เล่าเรื่องผี เรื่องหลอน คุณป้ามาลัย
เรื่องผีจากคอลัมภ์ขนหัวลุก หนังสือพิมพ์ข่าวสด "ชมนาด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากการเที่ยวกับทัวร์
ดิฉันไม่เชื่อเรื่องผี เพราะฉะนั้นจึงไม่เคยกลัวผีเลย ยกเว้นแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กๆ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องกลัวผีกันทั้งนั้น แต่เมื่อเติบโตและมีการศึกษาพอสมควรจึงได้คิดว่า เรื่องภูตผีเป็นสิ่งเหลวไหล มีไว้เพื่อหลอกเด็กหรือเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีใครกลัวผีแน่ถ้าอยู่ในบ้านตัวเอง ต่อให้อยู่ในห้องเช่าต่างๆ ก็เถอะ ถ้ามีผีดุก็คงถูกหลอกตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องรอเป็นสัปดาห์เป็นเดือนหรอกถึงจะแผลงฤทธิ์น่ะ! ยิ่งตามโรงแรมที่ว่าผีสิง ก็คงจะหลอกหลอนจนไม่มีใครกล้าไปนอนพัก ไม่ต้องรอมาถึงเราแน่ๆ สรุปแล้ว ดิฉันเชื่อว่าเป็นเพราะจิตอ่อน ทำให้เกิดอุปาทานไปเองมากกว่า
เดือนมีนาคมปีกลายนี้เอง ดิฉันกับสามีซึ่งอยู่ในวัยค่อนคนแล้ว ได้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวชมภาคอีสาน เลาะลัดริมแม่น้ำโขงที่ร่ำลือกันว่ากำลังแห้งแล้งนักหนา เพราะจีนไม่ยอมปล่อยน้ำออกจากเขื่อนลงมา ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างพม่า ลาวและไทยเดือดร้อนไปตามๆ กัน
เรานั่งรถทัวร์สองชั้นออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า มุ่งหน้าไปเพชรบูรณ์ เข้าด่านซ้าย จังหวัดเลย และเข้าพักที่ภูผาน้ำรีสอร์ต
ลืมเล่าไปว่าเราได้ที่นั่งตอนท้ายๆ ด้านขวา ส่วนทางขวาคือคุณป้ามาลัยวัย 70 เศษ ผิวขาว ร่างเล็ก ผมสั้นๆ ขาวโพลน...เราเคยพบกันตอนไปทัวร์ภาคเหนือเมื่อต้นปีนี่เอง
คุณป้าเป็นสุภาพสตรีชราน่ารัก ชอบยิ้มมากกว่าพูด สามีล่วงลับไปก่อนหลายปีแล้ว ลูกหลานก็เติบโตกันไปหมดทุกคน คุณป้าบอกว่าขอใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยการท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตา และช่วยให้คลายเหงาดีกว่าจับเจ่าอยู่กับบ้านเป็นไหนๆ
เราทราบดีว่าคุณป้าเป็นโรคหัวใจ แต่คราวนี้ผิดตาตรงที่มีไม้เท้าติดตัวด้วย บอกว่าเกิดเป็นโรคทันสมัยที่เรียกว่า "บ้านหมุน" แต่ความจริงก็คือเป็นลมง่ายนั่นแหละ แข้งขาก็อ่อนเปลี้ยลงไปจนต้องพึ่งไม้เท้าเป็นขาที่สามแทบทุกคนล้วนแต่ห่วงใยคุณป้ามาลัยผู้มาเพียงลำพัง นั่งเดี่ยวและนอนคนเดียวทั้งนั้น โดยเฉพาะทัวร์ลีดเดอร์ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่าไกด์ จะเอาใจใส่ดูแลคุณป้าเป็นพิเศษ
ที่น่านับถือน้ำใจคือเธอไม่แสดงว่าตนเองอ่อนแอให้ ใครๆ ต้องมาห่วงใย รอยยิ้ม คิดบวกอารมณ์ดีเสมอ เวลาจะแวะปั๊มน้ำมันให้เข้าสุขาก็รีรอจนคนอื่นๆ ลงรถหมดแล้ว จึงลงเป็นคนสุดท้าย อ้างว่าจะเกะกะใครๆ ให้เสียเวลา
ถ้าเข้าห้องสุขาแล้วพวกเรามักจะอดแวะดูข้าวของที่น่าซื้อหาไม่ได้ จนพูดกันว่า "นั่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก แยกเป็นหลง ลงเป็นซื้อ" สำนวนของชาวทัวร์ที่แซวกันเองครึกครื้น ใครชอบเที่ยวทัวร์คงจะซาบซึ้งดี...นอกจากนี้ยังมีสำนวนต่างๆ ที่น่าขบขันอีกมากมาย แต่ขอข้ามไปเล่าเรื่องขนหัวลุกดีกว่าค่ะ
จากเลยก็เข้าหนองคาย นครพนม มุกดาหารและอุบลราชธานี เป็นแหล่งสุดท้ายก่อนจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ตลอดทางก็ได้เห็นแม่น้ำโขงแห้งขอดน่าใจหาย ตลิ่งสูง หาดกว้างขว้างน่าหวั่นใจว่าปีนี้คงจะแล้งจัดไปอีก 2-3 เดือนแน่นอน จุดเด่นๆ ที่เราแวะชมและนมัสการก็คือพระใหญ่ ภูคกงิ้ว, แก่งคุดคู้, วัดหินหมากเป้ง, หลวงพ่อพระเจ้า องค์ตื้อ, วัดโพธิ์ชัย, วัดสว่างอารมณ์, พระธาตุนคร, พระธาตุมหาชัย, พระธาตุเรณูนคร และพระธาตุพนม
จะเรียกว่าเลาะแม่น้ำโขงเพื่อชมวัดวาอารามชื่อเสียงโด่งดังก็คงไม่ผิดหรอกค่ะ ตลอดเวลาเหล่านั้น คุณป้ามาลัยดูสดใสแช่มชื่น ไม่มีอาการที่น่าเป็นห่วงหรือต้องดูแลเป็นพิเศษ...จนกระทั่งถึงเช้าวันกลับ ก่อนจะออกจากโรงแรมหรูหราที่จังหวัดอุบลฯ
พวกเราอิ่มหนำจากอาหารเช้าแล้ว บางคนก็เข้าไปเดินดูของพื้นเมือง บ้างขึ้นไปตรวจดูข้าวของในห้องนอนว่าจะหลงลืมอะไรหรือเปล่า? บ้างก็คืนกุญแจที่เคาน์เตอร์ และบ้างก็เข้าห้องน้ำในชั้นล่างนั่นเอง
ดิฉันอยู่ในกลุ่มหลัง...สวนทางกับคุณป้ามาลัยที่นั่นพอดี ดูเหมือนเธอเพิ่งจะเช็ดมือเสร็จหยกๆ เรายิ้มให้กัน แล้วคุณป้าก็เดินลากไม้เท้าออกไป ส่วนดิฉันทำธุระเรียบร้อยแล้วก็ออกมาสมทบกับสามีที่ยืนคุยกับคนร่วมคณะใกล้ๆ รถทัวร์ ก่อนจะชักชวนกันขึ้นรถเพราะใกล้เวลาที่จะ "ล้อหมุน" แล้ว...มีจุดหมายต่อไปคือร้านอาหารกลางวันที่สุรินทร์
เอ๊ะ! คุณป้ามาลัยยังไม่ขึ้นรถเลยค่ะ ปกติเธอจะขึ้นมานั่งก่อนแล้วนี่นา!
เมื่อมีการนับคนกันตามเคย ดิฉันก็รีบบอกไปก่อนว่าคุณป้ามาลัยยังไม่ขึ้นมา...เมื่อสักครู่ยังสวนกันที่ห้องน้ำ ไกด์หนุ่มเอะใจก็รีบลงจากรถ วิ่งเหยาะๆ เข้าไปในโรงแรม...
ใช่แล้วค่ะ! ยังไม่มีการคืนกุญแจ เมื่อขึ้นไปใช้กุญแจสำรองก็พบคุณป้ามาลัยนอนสิ้นลมหายใจอยู่ในชุดนอน มุมปากยิ้มละไมเหมือนได้พบใครบางคนที่เธอรอคอยมานานแสนนาน...ไม่มีทางจะแต่งตัวลงมาพบดิฉันในห้องน้ำได้เด็ดขาด ดิฉันผู้ไม่กลัวผีก็ต้องนั่งขนลุกขนพองมาตลอดทางเลยค่ะ!
Create Date : 10 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2557 7:41:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1015 Pageviews. |
|
|
|
| |