่ห่างไกลขาดเอกภาพในการป้องกัน จักรพรรดิเฉิงสู่ตั้งชื่อรัชศกว่า หยงเล่อ และเปลี่ยนนามเมือง เป่ยผิง เป็นเป่ยจิง (Beijing) และตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปที่เป่ยจิง (ปักกิ่ง) ในปี 1406 การก่อสร้างพระราชวังเริ่มขึ้นในปี 1407 และเสร็จสิ้นในปี 1420 ใช้เวลารวม 13 ปี การก่อสร้างได้ขยายและเพิ่มเติมแบบอย่างที่มาจากราชวงศ์หยวนโบราณ มีการขุดคลองเสร็จสิ้นการขนส่งมีความปลอดภัยและราบเรียบดีแล้วจึงมีการย้ายเมืองหลวงหลังจากที่จักรพรรดิเฉิงสู่ได้กระทำพิธีบวงสรวงเทพยดาฟ้าดินที่หอบวงสรวงฟ้าดินแล้ว นับจากนั้นเป็นต้นมาเป่ยจิงก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจีน


Photobucket


ข้างใน เป็นหอเทียนฟ้า
Photobucket


คนนี้สวยมาก
Photobucket

Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 9 จักรพรรดิผู้มีเมตตา (A Benevolent and Filial Emperor) จู เกาชื่อ (Zhu Gaochi) โอรสองค์แรกของจักรพรรดิเฉิงสู่ ครองราชย์เป็นจักรพรรดิเหยินจง (Renzong 1377-1425) ในระหว่างที่มีเหตุการณ์เคลื่อนไหวกำจัดขุนนางกังฉินนั้นเขาก็มีกำลังจำนวนเพียง 1 หมื่นคนในการรับมือกับกองทัพจำนวน 5 แสนของหลี่ จิงหลงเพื่อปกป้องเมืองหลวง ได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทในปี 1405 ครองราชย์ใช้นามรัชศกว่า หงชี (Hongxi) ผู้มีเมตตาช่วยเหลือประชาชนผู้อดอยาก สิ้นพระชนม์ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน พระศพถูกฝังไว้ที่สุสานราชวงศ์หมิงที่เมืองเฉียนหลิง


Photobucket

ฉากนี้ดูแล้วน่าสลด สงสาร วังเวงยังไงไม่รู้ มีบ้านเก่า เหมือนบ้านผีสิงเลย

Photobucket


Photobucket


Photobucket



Photobucket



คนที่เข้ามาเยี่ยมชมก็โยนเงินเข้าไปบ้างในด้วย เพราะสงสาร เงินเยอะเลย
Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 10 กบฏจู เกาสู (Zhu Gaoxu) - The Rebellion of Zhu Gaoxu จู จานจี (Zhu Zhanzi - 1399-1435) เป็นโอรสองค์แรกของจักรพรรดิเหยินจง ขึ้นครองราชย์นามจักรพรรดิชวนชง (Xuanzong) ใช้นามรัชศกว่า ชวนเต๋อ (Xuande) ในตอนต้นรัชกาลมีกบฏแต่ก็ไม่ได้ลงโทษ บ้านเมืองมีความมั่นคง แต่ยังมีกบฏจูเกาสู เป็นองค์ชายชาวฮั่น จูเกาสู มีพลังกายที่เข้มแข็งสามารถยกอ่างสำริดนาดใหญ่คลุมตัวได้ ด้วยความกลัวพลังของเขา จักรพรรดิชวนชงจึงสั่งให้เผาจูเกาสู ให้ตายในอ่างใบนั้น มีเสียงร้องครวญครางในฉากที่แสดงด้วย ฉากกนี้มีสียงน่ากลัว ตอนแรกยังเดินไปไม่ถึง ได้ยินแต่เสียงคิดว่าผีหลอกเพราะมากันแต่ 2 คน แซงหน้าไกด์กับเพื่อน ๆ มาก่อน
Photobucket



ฉากที่ 11 เหตุการณ์ที่ tumupu – The Tumupu Incident ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1449 อีเซิน (Esen) ผู้นำมองโกลเผ่าออยีแรต (Oirat) เข้าตีเมืองต้าถ่ง(Datong) มณฑลซานซี สมัยจักรพรรดิหยิงจง(Yingzong) (หรือ จู ซีเจิ้น – Zhu Qizhen, 1427-1464) อำนาจการสั่งการเป็นของขันทีหวางเจิน (Wang Zhen) ตัดสินใจจัดทัพเข้าต่อสู้ 5 แสนคน ท่ามกลางการคัดค้านของขุนนาง เมื่อยกทัพไปถึงเมืองต้าถ่ง หวางเจิ้นได้ชวนฮ่องเต้ไปเที่ยวชมเมืองเว่ยจู(Weizhou)บ้านเกิดของหวางเจิ้น เพื่ออวดอำนาจและศักดา ให้กองทัพของออยีแรตก็สามารถเข้าทำลายกองทัพได้ที่ Tumupu ขุนนางก่วงเย้ จางปู และจิงหยวนถูกฆ่าตาย และจักรพรรดิถูกจับเป็นเชลย หวางเจินถูกค้อนตีจนตายโดยแม่ทัพฟานจง(Fan Zhong) เหตุการณ์นี้แสดงถึงความเสื่อมถอยของราชวงศหมิง

Photobucket

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket



ทำเหมือนมาก
Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 12 ปกป้องปักกิ่ง (Defending Beijing) หลังจากอีเซินจับตัวจักรพรรดิหยิงจงแล้วได้เคลื่อนทัพประชิดปักกิ่งในปี 1449 ได้รับการต้อต้านจาก หยูเชียน(Yu Qian) เจ้ากรมกลาโหม เขาได้แจ้งจักรพรรดิหยิงจงถึงการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ องค์ชายจูชีหยู (Zhu Qiyu) อนุชาพระองค์เป็นจักรพรรดิไท่จง (Daizong, 1428 -1457) และโจมตีศัตรูด้วยปืนใหญ่ กองทัพมองโกลเสียขวัญถอยร่นไปเหนือกำแพง ในฉากเป็นการบัญชารบของจักรพรรดิไท่จงและหยูเชียนที่กำแพงพระนคร



Photobucket


ฉากที่ 13 ตำหนักใต้กลับคืนสู่อำนาจ (Return from the Southern Palace) เดือนตุลาคม 1941 พวกมองโกลออยีแรตได้ส่งจักรพรรดิหยิงจงกลับสู่ปักกิ่ง ฮ่องเต้จัดพระราชวังด้านใต้เป็นที่ประทับอยู่ภายใต้จักรพรรดิไท่จง แต่แทนที่จะเสียลสะอำนาจ กลับรอโอกาสด้วยการสมคบกับชีเฮง(Shi Heng) และฉูยูเจิ้น(Xu Youzhen) จักรพรรดิไท่จงเกิดล้มป่วยหนักในเดือนกุมภาพันธ์ 1457 ฉีเหิง(Shi Heng)และฉางยี้ (Zhang Yue) ได้เปิดประตูเมืองด้วยการกระแทกของท่อนซุงขนาดใหญ่ เรียกว่า เหตุการณ์พายุทะลายประตู จักรพรรดิหยิงจงเสด็จพระราชสมภพอีกครั้ง ได้ฆ่าหยูเชียน(Yu Qian) ปลดจักรพรรดิเป็นตำแหน่งองค์ชาย สั่งรื้อสุสานที่ไท่จงสร้างไว้เพื่อตนเองเสีย เมื่อไท่จงตายได้นำไปฝังไว้ที่เขาด้านตะวันตกได้รับเกียรติในฐานะองค์ชาย ทรงครองราชย์ต่อมาอีก 8 ปีก็สวรรคตในปี 1464 พระศพถูกฝังไว้ที่สุสานหยุงหลิงของราชวงศ์หมิง


Photobucket



ผนังสวย
Photobucket



ฉากที่ 14 สนมจีกับโอรสจูยุ่ถัง จูเจียนเซิน (Zhu Jianshen) โอรสจูยู่ถังได้เสด็จพระราชสมภพเป็นจักรพรรดิเสี้ยนจง(Xianzong, 1446-1487) ใช้นามรัชศกว่า เฉิงฮั่ว (Chenghua) เป็นเรื่องสนมจี(Ji)ที่ถูกนำมาจากมณฑลกวางสี เกิดตั้งครรภ์กับฮ่องเต้และต้องปิดบังซ่อนบุตรไม่ให้สนมวัน(Wan)เห็นเพราะมีกฎว่าสนมจะต้องถูกนำไปทำแท้ง ได้มอบลูกชายให้นายประตูจางหมิน(Zhang Min)ดูแล เมื่ออายุครบ 6 ขวบจางหมินจึงได้เข้าไปกราบทูลให้ทราบเป็นฉากที่จักรพรรดิวิ่งไปที่สวนตะวันตกเพื่อพบโอรสจูยู่ถัง(Zhu Youtang)ที่พรากไปถึง 6 ปี ต่อมาสนมจีและจางหมินถูกฆาตรกรรม หลังจากที่โอรสจูยู่ถังขึ้นครองราชย์ก็ได้ยกฐานะสนมจี ขึ้นอยู่ในฐานะพระจักรพรรดินีและนำศพมาฝังข้างกับจักรพรรดิเสี้ยนจงที่สุสานเมาหลิงกับบูรพกษัตริย์ราชวงศ์หมิง


Photobucket


ฉากที่ 15 หงจื้อผู้รื้อระบบใหม่ (The Hong Zhi Resurgence) จูยู่ถัง เสด็จพระราชสมภพหลักการสิ้นพระชนม์จักรพรรดิเสี้ยนจงในปี 1487 นามว่าเสี้ยวจง (Xiaozong, 1469-1505) มีชื่อรัชศกว่า หงจื้อ(Hongzhi) เนื่องจากชีวิตส่วนพระองค์ในวัยเด็กไม่ได้รับความสุขและถูกทารุณกรรมจากแม่ พระองค์เป็นจัรกพรรดิผู้ที่มีความเอาใจใส่ในความทุกข์สุขราษฎร จะยกเว้นภาษีผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ภัยเกิดภิบัติเสมอ ทรงตั้งพระทัยที่จะกำจัดขุนนางที่ทุจริต ลดอำนาจของขันทีที่เป็นภัยใหญ่และปฏิรูปการปกครอง ทรงมัธยัสถ์ใช้จ่ายอย่างประหยัด เป็นที่รู้จักในนามหงจื้อผู้รื้อระบบใหม่
ในฉากแสดงการจัดทำทะเบียนที่ดินส่วนบุคคลในปี 1488 ขุนนางในวังหลวงมีการนำนักร้องนักแสดงมาขับร้องตามข้อเสนอของ หม่าเวินเชง(Ma Wencheng)องคมนตรีฝ่ายซ้าย แต่ถูกจักรพรรดิขับไล่ออกไป เสด็จสวรรคตปี ค.ศ. 1505 พระศพเชิญไปบรรจุที่สุสานไท่หลิง (tailing)


Photobucket


Photobucket


Photobucket



ถึงตอนนี้ช่วงปลอดคนก็แบบว่าต้องการเข้าไปถ่ายใกล้ ๆ ก็เลยแอบข้ามรั้วน้อย เข้าไปถ่ายข้าง ๆ หุ่น ปรากฏว่ามีเสียงประกาศเป็นภาษาจีนประมาณว่าด่า ห้ามไม่ให้เข้าไป รีบวิ่งออกมาแทบไม่ทัน
Photobucket


นี่อีกคนผู้ร่วมขบวนการ
Photobucket


ฉากที่ 16 ฮ่องเต้เจ้าสำราญ (A Preposterous Emperor) จูโฮ่วเจา (Zhu Houzhao,1490-1521) เสด็จพระราชสมภพเมื่อมีอายุเพียง 16 ชันษา เป็นจักรพรรดิหวูจง(Wuzong ) ใช้นามรัชศกว่า เจิ้งเต๋อ(Zhengde) ได้รับการพะเน้าพะนอมาแต่เด็ก รักความสำราญไม่ค่อยออกว่าราชการ มักจะออกไปปลอมพระองค์เสด็จเที่ยวนอกวังอยู่เสมอ บางครั้งไม่กลับปักกิ่งนานเป็นเดือนเป็นปีทีเดียว กอปรกับทรงมีขันทีหลิวจิ่น (Liu Jin )ที่คอยยุยงสนับสนุนคอยหาผู้หญิงมาบำเรอมอมเมาฮ่องเต้แล้วรวบอำนาจไว้ หลิวจิ่น เหิมเกริมถึงกับวางแผนจะก่อกบฏเพื่อจะเป็นฮ่องเต้เสียเอง สุดท้ายหลิวจิ่นถูกจับได้โดนแล่เนื้อเป็นชิ้นๆ แต่หลังจากหลิวจิ่นตายพระองค์ก็หันมาโปรดปรานนายทหารชื่อเจียงปินแทนและมักจะเสด็จประพาสไปนอกวังเหมือนเดิม กลับเข้าวังก็เก็บตัวไม่ออกว่าความ เอาแต่หาความสำราญ หลังจากเสด็จสวรรคตบรรจุที่สุสานคังหลิน(ในฉากเป็นการแสดงภาพ การหาความสำราญกับหญิงสามัญชน)

Photobucket



ตู้เก็บยา สมัยโบราณ
Photobucket


ฉากที่ 17 ไห่หยุ่ยผู้สูญไปจากราชสำนัก (Hai Rai Dismissed from Office) องค์ชายจูโฮ่วชง (Zhu Houcong ) ขึ้นครองราชย์ ค.ศ.1521 นาน 45 ปี เฉลิมพระนามว่าจักรพรรดิซื่อจง (Shizong,1508-1567) ใช้ศักราชว่าเจียจิ้ง (Jiajing) ช่วงหลังของหารครองราชย์ได้ให้ความเชื่อถือในขุนนางสอพลอชื่อ หยานซง (Yan Song) และมีความเลื่อมใสในลัทธิเต๋า ตลอกเวลา 20 ปี ไม่เคยติดต่อกับราชสำนัก มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการรุกรานจากภายนอกมีความรุนแรง ไห่ หยุ่ย (Hai Rui) ผู้ตรวจราชการการคลังยูนนาน ถวายฎีกากล่าวโทษเหยียนซง ทูลให้พระองค์เลิกงมงายและฟุ่มเฟือย การฝักใฝ่ในเต๋านั้นใช้งบประมาณจากท้องพระคลังเป็นจำนวนมหาศาล ในการก่อสร้าง ทำให้เกิดการฉ้อฉล สร้างความยากจนอย่างกว้างขวาง และปลุกระดมชาวบ้านด้วยคำว่า “เจี่ยจิง แปลว่า ทุกครอบครัวมีแต่ความว่างเปล่าและไม่มีเงิน” ทำให้จักรพรรดิโกรธมากสั้งจำคุกไห่หยุ่ย จักรพรรดิซื่อจงถูกฝังที่สุสานย่งหลิง ฉากที่แสดงเป็นจักรพรรดิซื่อจงแสดงความฉุนเฉียวที่อ่านบันทึกของไห่หยุ่ย

Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 18 บรรณาการจากมองโกลเผ่าอันดา (Anda Pays Tribute)
ในช่วงที่จูไซ่โห้ว (Zhu Zaihou) สมภพเป็นจักรพรรดิมู่จง (Muzong,1569-1572) พวกมองโกลเผ่าอันดา (Anda) ได้เกิดความขัดแย้งภายใน เมื่อข่านอันดาได้ยกคู่หมั้นหลานชายไปให้คนอื่น ปาฮันนาชี (Pahannachi) หลานของข่านอันดาโกรธจัดและหนีไปอยู่กับจักรวรรดิหมิง จักรพรรดิมู่จงได้ให้การต้อนรับด้วยการจัดงานเลี้ยงและมอบตำแหน่งแม่ทัพ(Commander) ข่านอันดาขอให้จักรพรรดิมู่จงสังหารหลายชายของเขาเพื่อแก้แค้นให้กับชาวมองโกล พร้อมกันข่านอันดาได้วางกำลังก่อกวนตามแนวชายแดน และฟื้นฟูการซื้อขายผ้าไหมและม้า ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิมู่จง จึงต้องสร้างความเข้มแข็งตามแนวชายแดน และเป็นความสำเร็จในการครองราชย์ 6 ปี ในฉากเป็นการต้องรับด้วยงานเลี้ยงของจักรพรรดิมู่จงสำหรับ ปาฮันนาชี (Pahannachi)


Photobucket



อาหารการกิน อยากเข้าไปดูว่าเขากินอะไรกัน แต่กลัวเค้าประกาศรอบที่ 2 คราวนี้คงมาจับไปเข้าคุกแน่

Photobucket

Photobucket



มีดนตรีมาเล่นให้ฟังด้วย

Photobucket



ฉากที่ 19 จางจิ้วเจิ้งปฎิรูป (The Reform of Zhang Juzheng)
จูอี้จุน (Zhu Yijun) ขึ้นครองราชย์ในปี 1572 เป็นจักรพรรดิเสินจ้ง (Shenzong, 1563-1620) ใช้นามรัชศกว่าวั่นลี่ (Wanli) เนื่องจากมีอายุเพียง 9 ขวบผู้สำเร็จราชการ จึงมีองคมนตรีจางจิ้วเจิ้ง (Zhang Juzheng) ที่ต้องสู้กับความขัดแย้งของสังคมที่รุนแรง จางจิ้วเจิ้งได้เสนอแนวทางปฏิรูปหลายแนวทาง เกี่ยวกับการแก้ปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวงของบรรดาขุนนาง การตรวจตราที่ทำกิน การเชื่อสัมพันธ์กับมองโกลเผ่าอันดา และทั้งการต่อต้านการรบกวนของโจรสลัดญี่ปุ่น เขาให้กำลังใจสนับสนุนแก่ผู้ทำงานที่เกิดมรรคผล ได้รับความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง สามารถแก้ปัญหาการจัดเก็บภาษีได้สำเร็จทำให้มีเงินเข้าพระคลังเป็นจำนวนมากจากการปฏิรูป แต่หลังจากที่จางจิ้วเจิ้งตายแล้ว กลุ่มต่อต้านได้กลับมามีอำนาจเหนือสิ่งที่ปฎิรูปมาเวลา 10 ปีก็ไม่เหลืออะไรอีก

Photobucket


Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 20 เสินจ้งผู้สร้างสุสานจนเงินหมด (twenty years of non-government) จูอี้จุน (Zhu Yijun) หรือจักรพรรดิเสินจ้ง เอาแต่เที่ยวเตร่สนุกสนานไม่เอาใจใส่ดูแลการเมือง ไม่เคยเห็นว่าตลอดเวลา 20 ปีขุนนางได้ก้าวหน้าในการฉ้อราษฎร์บังหลวงในรัชสมัยพระองค์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พระองค์ก็มัวแต่สร้างสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต สร้างสุสานดิงหลิงที่ต้องใช้แรงงานทหารกว่า 3 หมื่นคนต่อวัน ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี ใช้เงิน 8 ล้านตำลึงเงิน เมื่อเงินในกำปั่นหมดก็ให้ขันทีเก็บภาษีที่ได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง

Photobucket


Photobucket




ฉากที่ 21 กรณีสิ่งมืดมนต์ 3 อย่าง (Three Mysterious Cases) จูฉางลั่ว (Zhu Changluo) โอรสองค์แรกของจักรพรรดิเสินจ้ง ครองราชย์ปี 1520 เฉลิมพระนามว่า กวงจง (Guangzong, 1580-1620) ซึ่งความปรารถนาของสนมเจิ้ง(Zheng) สนมเอกจักรพรรดิเสินจ้ง ต้องการให้โอรสจูจางซุน (Zhu Changxun) เป็นรัชทายาท ในปี 1615 มีคนบ้าชื่อเจิ้งจา (Zheng Cha) ได้บุกเข้าพระราชวังด้านตะวันออกที่จักรพรรดิประทับอยู่ด้วยไม้เรียว นี่ก็เป็นกรณีของไม้เรียว ในปี 1620 ที่จักรพรรดิกวงจง (Guangzong) ได้ขึ้นครองราชย์และใช้ชื่อรัชศกว่า ไท่ชาง (Taichang) สวรรคตหลังจากนั้น 1 เดือนหลังจากที่เสนาบดีกรมพิธีการนำยาเม็ดสีแดงถวายให้เสวย นี่คือกรณีของยาเม็ดสีแดง จักรพรรดิกวงจง ถูกฝั่งที่สุสานชิงหลิงก่อนที่โอรสจักรพรรดิกวงจงที่ชื่อ จูโหยวจ้าว (Zhu Youxiao) ขึ้นครองราชย์ ขันทีลี่ (Li)ที่ดูแลจูโหยวจ้าวและเว่ยจ้งเสียน (Wei Zhongxian) ต้องการที่จะติดตามเข้าพระตำหนักเชียนชิง(Qianqing) เหล่าเสนาบดีได้คัดค้าน ดังนั้นจึงได้ย้ายไปยังตำหนักฮุ่ยหยวน(Huiluan) นี่ก็เป็นกรณีของการเปลี่ยนประราชตำหนักทั้งสามกรณีนี้สะท้อนความขัดแย้งที่รุนแรงของราชสำนักราชวงศ์หมิง

Photobucket



ฉากที่ 22 จักรพรรดิช่างไม้ (The Carpenter Emperor)
จูโหยวจ้าว (Zhu Youxiao) ขึ้นครองราชย์ในปี 1620 เป็นจักรพรรดิซีจง (Xizong,1605-1672) ชื่อรัชศกเทียนฉี่ (Tainqi) เป็นผู้ชอบงานช่างไม้ ขันทีเว่ยจ้งเสียน (Wei Zhongxian) ได้เข้ามามีบทบาทกุมอำนาจแทนฮ่องเต้ เว่ยจงเสียนมักจะนำราชการต่างๆ มากราบทูลในเวลาที่จักรพรรดิเทียนฉีกำลังทรงงานไม้ พระองค์ก็มักจะให้เว่ยจ้งเสียนจัดการเอาตามที่เห็นควร กลายเป็นผู้กุมอำนาจมากส่งผลเสียจนถึงจุดที่ต้องพลิกผัน ศพจักรพรรดิซีจงถูกฝังไว้ที่สุสานตี้หลิง หลังจากการครองราชย์ของจักรพรรดิยี่จง(Yizong) เว่ยจ้งเสียนถูกเนรเทศไปยังเมืองเฟิ้งหยาง มณฑลอันหุยที่ที่เขาตัดสินใจปลิดชีพตนเอง


Photobucket





ฉากที่ 23 สำนักต้งหลินถูกรังแก (Unjust Charges Agaist the Donglin Clique) กลุ่มวิชาการต้งหลิน(Donglin) เกิดในช่วงปลายราชวงศ์หมิงโดยกลุ่มผู้มีความรู้ทางภาคใต้ ในยุควั่นหลี เหอ เกา ปั้นหลง และเจี๋ยนยี้บิน ต่างก็สอนในสำนักนี้ที่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนสนทนาโต้เถึยงทางการเมืองกัน เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้รู้เพิ่มมากขึ้นและสำนักวิชาการต้งหลินก็โด่งดังขึ้น สำนักนี้สนับสนุนให้จู ชางเล่า(Zhu Changluo)ควรเป็นรัชทายาทและต่อต้านการทำงานของผู้ตรวจราชการในเรื่องการขุดแร่และการเก็บภาษี เป็นสิ่งให้เกิดความขัดแย้งกับขันทีนำโดยเว่ยจ้งเสียน (Wei Zhongxian) ผู้นำคนสำคัญถูกกวาดล้างและถูกทรมานจนตาย สำนักต้งหลินจึงต้องปิดตัวเองลง และในที่สุดเว่ยจ้งเสียน (Wei Zhongxian)ก็ได้รับโทษด้วย


Photobucket


Photobucket



ฉากที่ 24 วิทยาศาสตร์ตะวันตกเข้าสู่จีน (Western Science Enter China) ในศตวรรษที่ 16 พวกมิชชันนารีชาวตะวันตกเข้ามาทางตะวันออก นำการแลกเปลี่ยนระหว่างตะวันออกกับตะวันตกไปสู้จุดสูงสุด พวกสอนศาสนา แมตทิโอ ริชชี ชาวอิตาเลียน และอดัม สแกลฟอน เบล ชาวเยอรมัน ได้ขยายความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ พร้อมกับนักวิชาการจีน ซู่กวงจี และหลี่ ชี่เชา ที่แปลงานวิทยาศาสตร์ตะวันตก และทำอุปกรณ์วิทยาศาสตร์รวมทั้งกล้องส่องทางไกล ฉากแสดง ซู่กวงจี และหลี่ ชี่เชา สนทนากับอดัม สแกลฟอน เบล และนักสอนศาสนาอิตาเลียน นิโคโล ลองโกบาร์โด ที่ประตูหอดูดาวตงเบียน ที่ปักกิ่งในฤดูใบไม้ผลิปี 1630


Photobucket


ฉากที่ 25 การปกป้องเมืองหน้าด่าน (Defeat in Songshan and Jinzho) จูโย่วจียน (Zhu YouJian) ขึ้นครองราชย์ในปี 1627 ใช้นามจักรพรรดิ ซื่อซง(Yizong, 1611-1644) และใช้รัชศกว่าฉงเจิน(Chongzhen) พลังชาวนาเริ่มเบ่งบานและกองกำลังแมนจู(Qing) กำลังเข้ามายึดเมืองจิ้งจู ไม่มีสิ่งใดที่จักรพรรดิที่สามารถทำได้ที่จะรักษาจักรวรรดิไว้ได้ในเดือนเมษายน 1641 จักรพรรดิอบาไฮของแมนจูนำกำลังเข้าโจมตีในวงกว้างโจมตีเมืองจิ้งจู แม่ทัพจูดาเฉาได้ขอกำลังเสริม จักรพรรดิซื่อซงส่ง หงเชงเฉา พร้อมด้วยกองกำลัง 130,000 คนไปช่วย แต่ถูกล้อมที่เมืองซ้งซาน ในเดือนมีนาคม 1642 ขาดเสบียงอาหารการช่วยเหลือถูกตัดขาด ลูกน้องหันไปสมคบกับแมนจูนำกองทัพแมนจูเข้าเมืองหลวง หงเชงเฉาถูกจับ แม่ทัพจูดาเฉายอมยกเมืองจิ้งจูให้แมนจู ในเวลานั้นราชวงศ์หมิงได้สูญเสียแนวชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้ว กองทัพแมนจูต้องการที่จะตีให้ทะลุช่องเขาชานไหกวนให้ได้

Photobucket

Photobucket



Photobucket



ฉากที่ 26 ตำนานความเศร้าบนเขาถ่าน (Eternal Remorse on Coal Hill) จูโหยเจี่ยน (Zhu YouJian) ครองราชย์เป็นจักรพรรดิซือซง (Yizong,1627-1644) เป็นที่รู้จักในนาม ฉงเจิ้น พระองค์มีความขยันพากเพียรและกระเหม็ดกระแหม่ ในช่วงที่เข้าสู่อำนาจในปี 1627 ได้กำจัดกลุ่มขันทีของเว่ยส้งเสี้ยนและทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสร้างความยั่งยืนให้ราชวงศ์หมิง ในเดือนพฤษภาคม 1644 หลี่ซือเชงผู้นำทัพชาวนานำทัพเข้าปักกิ่ง จักรพรรดิผู้สิ้นหวังได้แขวนคอตัวเองบนเขาถ่าน บนผ้าฉลองพระองค์ด้านหน้ามีข้อความเขียนว่า ฉันไม่มีหน้าที่จะไปพบกับบรรพบุรุษทั้งหลายได้ ดังนั้น จึงถอดหมวกและนำเส้นผมมาปิดหน้าไว้” หลี่ซือเชง สั่งให้ฝังพระศพไว้กับสนมเตี้ยนที่พระองค์รัก ก่อนที่พระเจ้าหมิงซือจงจะผูกคอตายนั้น ด้วยความที่กลัวว่าลูกเมียจะต้องตกไปเป็นสมบัติถูกศัตรูย่ำยี จึงบังคับให้ฮองเฮาของตัวเองฆ่าตัวตาย แล้วเอาดาบมาฟาดฟันคนในครอบครัวตลอดจนนางสนมกำนัลให้สิ้นชีพไปด้วยกัน คนสุดท้ายที่หมิงซือจงเงื้อดาบจะฟันก็คือพระธิดาองค์โปรดของพระองค์เอง ทว่าในจังหวะนั้น ลูกสาวซึ่งกลัวความตายได้ยกแขนขึ้นมาบังคมดาบของพ่อ จนโดนดาบฟันแขนขาดทันที ฝ่ายพ่อบังเกิดเกล้า เมื่อเจอภาพสะเทือนใจน่าเวทนาเช่นนั้นจึงเข่าอ่อน ไม่กล้าลงดาบสอง ต้องปล่อยให้ลูกทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ตัวเองจะไปผูกคอตายและเสด็จสู่ปรโลก


ฉากนี้น่ากลัวใช้แสง สี ได้แบบอินกับฉากมาก รูปที่ถ่ายมาก็มีสีมืดไปหน่อยเลยใช้แสงปรับให้มันสว่าง เลยเป็นแบบนี้


Photobucket



จบแล้วเลยมาฉายเดี่ยวข้างนอก
Photobucket

Photobucket



ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
Photobucket


ดอกไม้ที่อยู่ข้างหน้าเหมือนกัน สวย ๆ
Photobucket



ลานน้ำพุใหญ่
Photobucket



จบแล้วสำหรับพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งวันนี้ ต่อไปเราจะไปโรงงานบัวหิมะกันตามมา ๆ ๆ

ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:03:41 น.
Counter : 5144 Pageviews.  

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 18 สุกี้มองโกล วันที่ 28




วันนี้ตื่นเต้นเพราะจะได้ไปกินสุกี้มองโกล มันจะไปอย่างไร อร่อยหรือไม่ไปชมกันเลย


บรรยากาศภายในร้าน ก็แนวภัตตาคารอีกแล้ววว
Photobucket


อาหารมาแล้ว สุกี้ หรือหม้อไฟ แต่ที่นี่จะนิยมเนื้อแพะ เนื้อจะสากๆ หยาบๆ หน่อย ติดกลิ่นคาวนิดๆ แต่ร้านที่ไปกินเค้าสไลซ์บางดี เลยไม่คาว ไม่บอกไม่รู้หรอกว่าเนื้ออะไร นึกว่าเนื้อหมู ปน ๆ กันมากินหมด แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำซุปมันเหมือนน้ำเปล่าๆ เลย ต้มกระดูกไก่ให้หน่อยก็ไม่ได้ น้ำจิ้มไม่มี

Photobucket

แบบชัด ๆ ที่เป็นอาหารก็จะมีไข่เจียว กับหมูผัดหอมใหญ่ นอกนั้นเป็นเครื่องสุกี้หมด เส้นหมี่ขาว ผักสด เห็ดหูหนู เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อแพะ สไลด์ได้แบบบางมากกก แล้วม้วนไว้ด้วยนะ แบบเติมได้ไม่อั้น หมดแล้วเรียกเติมได้เลย โต๊ะนี้มีผู้ชายเยอะเติมบ่อย แต่เค้าไม่ว่านะ
Photobucket


มีหม้อใครหม้อมัน ไม่ต้องแย่งกัน อยากกินอะไรลวกกินเอง เตาเค้าก็น่ารักดี ไฟก็แรงดี อิ่มแล้วยังไม่หมดไฟเลย แต่สุกี้บ้านเราอร่อยกว่า ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มแต่ก็ขอพริกน้ำปลาเขาก็โอเคนะ ซัดไปพุงปลิ้นเลย
Photobucket


อิ่มแล้วออกมาก็ข้ามถนนมาเจอร้านนี้ ขายของริมทาง เราไปซื้อเม็ดทานตะวันอัดแท่งร้านนี้อร่อยดี 2 ชิ้น 5 หยวน 25 บาท

Photobucket




ต่อไปเราจะไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งกัน ตามมา ๆๆๆ


ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:03:09 น.
Counter : 1183 Pageviews.  

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 17 กำแพงเมืองจีน วันที่ 28





วันนี้จะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนกัน มาฟังการบรรยายจากคุณหวังซักเล็กน้อยนะคะ
กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ สร้างในสมัย พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นครั้งแรก กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ กำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ (Wànlĭ Chángchéng ว่านหลี่ฉางเฉิง) กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดถึง 6,350 กิโลเมตร และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย เชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศ จะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้ ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ ส่วน'กำแพงเมือง’ มีทั้งเป็นกำแพงหิน ดิน ทราย และอื่นๆ ตามแต่วัสดุที่ใช้ก่อสร้าง โดยจะมีความสูงราว 3-8 เมตร และยอดกำแพงกว้าง 4-6 เมตร ‘หอสังเกตการณ์’ จะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนใช้คอยสอดส่องและยิงธนูต่อสู้ข้าศึก ส่วนชั้นล่างถูกซอยออกเป็นห้องเล็กๆ ใช้เก็บสรรพาวุธ รวมถึงเป็นที่พักนอนของเหล่าทหารหาญ ส่วนที่3 คือ ‘ตัวด่านหรือป้อมปราการ’ มักสร้างไว้ตามจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ และ‘หอส่งสัญญาณ’ ซึ่งเป็นส่วนที่ตั้งอยู่นอกเขตกำแพง ตามยอดเขาหรือที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากที่ไกลๆ ตอนกลางคืนจะใช้วิธีจุดไฟแจ้งเหตุ ส่วนกลางวันใช้เป็นควันไฟสัญญาณแทน. ‘มิเคยขึ้นกำแพงเมืองจีน หาใช่ลูกผู้ชายไม่’ คำกล่าวจากกลอนบทหนึ่งของ ‘เหมาเจ๋อตง หรือท่านประธานเหมาของชาวจีน’ ที่ได้เอ่ยถึง‘ฉางเฉิง’ หรือกำแพงเมืองสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวจีนทั้งชาติ เนื่องจากเป็นสิ่งปลูกสร้างทางทหารเพื่อการป้องกันประเทศที่ยิ่งใหญ่ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานที่สุด
จบแล้วล้อเคลื่อนได้ อันนี้เป็นสวนสนุกที่บริษัทกระทิงแดงมาสร้างที่จีนแต่ยังไม่เสร็จ

Photobucket


เห็นรถไฟด้วย ดูดีกว่ารถไฟบ้านเรานะเนี่ย
Photobucket

Photobucket



จุดขายตั๋ว
Photobucket



มองขึ้นไปจากลานจอดรถ
Photobucket


Photobucket



ก่อนขึ้นก็มาถ่ายรูปหมู่กันหน่อย เพื่อเป็นที่ระทึก ตอนที่มาถึงอากาศเย็น ฝนตกปรอย ๆ แต่ไม่ทำให้เปียกหรอก
Photobucket


Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket



เป็นร้านคอสซูมแต่งตัวถ่ายรูป มีหลายชุดให้เลือก
Photobucket



แผงขายของที่ระลึก
Photobucket


ทางที่จะขึ้นไป
Photobucket


มองขึ้นไปสูงและไกลมาก
Photobucket


ไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไร มีเพื่อนถามว่าเค้าเขียนว่าอะไร เลยอำเค้าว่าถ้าใครขึ้นกำแพงนี้จะได้เป็นวีรบุรุษ และวีรสตรี เพื่อนก็เชื่อ อิอิ
Photobucket

Photobucket




เริ่มขึ้นมาแล้ว
Photobucket


Photobucket




มาถึงด่านแรกแล้วเหนื่อยมาก หายใจไม่ทัน
Photobucket


มีอาวุธโบราณด้วย หลายแบบ
Photobucket


เป้าหมายของเราคือด่านสูง ๆ ข้างหลังเรานี่และแต่เราจะไปไหวมั้ยเนี่ย เริ่มร้อนมาก ถอดเสื้อแล้ว อยากใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้ามมาก คืออากาศมันเย็นนะฝนตกด้วยแต่เราร้อนมาก สงสัยจะร้อนรุ่ม อิอิ
Photobucket


ภายในด้านแบ่งเป็นห้อง ๆ แต่ไม่มีอะไรกั้น ซับซ้อนดี
Photobucket


ราวทางขึ้น มีแบบนี้ทั้งสองด้าน มีคนซื้อมาล็อคไว้ เค้าจะเขียนชื่อตัวเองกับแฟนไว้แล้วเอามาล็อคที่นี่ เพื่อเป็นเคล็ดลับว่าจะไม่พรากจากกัน แล้วเอากุญแจโยนทิ้ง พอนานๆ บางคนอยากเลิกแต่อีกฝ่ายไม่ยอม คงต้องหากุญแจมาไขมั้ง แต่ไม่รู้อยู่ไหนปาทิ้งไว้รอบ ๆ กำแพงนั่นแหละ
Photobucket

ภายในบริเวณด่าน
Photobucket


ขึ้นมาอีกด่านแล้วมองลงไป ที่ลานจอดรถ มองแล้วเสียวมาก
Photobucket

มีเด็กมานั่งตบมือเชียร์คนขึ้นกำแพง เสียงดังฟังชัด ได้ความว่า “ไจ้วโหย่ว ๆ ๆ ๆ ” ดูมีกำลังใจมาก เด็กก็ยังขึ้นได้ บางทีเห็นคนแก่ด้วยนะ ประมาณอาม่าบ้านเราแหละ
Photobucket


อันนี้ลงทีละขั้น ถูไถไปจนมอมแมมหมด
Photobucket


มาถึงอีกด่านแล้ว อันนี้ในด่านนี้มืดมาก ทึบ ๆ เหม็นกลิ่นฉี่อยู่นานไม่ได้รีบออกมา
Photobucket



มี 2 ชั้น มีบรรไดแคบ ๆ ให้ขึ้นไปทีละคนและชันมาก คิดว่าเกือบ ๆ 90 องศานะ
Photobucket


ขึ้นไปดูวิวได้ภาพนี้มา สวย+เสียว
Photobucket



ป้ายอะไรไม่รู้
Photobucket


อันนี้ตอนลง ชันกว่าเก่า
Photobucket


อันนี้ทางไปด่านต่อไป ตอนแรกว่าจะพอแล้วเพราะเหนื่อยมาก แต่เพื่อนบอกว่าเราต้องสู้ต่อไป บอกว่าไปต่ออีกด่านนึงแล้วกลับเลย เราก็เลยหลงน้ำคำของเขา เหนื่อยอีกแล้วว
Photobucket


อันนี้เป็นแยกลงไปจากกำแพง เป็นร้านขายของที่ระลึก และห้องน้ำ แต่ไม่ได้ลงไปดูเพราะกลัวไม่ทันเพื่อน
Photobucket


มาได้หน่อยนึงแล้วจากด่านเมื่อกี้
Photobucket


เป็นวัดที่อยู่บนเขาถ้าจะไปที่นั่น คงตายก่อน เพราะต้องผ่านอีกหลายด่าน แค่มองก็พอ พระก็เข้าใจ
Photobucket

ตรงนี้ชันมาก

Photobucket


แวะถ่ายรูปกันหน่อย พักเหนื่อยด้วย
Photobucket


ถ่ายกับหวานใจของคนอื่น
Photobucket


วิวมองไปรอบ ๆ เห็นกำแพงทอดยาวออกไป อากาศไม่มีเลยไม่ค่อยชัด มีหมอกลงเยอะ
Photobucket



มาถึงอีกด่านแล้ว ประตูทางเข้าด่าน
Photobucket

Photobucket



พอแล้วด่านนี้ ความจริงก่อนขึ้นมา เราคิดว่าจะไปถึงอีกด่านนึงคือด่านข้างหลังเรานั่นเอง แต่มิสามารถ คงได้แค่นี้แหละ ได้แค่มอง


Photobucket



จะลงไปแล้ว
Photobucket



ตอนลงต้องจับราวให้มั่น เดี๋ยวหัวทิ่ม

Photobucket



Photobucket



ตอนถ่ายนี้หวาดเสียวจะตกลงไปนะ


Photobucket


Photobucket




มาเจอนี้ คนนี้ชอบมาก แบกจักรยานมาด้วย กะไปปั่นเวลาเจอทางเรียบ เราก็ไม่รู้ว่าทางเรียบมีหรือเปล่า คงมีมั้งเพราะยาวตั้ง 6,000 กิโลเมตร
Photobucket


Photobucket


มาเจอคนนี้เด็ดเหมือนกัน มือนึงอุ้มลูก มือนึงถือร่มบังฝน ไม่มีมือรับราวเลย ทำได้ไง เราไม่ปล่อยราวเลย นอกจากถ่ายรูป ราวแบบว่าก็ขึ้นสนิมมาก ลงมาแล้วล้างสนิมไม่ออกเลย เหลือนิดหน่อย ต้องใช้น้ำสบู่ล้างออก
Photobucket


อันนี้ลงมาถึงเกือบข้างล่างแล้ว มีทางแยกไปห้องน้ำว่าจะไปซะหน่อย
Photobucket


มุมซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ดูไม่ออกนะ เหมือนเป็นตำหนัก คงไปดูพระราชวังมากไป
Photobucket



ถึงแล้วห้องน้ำ น้ำเย็นมาก อยากอาบเลยเพราะลงมาร้อนมาก
Photobucket



อันนี้เพื่อนขึ้นไปบนด่านที่เราไปไม่ถึงถ่ายมาฝาก อยากไปแต่แข้งขามันไม่สู้ ยายแก่แล้ว
Photobucket


จบแล้วสำหรับกำแพงเมืองจีน ต่อไปเราไปทานข้าวเที่ยงกัน เมนูวันนี้คือ สุกี้มองโกล ตามมา ๆ ๆ

ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:02:30 น.
Counter : 1750 Pageviews.  

เที่ยวปักกิ่ง ตอนที่ 16 โรงงานหยก วันที่ 28





วันนี้จะไปเที่ยวโรงงานหยกกัน แต่ตอนเช้าขอหม่ำ ๆ ก่อนนะ
วันนี้เป็นเค้าจัดเป็นเซ็ต พอนั่งปั๊บเค้าก็จะมาแสริฟแบบนี้ เป็นเค้ก ซาลาเปา แล้วก็ไข่ต้มสมุนไพรมั้งเห็นเปลือกคล้ำ ๆ
Photobucket



บางอย่างก็ไปตักเอา แปลกดีเป็นบุฟเฟ่ผสมเซ็ต กินกันไม่หมด ไข่ที่ปอกออกมาก็เหมือนไข่ต้มบ้านเรานี่แหละ ได้คนละ 2 ลูก
Photobucket


อิ่มแล้วก็มารอรถเพื่อที่จะพาเราไปดูหยก
Photobucket


มาถึงแล้วโรงงานหยก
Photobucket


อันนี้เป็นหยกชิ้นใหญ่ ก้อนใหญ่มาก เค้าจะแกะเป็นรูปแล้วตั้งโชว์ มีหลายแบบ
Photobucket

Photobucket


รายละเอียด แบบว่าสุดยอดเลย
Photobucket

เจดีย์หยก
Photobucket


รายละเอียด แบบชัด ๆ
Photobucket


ที่อยู่ในตู้โชว์ อลังการมาก
Photobucket



ภาพเขียนจีน
Photobucket


ในตู้กระจกก็มีตุ๊กตาแบบจีน ๆ ด้วย
Photobucket


อันนี้ก็ก้อนใหญ่มาก ไปอิงแอบใกล้ๆ แล้วเย้น เย็น Photobucket

อันนี้เตียงหยกนะจ๊ะ อยากจะลองนอนดูมั่ง หน้าร้อนคงเย็นดี แต่เค้าห้ามนั่งนะ อันนี้แอบ ๆ รอให้คนออกไปหมดก่อนแล้วค่อยนั่ง
Photobucket


อันนี้ก็ทำมาจากหยกนะ ต้นไม้หยก
Photobucket

Photobucket


นี่อีกก้อนนึง ใหญ่เหมือนกัน
Photobucket



อันนี้รูปมังกร
Photobucket



ไม่ค่อยชัด
Photobucket



ชุดเกราะหยก
Photobucket


Photobucket


ห้องตัด แต่งหยก
Photobucket

Photobucket


ห้องโชว์รูม มีสารพัดชนิด มุมนี้คือตัว ผีเซียะ เป็นสัตว์ในตำนานเก่าแก่ของจีน เป็นสัตว์ที่ไม่มีรูทวาร ชาวจีนเชื่อว่าจะนำโชคลาภเงินทองมาให้ พร้อมทั้งคอยเฝ้าทรัพย์สมบัติไว้ เพราะผีเซียะกินเงินทองแล้วเก็บไว้ ไม่ถ่ายออกมา แต่ละตัวทำท่าทางไม่เหมือนกัน ซึ่งก็สื่อความหมายดีๆแตกต่างกันไป พวกเราไม่มีใครซื้อผีเซียะเลย เพราะแพงมากๆ แค่ตัวจิ๋วๆสำหรับห้อยโทรศัพท์ก็เกือบๆพันแล้ว (แต่แอบอยากได้อยู่เหมือนกันนะ) คนที่มีไว้ครอบครองจะประสพความสำเร็จสมหวังในชีวิต (ร่ำรวย มีอำนาจวาสนา บารมี) ธุรกิจการงานเจริญก้าวหน้า อยากมีไว้ซักตัวแต่แพงมากหลายพัน
Photobucket


อันนี้ตัวใหญ่ ราคาไม่ต้องพูดถึง สวย ๆ ทั้งนั้น
Photobucket


อันนี้กำไรจากเม็ดหยก
Photobucket


อันนี้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ตามปีเกิด
Photobucket


อันนี้เป็นแบบแปลก ๆ เล็ก ใหญ่มีหลายขนาด
Photobucket



อันนี้แกะออกมาเป็นรูปผักกาดขาว สวยมาก ดูพริ้วเชียว
Photobucket


อันนี้เป็นเจ้าแม่กวนอิม สีแปลกดี
Photobucket


มีหลายมุม หลายราคา
Photobucket


มีร้านขายขนมด้วย เป็นพวกผลไม้อบแห้ง
Photobucket



อันนี้เป็นตราปั้ม เป็นหยกอีกเหมือนกัน เราไปยืนดูอยู่ตั้งนาน อยากได้ เหมือนฮ่องเต้ ต้องมีตราประจำตัว ราคาก็มีหลายราคา 250 ขึ้นไปก็คิดหนัก จะเอาดีมั้ย
Photobucket



เป็นรูปประจำปีเกิดด้วย

Photobucket


มีแบบให้เลือกด้วย จะเขียนเป็นภาษาไทยก็ได้นะ เค้าทำให้หมด พอเค้าบอกแบบนี้ ก็คิดหนัก อยากได้ แต่เพื่อนที่มาด้วยกันบอกไร้สาระ ก็เลยไม่เอาดีกว่า
Photobucket


แท่นสลัก
Photobucket


ห้องน้ำที่นี่
Photobucket



ที่ห้อยโทรศัพท์
Photobucket



ภาพแสดงแหล่งเหมือนหยก ที่อยู่ในจีน
Photobucket


จบแล้วว ที่โรงงานหยก ต่อจากนี้เราจะไปกำแพงเมืองจีนกันนะค้า ตามมา ๆ

ตอนต่อไปค่ะ คลิ๊กเลย




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 17:01:46 น.
Counter : 3350 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

j230i
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add j230i's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.