มีนาคม 2559

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
15
16
18
19
20
22
23
25
26
27
29
30
 
 
จุติวิบัติ - บทที่ 10
จุติวิบัติ
บทที่ 10

ตั้งสติ! ตั้งสติ!!

เหนือเมฆข่มอารมณ์หนักหน่วงไม่ให้ตัวเองกลัวจนลนลานหรือโกรธแจนต่อสิ่งที่เธอทำลงไป แต่มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ตัวของเขาสั่น มือสั่น ริมฝีปากก็สั่นระริก แม้จะขบฟันแน่นก็มิอาจซ่อนเร้นให้มิดเม้ม ตาลาย หูอื้อ หมุนมองรอบตัวหาทางหนี ไม่ว่ายังไง เขาต้องเอาตัวรอดจากที่นี่เสียก่อน จะมัวงอมืองอเท้าโดยไม่คิดแม้แต่จะช่วยเหลือตัวเองเลยนั้นไม่ใช่วิสัย
มีแว่บหนึ่งเหมือนกันที่สงสัยว่า หรือเขาควรนั่งเฉยๆ ดีกว่า รอให้เจ้าหน้าที่มาถึงค่อยเจรจาสันติกันแบบ “คนมีอารยะ” เพราะหากตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเขาไม่มีปัญหาอะไร คงถูกปล่อยตัว

ทว่า... รู้แก่ใจ... ปัญหาอยู่ข้างในเขาจริงๆ 

ไม่มีหนทางที่จะออกจากห้องนี้โดยสะดวกเลย เพดานด้านบนโบกปูนปิดสนิทไร้ช่องให้มุดลอด หน้าต่างรอบห้องติดเหล็กดัด เหนือเมฆลองถีบประตูสองสามโครม หากเสียเวลาเปล่าและทำให้เท้าเจ็บ ประตูแข็งแรงมั่นคงถูกออกแบบมาให้เปิดแบบบานพับเข้าด้านใน

ทางรอดเดียวที่พอจะเป็นไปได้คือ ระเบียงหลังห้อง!

คิดแล้วมวนท้องกะทันหัน เขาอาศัยบนชั้นห้าของอพาร์ตเม้นท์ ถ้าหล่นลงไป ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

หากการอยู่ตรงนี้เฉยๆ ดูจะน่ากลัวกว่า 

หมดทางเลือก เหนือเมฆลงกลอนประตูจากด้านใน ลากเตียงกับชั้นวางของออกมาขวาง อย่างน้อยเพื่อถ่วงเวลา สมองครุ่นคิดถึงเส้นทางการหลบหนีไปด้วย 

เขาไม่คิดว่าตัวเองจะปีนขึ้นชั้นบนได้ ต่อให้ทำได้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะชั้นนั้นเป็นดาดฟ้า ถ้าพวกเจ้าหน้าที่ไม่เขาในห้อง คงกระจายกำลังค้นหา ชั้นบนจึงเท่ากับจนมุม และการปีนข้ามไปยังห้องข้างๆ ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะอีกไม่กี่นาที ทั้งชั้นห้าก็คงเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ชุดขาวอยู่นั่นเอง

ทางรอดเดียวที่น่าจะเหลือคือ ปีนลงไป พอถึงชั้นล่างสุดค่อยข้ามกำแพง หนีไปทางไซต์งานก่อสร้างด้านหลังอพาร์ตเม้นท์!

แต่เวลาคิดกับเวลาลงมือทำจริงต่างกันมากโข

เหนือเมฆชะโงกดูแล้วเสียวไส้ ลมโหมแรงเข้าปะทะจนเส้นผมและชายเสื้อเขาสะบัด ใจหวิวๆ ดั่งจะปลิวไปตามแรงลม มือเท้าเย็นเฉียบซ้ำมีเหงื่อซึมชื้น เอาวะ! ข่มใจก้าวข้ามราวกั้นด้วยความอาจหาญและระมัดระวังยิ่ง เกาะรูดไปตามเสา ค่อยเคลื่อนลงทีละคืบ ทีละคืบ จนมือเกาะตรงขอบคิ้วปูนด้านล่างสุด แขนทั้งสองข้างเกร็งตึง เสียงฝีเท้ากระหึ่มกระชั้น ดิ่งตรงมายังห้องเขาแน่ๆ 

เหนือเมฆโหนตัว คะเนว่าจะหล่นลงตรงระเบียงห้องชั้นล่างใต้ห้องเขาได้พอดีฉิวเฉียดจึงปล่อยมือ 

ฉับพลัน! ร่างของเขากลับร่วงวืดทั้งที่เท้าแตะขอบราวกั้นของห้องชั้นล่างได้แล้วแท้ๆ อาจด้วยน้ำหนักของกระเป๋าเป้ที่แบกสะพายกระชากถ่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลก... เขาพลาด!!

เสี้ยววินาทีเดียวกัน เขาได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกเขาด้วยความตกใจ และก่อนที่เขาจะร่วงผ่านชั้นสี่ ก็เห็นเจ้าเอยพุ่งตัวมาตรงระเบียงหน้าตาตื่น มือเล็กบางหมายเอื้อมคว้าแขนเขากลับตะครุบได้เพียงลม

...เจ้าเอย...

ทุกอย่างดับวูบคล้ายกำลังจมดิ่งสู่ห้วงนทีลึก




เจ้าเอยตาค้างเมื่อเห็นร่างสูงละลิ่วลู่ต่อหน้าต่อตา เพียงนิดเดียว... อีก...แค่นิดเดียวเท่านั้น เธอก็จะจับเขาไว้ทันแล้วแท้ๆ

หากยังไม่ทันที่ความตระหนกจะครอบงำจนมืดมิด หัวใจที่ร่วงลงไปกองตรงข้อเท้าเมื่อครู่กลับแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจเมื่อเห็นเหนือเมฆถีบทะยานกลับขึ้นมารวดเร็ว

สีหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์แบบนั้น... ไม่ผิดแน่...

อาวิน!

ยังดีที่เธอเคยเห็นหนุ่มต่างดาวแสดงบทบู๊อภินิหารสะท้านฟ้าสุดอลังการงานสร้างมาก่อนหน้านี้ กะอีแค่ “เดินบนอากาศ” เนี่ย ชิลๆ ผิดกับจ๊อดซึ่งยืนอยู่ภายในห้อง ตาค้าง จ้องไม่กระพริบ นั่นแหละ ทีนี้จะได้รู้เสียทีว่า ที่เธอเคยเล่าให้ฟังน่ะ ไม่ได้โม้หรือมโนแม้แต่นิดเดียว

คนตัวสูง “เหิร” ลงมายืนข้างๆ เธอด้วยท่วงท่าสมบูรณ์ยิ่งราวกับจอมยุทธ์ในหนังจีนกำลังภายในมิปาน นี่ถ้าส่งลงแข่งยิมนาสติกโอลิมปิก กรรมการจะต้องพร้อมใจกับชูป้ายพร้อมดวงตากลมวาวเปียกชื้นด้วยละอองน้ำตาแห่งความปลื้มปริ่ม สิบ! สิบ! สิบ! โดยมิต้องสงสัย มันจะมีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบมากไปกว่านี้อีกหรือ

จะเว้นก็แต่... ตำแหน่งแห่งที่ที่เขาเลือก “จอด” มันออกจะชิดเธอมากไปหน่อย จนเจ้าเอยกลับเป็นฝ่ายเซเสียหลักแทน

ลำแขนแข็งแรงโอบรั้งเอวเจ้าเอยไว้มั่นคง อาวินดึงร่างบางของเธอเข้าแนบชิดจนน่าคิดว่าเขาจะมาสิงเธอรึเปล่า ชิดชนิดที่ว่าจมูกรั้นๆ ของเธอแทบจะแตะปลายคางเขารอมร่อ!

หัวใจเต้นตึกตัก ตุ้มๆ ต่อมๆ รุนแรงจนไม่ต้องเอาหูแนบก็ได้ยินเสียงจังหวะการเต้นชัด เลือดลมสูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเพศกรุ่น กระตุ้นให้หวั่นไหว ร้อนผ่าว ตายแล้ว เจ้าเอย... นั่นมันมนุษย์ต่างดาวนะโว้ย!!

“คิดอันใดของเจ้า” อาวินถาม งุนงง

“เปล๊า!” เจ้าเอยร้องเสียงหลง “ใครคิดอาร้าย”

แม้คนตัวสูงจะมองนิ่งๆ แต่ดวงตามันยะยับกลับสื่อฟ้อง ...ก็เจ้าไง!

เจ้าเอยรีบผลักอกคนตรงหน้าให้พ้นตัว ลืมไปเลยว่าหมอนี่อ่านใจคนออก แล้วการถูกอ่านใจนี่มันก็แย่พอๆ กับการถูกคุกคามทางเพศนั่นแหละ

“ปานนั้น?”

“เออเซ่!” เจ้าเอยเอ็ด ถ้าไม่อยากให้เขาอ่านใจได้ เธอคงต้องเลิกคิด เลิกฟุ้งซ่าน ทำใจหนักแน่นเข้าไว้ยัยเจ้าเอย ฉันรู้ว่าเธอทำได้

“มิสำเร็จหรอก” คนต่างพิภพบอก – เวร... รู้อี๊ก “มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่คิดไม่หยุด โดยเฉพาะเจ้า!”

เจ้าเอยเท้าสะเอว “นายก็เลิกอ่านความคิดคนอื่นซะที”

“มิได้... ข้าได้ยิน... หาใช่อ่าน...”

“งั้นมีวิธีที่นายจะไม่ได้ยินเสียงความคิดของฉันไหมล่ะ”

“มี”

“ทำไมไม่รีบบอก” เจ้าเอยเท้าสะเอว

“ไม่ถาม”

“เอ๊า” 

“อ้าว”

เจ้าเอยแสยะเขี้ยว หน็อยแน่... มาอยู่โลกมนุษย์ไม่กี่วัน ทำเป็นต่อปากต่อคำนะ เดี๋ยวแม่ก็โบกสักป้าบสองป้าบ

“งั้นสอนฉัน”

“ยังมิใช่เวลานี้”

จริงของเขา เสียงดังโครมครามดังมาจากห้องชั้นบนของเหนือเมฆ พร้อมกับเสียงห้าวๆ ตะโกนสั่งให้คนในห้องเปิดประตู จากนั้นไม่ทันขาดคำก็มีเสียงทุบกระแทกตึงตังและเหมือนข้าวของหล่นกระจัดกระจาย

“ขี่หลังข้า” คนตัวสูงออกคำสั่ง พร้อมย่อตัวลง 

“ไปไหน” เจ้าเอยค่อนข้างแน่ใจว่าเขาคงมีวิธีหลบหนี แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า วิธีการของเขาคงไม่ปกติธรรมดาเหมือนมนุษย์มนาทั่วไป

“ข้างล่าง”

“นี่นาย... โดดลงไปเนี่ยนะ” หญิงสาวส่ายหัว หน้าเหยเก “ไม่เอาด้วยล่ะ”

“เร็ว!!” ชายหนุ่มเร่ง เสียงดุ

เจ้าเอยอยากจะกระทืบเท้าเร่าๆ ดิ้นปัดๆ ขัดใจที่มิอาจขัดขืน ด้วยรู้ดีว่า หากปล่อยให้อาวินออกไปตามเส้นทางปกติ คงถูกจับได้แน่ๆ และเธอกับจ๊อดก็จะติดหางเลขไปด้วย ตอนที่เธอเข้ามา พวกคนของหน่วยงานก็เฝ้าคุมเชิงอยู่ตามทางขึ้นลงกันเกือบหมด เธอจึงคิดว่าไม่มีทางจะขึ้นไปหาเหนือเมฆที่ห้องได้

ห้องนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ใต้ห้องของเหนือเมฆพอดิบพอดี

และโชคดีที่หนีบจ๊อดมาด้วย เพราะรายนั้นมีความสามารถในการงัดแงะทุกสิ่งที่แงะได้ รวมถึงกลอนประตู... เงียบกริบ... ไร้ร่องรอย...

อย่างไรเสียเธอก็คงต้องไปกับอีตามนุษย์ต่างดาวบ้าไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วยยังไงก็ตาม เพราะหากเธอปล่อยให้เขาไปลำพัง เกิดหนีเตลิดไปไหนต่อไหน เธอคงลำบาก

แหล่งข้อมูลสำคัญ จะปล่อยให้ปิ๋วได้ยังไง

เจ้าเอยเสยผมทัดหู หันไปทางลูกสมุน “จ๊อด จัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อย” คำว่าจัดการของเธอ คือทำยังไงก็ได้อย่าให้มีใครสาวตัวถึงเธอในทีหลัง

“คุณหนูจะไปกับเขาหรือครับ” จ๊อดถาม ท่าทางไม่เห็นด้วย

“อือ” เจ้าเอยตอบสั้น “นายก็รีบตามมา”

เจ้าเอยปีนขี่หลังอาวิน จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ขี่หลังใครสักคนน่าจะเป็นพ่อก็ตั้งแต่เด็กแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ และจั๊กจี้ด้วยตอนที่เขาสอดท่อนแขนใหญ่ล็อคใต้ขาเธอไว้ไม่ให้หล่น

หญิงสาวเกาะไหล่เขาแน่น หวาดเสียวจนต้องหลับตาปี๋ อาวินกระโจนข้ามพ้นราวระเบียงกั้น คนสองคนทิ้งน้ำหนักลงสู่พื้นเบื้องล่างรวดเร็ว




สตรีในชุดคลุมยาวกร้อมเท้าสีเทาเข้มยืนบนยอดเสาเหนือดาดฟ้าตึกซึ่งกำลังก่อสร้าง โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าอันอัดแน่นด้วยหมู่เมฆทะมึนทึบ ลมบนพัดแรง พัดเสียจนชายเสื้อคลุมของเธอสะบัดไหวพึ่บพั่บระรัว ประดุจเสียงปะทุของเปลวไฟฉะนั้น สีหน้านิ่งเรียบ ปราศจากอารมณ์ หากดวงตาเปี่ยมเจตจำนงค์แกล้วกล้า มุ่งตรงยังคนที่อยู่บนระเบียงชั้นสี่ของอพาร์ตเม้นท์ฝั่งตรงข้าม... อพาร์ตเม้นท์ที่กำลังถูกตรวจค้นจากกองกำลังชุดขาว... 

ในที่สุดก็พบ... ผู้สังเกตการณ์และธิดาแห่งอาดามะ!

การต่อสู้กับผู้สังเกตการณ์ในครั้งก่อน ทำให้ดวงยิหวาประเมินความสามารถของเขาได้มากขึ้น แม้จะเป็นหนึ่งในสามขุนพลซึ่งจุติจากจิตมารดาแห่งดวงดาวอันไกลโพ้น แต่ด้วยความที่เขายังไม่เลือกวิถีแห่งตน ทำให้ไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงออกมาได้ แม้ผู้สังเกตการณ์จะชนะเมื่อครั้งก่อน ทว่าก็อ่อนกำลังลงมากจากการต่อสู้เช่นเดียวกัน ฉะนั้น นับเป็นโอกาสดี หากจะสังหารเขาและธิดาแห่งอาดามะผู้เคียงข้างให้สิ้นซาก

เสียงเห่าโฮ่งดังมาจากพื้นด้านล่าง ดวงยิหวาเหลือบมองผ่านหางตา เจ้าลูกหมาที่ติดตามมาจากศาลาริมน้ำตั้งแต่คืนนั้นกำลังหันไปเห่าอะไรบางอย่างทางด้านหลัง 

แม้จะยังไม่เห็นตัว ดวงยิหวาก็สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารรุนแรง!! 

พวกมันมีกันห้า... ไม่... เจ็ดต่างหาก และทั้งเจ็ดกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

ท่อนเหล็กพุ่งมาจากทิศทางนั้น คงเล็งช่วงต้นคอบริเวณรอยต่อระหว่างกะโหลกกับกระดูกสันหลังของดวงยิหวา คนถูกโจมตียืนนิ่ง ผิวหนังที่ลำคอเปลี่ยนกลายเป็นแผงพังผืดงอกออกมาปัดเหล็กแท่งยาวออกทันท่วงที แล้วหดกลับเข้าไป

ดวงยิหวาหันขวับ ประกายตาแรงกล้าสะท้อนภาพบุตรแห่งอาดามะเจ็ดคนยืนจังก้าท้าประจัน กระเหี้ยนกระหือรือ ราวกับหมาป่าหิวโหยล่าเหยื่อ กล้ามเนื้อทั่วร่างพวกมันกระตุกเต้นถี่ยิบ... ทว่า แม้รูปกายภายนอกจะเป็นเช่นนั้น หากดวงยิหวามั่นใจ กลิ่นอายซึ่งสัมผัสได้นั้นแจ้งประจักษ์ว่าศัตรูตรงหน้ามิใช่บุตรแห่งอาดามะ ตัวจริงของพวกมันคงฝังสถิตในสังขารต้นที่ช่วงชิงมา

นั่นหมายความว่า ผู้สืบวิถีแห่งโลหิต ก็จะร่วมเล่นศึกครานี้ด้วย... กระนั้นหรือ?

ดวงยิหวายืนนิ่ง ชายผ้ายังคงสะบัดพลิ้วตามแรงลม ลูกหมาน้อยแยกเขี้ยวขู่ สถานการณ์ตึงเครียด ในจังหวะนั้นเอง ที่เป้าหมายของดวงยิหวาพากันกระโดดลงจากระเบียง ผู้สังเกตการณ์กับธิดาแห่งอาดามะดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ดวงยิหวาตั้งท่าจะกระโจนตาม แต่กลับถูกขัดขวาง หนึ่งในศัตรูทั้งเจ็ดพ่นเมือกสีดำออกจากปาก ของเหลวนั้นพุ่งตรงมารวดเร็วดุจกระสุนปืน ดวงยิหวากระโดดจากยอดเสา ลอยคว้างกลางอากาศ เมือกนั้นอาบเคลือบแท่งปูนหนา เพียงไม่กี่วินาทีก็กัดกร่อนและทำลายยอดเสานั้นจนเกือบหมด... พิษกรดงั้นรึ?

ดวงยิหวากลับตัวกลางฟ้า ทิ้งน้ำหนักดิ่งใส่ตัวพ่นพิษเมื่อครู่ประหนึ่งทุ่นเหล็กหนักๆ หล่นจากฟ้า เหยียบกระทืบจนมันจมพื้น เกิดรอยร้าวลั่นเปรี๊ยะทั่วชั้น ส่วนพวกมันที่เหลือพากันกระโจนหลบไปคนละทิศละทาง จักรกลคุมจิตอย่างดวงยิหวาไม่รีรอ เหยียดมือข้างที่เหลือออก แปรสภาพนิ้วทั้งห้าเป็นเส้นแส้ สะบัดส่งเสียบทะลุยอดอกพวกมันตัวหนึ่ง แล้วกวาดแส้หวดไปทางด้านข้าง ปัดพวกมันที่เหลือจนกระเด็นกระจัดกระจาย

ไอ้ตัวที่อยู่ใต้ตีนพ่นเมือกพิษใส่ ดวงยิหวากระโดดหลบทันฉิวเฉียด พอตั้งหลักได้ มันก็ทะยานขึ้น มุ่งหวังจะเข้าโจมตี พร้อมพลพรรคทั้งหมดของพวกมันที่รุมล้อมจนชุลมุน เหมือนฝูงไฮยีน่าตะกละตะกราม ใครคนหนึ่งส่งหมัดลุ่นๆ เข้ามา ดวงยิหวาเตะท่อนแขนนั้นขึ้น เสียงดังกร๊อบ คงเป็นเสียงท่อนกระดูกหัก แต่มันไม่มีท่าทีเจ็บปวด ดวงยิหวายกตีนยันอกมัน ถีบออก ตีลังกากลับหลัง วาดปลายเท้าฟาดหัวอีกตัว 

ยังไม่ทันตั้งหลักได้ ศัตรูอีกหนึ่งก็แล่นเข้าใส่ ดวงยิหวาเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ทำให้มือสังหารพลาด ดวงยิหวาอาศัยจังหวะนั้นจ้วงทะลุต้นคอ แล้วฉีกกระชาก ดึงเอาสิ่งมีชีวิตหนึ่งออกมา มันมีรูปร่างหน้าตาคล้ายทาก ขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ ตัวสีดำมะเมื่อม เมือกเหนียวห่อหุ้มไปทั่วร่าง มันกำลังแหกปากร้อง 

สังขารต้นที่ปราศจากการควบคุมร่วงผล็อยราวกับหญ้าถูกฟัน กลายเป็นเพียงซากศพ พวกมันอีกหกที่เห็นเหตุการณ์ชะงักกึก ดวงยิหวาบีบมือแน่น สิ่งมีชีวิตในมือก็ร้องลั่นอีก บีบอีก มันก็ร้องอีก พวกมันทั้งหกแยกเขี้ยวขู่จนน้ำลายยืด 

พลันนั้นมือของดวงยิหวาก็กลายสภาพเป็นหนามนับร้อยเสียบแทงเจ้าตัวนั้นจนมันฉีกขาด แววตาจับจ้องบุตรแห่งซาบารูนที่เหลืออีกหก ท้าทาย

เมื่อเห็นพรรคพวกตาย มันตัวหนึ่งก็โจนทะยานหวังสังหาร ดวงยิหวาเปลี่ยนแขนทั้งท่อนให้กลายเป็นแส้ฟาดใส่ มันชกแส้ทมิฬออกข้าง แต่ช้าไป... ปลายแส้ตวัดอ้อมไปด้านหลัง เจาะเข้าตำแหน่งตายด้วยความแม่นยำ...ฟุบหล่นไปอีกหนึ่ง

ตอนนั้นเองที่ไม่ทันได้ระวังตัว พวกมันที่เหลือพ่นพิษกรดหมายสังหาร ดวงยิหวากระโดดหลบ แต่ไม่พ้น ไฟกรดจึงครอกขาขวา ดวงยิหวารีบเปลี่ยนสภาพอวัยวะให้กลายเป็นเครื่องจักร เพื่อมิให้สังขารต้นต้องบาดเจ็บหนัก ส่วนอีกตัวหนึ่งก็จู่โจมมาพร้อมกัน กระชากหัวดวงยิหวา เหวี่ยงทุ่มลงพื้นรุนแรง อีกตัวเปลี่ยนสภาพร่าง กลายเป็นอสูรกายสีดำยืดยาวแลคล้ายหนวดปลาหมึกยักษ์ ชูสะบัดแล้วฟาดใส่ ดวงยิหวากลิ้งหลบ พิษพ่นมาไม่หยุดยั้ง กลิ้งไปจนเกือบร่วงจากดาดฟ้า จึงยันตัวขึ้นมาได้ ทว่า เจ้าตัวที่รอท่าอยู่แล้ว อาศัยจังหวะ ปรี่มาถีบกลางหลังจนดวงยิหวาจุก

เจ้าหมาน้อยซึ่งเห่าโฮ่งๆ ตลอดเวลา พุ่งเข้าไปกัดพวกมันตัวหนึ่ง แต่คมเขี้ยวสุนัขไม่ระคายผิวสิ่งมีชีวิตนอกพิภพนี้ มันเตะเจ้าลูกหมาจนกระเด็นกลิ้งหลุนๆ หล่นดาดฟ้า เจ้าลูกร้องเอ๋งๆ ตะกายคว้างกลางอากาศ! 

ดวงยิหวาคำรามกึกก้อง ชูแขนขึ้นตรง ปล่อยเส้นใยหนามนับแสนเส้นออกมา เส้นใยเหมือนมีชีวิตมุ่งตามติดศัตรูทั้งห้า ไม่ว่ามันจะหลบไปทางไหน เส้นแส้เหล่านั้นก็พุ่งเข้าไปหา เสียบทะลุร่างพวกมันทั้งห้าในชั่วพริบตาเดียว 

จักรกลคุมจิตกระโดดลงดาดฟ้า ถีบร่างให้พุ่งตัวตามเจ้าลูกหมาด้วยความเร็วสูง พอเอื้อมคว้ามันได้ ก็ดึงกอดกระชับแนบอก พลิกตัวกลับให้มันอยู่ด้านบน เจ้าลูกหมาร้องงี๊ดๆ 

โผล๊ะ!... ดวงยิหวานอนนิ่ง ลืมตาค้าง บนพื้นปูนซีเมนต์หนา ร่างกายซึมซับแรงกระแทกเต็มๆ 

ความคิดชั่วแว่บแล่นเข้ามา... จากที่ใดที่หนึ่ง ในที่ซึ่งแสนไกล ละม้ายมีเสียงกังวานก้องในความคิด

เจตนารมณ์ในการมีชีวิตของข้า... เจตนารมณ์นั้น...

...สังหารสิ้น!!

ดวงยิหวาลุกนั่ง ไร้สะทกสะท้าน เจ้าลูกหมาร่วงจากตัวส่งเสียงหงิงๆ ดวงยิหวาเหลือบมองดูท่อนขาข้างที่ถูกอาบด้วยพิษ... มันมีสีดำ และดูเหมือนว่า พิษนั้นกำลังแผ่ซ่านไปทั่ว

แหงนมองด้านบน พวกมันทั้งห้ายืนเรียงหน้าสลอนตรงขอบดาดฟ้า แล้วทิ้งร่างดิ่งลงมาไม่รีรอ

บุตรแห่งซาบารูนเอ๋ย...

ถ้าปรารถนาความตายนัก จงเข้ามา!





.......................โปรดติดตามตอนต่อไป


คุยกันท้ายบท

สวัสดีครับ ในที่สุดเจ้าเอยก็เดินทางมาถึงตอนที่สิบ
ปลาบปลื้มน้ำตารินไหล ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาถึงวันนี้ได้
ช่วงนี้คนเขียนติดละครด้วยครับ แหะๆ ดูเรื่องเจ้าบ้านเจ้าเรือน
ก็แหม มันสนุกนี่นา (แล้วอย่าบ่นว่าไม่มีเวลาเขียนนิยายนะ ฮึ่ม!!)

ขอฝากอีบุ๊ค แจกฟรี “แคนโต้:เรื่องราวในช่องว่าง” 
อยู่ตรงด้านขวามือของบล็อกนะครับ
เขียนไว้นานแล้ว  ม๊ากมาก... 

แล้วเดี๋ยวจะทยอยเอานิยายเรื่องอื่นมาโฆษณาอีกนะครับ 
ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ขอขายของสักหน่อย ได้โปรดสงสารนักเขียนน้อยๆ ตาดำๆ เถอะก๊าบ)

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันครับ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า เจ้าเอยจะทำยังไง
เมื่อเตชุเจอกับอาวิน (OMG!!!)
แล้วพบกันครับ

กลิ้งโคลงแก้มขาว




Create Date : 14 มีนาคม 2559
Last Update : 14 มีนาคม 2559 13:40:49 น.
Counter : 536 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:17:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2273544
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เชิญติดตามผลงานของบล็อกได้ครับ

.........................



แคนโต้:เรื่องราวในช่องว่าง
แจกฟรี
โดย...กลิ้งโคลงแก้มขาว

ช่องว่าง คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในทุกที่หน
บางครั้งช่องว่างก็นำพา
เอาความหมองหม่นมาให้
แต่บางคราวช่องว่างก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ
ที่ช่วยผลักดันให้หัวใจเติบโต

.........................

***หมายเหตุตัวโตโต***

ขอความกรุณาอย่าลอกหรือนำผลงานใดๆ
ในบล็อกนี้ไปดัดแปลงเลยนะครับ
สงสารนักเขียนตาดำๆ นะค้าบบบ

^o^
กลิ้งโคลงแก้มขาว