มีนาคม 2559

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
15
16
18
19
20
22
23
25
26
27
29
30
 
 
จุติวิบัติ - บทที่ 13
จุติวิบัติ
บทที่ 13

เจ้าเอยออกมาจากบ้านท่านนายพลตอนสามทุ่มกว่าเพราะไม่มีอะไรทำ พ่อยังประชุมไม่เสร็จ และจริงตามที่คาดการณ์ไว้แต่แรก ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันกระหืดกระหอบมาแก้ไขแผนร่างโครงการอย่างเร่งด่วนตามคำสั่งของนายพลประจักษ์

ฟ้าเป็นสีดำสนิท เพราะมีเมฆฝนหนาทึบ ลมพัดแรงจนเศษใบไม้ใบหญ้าปลิวว่อน บนถนนอาบด้วยแสงไฟสีส้มเป็นจุดๆ บางจุดก็มืดสนิท กระดาษหนังสือพิมพ์บินระพื้นอยู่กลางทาง เวลาและสภาพอากาศทำให้ถนนสายนี้ไม่คึกคัก นานๆ ทีจึงจะเห็นเพื่อนร่วมทางสักคันสองคัน

เจ้าเอยนิ่งเงียบภายในรถคันหรู แอบชำเลืองดูเตชุเป็นระยะๆ แล้วก็อยากจะถอนใจให้ตัวเองเฮือกใหญ่ ทีเรื่องอื่นล่ะเก่งกล้าสารพัด ไหงเจออีตาผู้หมวดเข้าไป ทำไมถึงพูดอะไรไม่ออกนะ

นึกถึงผัสสะแห่งอ้อมกอดและกรุ่นอายอุ่นๆ เมื่อครู่ หัวใจยิ่งเต้นตึกตักรุนแรง

เจ้าเอยรีบขับไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมองอันปราดเปรื่องของตน แล้วนึกถึงเรื่องของคุณน้อยแทน คิดแล้วก็อดกังวลไม่ได้ว่าทำไมถึงฝากหินดาวตกไว้ที่เธอ เหตุผลที่คุณน้อยยกมาว่าเธอเป็นนักเขียนที่ชื่นชอบก็ดีหรอก แต่มันก็ติดตรงที่ เพิ่งเจอกันครั้งเดียวนี่สิ หรือจะเป็นกลลวง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าเอยควานหาออกมาจากกระเป๋าหนีบ จ๊อดโทรฯ มา

“มีอะไร” เจ้าเอยถามห้วน

“เป็นห่วงคุณหนูครับ” จ๊อดตอบเฉไฉตามนิสัย “คุณหนูจะให้ผมไปรับไหมครับ”

“ขอบใจ แต่ไม่ต้อง ฉันออกมากับหมวดเต้แล้ว”

“หือ... เป็นแฟนกันแล้วสินะครับ” จ๊อดตีเสียงเศร้าอย่างเสแสร้งสุดๆ

เจ้าเอยอยากเอามืดลอดเข้าไปในโทรศัพท์แล้วข่วนหน้าคนสนิทสักทีสองที

“ตกลงมีอะไรว่ามา” เจ้าเอยเอ็ด

“ผมกับอาวินอยู่แถวบ้านนายพล”

เจ้าเอยนิ่งงัน แลหางตามองดูสารถีดีกรีหรู เตชุได้ยินอะไรรึเปล่าเนี่ย... แล้วพ่อเจ้าประคุณจ๊อดนึกพิเรนทร์อะไรถึงพาอาวินมาล่อใต้จมูกเสือถึงที่นี่!

“มาทำไม้!!”

“เขาบอกว่ามีอะไรต้องจัดการ...”

ไม่ทันจะขาดคำ รถก็เบรกเอ๊ยดจนหมุนคว้างกลางถนน เจ้าเอยร้องกรี๊ด โทรศัพท์ในมือร่วงหล่น ได้ยินเสียงแว่วๆ ของปลายสายลอดออกมา “คุณหนู... คุณหนูครับ...!!” เตชุพยายามบังคับล้อเต็มกำลัง ในขณะที่เจ้าเอยหาที่เกาะไว้มั่นคง หน้าซีดเผือด กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างเกร็งแน่น หัวใจร่วงหายไปไหนไม่รู้ กรี๊ดลั่นตลอดรายการ

รถหยุดขวางกลางถนน กลับหัวกลับหาง ควันที่เกิดจากการเสียดสีลอยฟุ้ง บนพื้นมีรอยดำลากยาว กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งกระจาย 

ไม่รู้ใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะตั้งสติได้ แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เตชุเขย่าไหล่เธอ 

“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ” น้ำเสียงของเขาร้อนรน

เจ้าเอยส่ายหน้า รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังช็อคจนพูดอะไรไม่ออก

“คุณรอผมอยู่บนนี้นะ ผมจะลงไปดูคนเจ็บก่อน”

คนเจ็บ? ใคร? เจ้าเอยชะโงกมองออกไปนอกรถ จึงพบว่าบนพื้นถนนมีหญิงสาวในชุดคลุมสีเทาเข้มกำลังนอนนิ่ง ใบหน้าผินมาทางเธอ ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างจดจ้อง คล้ายจะช่วงชิงจิตวิญญาณออกไป... สายตาแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ เจ้าเอยจำได้แม่นยิ่งกว่าหน้าตัวเองเสียอีก

ดวงยิหวา!

มือเล็กบางคว้าแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนตัวโตหมับ

“อย่าลงไปค่ะหมวด”

“มีคนเจ็บ” เตชุย้ำ ดวงตาของเขาเตือนว่านี่เป็นเวลาฉุกเฉิน

“เราต้องรีบหนี” 

คนถูกเตือนขมวดคิ้วมองหน้าเธอประดุจดั่งไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน สายตาผิดหวังของเตชุพุ่งเขาทิ่งแทงชนิดที่ว่า หากเป็นกระสุนคงพรุนไปทั้งร่าง เขาแกะมือเธอออก ทำท่าจะเปิดประตูลงไป

“หมวด นั่นมัน...”

“ผมทิ้งคนเจ็บไม่ได้”

“มันเป็น...”

ไม่ทันขาดคำ ดวงยิหวาก็ยันร่างขึ้นยืน ผิวหนังผลิตเมือกใสอาบเยิ้มจนยืดย้อยถึงพื้น เจ้าเอยตาค้าง ตาย... ตายแน่... งานนี้เธอตายแน่ๆ ครั้งที่แล้วรอดมาได้เพราะมีอาวินช่วย แต่ตอนนี้อาวินไม่อยู่ เตชุถึงจะเป็นทหาร แต่ก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ซุปเปอร์แมน จะได้เอาชนะสัตว์ประหลาดนอกโลกได้

แต่ดูเหมือนคนตัวโตจะไม่คิดอย่างเธอ เขาเปิดเกะหน้ารถ ฉวยปืนพก ทันใดนั้นเอง สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวก็ซัดเส้นแส้สีดำทมิฬเข้าใส่หน้ารถเต็มแรง จนอาวุธสังหารทะลวงเข้าไปถึงตัวเครื่อง เตชุตะโกนสั่งให้เจ้าเอยรีบลงจากพาหนะ เจ้าเอยเงอะงะเปิดประตู หากขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมเป็นใจ แทนที่จะวิ่งฉิวอย่างนักวิ่งลมกรด เธอกลับร่วงเผละกองกับพื้น ดวงยิหวาถอนแส้สะบัดกลับคืน หันมองเธออย่างเชื่องช้า เสียงปืนดังสนั่น

ปัง!

แผงคอหุบหุ้มศีรษะของดวงยิหวามิดชิด สภาพร่างเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์เว้นแต่แขนขาดข้างหนึ่ง กระสุนกระเด็นหล่นลงพื้น เตชุหายใจถี่เร็ว ค้างนิ่งในท่าถือปืน ก่อนจะลองยิงอีกสองสามนัด แต่ไม่เป็นผล มันตวัดสายแส้โต้ตอบ ชายหนุ่มม้วนตัวหลบการโจมตีทันท่วงที ก่อนจะยิงสวนแม้จะรู้ว่ากระสุนของตนไม่ระคายผิวของอสูรร้ายสักนิด 

วินาทีนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงเห่าโฮ่งดังอยู่ไม่ห่าง ต้นเสียงดังมาจากริมทาง ภาพหมาตัวน้อยกำลังเห่าเอาเป็นเอาตายทำให้เธอได้สติ เจ้าเอยข่มใจ กอดกระเป๋าหนีบไว้แน่น (อย่างน้อยเผื่อจะเอาไว้ฟาดมนุษย์ต่างดาวได้มั้ง) แล้วคลานกระดืบๆ ไปหาลูกหมา อยากจะเขกหัวมันสักทีสองที ออกมาทำไม เดี๋ยวก็ตายไม่รู้ตัวหรอก

พอไปถึง เจ้าเอยก็คว้าเจ้าลูกหมามากอด แล้วเตรียมชิ่งวิ่งหนี ไอ้ตัวเล็กร้องงี๊ดๆ สัตว์ประหลาดนอกพิภพหันขวับ ยิ่งไม่มีดวงตาบนหน้ายิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่ และโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น มันก็เหวี่ยงแส้ออกมาหมายจะจัดการเจ้าเอยให้เสร็จสรรพ เจ้าเอยหลับตาปี๋

สามวินาทีต่อมา เธอยังมีชีวิตอยู่และไม่บาดเจ็บ เจ้าเอยลืมตาขึ้นข้างหนึ่งแอบดู จึงเห็นว่าเตชุเข้าประชิดตัวเจ้าสัตว์ร้าย ในมือกำมีดพกแน่น มันเสียบลงไปที่ต้นคอได้ครึ่งด้าม!

เจ้าเอยไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เขาจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่มันเผลอเข้าจัดการอย่างรวดเร็ว ขนาดอาวินที่เป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนกันแท้ๆ ยังต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะฝ่าการโจมตีเข้าไปหาจักรกลคุมจิตได้... หรือจะเป็นเพราะ มันคิดว่ามนุษย์ไม่มีทางต่อกรกับมนุษย์ต่างดาว จึงประมาทและไม่ระวังตัว

แต่ถึงจะฝากคมแผลเข้าไปได้นิดหน่อย หากผลที่ได้รับกลับไม่คุ้มกับที่เสี่ยง

มัจจุราชต่างพิภพเปลี่ยนสภาพร่างให้กลายเป็นแส้เส้นใหญ่ เสียบทะลวงอกด้านซ้ายของเตชุ แล้วถีบกระเด็นมาตกข้างหน้าเจ้าเอย หญิงสาวตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นคนตัวโตนอนนิ่ง ตาค้าง แผลตรงหน้าอกฉีกขาด เลือดรินไหลมาไม่ขาดสายราวกับตาน้ำผุด อาบชะโลมเสื้อผ้าจนชุ่ม

“หมวดเต้!!”

เจ้าเอยตะกุยตะกายไปหาคนตรงหน้า หัวใจระรัวแทบระเบิดออกจากอก สายตาพร่าเลือน กอดร่างของเขาเอาไว้แน่น เนื้อตัวยังอุ่นๆ แท้ๆ แต่ไม่กระดุกกระดิก เสียงฝีเท้าของสัตว์ต่างดาวก้าวย่ำหนักแน่นมั่นคงมาทางเธอ เจ้าเอยรื้อของในกระเป๋าออก เขวี้ยงใส่มันโดยไม่ลืมหูลืมตา จะเป็นกระปุกกระป๋องเครื่องสำอางค์หรือกระเป๋าเงินก็ไม่สนใจมันแล้ว!

วินาทีนั้นเองที่ล้วงเอาวัตถุลื่นๆ ทรงหยดน้ำและสร้อยคอขว้างออกไป หินดาวตกที่คุณน้อยให้มากลับหยุดกลางอากาศเปล่งแสงเรืองรองผ่องอำไพ รังสีพรรณรายพรายพราว ทั้งแดงส้มอมเขียว แกมด้วยครามตามฟ้า แซมแทรกด้วยม่วงหยดย้อย ระยิบระยับจับทองอำพันและเงินยวง อสูรกายนอกโลกเมื่อต้องแสงนั้นก็กลับร่างกลายเป็นเด็กสาวดวงยิหวาร่างเปลือยเปล่าที่เหลือแขนเพียงข้างเดียว 

“อัญมณีแห่งดูน!” จักรกลคุมจิตเอ่ยเสียงต่ำ

ไม่ทันที่มันจะทำอะไร เสียงแตรรถก็ดังสนั่น อาวินกระโจนออกมาพร้อมดาบในมือ จ๊อดตบไฟสูงส่องดวงยิหวาจนเจ้าตัวต้องเอามือบัง ผู้สังเกตการณ์ชี้ดาบในมือ ท่วงท่าประหนึ่งนักรบโบราณผู้สง่างาม สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ ดวงยิหวาก้าวถอย 

อัญมณีแห่งดูนร่วงลงพื้น กลายเป็นหินสีดำไร้รังสีแพรวพราย

“ผู้สังเกตการณ์” มันกล่าวอาฆาต “ข้าจะกลับมา จัดการพวกเจ้าให้สิ้นซาก”

แล้วร่างเปลือยนั้นก็วิ่งหายไป เจ้าลูกหมาเห่าโฮ่ง วิ่งไล่ตาม

อาวินมาหยุดยืนตรงหน้าเจ้าเอย หญิงสาวเริ่มได้สติ จึงเริ่มร้องไห้ เตชุไม่ขยับเขยื้อนเลย ไม่ร้องสักแอะ และไม่หายใจ!

“จ๊อด” เจ้าเอยร้อง “ไปโรงพยาบาลเร็ว!”

คนสนิทหน้าตื่น วิ่งเข้ามาจะช่วย หากอาวินยกแขนห้ามไว้

“เสียเวลาเปล่า วิทยาการของพวกเจ้ามิอาจรักษาบุตรแห่งอาดามะผู้นี้ได้ บาดแผลที่เกิดจากจักรกลคุมจิต แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือแม้แต่จิตมารดา ก็ยังหวั่นเกรง”

เจ้าเอยน้ำตาไหลอาบสองแก้ว ปั่นป่วนไปหมด ดึงขากางเกงอาวิน “ช่วยเขาหน่อยได้ไหม”

คนถูกถามส่ายหน้าเบา

“ไม่จริง!”

“คุณหนู” จ๊อดเข้ามาใกล้ “ใจเย็นก่อนนะครับ”

“เย็นได้ไงล่ะจ๊อด เขาช่วยฉันนะ หมวดเต้เขาช่วยฉันนะโว้ย! ฉันจะปล่อยให้เขาตายได้ไง”

“คุณหนูครับ” 

จ๊อดพยายามจะเข้าใกล้ แต่เจ้าเอยผลักเขาล้มก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะตะเกียกตะกาย ทั้งลากทั้งดึงร่างของเตชุ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย... เธอจะพาเขาไปหาหมอ ต้องมีสิ สักคนที่ช่วยเขาได้ คนเก่งๆ มีตั้งเยอะ ส่งคนไปสำรวจอวกาศก็มีกันแล้ว แค่ช่วยชีวิตคนๆ เดียวทำไมจะทำไม่ได้!

อาวินขยับมาขวาง เจ้าเอยผลักขาเขาออก แต่ชายหนุ่มยืนมั่นคง 

“หากเจ้าใช้อัญมณีแห่งดูนได้... อาจจะพอมีหนทางนำชายผู้นี้กลับมาจากโลกหลังความตาย”

เจ้าเอยนิ่ง อาวินเดินไปเก็บหินดาวตกมาส่งให้แก่เธอ 

“อัญมณีแห่งดูน คือศิลาศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่หมายปอง ศิลาที่ให้กำเนิดชีวิต และเป็นต้นธารของสรรพสิ่งทั่วจักรวาล”

เจ้าเอยเอื้อมรับ ไม่เข้าใจเลยว่า อาวินจะให้เธอทำยังไงกับเจ้าสิ่งนี้ หนุ่มต่างดาวคงอ่านใจเธอตามอำเภอใจอีกแล้ว เลยว่า

“จงใช้มัน เฉกที่เจ้าใช้เมื่อครู่”

ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เมื่อตะกี้เธอขว้างมันออกไป แต่อาวินคงไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อาจจะหมายถึง ความรู้สึกล่ะมั้ง... ความรู้สึกห่วงใย ความรู้สึกอยากปกป้อง... ความรู้สึกนี้...

เจ้าเอยวางอัญมณีสีดำลงบนปากแผลของเตชุ หลับตานิ่ง แสงสว่างกระจ่างเรืองรองอีกคราว รังสีหลากหลายแผ่ขยายดุจดั่งแสงเหนือบาดแผลเริ่มกลับคืนแล้วปิดสนิท เตชุกระอักเอาพิษสีดำกับเมือกเหนียวออกมาจากปาก แผ่นอกกว้างขยับเคลื่อนไหวขึ้นลง และปรือตาขึ้น 

ชายหนุ่มกุมมือเจ้าเอย ก่อนจะหลับไปอีกคราว




เจ้าเอยนั่งเฝ้าเตชุอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล อาการบาดเจ็บหนักๆ ไม่หลงเหลือแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยความบอบช้ำอยู่ 

หลังจากใช้อัญมณีช่วยเหลือเขาจนปลอดภัยแน่แล้ว เจ้าเอยก็บอกให้จ๊อดพาอาวินกลับไปยังที่พักก่อนแล้วค่อยตามมารับเธอที่โรงพยาบาล เพราะไม่ต้องการให้ใครตามสืบมาพบ และรอให้ทีมแพทย์มาช่วยเหลือ ทุกคนต่างแปลกใจที่เตชุไม่เป็นอะไรหนักหนา ทั้งที่สภาพแวดล้อมยับเยินเกินจะเยียวยา 

เตชุพอจะได้สติขึ้นมาให้ปากคำสั้นๆ เขาพูดถึงเรื่องการถูกโจมตีโดย “ใครก็ไม่รู้” และทิ้งค้างไว้แค่นั้นให้ตำรวจไปสืบต่อกันเอาเอง 

เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงนำโด่งมาเมื่อประตูห้องเปิด

“อาเต้”

เด็กหญิงสาวผูกเปียไว้ด้านหลัง พอเห็นเจ้าเอยก็ผงะเล็กน้อย เหมือนตกใจ ก่อนจะไหว้ ย่อตัว กระโดกกระเดก

“สวัสดีค่ะ คุณอาแฟนอาเต้”

เจ้าเอยอ้าปากจะปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มที่จูงมือเด็กชายอีกคนตามหลังเข้ามาร้องห้าม

“มิ้ลค์ อย่าเสียงดัง”

“อาเอ๋ย” น้องแม็กซ์ที่ซ่อนอยู่หลังพ่อโผล่หน้าออกมา 

เจ้าเอยเลยต้องแนะนำตัวเองกับทุกคนอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าพร้อมพลและครอบครัวเป็นเพื่อนสนิทกับเตชุ แม็กซ์กับมิ้ลค์พยายามเบียดกันขึ้นมานั่งบนตักเธอ เด็กชายค่อนข้างเงียบ ในขณะที่เด็กหญิงจะซอกแซกถามนู่นถามนี่เยอะกว่า จนหลายคำถามเจ้าเอยถึงกับปวดหัว

พร้อมพลถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าเอยเล่าให้ฟังเพียงคร่าวๆ เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นใคร คุยกันจนจวนจะเลยเที่ยงคืน จ๊อดเองมารอด้านล่างแล้ว เจ้าเอยเลยออกจากห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับครอบครัวของพร้อมพลมาถึงลานจอดรถ

“คุณเอ๋ยไม่ต้องห่วงนะครับ คิดว่าตำรวจคงจับคนร้ายได้เร็วๆ นี้” พร้อมพลบอก “ยังไงซะก็มีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ”

“กล้องหน้า... เหรอคะ”

“ครับ สมัยนี้ต้องระวังตัวไปหมดทุกอย่าง นายเต้เลยติดกล้องหน้ารถไว้ ใช้เป็นหลักฐานได้”

เจ้าเอยพยักหน้าอือออตาม ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า อาจจะจับภาพดวงยิหวาตอนกลางร่างได้น่ะสิ... ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี จะได้เป็นหลักฐานยืนยันบทความของเธอ!

แต่ที่แย่ที่สุดคือ กล้องนั้นเป็นของเตชุ และตำรวจที่เอาไปตรวจสอบก็เป็นคนของรัฐ

ไม่มีทางที่พวกนั้นจะเผยแพร่คลิปออกไปแน่

เจ้าเอยหันไปมองหน้าจ๊อด ลูกน้องคนสนิทยิ้มกว้าง

หนทางเดียวที่จะเอามันมา... และเธอรู้ว่าจ๊อดจะต้องทำได้




ทำไมอัญมณีแห่งดูนจึงตกอยู่ในมือธิดาแห่งอาดามะผู้นั้น!

ดวงยิหวาทรุดร่างเปลือยเปล่าลงหน้าตึกติดถนนใหญ่ เจ้าลูกหมาเบียดตัวขดข้างๆ ใช้ขาหลังเกาคอ... นี่เพียงแค่เศษเสี้ยวแห่งอัญมณี ยังทำให้พลังงานเสื่อมสลายมากถึงเพียงนี้ หากธิดาแห่งอาดามะปลุกพลังของมันขึ้นเต็มกำลังละก็ คงไม่เหลือแม้แต่ซากให้อาวรณ์

แสงไฟจากหน้ารถยนต์สาดสว่างจับร่างเธอ ดวงยิหวาหมดเรี่ยวแรงขยับ ได้แต่หรี่ตามอง เจ้าลูกหมาลุกขึ้นเห่าโฮ่งเสียงดัง มีเสียงคนพูดคุยจับความไม่ได้ แล้วก็ได้ยินเสียงเรียก “แจ็ค”... นามที่เคยได้ยินเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนบ่าย ที่สวนสาธารณะ

หรือจะเป็นเด็กชายคนนั้น

“คุณครับ... คุณ...” 

เสียงอ่อนโยนสุภาพดัง พร้อมมือหนาที่เอื้อมมาแตะ เขย่าตัว ดวงยิหวาตาปรือ เห็นเพียงดวงหน้าของบุตรแห่งอาดามะ 

“แม็กซ์ มิ้ลค์ เข้าบ้านก่อนลูก”

สังหาร... จักสังหาร...

“คุณ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะครับ คุณ!”

ระบบชีวภาพปิด ระบบรับสัญญาณภาพดับ... 

ดวงยิหวานอนนิ่งไม่ติงไหว


......................โปรดติดตามตอนต่อไป



คุยกันท้ายบท

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน 
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงบทที่ 13 นะครับ
วันนี้มาอัพไว (ทั้งที่ไม่ใช่วันจันทร์) 
พอดีขยันผิดปกติครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ช่วงนี้คนเขียนงานยุ่งมากครับ เลยกะว่า
จะรีบๆ ปั่นเจ้าเอยให้จบภาคหนึ่งก่อน
(เรื่องนี้วางไว้สองภาค แต่เรา
เอาภาคแรกให้จบกันก่อนเถอะเนาะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า) 
ถ้าช่วงไหนปั่นไว ก็จะอัพอาทิตย์ละสองวันนะครับ จ. กับ พฤ.
แต่ถ้าช่วงไหนปั่นไม่ออก ก็คงอัพแค่วัน จ. วันเดียว 

แล้วมีใครสังเกตบ้างเอ่ย... 
ผมเปิดหมวดใหม่ในบล็อกแล้วนะครับ 
ว่าด้วยเรื่องการเขียนนิยาย
แล้วก็เพิ่งเริ่มทำเพจกลิ้งโคลงแก้มขาว
ฝากติดตามกันด้วยนะครับ ^O^

วันก่อนคุยกับเพื่อน (เจ้ากบ) 
ถามว่านิยายเรื่อง จุติวิบัติ นี้จะขายรึเปล่า
ผมก็เลยบอกไปว่า ไม่ได้ตั้งใจ
จะเขียนเรื่องนี้ขายแต่แรกอยู่แล้ว 

เหตุผลคือ หนึ่ง ผมไม่ได้เขียนนิยายมากนานมากจนสนิมจับ 
นิยายเรื่องนี้คือการเคาะสนิมเพื่อจะเขียนนิยายเรื่องอื่นๆ ต่อ
สอง นิยายเรื่องนี้ถือเป็นสนามฝึกมือครับ เพื่อพัฒนาจุดอ่อนให้ดีขึ้น
สาม อันนี้สำคัญมาก ผมอยากเขียนนิยายสนองนี้ดตัวเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คือบางที บางอารมณ์ผมก็อยากอ่านอะไรแปลกๆ มั่ง 
(และคิดว่าอยากมีคนอ่านอะไรแปลกๆ เหมือนผมมั่งล่ะน่า)
เพราะงั้น ถ้าใครอ่านมาตั้งแต่บทที่หนึ่งจนถึงตอนนี้แล้วรู้สึกว่า
เฮ้ย เริ่มหลุดโลกขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ 
เป็นนิสัยผมนี่แหละ!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า

สำหรับตอนต่อไป การเปิดเผยของมนุษย์ต่างดาว... 
อย่าลืมติดตามชมนะค้าบบบบ


ปล. ช่วงนี้หมอกควันที่เชียงรายหนามากเลยครับ 
ใครอาศัยอยู่ในพื้นที่หมอกควันหนาๆ อย่าลืมใช้หน้ากากนะครับ ^O^ 

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Silent Hill !!! 









Create Date : 24 มีนาคม 2559
Last Update : 24 มีนาคม 2559 12:07:46 น.
Counter : 635 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:16:09:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2273544
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เชิญติดตามผลงานของบล็อกได้ครับ

.........................



แคนโต้:เรื่องราวในช่องว่าง
แจกฟรี
โดย...กลิ้งโคลงแก้มขาว

ช่องว่าง คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในทุกที่หน
บางครั้งช่องว่างก็นำพา
เอาความหมองหม่นมาให้
แต่บางคราวช่องว่างก็กลายเป็นสิ่งสำคัญ
ที่ช่วยผลักดันให้หัวใจเติบโต

.........................

***หมายเหตุตัวโตโต***

ขอความกรุณาอย่าลอกหรือนำผลงานใดๆ
ในบล็อกนี้ไปดัดแปลงเลยนะครับ
สงสารนักเขียนตาดำๆ นะค้าบบบ

^o^
กลิ้งโคลงแก้มขาว