ขอให้ความสุนทรีย์และความสุขสงบจงมีแด่ท่านทั้งหลาย
Group Blog
 
All Blogs
 
สนทนากับพระเจ้า

สำหรับหนังสือเล่มนี้ส่วนตัวอ่านแล้วดีมาก แต่อธิบายยากแถมต้องมีใจเปิดกว้างมากๆ เลยเอาบทความนี้มาให้อ่านกันนำมาจาก กรุงเทพธุรกิจ จุดประกายวรรณกรรมลองอ่านดูเพลินๆนะครับ

พรานอักษร


Conversations with God

พระเจ้าตายแล้ว...ฟื้น?

ลมฝน

ในยุคนี้สำนักพิมพ์น้อยใหญ่ต่างลุกขึ้นมาทำหนังสือแนว 'ธรรมะ-จิตวิญญาณ' กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยเป็นที่ต้องการของตลาดในยุคที่ผู้คนต่างสับสนและเสาะหาคำตอบของชีวิต หลายเล่มได้รับความนิยมจนทำให้สำนักพิมพ์จำนวนไม่น้อยรับทรัพย์ไปตามๆ กัน

ท่ามกลางปรากฏการณ์ขาขึ้นนี้ เมื่อปลายปี 2549 มีหนังสือชื่อประหลาดเล่มหนึ่งออกวางขายในตลาดบ้านเรามีชื่อว่า สนทนากับพระเจ้า เล่ม 1 แปลจากต้นฉบับเรื่อง 'Conversations with God : An Uncommon Dialogue' ซึ่งเป็นหนังสือแนวจิตวิญญาณที่ขายดีที่สุดในโลกในรอบทศวรรษที่ผ่านมา แปลไปแล้วเกือบ 50 ภาษา และเพิ่งถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเรื่องเดียวกัน ว่ากันว่าหนังสือชุดนี้คือ 'มหากาพย์แห่งจิตวิญญาณ' ของโลกหนังสือเลยทีเดียว และฉบับภาษาไทยก็สร้างความฮือฮาในหมู่ปัญญาชนและผู้ใฝ่ธรรมในสังคมไทยได้ไม่น้อย

หลายคนถึงกับบอกว่า...นี่คือหนึ่งหนังสือด้านจิตวิญญาณที่มีเนื้อหาโดดเด่นที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เป็นหนังสือที่ทำลายกรอบกำแพงความคิดและความเชื่อเดิมๆ ของผู้อ่านจนหมดสิ้น บางคนกล่าวว่าเนื้อหามีความละม้ายคล้ายกับพุทธแนวมหายานและตันตระมากอย่างน่าทึ่ง

ส่วนบางคนบอกว่า...นี่คือการตีความคัมภีร์คริสต์ศาสนาใหม่ทั้งหมด แต่กับอีกหลายคนบอกว่ามันคือหนังสือข้ามพ้นวิธีคิดแบบศาสนาไปแล้ว ทั้งยังประสานคำอธิบายทางจิตวิญญาณเข้าเป็นเนื้อเดียวกับมิติทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าอัศจรรย์!

ตกลงมันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไรกันแน่

สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2 เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่ไขปริศนาเหล่านั้น โดยเล่มนี้ก็ได้นักแปลหนุ่มรุ่นใหม่ อัฐพงศ์ เพลินพฤกษา (บรรณาธิการแปล สนทนากับพระเจ้า เล่ม 1) ซึ่งเขาบอกว่าตัวเองนับถือศาสนาพุทธและไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แถมยังแปลหนังสือเล่มนี้ด้วยความแค้นที่มีต่อโลก! (อีกต่างหาก)

"ผมเกลียดโลกใบนี้ ไม่ชอบเลย โลกบ้าๆ ที่สร้างแต่ความทุกข์ความเจ็บช้ำให้กับผู้คน ผมอยากตอบโต้โลก ที่ผ่านมาผมมักตอบโต้ด้วยการทำร้ายคนอื่นหรือไม่ก็ทำลายตัวเอง ใช้ความเกลียดชังเพื่อตอบโต้ความเกลียดชัง แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้เลยเกิดแรงบันดาลใจมากจนรู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชังเพื่อตอบสนองความเกลียดชังก็ได้ การได้มาทำและได้แปลหนังสือชุดนี้ถือเป็นวิธีที่ผมเลือกตอบโต้โลกด้วยความรัก แทนที่จะเป็นความเกลียดชังเหมือนที่เคยเป็นมา" อัฐพงศ์ เผยที่มาที่ไปของหนังสือชุดนี้ในภาคภาษาไทย

พร้อมกับขยายความต่อว่า "ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนเขียนคุยกับพระเจ้าจริงหรือเปล่า ผมว่าประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ความน่าสนใจของหนังสือชุดนี้อยู่ที่ตัวเนื้อหามากกว่า มันลึกซึ้งและเป็นสากลมาก ลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาสนาเลย ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าแบบที่คนทั่วไปเข้าใจด้วย ไม่ได้เป็นหนังสือศาสนา (religion) แต่เป็นหนังสือจิตวิญญาณ (spirituality) ไม่รู้จะนิยามหนังสือเล่มนี้อย่างไรเหมือนกัน"

ประเด็นนี้ Jess Peter Koffman ชาวแคนาดาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ฟังในวันนั้น และเป็นผู้แปลหนังสือท่านพุทธทาสเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ 'Practical Buddhism : The legacy of Buddhadasa Bhikkhu' ได้ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือชุดนี้ไปในทางเดียวกันว่า "เป็นหนังสือที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสัจธรรมสูงสุดนั้นเป็นหนึ่งเดียว เนื้อหามีความลึกซึ้งเกินกว่าจะผูกติดอยู่กับศาสนาใดได้ เป็นหนังสือที่ดีมากๆ และก็ดังมากๆ ด้วย อยากให้ทุกคนได้อ่าน"

อัฐพงศ์ บอกอีกว่า แม้หนังสือชุดนี้จะดังแบบถล่มทลายในโลกตะวันตก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์หนังสือชุดนี้เพื่อนำมาแปลเป็นภาษาไทยแน่นอน "เราไม่ได้ทำเพราะเห็นว่ามันดัง แต่เพราะเห็นว่ามันดี" ทั้งยังสารภาพว่าแท้จริงแล้วการทำหนังสือชื่อ สนทนากับพระเจ้า ในสังคมไทยนั้น โอกาสขาดทุนค่อนข้างสูง ด้วยเหตุผลหลักๆ คือสำหรับชาวพุทธแค่เห็นคำว่า 'พระเจ้า' ก็ไม่คิดจะหยิบแล้ว

ผู้นับถือ 'พระเจ้า' ตามแบบศาสนาก็จะรับไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าเป็นการบิดเบือนอย่างรุนแรง ถึงอย่างนั้นเขาคิดว่าหนังสือชุดนี้มีคุณค่าเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปได้ "แม้ว่าหลายคนจะออกมาประณามหนังสือชุดนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าหลายชีวิตจะได้ประโยชน์จากการที่หนังสือชุดนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย แม้ว่าอาจไม่ได้เป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคม"

นอกจากนี้ 'สนทนากับพระเจ้า' ยังได้รับการจัดอันดับจากสถาบัน International Institute of Management (IIM) ให้เป็นหนึ่งในหนังสือติดอันดับสูงสุดในหมวด World's Most Respected Spiritual Books : A Global Survey เคียงคู่กับกับคัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง (เล่าจื๊อ), The Prophet : ปรัชญาชีวิต (คาลิล ยิบราน), Jonathan Livingston Seagull : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน, นางนวล (ริชาร์ด บาค), Siddhartha : สิทธารถะ (เฮอมาน เฮสเส), The Art of Happiness : ศิลปะแห่งความสุข (ทะไล ลามะ), Peace Is Every Step : สันติภาพทุกย่างก้าว (ติช นัช ฮันห์), The Alchemist : ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน (เปาโล โคเอลโย) ฯลฯ ที่นักอ่านชาวไทยรู้จักกันดีอีกด้วย

หลายคนสงสัยว่าถ้านิทซ์เช่ยังมีชีวิตอยู่ และได้อ่านหนังสือชุดนี้ เขายังจะยืนยันประกาศว่า 'พระเจ้าตายแล้ว!' อยู่อีกหรือไม่ 0

------------------------------------------


'สนทนากับพระเจ้า' ต่างมุมมอง

1.ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล

"ในแต่ละบรรทัดของหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปคิดต่อได้อีกเป็นเดือนเป็นปี...หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ให้คำตอบกับจิตวิญญาณ...ทำให้ผมเข้าใจเพิ่มเติมขึ้นเยอะเลยในแง่ของมุมมองที่มีต่อชีวิต"

2.ดร.ประพนธ์ ผาสุกยืด

"ช่างเป็นบทสนทนาที่สื่อตรงเข้าไปในใจได้อย่างชัดเจนจริงๆ เป็นการสื่อสารที่ให้ทั้งความเบิกบานและสร้างการตื่นรู้ เป็นการผสมผสานมิติทางวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณได้อย่างอัศจรรย์ใจ"

3.ดร.สุวินัย ภรณวลัย

"ไม่ว่า God ในหนังสือเล่มนี้จะมีอยู่จริงหรือแค่เป็นจินตนาการของผู้เขียนก็ตาม แต่นั่นหาใช่สิ่งสำคัญแต่อย่างใดเลย เพราะ God ในหนังสือเล่มนี้ คือกัลยาณมิตรที่ทรงภูมิปัญญาที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผู้อ่านจะพานพบได้ในชีวิตนี้…เท่าที่ผ่านมามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ชีวิตของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปภายหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้"




Create Date : 23 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มีนาคม 2551 22:35:30 น. 0 comments
Counter : 1151 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

LampOfGod
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add LampOfGod's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.