นิดหนึ่งนี้อุทิศแด่ชาวนา ผู้ต่ำต้อยน้อยหน้าเหลือแสน ลำบากยากจนข้นแค้น ไป่แม้นชาวฟ้ามหานคร โดย อ. ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ

ลีลาวดี กับวิธีแก้ราสนิม

ต้น "ลีลาวดี" พอถูกเปลี่ยนชื่อจาก "ลั่นทม" ก็เกิดความนิยมชมชอบอย่างแพร่หลาย มีการนำไปปลูกประดับตกแต่งตามอาคารบ้านเรือนมากมายหลายสายพันธุ์ซึ่งในอดีตจะพบเห็นได้เฉพาะตามวัดวาอารามและสถานที่ราชการเท่านั้น เนื่องด้วยแต่ก่อนมีชื่อที่ฟังดูไม่ค่อยเป็นมงคลมากนักจึงไม่เป็นที่นิยมปลูก หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่เหตุการณ์ผันไปได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับตามที่เราได้รับรู้รับทราบในปัจจุบัน ต้นลีลาวดีนี้มีหลากหลายชื่อและเชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศลาว มีทั้งชื่อ ลั่นทม, ลีลาวดี, จำปา,  จำปาลาวและจำปาขอม

ที่มีชื่อจำปาขอมด้วยก็เพราะมีตำนานที่ไปเกี่ยวข้องกับประเทศเขมร  ซึ่งในอดีตคนไทยเราไปตีเขมร เมืองนครธมและได้นำต้นไม้ชนิดนี้กลับมาด้วยและตั้งชื่อเป็นที่ระลึก "ลั่นทม"สือความหมายว่าไปตีเมืองนครธม (ลั่น" แปลว่า ตี เช่น ลั่นฆ้อง ลั่นกลอง "ธม" หมายถึง "นครธม" ภายหลัง "ลั่นธม" เพี้ยนเป็น "ลั่นทม") รายละเอียดเพิ่มเติมอีกมากมายท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปค้นคว้าหาอ่านได้ที่ วิกิพิเดียกันเอาเองนะครับ

ต้นลีลาวดีนั้นปัญหาที่พบบ่อยคือเรื่องราสนิมมักเกิดขึ้นที่ใบ มีลักษณะเป็นสีเหลืองออกสนิมเป็นปุยผงละเอียด สามารถล่องลอยไปกับสายลมโดยง่ายเมื่อพบเห็นเพียงเล็กน้อย ควรรีบเด็ดใบกิ่งก้านนั้นทิ้งโดยเร็ว มิฉะนั้นจะลุกลามระบาดได้ง่ายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ฝุ่นผงละเอียดสีเหลืองที่อยู่เกาะอยู่ที่ผิวใบเป็นหย่อมๆนั้น แท้จริงแล้วคือสปอร์ที่มีเจริญเติบโตของเชื้อราชนิดนั้นหลายวงจรหลายรอบตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ในระยะนี้จะรักษายากเพราะสปอร์จะทนทานต่อสภาวะอากาศที่ปรวนแปรและสารเคมีที่นำมาทำลาย ไม่อ่อนแอเหมือนระยะที่แบ่งตัวออกมาเป็นเซลล์และระบาดทำลายใบพืชหรือลีลาวดี

การป้องกันควรใช้ ฟังก์กัสเคลียร์ (ผงจุลสี, ซิลิสิค แอซิด, ทองแดง,แมงกานีส, แคลเซียม) 2 กรัม ร่วมกับ แซนโธไนท์ (สารสกัดจากเปลือกมังคุด สามารถทำได้เองดังสูตรที่เผยแพร่ไว้ในบทความก่อน) ในอัตรา 2 ซี.ซี.  ต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทุกครั้งหลังฝนตกหรือเริ่มพบว่ามีการระบาดจะช่วยในเรื่องการยับยั้งและทำลายเชื้อราและแบคทีเรียอย่างน้อยฉีดในช่วงแรกๆสักสองสามครั้ง โดยจะเน้นไปที่การทำลายสปอร์ซึ่งเป็นสาเหตุเริ่มต้นทำให้เกิดการระบาดไปยังส่วนอื่นๆได้ง่าย หลังจากนั้นจึงค่อยใช้ ไตรโคเดอร์ม่าชนิดละเอียด หรือบีเอสพลายแก้ว มาทำหน้าที่รักษาและป้องกันอาการของโรคนี้อีกครั้งหนึ่งในลำดับถัดไปในบริเวณที่เกิดโรคและเป็นช่วงของระยะเซลล์ที่กำลังแบ่งตัวลุกลามทำลาย เพราะเชื้อราสนิมนี้การดูแลรักษาทำได้ค่อนข้างยาก พอๆกับที่เราพบในแตงกวาและถั่วฝักยาว อย่างไรตระกูลพืชผักก็ยังยากกว่าเพราะมีอายุการเก็บเกี่ยวที่สั้น

มนตรี  บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ //www.thaigreenagro.com




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2555   
Last Update : 22 มิถุนายน 2555 7:29:07 น.   
Counter : 5111 Pageviews.  

กุหลาบใบใส ดอกสวยด้วยการให้สารอาหารครบถ้วน

ไม้ดอกที่จัดว่าสวยในระดับขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไม้ดอกทั้งปวง อีกทัั้งยังเป็นที่โปรดปรานนักหนาของบรรดาอิสตรีโดยทั่วไป ไม่เว้นแม้เด็กหรือผู้ใหญ่ต่างใส่ใจให้ความสำคัญ กลีบดอกสีแดงสดริ้วระเรื่อย้วยเยิ้มพริ้มพรายดึงดูดให้ผู้คนขวนขวายซื้อหาไปสะสมเก็บตุนไว้เชยชม...สิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่นี้คืดกุหลาบนั่นเองครับ พืชที่อ่อนแอบอบบางแฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนชวนให้หลงไหลน่าติดตาม ยามใดที่อดใจไม่ไหวเผลอไผลซื้อหา เพียงเพื่อปรารถนาชื่นชมความสวยงามเพียงชั่วครู่ชั่วยามพอนานไปทั้งดอกใบไม่งามดังวันวานที่ซื้อมาน่าแปลกใจไหมครับ

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความทะนุถนอมประคบประหงมเอาใจใส่ดูแลของพ่อค้ากล้าไม้ที่ใส่ใจเพาะเลี้ยงกุหลาบจนสวยงามได้ที่พอดีกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมา ความรู้และประสบการณ์ของผู้เพาะเลี้ยงบำรุงด้วยสารอาหารมาอย่างดี ยาวนานด้วยความเป็นมืออาชีพจึงทำให้กุหลาบดูสวยงามน่าชมเชยน่าซื้อหาอยู่ตลอดเวลา  แต่กุหลาบไช่ว่าจะสวยงามอยู่กับเราได้ตลอดไปเพราะเป็นพืชที่ต้องการการดูแลบำรุงรักษาเอาใจใส่ค่อนข้างมาก  ยิ่งผู้ซื้อที่ขาดการเอาใจใส่ดูแลไม่ต้องพูดถึงกุหลาบที่สวยงามจะอยู่กับท่านไม่นานเผลอแป๊ปเดียวดอกหายกลายเป็นใบที่ห่อเหี่ยวร่วงโรย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะสารอาหารที่ถูกฉีดอัดยัดเยียดอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้กุหลาบดูสวยงามต่อเนื่องยาวนานได้ถูกใช้ให้ลดหมดไปตามกาลเวลา บ้างก็ผ่านกรรมวิธีกระตุ้นบังคับด้วยสารต่างๆมากมายหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสารพาโครบิวทราโซน, โพแทสเซียมคลอเรท และไทโอคาร์บาเมท ที่ช่วยกันเร่งเร้าให้กุหลาบเกิดดอกออกผลได้ดังใจทันต่อความต้องการของตลาด เมื่อฤทธิ์เดชของของสารเหล่านี้หมดลงก็เปรียบเหมือนช้างที่ถูกใช้แรงงานอย่างหนักโดยแอบให้มันกินยาบ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อหมดฤทธิ์มันจะผอมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าไม่นานก็คงจะตาย 

ต้นกุหลาบก็เหมือนกันหลังจากที่ซื้อมาแล้วระยะหนึ่งเราจะต้องเติมอาหารหมั่นดูแลดิน ควรให้กินอาหารครบห้าหมู่ของพืช ฟังดูอาจจะงงเล็กน้อยว่าเอ..พืชเขากินอาหารเหมือนคนด้วยหรือ..ไม่ใช่นะครับ เพียงพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ห้าหมู่ของพืชคือต้องให้อาหารครบทั้งธาตุหลัก (ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม), ธาตุรอง (แคลเซียม, แมกนีเซียม,กำมะถัน), ธาตุเสริม(เหล็ก, ทองแดง, แมงกานีส, สังกะสี, โบรอน, นิกเกิลและโมลิบดินั่ม)และจะให้สีสันสดใสและแข็งแรงยิ่งขึ้นควรเติมพวกธาตุพิเศษ(ไคโตซาน, ซิลิก้าหรือหินแร่ภูเขาไฟ) ธาตุอาหารเหล่านี้จัดอยู่ในระดับพิเศษ(พิเศษไม่ได้หมายถึงวิเศษมหรรศจรรย์นะครับ แต่เป็นธาตุอาหารที่ได้รับการยอมรับในเชิงวิทยาศาสตร์และเราอาจจะได้ยินได้ฟังกันมาไม่นานเพียงสิบกว่าปีมานี้เอง) โดยพืชจะมีหรือไม่มีก็ได้ไม่มีผลต่อการเจริญเติบแต่ถ้ามีจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงสร้างภูมิต้านทานและกระตุ้นการเจริญเติบโตได้ดีเพิ่มขึ้น ถ้าราคาไม่สูงเกินไปเพียงปิ๊ปละบาทสองบาทก็ควรเสริมเข้าไป 

ไม่ควรใส่ปุ๋ยให้กุหลาบแต่ธาตุอาหารหลักเพียงอย่างเดียว เช่นปุ๋ยสูตร 46-0-0, 15-15-15, 16-16-16, 25-7-7 ฯลฯ เพราะอาจไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและทำให้กุหลาบอ่อนแอและไม่พร้อมต่อการออกดอก ทำให้กุหลาบของเรามีดอกเพียงช่วงแรกที่เราซื้อมาหลังจากนั้นก็เหลือแต่ต้นกับใบให้ชื่นชมอย่างยาวนาน บางคนเข้าใจผิดคิดว่าการปลูกคือการเติมปุ๋ยที่ซื้อจากท้องตลาดมาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ ความจริงไม่ใช่นะครับยังมีองค์ประกอบและรายละเอียดต่างๆอีกมากมายที่ต้องหมั่นศึกษาเอาใจใส่โดยเฉพาะกับผู้ที่รักต้นไม้จริงๆ แต่ถ้าซื้อมาแบบปลูกๆเปลี่ยนๆก็ไม่ต้อง ผู้ปลูกกุหลาบควรหมั่นปรับปรุงพรวนดินให้ร่วยซุยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รากได้รับอ๊อกซิเจนอย่างเพียงพอ ระบายถ่ายเทน้ำได้ดี เพราะดินกระถางเมื่อเรารดน้ำไปเรื่อยๆน้ำจะพัดพาเอาอินทรีย์วัตถุออกไปทุกครั้ง ทำให้โครงสร้างดินเสื่อมสภาพแน่นแข็ง ค่าพีเอช ค่าอีซี ของดินลดลงดินจะเริ่มเป็นกรด ทำให้ดินบล็อคปุ๋ยพืชดูดกินได้ยากลำบากสิ้นเปลืองต้นทุนและแรงงาน

มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ //www.thaigreenagro.com




 

Create Date : 31 มกราคม 2555   
Last Update : 31 มกราคม 2555 6:22:58 น.   
Counter : 1189 Pageviews.  

วิธีแก้ปัญหาเชื้อราในกล้วยไม้

กล้วยไม้ จัดเป็นพืชที่ดูแลรักษาค่อนข้างยากเพราะบอบบาง อ่อนแอ ไม่ทนทานต่อโรคและแมลงสักเท่าไร ดังนั้นผู้ที่จะปลูกจะต้องเป็นผู้ที่มีใจรักในพืชชนิดนี้อยู่พอสมควรเลยนะครับ เพราะจะต้องมีความทรหดอดทนในการเอาใจใส่ในการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้กล้วยไม้ที่มีความสวยสดงดงาม และทำให้สภาพต้นมีความอุดมสมบูรณ์และเกลี้ยงเกลาสะอาดตาเป็นที่เจริญหูเจริญตาของคนที่ผ่านมาผ่านไป และที่สำคัญจะต้องทำให้มีดอกออกมาให้ได้ชื่นชมด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ถูกหนอน โรคและแมลงเข้าทำลายจนเสียหายยับเยินไม่ผลิดอกออกผลดูแล้วไม่งามตา จะอวดเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้านบ้างก็ไม่ได้ เพราะไม่น่าจะมีความภูมิใจสักเท่าไรถ้ากล้วยไม้ที่เลี้ยงไว้แครแกร็นใบแหว่งเว้าดูแล้วไม่สวยงามและสมบูรณ์

ปัญหาที่นักเพาะกล้วยไม้ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพที่พบกันส่วนมากและเป็นเรื่องที่เราจะนำมาพูดคุยกันในที่นี้ก็คือเรื่องของเชื้อราต่าง ๆที่เข้ามารบกวนกล้วยไม้ เ ช่น โรคใบจุด ใบไหม้ ใบด่าง และอื่นๆ อีกมากมาย ต้นเหตุของปัญหานี้มีสาเหตุมาจากเชื้อราเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลักษณะอาการของโรคและบาดแผลที่พบก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ของเชื้อราที่เข้าทำลาย แต่ถ้ามองในสภาพโดยรวมก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไร

วิธีการดูแลรักษามิให้เชื้อราเข้าทำลายกล้วยไม้ของเราได้อย่างง่ายดายก็โดยการใช้ภูไมท์ซัลเฟต 3 ขีด ผสมน้ำ 20 ลิตรทำการราดรดไปที่รากและต้นของกล้วยไม้อยู่เสมอจะทำให้กล้วยไม้ได้รับซิลิก้าจากภูไมท์ซัลเฟต และสมสมไว้ที่ผนังเซลล์เพิ่มขึ้นอยู่เสมอจนมีความแข็งแกร่งเพียงพอต่อการเข้าทำลายของเชื้อรา และควรใช้ ไคโตซานMt 5 ซี.ซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร หรืออาจจะผสมพร้อมไปกับปุ๋ยที่ฉีดพ่นกล้วยไม้อยู่แล้วก็ได้ จะทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อราได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในกรณีที่มีเชื้อราได้เขาทำลายเซลล์และเนื้อเยื้อของกล้วยไม้แล้วเราก็จะสามารถที่จะใช้ ฟังก์กัสเคลียร์ 2 กรัม ร่วมกับ แซนโธไนท์ 2 ซี.ซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น 3 – 7 วันครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาด ถ้ามีความเสียหายมากก็ให้ทำการฉีดพ่น 3 วันครั้ง แต่ถ้าต้องการฉีดพ่นเพื่อล้างใบหรือทำลายสปอร์ปรกติก็ให้ฉีดพ่น 7 วันครั้ง ในกรณีที่ใช้แล้วยังมีเชื้อราที่ทำลายหลงเหลืออยู่สามารถนำ จุลินทรีย์ บีเอสพลายแก้ว 5 กรัมหมักกับน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล หรือ นมยูเฮชที รสหวาน 1 กล่อง หมักทิ้งไว้ 24 และไม่เกิน 48 ชั่วโมง แล้วนำมาผสมกับน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่น ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อการป้องกันและกำจัดเชื้อราในกล้วยไม้ได้อย่างดียิ่ง


มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (www.thaigreenagro.com)




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552   
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 17:26:52 น.   
Counter : 2045 Pageviews.  

ปลูก “หน้าวัว” ปลอดสารพิษที่อำเภอปากช่อง

อำเภอปากช่อง จัดเป็นอีกพื้นที่หนึ่งของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่สดชื่น เย็นสบาย เป็นที่ต้องการของผู้ที่อยู่ในวัยหลังเกษียนมาจับจองซื้อไว้เป็นสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจกันเป็นจำนวนมาก หรือไม่ก็อีกพวกหนึ่งที่ต้องการมาเพื่อหลบหลีกจากปัญหามลภาวะในเมืองหลวงซึ่งมีแต่หมอกควันจากไอเสียรถยนต์ กลิ่นของน้ำที่เน่าเสีย และมลพิษต่างๆ อีกมากมาย ที่มักจะไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้รับความสดชื่น แจ่มใส แข็งแรงและปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บใด ๆ ได้เลย มีแต่จะซ้ำเติมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น




เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศที่ค่อนดีข้างเย็นสบาย จึงมีเกษตรกรที่ตั้งใจทำสวนองุ่น ปลูกข้าวโพด ข้าวบาเล่ย์ ไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ กันอยู่เป็นจำนวนมาก และโดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับที่มีชื่อว่า หน้าวัว ( Anthurium) ซึ่งจัดเป็นพันธุ์ไม้ตัดดอกที่อยู่ในตระกูล Araceae แม้ว่าในปัจจุบันมักจะไม่ค่อยโด่งดังเหมือนดังแต่ก่อน แต่ก็ยังเป็นที่นิยมกันอยู่ตลอดกาลสำหรับผู้ที่นิยมชมชอบ และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอมา เพราะสามารถที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศได้


คุณธนา โปรเทียรณ์ อยู่ที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 7 ตำบล พญาเย็น อำเภอ ปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา โทร. 08-365-7792 ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่นิยมชมชอบ “หน้าวัว” เป็นชีวิตจิตใจ และได้พัฒนาปรับปรุงวิธีการดูแลรักษาจนมาเป็นระบบปลอดสารพิษ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง โดยจะใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ เช่น ภูไมท์, ภูไมท์ซัลเฟต เป็นวัตถุดิบผสมร่วมกับวัสดุปลูก และใช้ ไคโตซาน Mt ช่วยในเรื่องการบำรุงเร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อรา ส่วนปัญหาในเรื่องของเชื้อราทางใบและดอก คุณธนา จะนิยมชมชอบใช้ ไตรโคเดอร์ม่า ในการช่วยป้องกันรักษาเชื้อราทางใบเป็นพิเศษ โดยวิธีการฉีดพ่น เพราะปรกติแล้วนักวิชาการจากชมรมเกษตรปลอดสารพิษ จะแนะนำให้ใช้ ฟังก์กัสเคลียร์ 2 กรัม และ แซนโธไนท์ 2 ซี.ซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นสลับกับ เชื้อบีเอสพลายแก้วที่หมักขยายแล้ว ทุกๆ 7 วัน แต่คุณธนาแจ้งว่า ใช้ไตรโคเดอร์ม่า ก็แก้ปัญหาโรคเชื้อราทางใบได้ยอดเยี่ยมดีแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีการเกษตรปลอดสารพิษอีกขั้นหนึ่งของผู้ที่นิยมชมชอบการปลูกไม้ดอกไม้ประดับแบบปลอดสารพิษ และทำได้จริง ๆ


มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ //www.thaigreenagro.com




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552   
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 17:15:25 น.   
Counter : 772 Pageviews.  

ดูแลไม้กระถางอย่างไร ไม่ต้องเปลี่ยนดินบ่อย

ผู้ที่ปลูกไม้ในกระถางส่วนใหญ่ เมื่อปลูกไปได้สักระยะหนึ่งมักจะมีปัญหาหน้าดินกระด้าง แห้งแข็ง ดินชั้นล่างก็เหนียวแน่นไม่โปร่ง ร่วนซุย การระบายถ่ายเทน้ำไม่ดี ดินแฉะก่อให้เกิดปัญหารากเน่าโคนเน่า ต้นไม้เครียด การเจริญเติบโตไม่ดี อ่อนแอต่อโรคและแมลง ทำให้ต้องสิ้นเปลืองเงินทองนำมาบำรุงรักษาเพิ่มเติมมากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้ผลิตดินถุงจำหน่ายส่วนมากผลิตดินได้ต่ำกว่ามาตรฐานไม่เหมือนในสมัยก่อนที่มีการใช้อินทรียวัตถุมาเป็นส่วนผสมค่อนข้างมาก จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้กันมากเท่าไรนัก แต่ในปัจจุบันเจ้าของดินทั้งหลายอาจจะขาดแคลนอินทรีย์วัตถุหรืออินทรียวัตถุอาจจะหายากและมีราคาแพง จึงทำให้คุณภาพดินถุงในปัจจุบันไม่ดีเท่าที่ควร เพราะรู้สึกว่าจะมีแต่ดินเหนียวผสมกับขี้เถ้าแกลบเป็นส่วนมาก ทำให้ผู้ที่นิยมซื้อดินถุงทั้งหลายมาปลูกไปได้สักระยะหนึ่งก็จะมีปัญหาดินเหนียวแน่นแข็ง การระบายถ่ายเทน้ำไม่ดี ต้นไม้ทำท่าว่าจะตาย ก็ต้องรีบทำการซื้อดินถุงมาเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ



ควรมีการเตรียมและปรับปรุงดินที่ซื้อมาใหม่ๆ ให้ดีเสียก่อน ควรนำมาคลุกผสมกับปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก เพื่อเป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินอย่างพอเพียง เพราะดินที่เราซื้อมานั้นอาจจะมีอินทรีย์วัตถุอยู่น้อยเกินไป และเหมือนกับเป็นการเติมอาหารให้แก่จุลินทรีย์เพื่อดึงดูดให้จุลินทรีย์เข้ามาสร้างกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นจะช่วยทำให้ดินมีชีวิตชีวาปลูกอะไรก็จะเจริญเติบโตงอกงามดี ควรใช้ภูไมท์ซัลเฟตถุงสีเหลืองคลุกผสมกับดินก่อนที่จะนำไปใส่กระถางในอัตรา 1 ส่วน 4 ของดินที่จะปลูกในกระถาง จะช่วยทำให้ดินในกระถางมีโครงสร้างดินที่ดีไม่ย่อยสลายยุบตัวลงแน่นแข็งรวดเร็วเกินไป ทำให้การระบายถ่ายเทน้ำพอเหมาะพอดีไม่มากเกินไปและน้อยจนเกินไป ช่วยทำให้ต้นไม้ไม่เครียด มีรากเยอะ การเจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรง


หลังจากที่ได้นำต้นไม้ปลูกลงไปในกระถางเรียบร้อยแล้วสักระยะหนึ่ง ถ้าเจอปัญหาดินแน่นแข็งเพราะโครงสร้างดินเสีย หรือดินถุงที่ซื้อมาคุณภาพไม่ดี จับตัวกันเป็นก้อนเหนียวซึ่งโดยปรกติในปัจจุบันมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ควรทำการแก้ไขโดยวิธีการดังนี้ ทุกครั้งที่มีการรดน้ำควรจะนำสารละลายดินดาน 30 ซี.ซี. บวกกับ โพแทสเซียมฮิวเมท 5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมร่วมลงไปทุกครั้ง จะช่วยทำให้ดินในกระถางของเราไม่แน่นแข็ง และเหนียวแน่น การระบายถ่ายเทน้ำดี จะช่วยทำให้เกิดโครงสร้างที่เกิดเป็นเม็ดดินที่อุ้มน้ำอุ้มปุ๋ยได้ดี ปรับความเสถียรของพีเอชดินไม่ให้เปลี่ยนเป็นกรดหรือด่างเร็วเกินไป ปรับเปลี่ยนสารอาหารที่อยู่ในดินให้อยู่ในรูปคีเลททีพืชสามารถดูดกินหรือนำไปใช้ไปได้ง่ายขึ้น แล้วยังช่วยลดการสูญเสียปุ๋ยที่ใส่ลงไป เพราะโพแทสเซียมฮิวเมท มีค่าความสามารถในการจับตรึงและแลกเปลี่ยนประจุบวกมากกว่าดินเหนียวถึง 20 เท่า ดังนั้นทุกครั้ง หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ถ้าใส่ทั้งสองตัวนี้ผสมลงไปกับน้ำด้วยจะทำดินของเราไม่เหนียวแน่นแข็ง ทำให้ต้นไม้ของเราเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง และไม่เสียเวลาเปลี่ยนดินในกระถางบ่อยๆ ทำให้เราประหยัดทั้งเงินและยังมีความสุขกับไม้กระถางที่เลี้ยงไว้อย่างสวยงามตลอดไป


มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ //www.thaigreenagro.com




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552   
Last Update : 31 สิงหาคม 2552 17:10:17 น.   
Counter : 2418 Pageviews.  

1  2  3  

greenagro
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




เกษตรปลอดสารพิษ ชีวิตจะปลอดภัย อายุขัยยืนนาน ลูกหลานรื่นเริง

สวัสดดีครับ สำหรับผู้ที่สนใจการทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพ มือสมัครเล่น มือใหม่ มือเก่า ก็เข้าได้ทุกคนครับ ขอเชิญเข้ามาเยี่ยมชมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ที่นี่เลยนะครับ "ชีวิตจะได้มีสุขกับเกษตร"

ประวัติและผลงาน


ปี ชื่อหนังสือ ผู้แต่ง / เรียบเรียง จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์
ปี 2535 พนักงานชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร
ปี 2540 ธุรการ/จัดพิมพ์หนังสือ สมุนไพรใช้ในกุ้ง : ลูกใต้ใบ พญายอ ฟ้าทะลายโจร อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ปี 2540 ธุรการ/จัดพิมพ์หนังสือ การเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ย อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ปี 2541 กองบรรณาธิการ พืชผักปลอดสารพิษด้วยภูไมท์ อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ปี 2541 กองบรรณาธิการ การใช้ปูนและซีโอไลท์ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ศิลป์ การใช้ปูนและซีโอไลท์ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ปี 2542 กองบรรณาธิการ มะนาวด่านเกวียนปลอดสารพิษ อ.ดีพร้อม ไชวงศ์เกียรติ ชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร อักษรสยามการพิมพ์
ปี 2542 ผู้จัดการชมรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร
ปี 2553 บทความตีพิมพ์ นิตยสารผักเศรษฐกิจ บ. มิเดีย ออฟ กรีน กรุ๊ฟ จก. บ. มิเดีย ออฟ กรีน กรุ๊ฟ จก.
ปี 2554 บทความตีพิมพ์ เทคโนโลยีชาวบ้าน มติชน มติชน
ปี 2554 บทความดีพิมพ์ หลากวิธีการบังคับมะนาวนอกฤดู "เงินล้าน" เล่ม 2 พริ้ม ศรีหานาม บจ. นาคา อินเตอร์มีเดีย นาคา อินเตอร์มิเดีย

ปี 2555 คอลัมน์ประจำ/ไม่ประจำ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, เดลินิวส์, ประชาชาติธุรกิจ, ฐานเศรษฐกิจ, ไทยโพสต์ ฯลฯ, นิตยสาร ไม่ลองไม่รู้, ผักเศรษฐกิจ, รักษ์เกษตร, เกษตรวาไรตี้ ฯลฯ

ปี 2556- ปัจจุบัน นักกจัดรายการวิทยุ สถานีวิทยุมก.บางเขน, มก. ขอนแก่น, มก. เชียงใหม่, มก. สงขลา และเครือข่ายสยามชัยเรดิโอ

ปัจจุบัน ประธาน/กรรมการผู้ัจัดการ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ/บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด
[Add greenagro's blog to your web]