ครั้งแรกพระองค์ทรงไม่คิดที่จะขึ้นไปบนมหาปราสาทอีกแต่สุดท้ายพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนพระทัยและทรงเสด็จไปที่ห้องของพระนางและราชบุตร

เจ้าชายสิทธัตถะทรงทอดพระเนตรพระนางยโสธราพิมพาและพระโอรสที่กำลังบรรทมอยู่พระองค์ทรงอยากที่จะอุ้มพระโอรสและบอกลาพระชายาแต่ก็ทรงเปลี่ยนพระทัยเป็นครั้งที่สอง

พระองค์ทรงคิดว่าถ้าทรงปลุกพระชายาและพระโอรสแผนที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้อาจจะต้องเปลี่ยน ตอนนี้พระองค์ทรงแน่พระทัยว่าสิ่งที่พระองค์กำลังจะทำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดณ เวลานี้ และเป็นสิ่งเดียวที่พระองค์ไม่คิดจะเปลี่ยนพระทัย

เมื่อทรงลงมาจากมหาปราสาท พระองค์ทรงไม่รั้งรอที่จะทำตามในสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนาและตัดสินพระทัยแล้วพระองค์เสด็จมาตรงที่หน้าวัง

นายฉันนะได้เตรียมม้ากัณฐกะตามที่พระองค์ทรงมีพระบัญชาเมื่อพระองค์เสด็จมา นายฉันนะได้เข้าเฝ้าพระองค์ พระองค์ไม่ทรงตรัสอะไรนายฉันนะเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับพระองค์เพราะเขาแน่ใจว่าพระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย

เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จขึ้นม้ากัณฐกะพร้อมด้วยนายฉันนะม้ากัณฐกะเป็นม้าหนุ่มที่แข็งแรงมาก ก่อนที่พระองค์จะทรงม้ากัณฐกะออกไปจากพระราชวังทรงหันมองมาที่มหาปราสาทอีกครั้งนับเป็นครั้งสุดท้ายที่ทรงนึกถึงพระนางพิมพาและพระราชบุตรแต่ภายในพระทัยทรงรำลึกรู้ว่ามีสิ่งที่พระองค์เสาะแสวงหารอพระองค์อยู่

พระองค์ทรงม้ากัณฐกะข้ามกำแพงพระราชวังในส่วนที่ข้ามได้ง่ายที่สุดณ เวลานั้น เป็นเวลาที่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะไปนึกถึงสิ่งใดม้ากัณฐกะเองก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนกับรู้ว่าคืนนี้มันต้องทำหน้าที่สำคัญที่สุดในชีวิตเพื่อเจ้าชายสิทธัตถะ

ประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว

ถึงแม้ภายในวิหารแห่งเทพโพไซดอนจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นเจ้าหญิงไอซิสที่เสด็จมาในชุดเสื้อคลุมที่รัดกุมพระนางเสด็จมาด้วยเป้าหมายบางอย่างที่พระนางเองก็ไม่คิดว่าพระนางจะกล้าทำเยี่ยงนี้

ห้องใต้ดินของมหาวิหารมีนักคิด 7สาขากำลังปรึกษาหารือกันในเรื่องความอยู่รอดของแอตแลนติสหลังจากเมื่อไม่นานมานี้มีการจมหายของพื้นที่บางส่วนของเกาะ ทำให้นักคิดหลายคนเริ่มสนใจคำทำนายของผู้ทรงคุณโบราณว่าแอตแลนติสมีสิทธิ์ที่จะจมหายไปทั้งเกาะการประชุมปรึกษาหารือจึงมีบ่อยขึ้น จนในที่สุดพระราชาได้อนุญาตให้นักคิดทั้ง 7สาขาสามารถใช้ห้องใต้ดินของมหาวิหารแห่งเทพโพไซดอนได้

ในบรรดานักคิดทั้ง 7นั้น หัวหอกคนสำคัญคือโอซิลิส เมื่อก่อนนักคิดคนอื่นมักจะไม่ค่อยเชื่อฟังเขาแต่หลังจากการที่เขาพิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีหลายอย่างของเขาถูก เขาก็ถูกยกฐานะให้เป็นหัวหน้านักคิดซึ่งหนุ่มที่สุดเท่าที่แอตแลนติสเคยมีมา

ขณะที่เหล่านักคิดกำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนว่าแอตแลนติสส่วนที่เหลือจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรเมื่อไหร่ลิฟท์ตรงมุมห้องใต้ดินก็เปิดออก ทุกคนตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าสิ่งที่ทุกคนเห็นคือหญิงสาวที่สวมชุดผ้าคลุมสีเทาจนมิดศีรษะ เว้นไว้แค่ช่วงใบหน้า แต่นางก็ก้มหัวลงทำให้มองไม่ชัดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร

ธีลิสนักคิดคนหนึ่งจึงลุกขึ้นและทักขึ้นก่อน

“เจ้าเป็นใคร มีประสงค์สิ่งใด”

หญิงสาวคนนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นพร้อมกับค่อยๆปลดผ้าคลุมหัวออกธีลิสถึงกับตกตะลึง “เจ้าหญิงไอซิส”

นักคิดทั้งหมดลุกขึ้นยืนพร้อมก้มหัวลงให้พระนางทุกคนต่างรู้ว่าพระนางต้องมาหาโอซิลิสแน่ๆเพราะโอซิลิสถูกวางตัวให้เป็นราชบุตรเขยของพระราชาแห่งแอตแลนติส

นักคิดทั้ง 6คนต่างค่อยๆทยอยไปที่ลิฟท์อย่างรู้กาลเทศะทิ้งไว้ให้เจ้าหญิงไอซิสได้มีโอกาสอยู่กับ โอซิลิสตามลำพัง

โอซิลิสพูดกับเจ้าหญิงไอซิสแบบคนที่คุ้นเคย

“ข้ารู้ว่าถ้าเจ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายเสด็จพระองค์หญิงแห่งแอตแลนติสคงไม่ทรงเสด็จมาที่นี่หรอก”

เจ้าหญิงไอซิสทรงยิ้ม

“อย่ามัวแต่หยอกข้าอยู่เลยข้ามีเรื่องด่วนมาแจ้งเจ้าจริงๆ”

“เรื่องด่วน” โอซิลิสทวนคำพูดของเจ้าหญิง

“ใช่ เรื่องด่วน และเป็นเรื่องที่ท่านควรจะรู้ในวันนี้ด้วย”

โอซิลิสถอนหายใจ“เรื่องด่วนของเจ้าคือเรื่องใดเหรอ”

“เรื่องที่ท่านเคยทำนายว่าแอตแลนติสส่วนที่เหลือทั้งหมดจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรในอีก3เดือนข้างหน้านั้น ท่านทำนายผิดนะ”

โอซิลิสตกใจมากและรู้ว่าเรื่องแบบนี้เจ้าหญิงไม่ทรงล้อเล่นเป็นแน่

“และเมื่อไหร่ล่ะ ไอซิส”

เจ้าหญิงไอซิสกล่าวให้โอซิลิสฟังอย่างแจ่มชัด

“อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า”

Create Date : 05 สิงหาคม 2557
Last Update : 5 สิงหาคม 2557 8:38:10 น.		0 comments
Counter : 469 Pageviews.
Share Tweet