กรีนพีซดำรงอยู่เพราะโลกอันบอบบางใบนี้สมควรมีผู้ปกป้อง โลกต้องมีวิธีแก้ปัญหา ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการลงมือทำ
 
ฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ปกคลุมกรุงเทพฯ มาจากไหนได้อีก : มลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน ?



บทความ โดย ธารา บัวคำศรี

คุณภาพอากาศในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้กลับมาเป็นวิกฤตอีกครั้งหนึ่งในช่วงวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ความเข้มข้นของ PM2.5 ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่บางนา(05t) และเขตวังทองหลาง (61t) มีค่าเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบากศ์เมตร มาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2561 ซึ่งดัชนีคุณภาพอากาศ PM2.5 ที่คำนวณโดยใช้โดยการใช้ค่า PM2.5 จากการประมาณค่าด้วยแบบจำลองเทียบกับเกณฑ์ AQI breakpoints ตามมาตรฐานของ US Environmental Protection Agency (เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์ PM2.5 AQI breakpoints) ณ เวลา 11.00 นาฬิกา อยู่ที่ 180 ซึ่งเป็นสีแดงที่เตือนถึงระดับมลพิษทางอากาศ มีอันตรายต่อสุขภาพ

กราฟแสดงความเข้มข้นรายชั่วโมงของ PM2.5 ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่บางนา(05t) ระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2561 ที่มา : https://aqmthai.com/public_report.php

กราฟแสดงความเข้มข้นรายชั่วโมงของ PM2.5 ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่เขตวังทองหลาง(61t) ระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2561 ที่มา : https://aqmthai.com/public_report.php

คำถามคือ ในเมื่อมวลอากาศเย็นซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีมากขึ้นในกรุงเทพฯ หมดไป ระดับของดัชนีคุณภาพอากาศกลับมาอยู่ที่ระดับปานกลางและ/หรือระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรกลุ่มเสี่ยงในบางช่วงบางเวลา ทำไม พื้นที่กรุงเทพฯ จึงต้องเผชิญกับวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกหลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน

นอกเหนือจากแหล่งกำเนิดหลักของฝุ่นพิษ PM2.5 ที่มาจากรถยนต์หลายล้านคันบนถนนของกรุงเทพฯ แล้ว คำตอบก็คือ “มลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน”

จากปริมาณจุดความร้อนบันทึกภาพโดยดาวเทียม และทิศทางลม ของวันที่ 11 มีนาคม 2561 แสดงให้เห็นว่า มีกระแสลมที่ได้รับอิทธิพลของมรสุมจากทะเลจีนใต้พัดเข้ามา ทำให้กรุงเทพฯ และหลายส่วนของภาคกลางได้รับผลกระทบจากหมอกควันรุนแรงขึ้นในวันที่ 12 มีนาคม 2561 อันเนื่องมาจากฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่ง PM2.5 สามารถแขวนลอยในอากาศได้นานและเคลื่อนตัวได้ไกล แม้ว่า กรุงเทพฯ และภาคกลางจะเป็นที่ราบ แต่การที่กรุงเทพฯ มีลมสงบในช่วงเวลากลางวันอยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 1 เมตร/วินาที และอากาศมีความชื้นพอสมควร ทำให้เกิดการสะสมตัวของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ และฝุ่นละอองขนาดเล็กใหม่ที่ถูกพัดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา ลาว และพม่า จึงทำให้ค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ 

ตามสมมุติฐานข้างต้นสอดคล้องกับข้อมูลจาก Earth Observatory ขององค์การนาซา พบว่า ในช่วงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 จนถึงปัจจุบัน มีจุดเกิดไฟเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกัมพูชากว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบ เครื่องมือ VIIRS บนดาวเทียมของนาซาตรวจจับจุดความร้อนทั้งหมด 1,868 จุดในกัมพูชา 185 จุดในลาว 77 จุดในเมียนมาร์ 217 จุดในไทย และ 144 ในเวียดนาม  ดังภาพด้านล่าง

ที่มา : https://earthobservatory.nasa.gov/IOTD/view.php?id=91771&eo

อาจกล่าวได้ว่าคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ที่เข้าขั้นวิกฤตมีส่วนสัมพันธ์อย่างยิ่งกับ “ปรากฎการณ์หมอกควันพิษข้ามพรมแดนในอาเซียน(ASEAN Transboundary Haze Pollution) จำเป็นต้องมีความร่วมมือในระดับอาเซียนเพื่อต่อกรกับปัญหา

รัฐบาลไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้เห็นร่วมกันในวิสัยทัศน์ภูมิภาคอาเซียนปลอดหมอกควันภายในปี 2563 (Haze-free ASEAN by 2020) เหลือเวลาอีกไม่นานและมีความท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผล

ธารา บัวคำศรี - เป็นผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/pm25/blog/61248


ติดตามกรีนพีซเพิ่มเติมที่




Create Date : 15 มีนาคม 2561
Last Update : 15 มีนาคม 2561 9:47:27 น. 0 comments
Counter : 618 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

greenpeacethailand
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ในพ.ศ.2514 กลุ่มนักกิจกรรมกลุ่มเล็กๆ จากเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์แห่งโลกสีเขียวและมีสันติสุข ได้แล่นเรือหาปลาเก่าๆ ออกจากแวนคูเวอร์ แคนาดา นักกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกรีนพีซ เชื่อว่าบุคคลไม่กี่คนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

ภาระกิจของพวกเขาคือการ "เป็นประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ" ของการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินที่เกาะอัมชิตกา ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งตะวันตกของรัฐอลาสก้า ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

อัมชิตกาเป็นสถานหลบภัยของนากทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 3,000 ตัว และเป็นบ้านของนกอินทรีย์หัวล้าน เหยี่ยวต่างถิ่น และ สัตว์ป่าอื่นๆ มากมาย

ถึงแม้ว่าเรือเก่าๆ ของพวกเขา คือ ฟิลลิส คอร์แมก ถูกขัดขวางก่อนที่จะไปถึงอัมชิตกา แต่การเดินทางครั้งนี้จุดประกายเล็กน้อยให้แก่ความสนใจของสาธารณชน

สหรัฐอเมริกายังคงจุดระเบิดอย่างหนักหน่วง แต่เสียงเพรียกแห่งเหตุผลมีผู้ได้ยินแล้ว การทดลองนิวเคลียร์บนเกาะอัมชิตกาได้สิ้นสุดลงในปีเดียวกัน และเกาะแห่งนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นสถานหลบภัยของนกทั้งหลาย

ปัจจุบัน กรีนพีซเป็นองค์กรนานาชาติที่ให้ความสำคัญแก่การรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก


คุณพร้อมที่จะร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือยัง?
มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ตอนนี้!


หลายคนอาจจะคิดว่าการดูแลรักษาโลกเป็นเรื่องยาก แค่ลำพังเราอาจทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่เพียงสองมือเล็กๆของเราก็สามารถทำเพื่อโลกได้มากมาย อ่านต่อ

ติดตามกรีนพีซเพ่ิมเติมได้ที่:

Facebook | Twitter | Instagram | YouTube
[Add greenpeacethailand's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com