ตามรอยนักองค์มี ราชินีที่โลกลืม ตอนที่ 1 (2)
สิ่งที่สำคัญมากของปราสาทแห่งนี้คือจารึกหลักที่ 2 ได้มีรายพระนามของกษัตริย์กัมพูชาทุกพระองค์จนมาถึงสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 สมัยของพระองค์ห่างจากพระเจ้าชัยวรมนที่ 2 นานถึง 260 ปี ที่น่าสนใจมากๆคือทำไมพระองค์ทรงเรียงลำดับกษัตริย์ก่อนหน้าพระองค์ประมาณ 13 พระองค์ได้อย่างแม่นยำทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นจารึกของหลายปราสาทไม่ได้บอกอะไรที่ชัดเจนนัก ทำให้จารึกหลักที่ 2 ของปราสาทสด๊กก๊อกธมมีความสำคัญมาก และเชื่อไหมครับว่ามีชาวตะวันตกหลายคนอยากได้จารึกหลักนี้ไปครอบครอง แต่พวกเขาไม่สามารถจะนำไปได้ ปัจจุบันจารึกทั้งสองหลักของปราสาทแห่งนี้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีที่หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้มีการสันนิษฐานว่าจารึกหลักนี้จารึกในสมัยปี ค.ศ. 1052 นั่นเป็นช่วงต้นรัชสมัยของพระองค์ด้วยซ้ำไป แสดงว่าการวางแผนสร้างปราสาทและจารึกได้มีการวางแผนตั้งแต่พระองค์ทรงปกครองอาณาจักรในช่วงแรกๆ ทำให้สามารถมองได้ว่า พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ทรงสนพระทัยในประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นอย่างมาก และทรงวางแผนในการทำศิลาจารึกเป็นอย่างดี ตอนผมเดินเข้าไปในป่าเรื่อยๆเราจะเห็นกำแพงของปราสาทก่อน แค่นั้นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วครับ พอเดินมาจนถึงพื้นหินที่เป็นทางเดินมุ่งสู่ตัวปราสาทที่พอจะรู้ได้ว่าเป็นทางเดินหินสมัยโบราณ ผมก็รู้สึกดีมาก ถึงแม้ปราสาทสด๊กก๊อกธมจะเป็นปราสาทที่ไม่อลังการเท่าปราสาทนครวัด แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าปราสาทนี้งดงามมากและมีขนาดที่พอเหมาะ พระองค์ยังได้ทรงสร้างปราสาทบาปวนในเขตเมืองพระนครที่กัมพูชา ซึ่งปราสาทบาปวนอลังมากกว่าสด๊กก๊อกธมเยอะ แต่คงไม่แปลกเพราะคงสร้างใกล้กับวังของพระองค์ ผมชอบทางเดินมุ่งไปยังปราสาทบาปวนมาก เพราะมันยกพื้นสูงและดูอลังมากๆ แต่ทางเดินของสด๊กก๊อกธมก็ดูดีเพราะมีเสานางเรียงประดับไว้อย่างสวยงาม (ตามจินตนาการ) มีหลายคนบอกว่าตอนบนสุดของปราสาทบาปวนคือลูกโลก ผมก็เลยสงสัยมากว่าพระองค์รู้ได้อย่างไรว่าโลกกลม แถมด้านตะวันตกของปราสาทบาปวนยังมีการเรียงหินให้เป็นพระนอนขนาดยักษ์ซึ่งสวยงามมากๆ แสดงว่าพระองค์ต้องศรัทธาในพุทธศาสนาและต้องมีหลักของสุนทรียศาสตร์และมีหลักคิดในเรื่องความงามที่โดดเด่นมากๆ ตอนนี้เราเริ่มจะมีหลักฐานมากขึ้น มากพอที่จะทำให้รู้ได้ว่าพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ทรงเป็นศิลปินและทรงเป็นเลิศในด้านศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์และน่าจะวิทยาศาสตร์ด้วยนะที่พระองค์ทรงสนพระทัย เรามาว่ากันถึงชื่อของปราสาทสด๊กก๊อกธมกันดีกว่า ลุงปรีชาบอกว่าสมัยก่อนปราสาทหลังนี้ชาวบ้านจะเรียกว่า ปราสาทเมืองพร้าว เพราะคนสมัยก่อนนานมาแล้วจะมองเห็นไกลๆว่าแถวนั้นมีต้นมะพร้าวอยู่เยอะ และแทบจะไม่เห็นตัวปราสาท แต่เอาเขาจริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะที่ตรงนั้นไม่มีต้นมะพร้าวหรอก ที่ๆปราสาทถูกเนรมิตขึ้นจะมีลักษณะคล้ายๆเมืองลับแล คือมองไกลๆเห็นอีกอย่าง แต่เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วจะเห็นอีกอย่าง และนี่คือความลึกลับของพื้นที่แถบนั้น และถ้าจะดูกันจริงๆ ปราสาทสด๊กก๊อกธมน่าจะแฝงตัวอยู่ในป่าลึก แต่ปัจจุบันเดินเข้าไปได้ง่าย เพราะได้มีการตัดถนนเข้ามาใกล้ตัวปราสาท
Create Date : 02 มกราคม 2556 |
Last Update : 2 มกราคม 2556 2:19:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1402 Pageviews. |
|
|