ที่เห็นและเป็นอยู่ Being There
โดยเจอร์ซี่ โคซินสกี้
มโนภาษ เนาวรังสีแปล
หนังสือที่ครั้งหนึ่งทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า
ฉันควรปิดโทรทัศน์ซะ
ถ้าเราไม่อยากรู้ว่าพระเอกกับนางเอก
จะได้ครองคู่กันหรือไม่
และรอ...รอให้ฉากนั้นผ่านเลยไป
ถ้าใจเรากล้าพอ ค่อยเปิดดูอีกที
หรือไม่ ก็ไม่เปิดมันอีกเลย
ถ้าเราไม่เปิดโทรทัศน์เราก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวจะเป็นไงต่อไป
ถึงแม้ว่าเราจะเปิดโทรทัศน์ คนในโทรทัศน์ก็ไม่รู้หรอกว่า
เราเฝ้าดูอยู่ :อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
ในยามที่สับสนที่สุด ฟุ้งซ่านที่สุด
ลองอ่านหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้ดู
อาจเห็นบางสิ่ง บางสิ่งที่เป็นจริง
มีอยู่จริงในปัจจุบัน
ไม่ได้มีในโทรทัศน์ที่ห่างไกล ไม่ได้อยู่อีกซีกโลก
และผู้อื่นก็ไม่ได้คิด หรือ ทำ อย่างที่เราคิด เรานึกไป
เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็น และ ไม่ได้เป็นอยู่ เบื้องหน้าเรา
และอาจเห็นในบางอย่าง บางอย่างที่เกิดจากตัวคุณเอง
ตัวคุณเองนั่นแหละ ไม่มีใครอื่นอีก
จริงจริง
เรื่องราวกล่าวถึงแช้นส์ (Chance) คนทำสวน ชายที่มีความบกพร่องทางสมอง ความรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อยู่ในขีดจำกัด ไม่สามารถอ่านหรือเขียนหนังสือได้ แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตของเขา ในท้ายที่สุด เขายึนอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้กลิ่นสวนอบอวลตัวเขา ซึมซาบรับความสุข สงบ...และมีชื่อเสียงซะด้วย
เด็กกำพร้าที่ชายชราผู้เมตตานำมาเลี้ยง ให้การอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก เติบโตมาพร้อมกับโทรทัศน์ ต้นไม้ และสวนของชายชรา หลังจากที่ชายชราจากไป แช้นส์เดินทางสู่โลกที่เป็นจริง นอกรั้ว นอกสวนที่เขาเคยอยู่มาตลอดชั่วชีวิต ความวุ่นวายของสังคมคนภายนอก แม้แต่รถจริงๆ นอกโทรทัศน์ เขาก็เพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่แช้นส์ไม่ได้เกิดความหวาดหวั่น หรือ วุ่นวายใจแต่อย่างใด เขาเห็นว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างจากในโทรทัศน์มากนัก แต่มันอยู่ใกล้ และจับต้องได้ เท่านั้น
เนื้อเรื่อง ดำเนินไปเรื่อย ๆ ให้ความรู้สึกเนิบช้า แชนส์ไม่ได้หวั่นเกรงโลกภายนอก ซึ่งต่างจากผู้อ่านที่จะคอยเอาใจช่วยและเกรงจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับชายผู้บริสุทธ์ และเราก็ใคร่รู้เหลือเกิน ว่าสุดท้ายเรื่องจะจบลงอย่างไร คนต่าง ๆ จะ ชักนำ ชักพา ชายคนหนึ่งไปได้ถึงไหน ๆ กัน ด้วยความขบขัน และ แปลกใจ
ในตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับบรรดาผู้ดี ผู้มีความรู้ และร่ำรวยในวงสังคม นักการเมือง จนถึง ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ทุกสิ่งที่แช้นส์คิดและพูดนั้นเกี่ยวพันกับต้นไม้ใบหญ้า พื้นดิน เพียงอย่างเดียว โดยไม่กล่าวถึงสิ่งอื่นใดเลย และโดยไม่แสดงอาการประหม่า หรือตื่นเต้นใด ๆ ซึ่งเหล่านี้มันทำให้ เขากลายเป็นบุคคลสำคัญ เป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง และสามารถตอบคำถาม สำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ (ได้ยังไง ก็คนฟัง พากันคิดไปไง หรือด้านหนึ่ง ในความจริงแล้ว ธรรมชาติมีคำตอบให้กับทุกสิ่ง ด้วยละมั้ง)
ชื่อใหม่ที่ผู้คนรู้จักเขาคือ เชาว์วี การ์ดิแนร์ ผู้ซึ่งประธานาธิบดีกล่าวอ้างอิงถึงเขาในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมด้านการเงิน แช้นส์ตอบคำถามของประธานาธิบดีเกี่ยวกับภาวะด้านการเงินของอเมริกา
คำถามคือ "คุณคิดอย่างไรบ้างกับฤดูที่เลวร้ายของเดอะสตรีท" ด้วยความงุนงน และไม่มีความรู้ในเรื่องอื่นใดเลยนอกเสียจากต้นไม้ ใบไม้ และสวน เขาตอบไปว่า
"ในสวน การเจริญเติบโตจะมีฤดูของมันเหมือนกัน มีฤดูใบไม้ผลิและหน้าร้อน แต่ทว่ามันก็มีใบไม้ร่วงและหน้าหนาว แล้วจึงวนเวียนกลับมา ฤดูใบไม้ผลิและหน้าร้อน อีกครั้ง ตราบใดก็ตามที่รากต้นไม้ไม่ถูกตัดรอน ต้นไม้ทั้งหมดจะเป็นปกติดี"
คำพูดเรียบง่าย พื้นฐานแห่งชีวิตที่จุดประกายให้ท่านประธานาธิบดี และ ก็ฉันด้วย ให้หยุดฟุ้งซ่าน วุ่นวายกับฤดูกาลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดใช่แล้ว ตราบใดที่รากไม่ถูกตัดรอน เราจะยังคงอยู่
ผู้เขียนไม่ได้สร้างเรื่องราวให้ไปถึงในทุกคำตอบ เหมือนที่มาของแชนส์ บุคคลที่ไม่มีประวัติ ไม่มีที่มา ไม่มีประเทศมหาอำนาจใด ๆ นักสืบที่เก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจสืบหาประวัติของเขาได้ เพียงชี้ให้เห็นว่า สุดท้ายท่ามกลางวงสังคม เปลือกทั้งหลายแหล่ มายาที่หล่อหลอม ก็ไม่ได้ให้ความสุขมากมาย เท่ากับการได้เดินในสวน เงียบ ๆ คนเดียว ของแชนส์
เนื้อเรื่องคลับคลาคล้ายกับหนังภาพยนต์ต่างประเทศเรื่องหนึ่ง อะอะ
หนังสือเรื่องนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1971
นายแช้นส์นี่แหละ ตัวเขาเองที่จะทำให้ตัวเองเป็นอย่างที่เป็นอยู่ โดยไม่มีใครอื่นอีก
ขอจงยืดหยัด ด้วยตัวคุณเอง