ขออุทิศแด่ทุกประเทศที่กำลังชวงชิงอำนาจทางการเมือง และ ตลอดชั่วอายุของโลกเรื่องเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นและดำเนินต่อไป จริงแท้เช่นเดียวกับฟางใต้อุ้งเท้าของเฒ่าเมเจอร์ วรรณกรรมเชิงเสียดสีล้อเลียนการช่วงชิงอำนาจของเหล่า หมู ม้า กา ไก่ หนังสือที่ใช้คำนำหน้าเหล่าสัตว์ ว่า สหาย เป้าหมายของชีวิตคือ ความเสมอภาพ และปลดแอกจากการกดขี่ของผู้ปกครอง เต็มไปด้วยกลยุทธ์ การชวนเชื่อ การใส่ร้าย หลอกหลวง และความตาย สังคมสัตว์ เฉกเช่นเดียวกับสังคมมนุษย์ ไม่ผิดเพี้ยน เราอาจจะได้เห็นภาพกลุ่มการเมือง และสัจจะธรรมการเมืองในประเทศได้ชัดเจนขึ้น สังคมสัตว์ในฟาร์มที่ถูกกดขี่มานาน จากมนุษย์ผู้ปกครอง ความเคียดแค้นอันนำไปสู่การปฏิวัติของเหล่าสัตว์ นำไปสู่การถูกกดขี่โดยผู้นำใหม่อีกครั้ง เพื่อรอวันปฏิวัติใหม่ แล้วสักวันหนึ่งท้องทุ่งเสรีภาพที่แท้จริงจะมาถึง...ในสักวัน บ้างก็ว่า นี่มันเป็นการปฏิวัติรัสเซียชัด ๆ สโนบอลล์ก็ทรอตสกี นโปเลียนก็สตาลิน แต่ข้าพเจ้าว่า นี่คือ วงเวียน วงกรรม ของสังคมมนุษย์ ที่เรายังคงเวียนว่ายกันอยู่ เช่นเดียวกับ ลิเบีย อียิปต์ พม่า หรือ ประเทศไทย
แต่เดิมฟาร์มเมเนอร์แห่งนี้ เป็นของนายโจนส์ ผู้ปกครองที่เมามาย กดขี่ ทารุณ โดยไม่สนใจไยดี ที่จะดูแลสัตว์ในฟาร์ม ในวันหนึ่งที่เฒ่า เมเจอร์ หมูผู้อาวุโสที่สุดในฟาร์ม สง่าผ่าเผย ปราดเปรื่อง เป็นที่เคารพต่อสัตว์ทุกตัว แถลงถึงความฝันของแกเกี่ยวกับโลกไม่มีมนุษย์อยู่อีกแล้ว และความทรงจำในอดีตที่สุขสงบ อันปราศจากมนุษย์ ผู้กดขี่ทั้งหลายและได้นำเพลง สัตว์ของประเทศอังกฤษ ขึ้นมาให้เหล่าสัตว์ฟังและร่วมกันร้องเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ ว่า พื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์ นั้นดีอย่างไร การทำงานเพื่ออิสรภาพ แต่ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อีกต่อไป สมาชิกของฟาร์มที่ร่วมประชุมได้แก่ สุนัข 3 ตัว บลูเบลล์ เจสสี และพินเชอร์ ม้าลากรถ 2 ตัว บ๊อกเซอร์ กับ โคลเวอร์ บ๊อกเซอร์ ม้าเพศผู้ตัวใหญ่ แข็งแรง ค่อนข้างไม่ฉลาด แต่ได้รับความนับถือเรื่องพลังมหาศาลและความมั่นคงของแก โคลเวอร์ม้าเพศเมีย อ้วน อายุปานกลาง ม้าลากรถของนายโจนส์ ชื่อมอลลี่ ที่ชอบกินก้อนน้ำตาล และติดโบว์สีแดงที่ได้รับจากนายโจนส์ แพะ สีขาว มิวเรล ลา ชื่อ เบนจามิน สัตว์ที่แก่ที่สุดในฟาร์ม ไม่ค่อยพูด แต่ชอบพออัธยาศัยกับบ๊อกเซอร์ ไก่ วัว นกพิราบ แกะ แมว แกได้โน้มน้าว ชี้แจงและอธิบายสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ขัดสนของสัตว์ในฟาร์ม รวมทั้งทุกฟาร์มในอังกฤษ ที่ถูกมนุษย์ บังคับ ใช้งาน ให้อาหารน้อย มนุษย์ผู้เป็นศัตรู และ เบียดเบียนสัตว์ทุกตัว มนุษย์เป็นสิ่งชั่วร้าย ที่กระทำการต่าง ๆ ต่อสัตว์ ต้องทุมเทร่างกายและจิตใจเพื่อล้มล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ นี่คือถ้อยแถลงของข้าถึงพวกเจ้า สหายทั้งหลาย ปฏิวัติ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมาถึง...แต่ข้ารู้แน่ชัดเหมือนที่ข้าเห็นฟางใต้ตีนของข้าในขณะนี้ว่า ไม่ช้าไม่นานจะต้องมีความยุติธรรมเกิดขึ้น สมาชิกที่มาฟังคำแถลงในวันนั้น ในอนาคต อันใกล้ ในวันที่ยังไม่ทันจะรู้ตัว หรือ วางแผน การปฏิวัติต่อมนุษย์นายโจนส์ ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และประสบความสำเร็จ เหล่าสัตว์ยึดฟาร์มไว้ได้ ผู้นำในการปฏิวัติ คือ หมูที่ชื่อ สโนบอลล์ และ นโปเลียน ได้ประกาศ บัญญัติ 7 ประการ อะไรก็ตามที่เดินด้วยสองขาเป็นศัตรู อะไรก็ตามที่เดินด้วยสี่ขาหรือมีปีกเป็นมิตร สัตว์ต้องไม่นอนบนเตียง สัตว์ต้องไม่ดื่มของมึนเมา สัตว์ต้องไม่ฆ่าสัตว์อื่น สัตว์ทั้งหมดเสมอภาคกัน มีคำขวัญสั้น ๆจากบัญญัตินี้คือ สี่ขาดี สองขาเลว สโนบอลล์ มักนำเสนอหลักการทำงาน หลักเสมอภาค และความคิดริเริ่มต่าง ๆ แต่ นโปเลียน ก็มักจะขัดแย้งกับสโนบอลล์อยู่เสมอ ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ทั้งสอง เป็นผู้นำในการอภิปราย การนำเสนอ การทำงานต่าง ๆ ในฟาร์ม การแบ่งงาน การเสนอความคิดและการโหวตความคิดต่าง ๆ นั้น อยู่เสมอ สัตว์ทำงานหนักขึ้น แต่มีอาหารที่ดี มีอิสระ ไม่มีการกดขี่ สโนบอลล์ มีความคิดในการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ในทุก ๆ เรื่อง แกเชื่อมั่นว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานให้ลุล่วงไป แต่นโปเลียนก็มีความเห็นแย้งดั่งเช่นเคย มันกล่าวว่า การให้การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญกว่าการจัดตั้งคณะกรรมการ มันแยกลูกหมา 9 ตัว ทันทีที่หย่านม นำไปเลี้ยงดู ให้การอบรมสั่งสอน กระทั่งวันหนึ่ง หมา 9 ตัวกลายเป็นองค์รักษ์พิทักษ์นโปเลียนไป และเป็นกำลังที่ทำให้มัน เสมอภาค มากกว่า สัตว์ตัวอื่น แน่นอนว่า ความเสมอภาค ที่แท้จริงมักอยู่ไม่นาน ในวันหนึ่งที่ความขัดแย้งสุกงอม นโปเลียน ได้ใช้นโยบายหลายอย่างรวมกับพละกำลังจากหมาองค์รักษ์ของมัน ขับไล่สโนบอลล์ออกไป อุบายต่าง ๆ ที่นโปเลียนใช้ เฉกเช่นเดียวกับการใส่ร้ายพรรคการเมืองต่าง ๆ ในหลาย ๆ ประเทศ การใส่ร้าย การชวนเชื่อ เหล่าสัตว์ถึงความร้ายกาจของสโนบอลล์ เมื่ออำนาจถูกเปลี่ยนมือ มาอยู่ที่ นโปเลียน ฟาร์มสัตว์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกสัตว์ทำงานมากขึ้น และถูกใช้ไปเพื่อแลกกับผลประโยชน์ ต่อสัตว์ส่วนรวม ที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด และจะถูกนำมาใช้เมื่อถึงเวลาที่นโปเลียนเห็นว่าเหมาะสม ทุกครั้งที่เหล่าประชาชนสัตว์ คิดหวนถึงเป้าหมายการปฏิวัติ หมาของนโปเลียน สมุนของนโปเลียนที่ทำหน้าที่โฆษก็จะยกเอา ความเลวร้ายที่โจนส์ได้ทำไว้ครั้งที่ปกครองฟาร์ม ไม่ก็ การหลอกหลวงของสโนบอลล์ จนทำให้เหล่าสัตว์ต้องกลับมาเชื่อฟัง และทำงานมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อฟาร์มที่ยิ่งใหญ่ และเวลาการทำงานที่มากขึ้น อาหารที่ได้รับปันส่วนน้อยลงเพราะต้องเก็บเอาไว้ให้ส่วนร่วม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใคร บัญญัติ 7 ประการเริ่มเปลี่ยนไป สัตว์ต้องไม่นอนบนเตียง ที่มีผ้าคลุม (เมื่อนโปเลียนเข้าไปนอนบนเตียงของโจนส์) สัตว์ต้องไม่ฆ่าสัตว์อื่น โดยไร้เหตุผล (เมื่อนโปเลียนสั่งให้หมากำจัดสัตว์อื่นที่คลางแคลงใจในตัวนโปเลียน หรือ มีความโน้มเอียงไปเชื่อความคิดเดิม ๆ ของสโนบอลล์จะถือว่าเป็นพวกสองขา และ เป็นพวกเอาเปรียบ) สัตว์ต้องไม่ดื่มเหล้า มากไป (เมื่อนโปเลียนดื่มเหล้าฉลอง หลังการชนะในการรบที่มนุษย์บุกเข้ามาเพื่อยึดฟาร์มสัตว์คืน) และมีคำพูดติดปากที่เพิ่มมากขึ้นให้ท่องจำ เช่น นโปเลียนถูกเสมอ หรือ ตามข้าแล้วพวกเจ้าจะไม่มีอันตรายเด็ดขาด หรือ นโปเลียนจงเจริญ ส่วนความเป็นอยู่ของพวกสัตว์กลับแย่ลง อาหารน้อยลง ที่นอนแห้งและแข็ง นโปเลียนกลับอ้วนขึ้น และมีความเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด มันเริ่มเดินสองขา ถือแส้ และมีธุรกิจกับมนุษย์บางคน คำขวัญเปลี่ยนไป คำขวัญใหม่มีว่า สีขาดี สองขาดีกว่า และจบลงที่ว่า สัตว์ทุกตัวเสมอภาคกัน แต่มีสัตว์บางตัวเสมอภาคมากกว่าสัตว์อื่น สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ไม่ว่า สโนบอลล์จะเป็นทรอตสกี หรือไม่ นโปเลียนจะเป็นใครในการเมืองของรัสเซีย แต่สโนบอลล์ นโปเลียน บ๊อกเซอร์ หมู หมา ลา แพะ ไก่ วัว มีอยู่ในทุกประเทศ เหล่าสัตว์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน และเชื่อฟังอย่างอดทน มีอยู่ทุกหนแห่ง และการปฏิวัติก็มีอยู่ในทุกสังคมด้วยเช่นกัน ตราบเท่าที่มนุษย์ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลสของอำนาจ ดูเหมือน หนังสือเล่มนี้จะบอกกับเราได้อย่างหนึ่งว่า ผู้นำ ทำอะไรก็ไม่ผิด...หรือ ผู้นำ ทำถูกเสมอ... จนกว่าจะมีผู้นำคนต่อไปที่จะถูกต้อง เช่นเดียวกันในแบบของเขาต่อไปอีก (จากฉบับแปลโดย วิเชียร อติชาตการ)
เริ่มต้นจากการกดขี่ของเจ้าของฟาร์ม à การใฝ่หาเสรีภาพของเหล่าสัตว์ àเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การต่อสู้ à แล้วการปฏิวัติก็เกิดขึ้น àผู้นำในการปกครองเริ่มใช้ระบบใหม่ปกครองฟาร์มà ผู้นำ สอง ตัว ขัดแย้งกัน à เกิดการปฏิวัติ กำจัดผู้นำที่ร่วมปฏิวัติกันมาà ผู้นำใหม่ ที่แข็งแกร่งกว่า เริ่มปกครองฟาร์ม à การกดขี่เกิดขึ้นอีกครั้ง และการกล่าวอ้าง "ไม่เชื่อผู้นำใหม่ การกดขี่จากเจ้าของฟาร์มจะกลับมา" à ผู้นำใหม่ กลับไป ร่วมทำธุรกิจ กับ เจ้าของฟาร์มอื่น à หลักการเดิมถูกบิดเบือนตามประโยชน์และอำนาจ ของผู้นำใหม่ซึ่งกลายเป็นเจ้าของฟาร์ม à เหล่าสัตว์ถูกกดขี่ à การใฝ่หาเสรีภาพของเหล่าสัตว์...ต่อไป
ฝากชื่อ ทักทายกันคะ
Create Date : 27 มีนาคม 2554 | | |
|
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 11:25:18 น. |
| |
Counter : 1968 Pageviews. |
| |
|
|