ขอให้ความสุนทรีย์และความสุขสงบจงมีแด่ท่านทั้งหลาย
Group Blog
 
All Blogs
 
งานสัปดาห์หนังสือมาแล้ว

มาถึงอีกแล้วสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติรู้สึกจะครั้งที่ 36 เปล่า(ถ้าผิดช้วยแก้ด้วยนะครับ) เปิดเป็นทางการวันที่ 27 มีนาคมนี้แล้วไปจนถึง 6 เมษายน เลย สำหรับผมช่วงเวลานี้ก็ถือเป็นสิ่งนึงที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีจนกลายเป็นเรื่องปกติ คือไปเลือกซื้อหนังสือทั้งออกใหม่ทั้งลดราคา แต่พูดถึงการจะไปแต่ละครั้งก็ต้องมีการวางแผนเตรียมร้างกายนิดนึงก็ดี เพราะจะได้เดินสบาย บูทไหนอยู่ตรงไหน จะไปบูทไหนบ้างดี เอารถไปหรือไม่เอาไป จะได้เดินอย่างมีความสุขหน่อยนะครับ

พอนึกถึงงานหนังสือก็อดคิดถึงผลวิจัยที่กลายเป็นประโยคเด็ดไม่ได้ว่า " คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละสองบรรทัด " แต่ปัจจุบันไม่รู้เปลี่ยนไปหรือยัง แต่ถ้ายังก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าคิดมากเลย เพราะการอ่านหนังสือถือเป็นสิ่งสำคัญและมีประโยชน์มากๆ (จากครั้งนึงเคยเป็นเรื่องโคตรห่างไกลตัวเลย ) การที่จะบอกว่าหนังสือสามารถเปลี่ยนชีวิตได้อาจจะดู over เกินสำหรับบางคน แต่สำหรับผมถือเป็นเรื่องไม่เกินเลย สำหรับบางคน(รวมถึงตัวเองในอดีต)อาจมองว่าเป็นเรื่องของคนบางจำพวกที่หลบไปอยู่ในโลกของความคิดความรู้สึกเท่านั้น

ปัจจุบันภาครัฐก็มีการรณรงค์ให้คนไทยอ่านหนังสือถึงขนาดให้อ่านอะไรก้ได้ เคยเห็นในโฆษณานะครับอิอิ บางครั้งมองวงการหนังสือดูก็ไม่ต่างกับวงการเพลง วงการหนัง แต่พูดถึงสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันก็ถือว่ามีการพัฒนาและดีขึ้น เปิดมากขึ้นในบางแง่มุม แต่สำหรับผมก็ยังรู้สึกเหมื่อนกับมันยังไม่เต็มที่มันเหมื่อนกับคนที่วิ้งๆหยุดๆเหมื่อนถูกดึงถูกฉุดยังไงบอกไม่ถูก อีกอย่างสิ่งเหล่านี้มักถูกมองว่ามันเป็นสือที่มีหน้าที่แค่ให้ความบันเทิงเป็นหลัก รวมถึงหนังสือก็เช่นกันยังดูเหมื่อนเป็นสือบันเทิงอีกชนิดนึงที่รองลงมาจาก TV วิทยุ จริงๆแล้วถ้าใส่สาระเพิ่มเข้าไปอีกนิดก็ดีไม่ได้หมายถึงต้องสาระจ้ามานั่งเครียด แต่ที่มันมีอยู่ก็น้อยไปจริงๆ " ใส่สาระคนก็ไม่เอา พอคนไม่เอาก้ไม่ใส่ " แต่อย่างว่ามิติเรื่องเงินทองก็สำคัญ แต่ยังไงก็ต้องมีบ้างและอีกอย่างยังไม่เคยเห็นใครทำกันจริงๆ แต่ปัจจุบันก็มีนะที่ทำแล้วคนก็รับก็มีให้เห็นอยู่แต่ก็ยังมีคนทำน้อยอยู่ดี

บางทีสังเกตุชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไม่ว่าจะเจอที่สนามบิน สถานีรถไฟ ก็มักจะเห็นคนพวกนี้มีหนังสือติดไม้ติดมือ เรียกว่าอ่านกันทุกที่ทุกเวลาแต่ก็ไม่ใช้ทั้งหมดนะแต่คือส่วนใหญ่ที่เห็น

กลับมาที่งานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้ไม่พลาดแน่นอนยังไงต้องเก็บเงินเอาไปซื้อหาหนังสือมาอ่านหน่อย เศรษฐกิจช่วงนี้ก็หนักหนาไม่รู้ว่าจะเล่นเอาสำนักพิมพ์ใหญ่น้อยบาทเจ็บกันแค่ไหน ราคาหนังสือก็แพงแบบคงสะท้อนออกมาจากต้นทุนจริงตามภาวะถือว่าน่าเห็นใจ สำหรับบูทที่ต้องไปแวบดูก็มีที่น่าสนใจ(ความชอบส่วนบุคคล) อย่าง มติชน, โกมล ,โอ้ พระเจ้า , ส่วนเงิน , open , เคล็ดไทย , สามัญชน , วิถีทรรศน์ ก็ประมาณนี้ถ้าคนน้อยก็เดินมันให้หมดไปเลย


Create Date : 22 มีนาคม 2551
Last Update : 22 มีนาคม 2551 0:31:40 น. 7 comments
Counter : 370 Pageviews.

 
หง่า ช่วงงานสัปดาห์หนังสือ เป็นช่วงที่เงินน้อยพอดี โดยเจ็บปวด อาศัยอ่านของปีก่อนที่ซื้อมาเกือบ 30 เล่ม แต่ยังอ่านไม่หมด เหอๆๆๆ


โดย: ตุ๊กตาไล่ฝนจากดวงตา วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:8:31:29 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:11:32:14 น.  

 
ปีนี้ต้องไม่ซื้อๆๆ
ของเก่ายังอ่านไม่จบหลายเล่มเลยค่ะ
แต่ก็จะไปงานหล่ะ (แล้วจะไม่ซื้อได้ไงล่ะเนี่ย?)


โดย: None of it วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:12:17:10 น.  

 
อยากได้หลายเรื่องเลยค่ะ และคิดว่าจะไปหาเอาในงานสัปดาห์หนังสือ แต่ถ้าหากว่าราคามันแพงเพราะต้นทุนมันสูงขึ้น ก็คงต้องคิดหน้าคิดหลังเรียงลำดับเรื่องที่อยากได้มากที่สุดไปถึงน้อยที่สุด แล้วค่อยทยอยซื้อเอาค่ะ ตั้งงบฯไว้แล้ว ของเก่าที่ได้มาก็ยังเหลือค่ะที่ยังไม่ได้อ่านประมาณสิบกว่าเรื่อง


โดย: Chulapinan วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:16:09:15 น.  

 
มีงบเท่าเดิมค่ะ.. แล้วก็คงไปเดินดูก่อน ไม่รู้ปีนี้จะได้ซื้อโรม้านซ์ไหม?


โดย: coffee princess (Shuhan^_^ ) วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:17:08:09 น.  

 
ยังไงก็ไปค่ะ

แต่เนื่องจากยังอ่านของเดิมไม่จบ

จขบ.เลยกำหนดงบไว้แค่ 3000


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:10:00:26 น.  

 
คนเยอะมากๆเสาร์กับอาทิตย์ ถ้าไปวันธรรมดาก็ดีหน่อยเป็นยังไงบ้างได้หนังสือถุกใจกลับมาเยอะมั้ย


โดย: LampOfGod วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:0:06:58 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

LampOfGod
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add LampOfGod's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.