WALK IN DREAM'S on the way to no I
Group Blog
 
All blogs
 

เอรากอน / KING AND THE CLOWN

เอรากอน


...แอบเล็งๆนิยายไว้แล้ว ว่าจะซื้อเพราะปกสวยดี

และก็เห็นตัวแสดงในหนังโดยที่ยังไม่รู้เรื่องย่อเลย ก็....อือม์
...น่าดูนะ ท่าจะจิ้นได้แฮะ...(5555 ไม่ได้เอาเนื้อหา เป็นหลักเล้ย)


^
^
อื้อม์....ใช้ได้ ใช้ได้


KING AND THE CLOWN
ไม่มีอะไรจะบรรยาย แค่ดูภาพตัวอย่างก็รู้แล้วว่า พลาดไม่ได้เด็ดขาด แม้เข้าแค่2ที่( grand EGV/PARAGON)ก็จะไปดู!! (เอื้อเฟื้อภาพจากweb POPCORNค่า)













เรื่องนี้ขนาดมติชนรายสัปดาห์ยังลงวิจารณ์แล้ว หลังจากหนังเข้าฉายแค่วันเดียวเท่านั้น และเป็นวิจารณ์ในเชิงบวกด้วยค่ะ
เรื่องนี้แม้จะเห็นว่าผู้แสดงนำ เป็นนักร้องวัยรุ่นหน้าใสที่กำลังโด่งดัง อย่านึกว่าเหมือนหนังบ้านเรา ที่เมื่อขายหน้าตาดาราอย่างเดียว ก็ไม่ได้เน้นความสามารถในการแสดงและเนื้อหาของเรื่องเท่าไหร่

สนใจรายละเอียด ไปที่
//www.popcornfor2.com/index.html




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2549    
Last Update : 30 มกราคม 2550 18:35:27 น.
Counter : 814 Pageviews.  

อนิเมชั่น HAPPY FEETออกจะดี -แต่ถูกด่า

ก่อนจะว่าถึง HAPPY FEETแล้ว ขาดไม่ได้ที่จะต้องเกริ่นถึงหนังสารคดีเรื่อง THE EMPORROR’S JOURNEY/ MARCH OF THE PENGUINSก่อน



หลังจากได้ดูสารคดีเรื่อง THE EMPORROR’S JOURNEY แล้ว ในวันนั้นน้ำตาซึมด้วยความเซ็งในความเป็นมนุษย์หนักแผ่นดินของตัวเองที่กินและอยู่อย่างผลาญทรัพยากรของโลกไปวันๆ แถมยังเป็นจำเลยเล็กๆอีกคนที่ทำให้ฝูงเพนกวินซึ่งปกติก็มีชีวิตอย่างยากลำบากบนพื้นน้ำแข็งอยู่แล้ว ต้องลำบากมากขึ้นเพราะภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย สภาพอากาศแปรปรวน และสรรพอาหาร(ปลา)ของเพนกวินก็ขาดแคลน (....เพราะถูกแย่งเอามาบำเรอความอิ่มท้องเกินพอดีของมนุษย์ เพียงเพื่อที่มนุษย์จะกลายร่างเป็นกล่องเก็บยาเบาหวาน/ยาลดไขมันในเลือดในไม่ช้า แค่นั้นไม่พอยังต้องต้องเอาสิ่งมีชีวิตในทะเลมาทำเป็นอาหารเสริมลดน้ำหนักอีกต่างหาก....)

จริงๆแล้วหนังสารคดีเรื่องนี้ เค้าไม่ได้บอกตรงๆเน้นๆถึงประเด็นนี้เลย แต่มุ่งเน้นไปที่ความงามแห่งวิถีการสืบทอดเผ่าพันธุ์ ด้วยเสียงเพลงประจำตัวเพนกวินแต่ละตัวที่จะบรรเลงเพื่อขอความรักจากเพศตรงข้าม การรักเดียวใจเดียวของคู่เพนกวิน(ที่มนุษย์สมควรต้องอาย) การที่ฝ่ายพ่อ ต้องเลี้ยงดูฟูมฟักไข่ไว้ใต้หนังหน้าท้องของตัวเองในช่วงเวลาที่ตัวเมียต้องเดินทางไกลออกสู่ทะเลเพื่อนำอาหารกลับมาเลี้ยงลูกน้อยที่ฟักจากไข่
(....หนักหนายิ่งกว่ามนุษย์นัก พวกเรามีคนมากมาย เครื่องมือมากมาย ยื่นเข้ามาช่วยเหลือตลอดการฝากครรภ์ การคลอด และจนกว่าเด็กของเราจะเติบโต แต่สำหรับเพนกวิน พลาดนิดเดียว คือการจบชีวิต –ถ้าไข่หลุดออกจากใต้ท้องพ่อ ไปสัมผัสอุณหภูมิติดลบ ไข่จะไม่ฟัก / เมื่อออกจากไข่แล้วแม่ไม่กลับมา หมายถึงเจ้าปุกปุยตัวน้อยต้องอดตาย/ และหากมีชีวิตต่อได้ แต่คลาดสายตาพ่อแม่ไปเพียงนิด เจ้าตัวน้อยก็จะถูกศัตรูตามธรรมชาติโฉบไปเป็นอาหาร)

หนังเค้าไม่ได้บอกอะไรตรงๆ แต่ก็ทำให้เราคิดได้ว่า
วิถีชีวิตของเราเหล่ามนุษย์ กำลังทำให้สัตว์โลกเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ดำรงชีวิตอย่างบริสุทธิ์สวยงามต้องเดือดร้อนจน อาจถึงขั้นสูญพันธุ์

และเมื่อได้ดูอีกเรื่อง
HAPPY FEET



เรื่องนี้นอกจากเน้นความบันเทิงแบบอนิเมชั่นแล้ว ยังบอกออกมาตรงๆเลยถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม(ผู้สร้างคงได้แรงบันดาลใจจากเรื่องข้างบนแน่ๆ)

ตัวเอกคือ มัมเบิล เพนกวินที่ฟักออกจากไข่ช้า เพราะในขั้นตอนฟูมฟํกไข่ พ่อของเขาพลาด ไข่หลุดจากท้องไปเจออากาศเย็นเข้า และแล้ว...ในวันที่จอแจด้วยเสียงเล็กๆของเหล่าปุกปุยที่เพิ่งฟักจากไข่กันนั้น พ่อก็ยืนคอตก เพราะ มัมเบิล ไม่มีทีท่าว่าจะฟักออกมา แต่เมื่อ กลอเรีย เพนกวินน้อย(นางเอก) เดินเข้ามาใช้จงอยปากเคาะเป็นจังหวะที่เปลือกไข่ ภายในไข่ก็...เริ่มขยับ แล้ว ......เท้า2ข้าง ก็กระเทาะออกมาจากเปลือก(ตรงนี้ หนังเน้นเลยว่า ลูกเพนกวินตัวอื่นเขาใช้ปากนำออกมา แต่พระเอกของเรา มีเท้าที่เปี่ยมพลังสมชื่อเรื่อง และตอบสนองกับจังหวะแท็ป ตั้งแต่ลืมตาดูโลก)

มัมเบิล เปรียบเสมือนแกะดำในฝูง เพราะมีน้ำเสียงห่วยแตก ไม่สามารถร้องเพลงประจำใจได้แม้ว่าเพนกวินอาวุโสจะพร่ำสอนขนาดไหน เขาทำได้เพียงแค่ย่ำเท้าเต้น ในขณะที่ กลอเรีย ที่เขาแอบรัก เป็นถึงนักร้องเด่นในฝูงที่หนุ่มๆตามร้องเพลงจีบกันระงม

แต่หนังได้แสดงให้เห็นว่า มัมเบิล เป็นผู้มีความแน่วแน่กว่าใคร แม้ว่าใครๆก็หาว่าเขาแตกต่างและมีปมด้อย แต่เขาไม่เคยเกลียดตัวเอง(อันนี้มนุษย์หลายคนต้องเอาเยี่ยงอย่างนะ) เขายังคงเชื่อมั่นในจังหวะเท้าของตัวเอง และเชื่อมั่นว่าเขารัก กลอเรีย กว่าใคร

หนังช่วงแรกเต็มไปด้วยบทเพลงเพราะๆสุดอลัง ที่เพนกวินแต่ละตัวผลัดกันร้องเพื่อความรัก รวมทั้งประเด็นที่ว่าเผ่าพันธุ์กำลังเจอปัญหาขาดแคลนปลา...ซึ่งยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริง

จุดเปลี่ยนของเรื่อง เริ่มต้นเมื่อมัมเบิลถูกตัดขาดจากฝูง(แม้กระทั่งจากพ่อของเขาเอง) เดินทางไปพร้อมความผิดหวัง
แต่ก็หายเหงาได้เมื่อได้พบเพื่อนเพนกวินต่างสายพันธุ์(ตัวเล็กกว่า ร่าเริงกว่า และไม่เห็นว่าการร้องเพลงไม่ได้ จะเป็นปัญหาอันใด ....ก็เพราะเผ่านี้เค้าใช้วิธี เก็บหินเพื่อจีบสาว....ใครมีหินมากองเยอะกว่าจะได้ใจสาวไป)
เขากับเพื่อนฝูงใหม่ก็เริ่มการผจญภัยบทใหม่ด้วยกัน รวมทั้งได้รู้ระแคะระคายว่า วิกฤติขาดแคลนอาหารของเพนกวิน ที่แท้แล้วคือฝีมือของ เอเลี่ยน....ก็...คงไม่ต้องบอกว่าใคร

ช่วงต่อมาเป็นการผจญภัยที่ขับเน้นความแน่วแน่ของมัมเบิล ที่จะตามหาเอเลี่ยนให้ได้ และต้องหาคำตอบให้ได้ว่า แย่งปลาเราไปทำไม เขากระโดดลงจากผาน้ำแข็งสูงปรี๊ด ว่ายน้ำตามเรือยักษ์ของพวกเอเลี่ยน ตามจนสำเร็จ(...ถูกลากติดอวน...จนกระทั่งไปเกยตื้นที่ชายหาดของเมืองใหญ่)

ตื่นมาอีกครั้ง เขาถูกจับมาโชว์ในสวนสัตว์(แบบพาต้าในอดีต) เขาตกใจกับธารน้ำแข็งที่เป็นเพียงภาพแปะผนังในห้องแคบๆ เพนกวินที่อยู่มาก่อนหน้านั้น ไร้สติ ไร้ชีวิตชีวาราวตุ๊กตา ได้แต่เพียงรอซากปลาที่เอเลี่ยนโยนลงมาให้ไปวันๆ .....ภายนอกกระจก คือสายตานับร้อยของพวกเอเลี่ยนที่เดินผ่านมา แวะมอง แล้วก็ผ่านไป

... 3วันผ่านไป ...3สัปดาห์ผ่านไป ....3เดือนผ่านไป มัมเบิลมึนงง หลงลืมสติ ลืมการมีชีวิต (ส่วนตัว -สะเทือนใจกับฉากตรงนี้มาก แสดงให้เห็นสภาพการตายทั้งเป็นของสัตว์ที่ถูกพรากมาจากธรรมชาติของตัวเองได้ดีมาก)

มัมเบิลได้แต่โงนเงนไปมาเพื่อรออาหารไปวันๆ
แล้ววันหนึ่ง ขณะเขายืนมองเงาตัวเองในท่อน้ำอย่างหมดอาลัยตายอยากนั้นเอง....

หนังได้เริ่มปลอบใจเราว่า แท้จริงมนุษย์นั้นไม่ใช่เอเลี่ยนนะ ความบริสุทธิ์ใจ ยังสามารถสื่อถึงกันได้
เมื่อมีเอเลี่ยนน้อยคนหนึ่ง(ใช้คนจริงแสดง) ใช้นิ้วเคาะกระจก ก๊อกๆ ...ก๊อกๆ... ......เสียงนี้....จังหวะนี้เหมือนจะปลุกให้ มัมเบิล ตื่นจากภวังค์ ก๊อกๆๆ......เท้าเขาเริ่มขยับตามจังหวะอีกครั้ง เร็วขึ้น....เร็วขึ้น.....รอยยิ้มและชีวิตชีวาที่เขาเริ่มลืมมันไป กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาของเอเลี่ยนนับพัน ที่ต่างเข้ามามุงดูด้วยความแปลกใจ

แล้วเพนกวินตัวหนึ่ง ก็สื่อสารกับเอเลี่ยนสำเร็จเป็นตัวแรกในโลกด้วยการเต้น!

ตอนจบมาถึง เมื่อ มัมเบิล ถูกส่งตัวกลับไป(พร้อมเครื่องติดตามตัว) เขากลับเข้าฝูงที่ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ ยังไม่ยอมรับเขาเหมือนเดิม (ดีอยู่อย่างเดียวที่ กลอเรีย ยังคงรอรักจากเขา) เขาพยายามบอกความจริงที่เขาดั้นด้นไปค้นพบว่าเพนกวินสามารถสื่อกับเอเลี่ยนได้ด้วยการเต้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ

จนกระทั่ง เอเลี่ยน2คน(ที่ตามสัญญาณติดตัว มัมเบิล มา) ได้ปรากฏแก่สายตาเพนกวินทั้งฝูง ทำเอาผู้อาวุโสพูดไม่ออก

เต้นสิ! เต้น! บอกเขาว่า เราคือเรา.....

จาก1ตัว เท้าเริ่มขยับ ...เพิ่มเป็น2ตัว ...3.....4.......และแล้วเพนกวินทั้งฝูงทั่วธารน้ำแข็ง ก็ทั้งเต้นและร้องกระหึ่ม ร่วมประกาศให้รู้ถึง
เสียงแห่งชีวิตและเผ่าพันธุ์!!!!



เรื่องจบแบบให้เราเหล่าเอเลี่ยนช่วยกันคิดต่อว่า เพนกวินมหัศจรรย์ได้พยายามแล้วที่จะบอกอะไรกับเรา และเราจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เกิดดุลยภาพแก่โลกใบนี้
.
.
.
.


เรื่องนี้ ถูกนิตยสาร ENTERTAIN ยำแหลกว่า ดำเนินเรื่องเลอะเทอะ จับทิศทางไม่ถูก จะเป็นอนิเมชั่นเน้นเพลงก็ไม่ใช่ เน้นข้อเท็จจริงด้านสิ่งแวดล้อมก็ไม่เชิง บางฉากก็เสริมเติมแต่งแบบไร้ทิศทางไร้ความจำเป็น
แต่เรา ขอบอกเลยว่า ไม่เห็นด้วยเด็ดๆ

โดยรวมเรื่องนี้ก็ลื่นไหล ดูได้เพลิดเพลิน ภาพสวยตื่นตา ลีลาเคลื่อนไหวสุดอลัง เพลงเพราะ ...ครบถ้วนอย่างที่อนิเมชั่นสำหรับคนทุกวัยควรจะเป็น แต่หากว่าเรื่องนี้มุ่งเน้นไปในแนวเดียวเช่นความรักหรือเพลง อย่างที่เขาบอกล่ะก็ เราก็คงไม่เสียเวลามานั่งดูหรอกค่ะ แนวรัก แนวเพลงมันเกร่อแทบอ้วกแล้ว

แต่เราก็เป็นคนหนึ่ง ที่ชอบหนังเกี่ยวกับสัตว์ รู้ดีว่า HAPPY FEETจะต้องมีอะไรเกี่ยวเนื่องกับ THE EMPORROR’S JOURNEY แน่นอน รู้ได้เองโดยไม่ต้องให้ผู้กำกับประกาศตรงใบปิดเลยว่าเรื่องนี้เพนกวินจะกู้โลกนะ หรือ เรื่องนี้สอดแทรกประเด็นทางสิ่งแวดล้อมนะ....

จึงต้องขอบคุณผู้สร้างHAPPY FEET ที่ได้สร้างอนิเมชั่นดีๆแทนใจเราออกมา เพราะอนิเมชั่นสามารถบอกสิ่งที่ซ่อนอยู่ในสารคดีหรือข้อเท็จจริงให้ออกมาเข้าใจง่ายและชัดเจนได้สำหรับคนทั่วไปและทั่วทุกวัยส่วน เพลง, เรื่องรัก และการผจญภัย มันก็ขาดไม่ได้ ถ้าจะให้เป็นอนิเมชั่น

ดังที่ว่ามา เราไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ เลอะเทอะไร้ทิศทาง อย่างที่ถูกด่าเลย
ออกจากโรงแล้วได้อะไรดีๆเก็บกลับมาในหัวใจ มากกว่าเรื่อง CASINO ROYALE ซะอีก(สำหรับเราน่ะนะ)

ปุกปุยผู้น่าฉงฉานนน






 

Create Date : 04 ธันวาคม 2549    
Last Update : 30 มกราคม 2550 18:36:09 น.
Counter : 1289 Pageviews.  

STORMY NIGHT อนิเมชั่นสุดน่ารัก กับนัยยะที่แฝงอยู่

STORMY NIGHT

อนิเมชั่นน่ารักๆ
...ที่เรียกน้ำตาเราไปได้หลายฉาก
...ที่ทำให้คิดถึงนัยยะสถานการณ์การสู้รบระหว่างมนุษย์ต่างชาติต่างศาสนา
...ที่ทำให้คิดถึงนัยยะเพศที่สาม
...ที่ทำให้เรายอมเดินทางไปตั้งไกลถึงเอมโพเรี่ยม เพราะในประเทศไทยนี้ มันเข้าแค่2 โรง!!


ภาพ กาฟ และ เมอิตัวเอกของเรื่อง


ตัวอย่างภาพในหนัง




และนี่ ผู้ให้เสียงพากย์(สาวYกรุณาอย่าแอบจิ้น!!)



เรื่องย่อ (จากคอลัมน์ชนโรง ในMOVIETIME)-เขียนได้ดีเหลือเกิน เลยขอนำมาแปะเก็บไว้ในblogนะคะ

STORMY NIGHT(/กำกับโดย GISABURO SUGII)เล่าเรื่องราวของเมอิ แกะหนุ่มใจบริสุทธิ์ ผู้กำพร้าแม่มาตั้งแต่จำความไม่ได้ แม่ของเมอิถูกหมาป่าฆ่าตายเพื่อปกป้องชีวิตลูกน้อย ปัจจุบัน เมอิอยู่ในความดูแลของยายและกลุ่มฝูงแกะด้วยกัน ท่ามกลางป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด แน่นอนรวมถึงศัตรูที่สัตว์ต่างๆระวังภัยและหลีกเลี่ยงที่จะกรายใกล้สู่เขตแดนที่ไม่ใช่ของตน

แต่แล้วในวันพายุฝนกระหน่ำวันหนึ่ง เมอิพลัดหลงกับฝูง หนีเสียงฟ้าร้องหัวซุกหัวซุนไปหลบอยู่ในกระท่อมร้างกลางป่า ภายใต้ความมืดของกระท่อม เมอิได้รู้จักกับ กาฟ ผู้กลัวฟ้าฝน หลบเข้ามาในกระท่อมเช่นเดียวกัน ความมืดบดบังรูปพรรณสัณฐานของทั้งสอง ทว่าบทสนทนาพาทีที่เข้าอกเขาใจและต่างตระหนักว่าทั้งสองต่างรู้สึกนึกคิดอะไรเหมือนๆกัน จึงเกิดความสนิทสนมและสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกัน โดยได้นัดแนะมาเจอกันอีกครั้งณ ที่แห่งนี้ในวันรุ่งขึ้น โดยมีรหัสลับสื่อสารกันด้วยคำว่า "stormy night"

รุ่งขึ้นเมื่อทั้งสองมาพบกันที่จุดนัดพบ เมอิ กับ กาฟ จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นแกะ อีกฝ่ายเป็นหมาป่า แต่ข้อจำกัดนี้หาได้เป็นอุปสรรคไม่ เพราะพวกเขาค้นพบว่าความรู้สึกนึกคิดที่ตรงกันนั้นสำคัญกว่าความแตกต่างทางสายพันธุ์

ความสัมพันธ์ลึกซึ้งงอกงามขึ้นตามลำดับ ทั้งสองลักลอบมาพบกันหลายครั้ง จนในที่สุดความก็แตก ทั้งฝ่ายฝูงแกะกับฝูงหมาป่ารู้ความเข้าจึงออกโรงกีดกัน โดยอ้างขนบแบบแผนต่างๆนานาของเผ่าพันธุ์ตน แต่เมอิ กับ กาฟ หาได้ฟังความ มาถึงตอนนี้ดูจะไม่มีอะไรแยกพวกเขาออกจากกันได้ เผ่าพันธุ์ของทั้งสองจึงคิดใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเมอิกับกาฟ เพื่อแอบรู้วิธีการ เวลาและตำแหน่งในการล่าของอีกฝ่าย ความสัมพันธ์บริสุทธิ์ใจของทั้งสองจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายตนไปโดยปริยาย เมื่อเงื่อนไขของวิถีชีวิต ขนบจารีตของเผ่าพันธุ์ ทำให้ความรักต่างสายพันธุ์ต้องแปดเปื้อน ทั้งเมอิ และกาฟ จึงตัดสินใจ "ขบถ" หลบหนีจากถิ่นเดิมแบบแผนเดิม ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ณ อีกดินแดนอันไกลโพ้น ที่ที่ทั้งสองจะอยู่กันอย่างผาสุกสมานฉันท์

ทว่าในระหว่างการเดินทางตามหาดินแดนยูโทเปียนั้นเอง การออกตามล่าของฝูงหมาป่าเป็นอุปสรรคสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สัญชาตญาณของนักล่าในตัวของ กาฟ ซึ่งแสดงออกอย่างยากยับยั้ง บ่อยครั้งก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองออกจะขมขื่น และชวนสะเทือนใจว่าพวกเขาจะฝ่าฟันไปถึงจุดหมายได้หรือไม่
^
^

นอกเหนือจากความสมานฉันท์ที่เกิดระหว่างแกะกับหมาป่าใน STORMY NIGHT แล้ว ความรักในเพศเดียวกันของเมอิ กับ กาฟ นั้น กรุ่นอวลอยู่อย่างยากที่จะปฏิเสธ ทั้งอารมณ์ห่วงหา อาลัยอาวรณ์ ลูกแง่ลูกงอน หยอกเย้าประหนึ่งคู่รัก ซึ่งแสดงออกมากกว่าความป็นเพื่อน (ชัดเจนที่สุดคือฉากที่ทั้งสองเขินอายจนหน้าแดง) และอารมณ์ผูกพันลึกซึ้งที่สามารถตายแทนกันได้ โดยเฉพาะตอนที่เมอิ ขอร้องให้กาฟ กินเขา เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด แล้วไปให้ถึง"จุดหมาย" ที่มีร่วมกันนั้น ฉากดังกล่าวมีนัยยะแฝงเร้นทางเพศสัมพันธ์ อย่างเข้มข้น

ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า STORMY NIGHT ไม่เพียงแต่ส่งเสริม ชัยชนะแห่งความสมานฉันท์ เท่านั้น แต่ยังมีประเด็นร่วมสมัยของโลกปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายทางเพศสภาพที่ควรมีโอกาสได้ลิ้มรสชัยชนะนั้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น ภายใต้หน้าหนังที่กล่าวถึงมิตรภาพต่างสายพันธุ์ของสัตว์สองประเภท STORMY NIGHTซ่อนนัยความรักของเพศที่สามได้อย่างแยบยล
.
.
.

อืมมมม..จริงๆที่ตัดสินใจไปดู(โดยไม่เคยรู้เรื่องย่อใดๆมาก่อนเลย เห็นแต่โฆษณาในนสพ.)ก็เพราะรู้สึกว่าเรื่องมันต้องมีดีอะไรซักอย่าง(และคงเป็นเพราะสัญชาตญาณอันเร้นลับของสาวYด้วย) พอได้ดู ก็......อืมมมม มันช่าง วายยยยยยยยอะไรแบบเนี้ย แม้กระทั่งฉากที่กาฟ มองตามก้นเมอิ แล้วเกิดอาการน้ำลายหก(=หมาป่าหิวโหยอยากกินแกะ) ไอ้เราก็คิดไปโน่นแหนะ5555
เป็นหนังที่ต้องจดจำอีกเรื่อง...




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2549 19:45:38 น.
Counter : 2572 Pageviews.  

1  2  

walkin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




walk in dream,always.
Friends' blogs
[Add walkin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.