มีครั้งหนึ่ง ท่านในหลวง (รัชกาลที่๔) ได้มีราชโองการโปรดเกล้าให้ท่านสมเด็จโตเข้าเฝ้าถวายพระธรรมเทศนาในวัง เมื่อสมเด็จโตท่านมาถึงนั่งธรรมมาสก์เสร็จก็เอ่ยปากพูดว่า
"ดีพระมหาบพิธก็รู้ ชั่วพระมหาบพิธก็รู้ เพราะฉะนั้นวันนี้อากาศแจ่มใสดี เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ "
เมื่อเจ้าหลวงได้ยินดังนั้น ก็แลเห็นท่านโตลุกจากธรรมมาสก์แล้วมิได้มองเจ้าหลวง เจ้าหลวงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากเรียกสมเด็จโตว่า
"ท่านโต ท่านโต ทำไมถึงเทศน์จบเร็วจัง"
ท่านโตก็เฉลยว่าที่พูดว่า
"อากาศแจ่มใสดี ดีก็รู้ ชั่วก็รู้ ก็หมายถึงว่าวันนี้ จิตใจของพระมหาบพิธรื่นเริงสดชื่น ปราศจากความหม่นหมองใจ ก็คือความหมายที่ว่าอากาศแจ่มใสดี อาตมาจึงเทศน์เพียงเท่านี้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร"
เมื่อพระมหาบพิธได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเข้าใจในความหมายเทศน์
มีอยู่ตอนหนึ่ง ขณะที่เจ้าหลวงเชิญสมเด็จโตมาเทศน์ วันนั้นท่านโตเทศน์นานแล้วนานเล่าจนกิริยาอาการของเจ้าหลวงเริ่มเหนื่อย หน่ายหงุดหงิด พอท่านโตเทศน์เสร็จ เจ้าหลวงถามท่านโตว่า
"ท่านโตวันนี้ทำไมถึงเทศน์นานจัง เราเมื่อย เหนื่อย อยากจะถาม"
ท่านโตได้ยินดังนั้นก็ตรัสตอบไปว่า
"ก็วันนี้จิตใจของมหาบพิธเต็มไปด้วยความทุกข์เร่าร้อนในอารมณ์ตลอดเวลา จึงเทศน์ให้มันเย็นจึงนานไปหน่อย"
ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี
|