กันยายน 2557

 
1
2
3
4
5
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
6 กันยายน 2557
เนรมิตอักษรา 19

บทที่ 19

เดจาวู


หน้าที่การงานใหม่เริ่มต้นได้เดือนกว่าวราลีรับเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แฟนหนุ่มอย่างทุลักทุเลในช่วงสองสามวันแรกจนกระทั่งปรับตัวและคุ้นชินกับหน้าที่มากขึ้น แม้จะเจอเรื่องหนักในแต่ละวัน ทั้งนอนดึกตื่นเช้าเธอยังหาเวลาว่างแก้ไขต้นฉบับ โดยมีแผนจะเขียนนิยายเรื่องใหม่แนวแฟนตาซี ตามที่เคยฝันเห็นสถานที่แปลกตาและสวยงาม


การแก้ต้นฉบับของนักเขียนสาวเป็นไปอย่างราบรื่นเพลิดเพลินจนอยากให้ตัวละครในนิยายออกมาโลดแล่นบนโลกชีวิตจริง เธอนึกฝัน หากนิยายเรื่องนี้ได้ทำเป็นละครขึ้นมาจะเป็นอย่างไรวราลีแก้ไปยิ้มไปสนุกสนาน


“ตัวเล็ก พี่มีข่าวดีมาบอก”


ศาสวัตส่งเสียงมาแต่ไกลทำวราลีละสายตาจากปึกกระดาษเอสี่กว่าสองร้อยแผ่น วางปากกา หันมองแฟนหนุ่มซึ่งยกมือเสยผมสลวยบดบังเสี้ยวหน้าคมคาย


“พักกองแล้วเหรอคะ”


เขาพยักหน้า “เบรกครึ่งชั่วโมง”ศาสวัตคลี่ยิ้ม “รู้ไหมพี่ได้รับบทเป็นพระเอกแล้วนะ”


วราลีนิ่งไปอึดใจ ทำตาโตและกะพริบปริบๆสองสามครั้งอย่างตกตะลึง


“จริงเหรอ! ดีจังเลย พี่ศาสได้เป็นพระเอกแล้ว”


ประกายสายตาฉายแววยินดีกับความสำเร็จไปอีกขั้นของศาสวัตแม้จะแอบผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเขาไม่ได้เล่นเป็นพระเอกให้กับนิยายของเธอตามที่หวังไว้วราลีบอกกับตัวเองจะพยายามต่อไปสักวันเขาต้องได้รับบทเป็นตัวละครจากผลงานของเธอแน่ๆ เธอเชื่อมั่นอย่างนั้น


“ก่อนเปิดกล้องเรื่องใหม่ ไปดูบรรยากาศกับสถานที่ถ่ายทำกันไหม”ศาสวัตชวน


“ได้เลยค่ะเจ้านาย” วราลีหรี่ตามองคนรักอย่างทะเล้นพร้อมยิ้มแก้มปริ


“ว่าแต่ต้นฉบับที่แก้ไขมีอะไรเพิ่มเติมเยอะหรือเปล่า”


ศาสวัตโยนหินถามทางอยากรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงว่ามีมากน้อยอย่างไร และหากแก้ไขจริงจะตรงใจเขาหรือไม่นั้นคือสิ่งซึ่งใคร่รู้ แม้งานเขียนจะถูกแก้ไขไปบ้างแล้วแต่เขาเชื่อว่าในบางตอนยังเพิ่มเติมรายละเอียดอย่างอื่นลงไปได้อีกมากมาย


“ก็นิดหน่อย”


“ก่อนส่งสำนักพิมพ์ให้พี่ตรวจก่อนได้หรือเปล่า”


ศาสวัตเท้ามือไปตรงพนักเก้าอี้ที่วราลีนั่งเขายกมือยีผมสลวยของเธออย่างมันเขี้ยวก่อนเดินกลับเข้ากองถ่ายเพื่อเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง



ภายในห้องโดยสารเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศหน้ารถน้ำหอมที่เสียบไว้กับช่องระบายลมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ สร้างบรรยากาศดีระหว่างคู่รักซึ่งพูดคุยสนุกสนานในรถยนต์คันดังกล่าวขณะเดินทางสู่จุดหมาย


“พี่ศาสจะไปดูสถานที่ถ่ายละครตรงไหนคะทำไมแถวนี้วรารู้สึกคุ้นบอกไม่ถูก”


วราลีโพล่งถามเมื่อเห็นสายถนนคุ้นตาแม้ไม่ค่อยใช้เส้นทางนี้บ่อยนัก แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเพิ่งผ่านเมื่อไม่นานนี้เธอลังเลสับสนกับความคิดซึ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก


“เดี๋ยวนี้ถนนทางหลวงไม่ว่าเส้นไหนก็เหมือนกันหมดผู้จัดการคนเก่าของพี่ขับรถหลงประจำ”


ศาสวัตหลุดยิ้มเมื่อนึกถึงครั้งหนึ่งตอนเดินทางไปถ่ายละครแม้สถานที่ถ่ายทำจะอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าเส้นทางวกวนและคล้ายกันหมดอย่างนี้ทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของเขาขับรถหลงทางอยู่เป็นชั่วโมงโดนผู้กำกับต่อว่ายกใหญ่โทษฐานมาทำงานสาย


รถยนต์ขับเคลื่อนตามเส้นทางผ่านคลองรังสิตตั้งแต่คลองหนึ่งจนเข้าคลองสี่ ศาสวัตควบคุมพวงมาลัยพร้อมตบไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลนเป็นขวาสุดวราลีนึกคิด เขาต้องกลับรถเพื่อขึ้นสะพานปูนสีชมพู และที่ตั้งนั้นคือสวนสนุก ‘ดรีมเวิลด์’


“พี่ศาสมาดูสถานที่ในสวนสนุกเหรอ”


เขาไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าและส่งยิ้มให้พวงมาลัยรถถูกหมุนจนสุดรอบเพื่อกลับรถ ก่อนส่งสัญญาณไฟซ้ายเลี้ยวขึ้นสะพานตามคิดไว้ไม่ผิดวราลีจดจำได้จากความฝันเลือนราง


ป้าย DreamWorld หลากสีสันบนเนินหญ้าสูงฉุดสายตาก่อนจะถึงทางเข้าสวนสนุกซึ่งเป็นจุดปลายทางศาสวัตนำยวดยานจอดยังลานโล่งกว้าง หลังลงจากรถ เขาเดินขนาบข้างวราลีตรงไปยังเคาน์เตอร์ขายบัตรผ่านประตูเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงชูบัตรนั้นอวดแฟนสาวครู่หนึ่งก่อนส่งให้เธอถือไว้


ศาสวัตกระชับหมวกปีกยาวอำพรางใบหน้าแว่นตาดำที่เหน็บไว้กับเสื้อยืดสีเทาถูกดึงขึ้นสวมใส่ คู่รักเดินจูงมือเข้าสวนสนุกภายในใจของวราลีวูบไหวอย่างประหลาดเมื่อจำได้ว่าเคยมาที่นี่กับชายคนหนึ่ง


นักเขียนสาวชำเลืองมองศาสวัตเล็กน้อยและทวนความจำชายในฝันช่างเหมือนเขาคนนี้ หรือหลังประสบเหตุรถชนจะเกิดบางสิ่งที่เรียก ‘เดจาวู’ ขึ้นกับเธอการนึกคิดหรือเห็นภาพต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นจนเหตุการณ์เหล่านั้นย้อนกลับมาอีกครั้งเฉกเช่นตอนนี้


“พี่ศาสขอดูกระเป๋าสตางค์หน่อย”


ศาสวัตหยุดฝีเท้าพร้อมเลิกคิ้วประหลาดใจทว่ายอมหยิบให้แต่โดยดี ในกระเป๋าสตางค์ของเขามีแบงค์พันหนึ่งใบกับบัตรเครดิตอีกสามใบตามที่เธอเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง


“ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย” เธอพึมพำกับตัวเอง


“มีอะไรหรือเปล่า?”


ชายหนุ่มเห็นสีหน้าตระหนกของแฟนสาวก่อนปรับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว


“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”


ทั้งสองเดินต่อจนถึงบริเวณสวนดอกไม้ผู้คนมากมายยังสถานที่นั้นหยิบจับกล้องและโทรศัพท์มือถือขึ้นเก็บภาพถ่ายสวยงาม นักท่องเที่ยวเลือกสันมุมถ่ายรูปสนุกสนานจนวราลีนึกอยากเก็บภาพเหล่านั้นบ้างเธอหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดเข้าเมนูกล้อง ยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นสูง โฟกัสตรงใบหน้าของเธอกับศาสวัตพร้อมชูสองนิ้วและกดถ่ายรอยยิ้มสดใสของคู่รักทำวราลีนิ่งคิด ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วจริงๆ


ศาสวัตพาวราลีเดินทั่วสวนสนุก เล่นเครื่องเล่นต่างๆภายในนั้นจนหนำใจ ศาสวัตจดจำทุกมุมของสวนสนุกแห่งนี้ไว้เพื่อเตรียมตัวกับการแสดงผ่านไปค่อนวันหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยคู่รักเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดตรงซุ้มเกมปาลูกโป่งเธออยากทดสอบอีกครั้งว่าคราวนี้จะเป็นอย่างในฝันหรือไม่


“พี่ศาส...วราอยากได้ตุ๊กตาตัวใหญ่”


ตุ๊กตาซึ่งเธอไม่ได้ระบุว่าตัวใดแค่อยากลุ้นว่าจะใช่ตัวเดียวกันกับที่เคยเห็นในความฝันหรือไม่ เท่านั้นเอง


“จะเปลี่ยนกับเจ้าตัวเล็กที่ห้องเหรอ”ศาสวัตพูดกลั้วหัวเราะ


วราลีพยักหน้าพร้อมลุ้นอยู่ในทีเมื่อเขาทำทุกอย่างเฉกเช่นในความจำของเธอไม่ว่าจะเรียกพนักงานในร้านเพื่อซื้อลูกดอก พูดคุยถึงกติกาการเล่นเกม ท่าถูมือเรียกความมั่นใจและเริ่มต้นปาลูกโป่ง เพียงไม่นานรอบบริเวณมีผู้คนเดินมามุงดู โดยเฉพาะหญิงสาวบางคนซุบซิบคล้ายจำได้ว่าเขาคือดาราดัง


‘นั่นศาสวัตหรือเปล่า หน้าคุ้นๆ’


‘ฉันว่าใช่นะ’


วราลีเริ่มหันซ้ายแลขวามองผู้คนรอบด้านที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะมองคนรักของเธอ


“ตัวเล็ก...นี่รางวัล”


ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ถูกยื่นให้ตรงหน้าวราลีละสายตาจากผู้คนรอบกายมองของรางวัลพร้อมเบิกตากว้างหัวใจเต้นระรัวจนแทบจะไร้คำบรรยาย แต่เธอก็เลือกแสดงความดีใจออกมา


“พี่ศาส!”


ใช่ เขาทำสำเร็จ และได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตามที่คิดไว้ไม่ผิดทว่าดีใจได้ไม่ทันไร ศาสวัตก็คว้าข้อมือของเธอออกจากหน้าซุ้มปาลูกโป่งอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเผลอถอดหมวกและแว่นตาจนทุกคนบริเวณนั้นเห็นหน้าเขาชัดเจน หลายคนตั้งท่าเดินเข้ามาล้อมคนดังไว้จนทั้งสองต้องหนีตั้งหลักเสียก่อน


วราลีสาวเท้ายาวๆตามศาสวัตจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง และในทันทีที่เห็นมุมหลบเขาจึงพาเธอเข้าไปซ่อนตัวตรงซอกตึกที่กำลังปรับปรุงโดยมีผ้าใบกั้นบังตรงซอกนั้นไว้ บริเวณนี้อาจช่วยหลบหลีกจากเหล่าแฟนคลับได้สักระยะ


“ไม่คิดเลยว่าพี่ศาสจะมีแฟนคลับสาวๆเยอะขนาดนี้” วราลีหัวเราะคิกคัก “ไม่สิ มีหนุ่มๆ ด้วย”


ศาสวัตพ่นลมหายใจเหน็ดเหนื่อยควรชินเสียทีกับการถูกแฟนคลับห้อมล้อม เพราะในบางครั้งขณะถ่ายละครนอกสถานที่เขายังต้องหลบหลีกการติดตามเช่นนี้อยู่บ่อยๆ


วราลีแอบมองผ่านช่องผ้าใบพลาสติกเห็นผู้คนวิ่งตามและมองหาศาสวัตแทบพลิกแผ่นดิน เธอได้แต่อมยิ้มขำขันกับสีหน้าตระหนกของแฟนหนุ่มหากเขาไม่สะเพร่าถอดหมวกถอดแว่นตาออกคงไม่มีใครสังเกตเห็นจนต้องหลบหนีเช่นนี้


จู่ๆ ธรรมชาติเกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแม้บรรยากาศจะอึมครึมอยู่บ้าง แต่ควรมีลมหรือเสียงฟ้าร้องครืนให้รู้ตัวบ้างไม่ใช่เม็ดฝนร่วงหล่นลงมาอย่างนี้ วราลีโอบกอดตุ๊กตาแน่น เกรงรางวัลที่ศาสวัตมอบให้จะเปียกปอน


คนตัวสูงหันมองรอบๆ ขณะถอดเสื้อแจ็คเก็ตคลุมศีรษะให้แฟนสาวสายตาคมเข้มเหลือบเห็นผ้าใบพลาสติกพับทิ้งไว้ตรงนั้นจึงหยิบขึ้นมากางกันฝนให้กับทั้งคู่


“เปียกหมดแล้ว ขยับเข้ามาอีก”


เพราะฝนสาด มือแข็งแรงของศาสวัตจึงโอบรอบเอวอ้อนแอ้นดึงเข้าหาตัวเมื่อยืนใกล้ชิดกันแล้ว วราลีสูงเพียงระดับอกของศาสวัตเท่านั้น เสื้อยืดสีเทาของคนตัวสูงเริ่มเปียกชื้นเมื่อแผ่นผ้าใบพยายามกั้นให้กับวราลีมากกว่ากลิ่นน้ำหอมอ่อนลอยแตะจมูก วราลีเงยหน้ามองแฟนหนุ่มด้วยหัวใจวูบไหวเมื่อเขาจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วทั้งที่เคยใกล้กันอย่างนี้บ่อยครั้ง ทว่าคราวนี้กลับรู้สึกวาบหวามชอบกลแววตาทรงเสน่ห์สีเข้มจ้องเธออย่างนั้นเนิ่นนาน


ศาสวัตก็ไม่ต่างแรกๆ คิดแหย่เล่นเพราะเอ็นดูเธอในอ้อมกอด ทว่าใบหน้านวลที่ก้มมองชวนหลงใหล เขาโน้มใบหน้าหาเธอช้าๆสองแขนเท้าไปตรงกำแพงระหว่างร่างบอบบางคล้ายโอบเธอไว้ วราลีหลับตาเมื่อเห็นว่าศาสวัตกำลังมอบจุมพิตให้อีกครา



สวิทช์ไฟหน้าห้องน้ำถูกกดปิดพร้อมแสงจ้าดับลงร่างผอมบางในชุดคลุมอาบน้ำเดินมานั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งครีมบำรุงผิวถูกกดใส่อุ้งมือก่อนแต้มทาบนใบหน้านวล บำรุงความชุ่มชื้นเปล่งปลั่งวราลีดึงหมวกคลุมผมออกและหยิบหวีสางผมสลวยนั้นอย่างใจเย็น จนให้ความสนใจตรงริมฝีปากอมชมพูนึกถึงรอยจูบเมื่อวานนี้ ขณะหลบหนีผู้คนเข้าไปซ่อนตัวอยู่ตรงซอกตึกกำลังปรับปรุงและกลับกลายเป็นลบฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัว


เธอยกมือแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆและอมยิ้มเมื่อนึกถึงสีหน้าอ่อนโยนของศาสวัตแม้จะเป็นที่สาธารณะยังอาจหาญจูบเธออย่างนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งขำ คงเพราะความรู้สึกรักจึงแสดงออกไม่เลือกสถานที่เช่นนี้แม้แต่เธอยังเคยคิด อยากโอบกอดเขาแนบแน่นกลางถนนซักครั้งอย่างไม่อายใคร แต่ก็ทำได้แค่คิด


เสียงโทรศัพท์ทำลายความคิดฟุ้งซ่านดึงความสนใจให้เจ้าของเครื่องลุกจากเก้าอี้เดินไปกดรับสาย เสียงหวานจากปลายสายทำหัวใจของวราลีร่วงลงตาตุ่มเพราะมันเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิต เมื่อความฝันของเธอเป็นจริง


หลังจากรับทราบเรื่องราวและสนทนาเกี่ยวกับรายละเอียดเรียบร้อยความตื่นเต้นทำมือสั่นใจสั่นเป็นอย่างมาก แม้จะวางสายไปแล้วก็ตาม คนแรกที่เธอนึกถึงอย่างส่งข่าวดีนี้คือศาสวัตวราลีกดต่อสายหาเขาในทันที...


“พี่ศาส! นิยายผ่านพิจารณาแล้ว!”


น้ำเสียงใสส่อแววยินดีจนกระโดดโลดเต้นอยากกรีดร้องเสียเดี๋ยวนั้นด้วยความดีใจ ปลายสายแสดงความยินดีและบอกกับเธอหากเลิกงานเมื่อไรจะพาไปเลี้ยงฉลองกับความสำเร็จโดยเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าศาสวัตเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดนี้


เมื่อเขาส่งต้นฉบับนิยายให้กับเพื่อนซึ่งเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ชื่อดังอ่านพล็อตเรื่องและรายละเอียดตั้งแต่วราลียังนอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลโดยให้กองบรรณาธิการดูจากผลงานจริง ไม่ใช่รับพิจารณาเพราะความเกรงใจในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนและต้นฉบับที่มีการแก้ไขก็เข้าตากรรมการ ผ่านการพิจารณาตามที่ได้รับข่าวดีเมื่อครู่นี้


วราลีแปลกใจต่อผลผ่านพิจารณาราวกับสายฟ้าแลบในเมื่อเธอเพิ่งฝากนิยายฉบับแก้ไขให้ศาสวัตส่งเมื่ออาทิตย์ก่อน โดยไม่รู้ว่าเขาแอบนำผลงานของเธอส่งไปแล้วก่อนหน้าจะแก้ไขฉบับจริงเสร็จด้วยซ้ำ


“น่าแปลกมาก พี่ศาสเพิ่งส่งต้นฉบับเมื่อไม่กี่วันเองทำไมนิยายผ่านพิจารณาเร็วจัง”


แม้จะประหลาดใจไม่น้อยทว่าคำพูดโน้มน้าวของศาสวัตทำให้เธอสลัดความสงสัยทิ้งเตรียมฉลองความยินดีหลังจากนี้ เธอวางสายพร้อมแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อนำข่าวดีไปบอกกับกัมพลเช่นกัน


วราลีกระตือรือร้นเลือกเสื้อผ้าสบายๆเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นทะมัดทะแมง เตรียมทำการเก็บของเพื่อย้ายไปอยู่คอนโดของศาสวัตชั่วคราวระหว่างรื้อบ้านหลังนี้และปลูกสร้างใหม่ตามที่ปรึกษากับบุคคลในครอบครัว ช่วงนี้เธอจึงได้หยุดพักงานผู้จัดการส่วนตัวของศาสวัตไว้ช่วงคราว



ข้าวของเครื่องใช้ถูกรื้อจากในตู้และชั้นวางเพื่อเก็บลงกล่องกระดาษขนาดใหญ่กรอบรูปเก่ามากมายบนหลังตู้ถูกเก็บอย่างระมัดระวัง ทว่ารูปหนึ่งเกิดสะดุดตาของวราลีเข้าอย่างจัง


“พ่อ! นี่รูปใคร”


ชายชราในรูปขาวดำฉุดความสนใจเป็นอย่างมากรอยยิ้มอารีของเขาคุ้นตาคล้ายเคยพบเจอมาก่อน เธอกระวีกระวาดหาคำตอบ


“ตาแกไง จำไม่ได้รึ”


วราลีมองรูปภาพนั้นตาปริบๆรู้สึกช็อกจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อนึกได้แล้วว่าคุณตาของเธอกับชายชราในความฝันเป็นคนเดียวกันแม้ความคุ้นชินจะทำให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แต่กลับนึกไม่ออก ณ เวลานั้นตอนหลับฝัน


“หนูเจอคุณตาในฝัน ท่านมาช่วยหนูไว้”


แม้ความเลือนรางทำให้คิดว่าเจอคุณตาทว่าเธอกลับลืมไปเสียสนิทเพราะคุณตาท่านนี้ทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนนิยายโดยแท้จริงเขาสอนให้เธอไขว่คว้าและเรียนรู้ในสิ่งที่รักคล้ายเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส


“ละเมอรึไง”


กัมพลกล่าวขณะยังเก็บของลงกล่องไม่ได้ใส่ใจมองบุตรสาวที่อาจเพ้อฝันไปเองระหว่างความเป็นความตาย ทว่าคำพูดของเขาทำให้วราลียิ้มแป้นเธอคงละเมอจริงๆ ตามคำกล่าวของพ่อ



รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวยังติดตาฝังใจใครบางคนมิรู้เลือนเขายืนมองสองพ่อลูกภายในบ้านชั้นเดียวได้สักระยะจึงเดินออกมาตามทาง แต่กลับมีใครอีกคนลอบมองเขาอยู่เช่นกัน


“ไหนว่าเลิกสนใจแล้วไงทำไมยังตามดูเจ๊อยู่ตลอดเลยวะไอ้กัน”


กันดิศไม่พูดไม่จายังคงเดินหน้าต่อเสมือนเสียงของมาวินผ่านเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาอย่างนั้น แต่ทุกคำกลับจี้ใจดำเพราะมันเป็นอย่างเพื่อนว่านั่นแหละเขาไม่เคยลืมเธอได้สักวัน แม้เวลานี้วราลีจะไม่ได้เขียนนิยายเรื่องที่มีเขาเป็นพระเอกหรือแม้แต่หลงลืมกันไปแล้ว แต่เขาก็ยังคิดถึงและอยากเจอะเจอ


“ทำใจเหอะว่ะพวกเราควรเตรียมเป็นดวงจิตแห่งละครได้แล้ว อีกไม่นานละครจะเปิดกองถ่ายทำ หวังว่างานนี้คงถูกใจศีตลากว่าใคร”


มาวินยิ้มร่าขณะนึกถึงท่าทางดีใจของหล่อนที่เอ่ยถึงเมื่อทราบข่าวว่านิยายของวราลีถูกทำเป็นละครลงจอแก้วสมความตั้งใจแม้แต่นักเขียนเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าศาสวัตเป็นผู้จัดการทุกอย่างทั้งหมด และรอเซอร์ไพรส์เธอเร็วๆนี้


“เออ ข้าเลิกสนใจแล้วอย่าห่วงเลย”


กันดิศแค่นยิ้มนึกเสียใจเมื่อเธอจำเขาไม่ได้สักนิด และตั้งแต่ปล่อยวางจากเรื่องของวราลีเขากลับกลายเป็นเงียบขรึม ไม่เสวนากับใครเท่าที่ควรทั้งที่เมื่อก่อนออกจะร่าเริงอย่างมากมาย และเพื่อนสนิทก็เข้าใจสาเหตุนั้นดี เมื่อมันเกี่ยวพันกับความรู้สึกภายในหัวใจล้วนๆ



ภายในอาคารพาณิชย์ชั้นสี่ โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายหลายโต๊ะบนนั้นมีเอกสารวางกองเป็นภูเขา วราลีหันมองรอบบริเวณ พลิกมองนาฬิกาข้อมือถี่ๆ ยังคงตื่นเต้นไม่หายเมื่อถูกนัดมาเซ็นสัญญาเรื่องลิขสิทธิ์ของผลงานกับทางสำนักพิมพ์เป็นครั้งแรก


“เป็นไงบ้าง หายตื่นเต้นหรือยัง”


ศาสวัตส่งเสียงเมื่อเห็นกระแสความกังวลจากแววตาคู่สวยเผื่อเธอจะคลายความวิตกลงบ้าง วราลีหันไปฉีกยิ้มและส่ายหน้าให้ จนกระทั่งหญิงสาวคนหนึ่งเดินมานั่งตรงเก้าอี้ในฝั่งตรงข้ามดึงสายตาให้คู่รักหันมอง


“ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้คอยช่วงนี้ใกล้งานหนังสือเลยยุ่งเรื่องสถานที่และการจัดเตรียมงาน”


“ไม่เป็นไรค่ะ”


วราลีตอบในทันที ขณะหญิงสาวคนนั้นยื่นกระดาษสองชุดส่งให้ตรงหน้าศาสวัตยิ้มละมุนให้กับบรรณาธิการพร้อมยกมือกอดอก


“นี่เป็นสัญญาเช่าลิขสิทธิ์นิยายเพื่อจัดพิมพ์หนังสือและทำละครต่อเนื่องรบกวนอ่านรายละเอียด เพื่อมีข้อสงสัยจะได้อธิบายเพิ่มเติมค่ะ”


วราลีทำหน้าเหรอหรากะพริบตาปริบๆมองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ก่อนหันหาศาสวัตด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินถึงการเซ็นสัญญาเกี่ยวกับละคร


ศาสวัตส่งยิ้มและยกนิ้วชี้จี้ปากก่อนชี้ชวนให้เธอมองไปยังสัญญาเพื่ออ่านข้อความในนั้นอย่างละเอียดเสียก่อนและความตื่นเต้นนี้เองทำให้นักเขียนสาวอ่านทวนซ้ำสองสามรอบจนขึ้นใจฉบับหนึ่งเป็นสัญญาการตีพิมพ์นิยายซึ่งบรรณาธิการของสำนักพิมพ์อธิบายเพิ่มเติมถึงค่าตอบแทนและระยะเวลาในการเช่าลิขสิทธิ์ส่วนอีกฉบับเป็นของค่ายละครซึ่งติดต่อขอนิยายเรื่องนี้ไปทำเป็นบทละครทางโทรทัศน์อีกทอดหนึ่ง


เธอไม่ได้หูฝาดใช่หรือไม่วราลีย้ำถามตนเองซ้ำๆ พร้อมกับชำเลืองมองแฟนหนุ่มซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่ด้านข้าง แวบหนึ่งเห็นประกายความเจ้าเล่ห์ออกจากสายตาของเขา 



To be continued...






Create Date : 06 กันยายน 2557
Last Update : 6 กันยายน 2557 19:53:20 น.
Counter : 569 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments