Group Blog
All Blog
|
เนรมิตอักษรา 10 บทที่ 10 ท่องโลกนิยาย
วรา...เธอต้องไม่เป็นไรนะ น้ำเสียงสั่นร่ำไห้อยู่ข้างหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งใดนิสาจับมือนุ่มนวล สัมผัสถึงความอุ่นร้อนตามร่างกาย บ่งบอกว่ายังมีชีวิต ตรงหน้าอกใต้ผ้าห่มผืนบางกระเพื่อมขึ้นลงช้าๆคล้ายคนกำลังนอนหลับพักผ่อน ฟื้นซะทีสิวราทุกคนรอคอยเธออยู่นะ หญิงสาวผู้เคยมีแต่ความเชื่อมั่น เวลานี้หลงเหลือเพียงแววหม่นหมองในดวงตาแดงก่ำมือยกปาดน้ำตาที่ไหลรินรดแก้มนวล จ้องมองเพื่อนสนิท
นิสาแอบต่อว่ากัมพลในใจ เหตุใดบิดาของเพื่อนจึงไม่ส่งข่าวให้รับรู้ถึงอุบัติเหตุเมื่อหลายวันก่อนเธอจะได้รีบเดินทางกลับจากต่างประเทศเพื่อมาดูใจเพื่อนสนิทให้เร็วกว่านี้โดยนิสาไม่ทันคิดให้รอบคอบ ด้วยฐานะของกัมพลคงไม่มีปัญญาหาโทรศัพท์ติดต่อเธอดีเท่าไรแล้วที่ศาสวัตรนึกถึง ส่งข้อความทางแชทไลน์บอกกล่าวให้รับรู้ว่าวราลีนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลทว่าศาสวัตรไม่ได้บอกถึงสาเหตุหรืออาการของวราลี นิสาจึงนิ่งนอนใจคิดว่าเพื่อนอาจป่วยไข้เล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเดินทางกลับถึงบ้านจึงติดต่อหาศาสวัตรอีกครั้งถึงทราบเรื่องราวทั้งหมด กันดิศ! วราลีอุทานเสียงดังจนเจ้าของชื่อสาวเท้ารวดเร็วมายืนข้างเธอนายได้ยินเสียงนิสาบ่นพ่อฉันหรือเปล่า วราลีเขย่าแขนของพระเอกหนุ่ม ถามไถ่ในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ใช่...เธอได้ยินความคิดของเพื่อนที่ต่อว่าบุพการีของเธอ แม้การต่อว่านั้นจะแสดงถึงความห่วงใยก็ตามแต่เธอยืนยันว่าได้ยินเช่นนั้นจริงๆ แปลกตรงไหน ก็แค่คิดในใจกันดิศยกมือกอดอก ชำเลืองมองนักเขียนสาว อยากอธิบายให้เธอรับรู้ถึงอีกมิติที่แตกต่างจากโลกมนุษย์คล้ายการสื่อสารทางจิตหรืออ่านความคิดโดยไม่ต้องปริปากพูดจา ทว่าเขาไม่สามารถบอกเธอได้อย่างโจ่งแจ้งเนื่องจากผิดกฎในโลกของเขา และวราลีไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนหรือหมดอายุขัยจากโลกมนุษย์ยังไม่ถึงเวลาที่เธอต้องรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ นายหมายความว่าไง นักเขียนสาวขมวดคิ้วถามไถ่ เดี๋ยวสักวันเธอคงได้รู้ หรือถ้าอยากรู้จริงๆลองมาเป็นตัวละครแบบฉันไหม จะได้รู้ว่าเพราะอะไรกันดิศชายตามองหญิงสาวที่เบะปากและทำหน้ามุ่ยใส่ เขาหลุดขำและมองตามหลังเธอที่เดินไปยืนข้างนิสาพร้อมกระซิบข้างหู ฉันอยู่นี่ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนิสาแต่ไม่รู้ต้องทำอะไรต่อไปเท่านั้น วราลีทำท่าจะจับมือเพื่อน แต่ต้องหยุดการกระทำไว้โดยกำมือแน่นก่อนดึงกลับมาในเวลานี้เธอคงสัมผัสร่างกายของนิสาไม่ได้ เหมือนที่ไม่อาจสัมผัสศาสวัตรได้เช่นกันนักเขียนสาวลอบถอนใจ มองเพื่อนสนิทชั่วครู่ก่อนหันหาพ่อของเธอ กัมพลยกมือลูบศีรษะของลูกสาวที่นอนแน่นิ่งในใจของเขาได้แต่ภาวนาขอให้เธอฟื้นโดยเร็ว กัมพลบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์อยากให้ลูกสาวฟื้นจากหลับไหลโดยแลกกับการไม่ดื่มสุราตลอดชีวิต คำวิงวอนของพ่อทำให้วราลีน้ำตาซึมอยากเดินเข้าไปกอดเขา แต่ต้องยืนสงบนิ่ง เมื่อทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่คิดหากเธอยังเป็นวิญญาณอย่างนี้ วราลีถอนใจหนักหน่วงก่อนตัดสินใจเดินขึ้นเตียงผู้ป่วยและนอนทับไปบนร่างไร้วิญญาณของเธอทว่าดวงจิตที่กำลังทับซ้อนอยู่บนกายหยาบกลับถูกพลังงานบางอย่างผลักให้กระเด็นตกจากเตียงผู้ป่วยอย่างกะทันหัน กันดิศโผเข้าไปรับร่างบอบบางได้ทันท่วงทีก่อนวราลีจะกระแทกพื้นเธอจะบ้าหรือไง! ทำอะไรไม่คิดปรึกษากันก่อน พระเอกหนุ่มต่อว่าระหว่างดันให้นักเขียนสาวลุกออกจากบนร่างของเขา ทำไมฉันถึงกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้วราลีโพล่งถามขณะพยายามลุกขึ้นนั่ง เธอดูหนังจีนมากไปหรือไงถึงคิดว่าการไปนอนทับร่างตัวเองอย่างนั้นจะกลับไปมีชีวิตตามเดิม กันดิศเหลือบมองคู่สนทนาพร้อมขยับนั่งขัดสมาธิและปัดเศษฝุ่นตามร่างกายก่อนดึงวราลีให้ลุกขึ้นยืนข้างกัน แล้วฉันต้องทำไง? วราลีมองกันดิศอย่างคาดคั้น ในเมื่อพระเอกหนุ่มพูดจาคล้ายรู้เรื่องดีทุกอย่างเพราะฉะนั้นเขาคงรู้ถึงวิธีการทำให้เธอฟื้นคืนชีพ เธอต้องอยู่ให้ห่างจากร่างกายของเธอแล้วรอวันพระจันทร์เต็มดวง ถึงจะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง วราลีนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะคำนวณเวลาอย่างรวดเร็วหากให้รอคอยจนถึงวันเพ็ญเดือนสิบสอง คงอีกหลายเดือน เธอไม่อยากรอคอยนานขนาดนั้น นายพูดจริงเหรอกันดิศ? ฉันโกหก พระเอกหนุ่มพูดหน้าตายไม่ใส่ใจสายตาเขียวปั้ดที่มองหน้าเขาราวกับอยากกินเลือดกินเนื้อเสียเดี๋ยวนั้นตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย กลับไปตั้งหลักที่บ้านเธอก่อนดีกว่ากันดิศยกมือจับศีรษะของวราลีโยกไปมาเบาๆก่อนจะคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามออกจากห้องพักผู้ป่วย ปล่อยให้กัมพลกับนิสาได้ถ่ายเทความเสียใจรอคอยโอกาสให้ร่างไร้วิญญาณนั้นได้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ==== คัท! วันนี้พอเท่านี้ก่อน ทุกคนทำได้เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณมากๆผู้กำกับส่งเสียงสั่งเลิกกอง หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับถ่ายละครมาตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเวลาย่ำค่ำ ศาสวัตรส่งยิ้มให้ผู้กำกับที่เดินมาตบไหล่เป็นกำลังใจระหว่างเขาถอดชุดสูทสีขาวออกจากร่างกายหลังถ่ายทำละครในฉากที่ได้รับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ยืนอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในโรงแรมหรูหราระดับห้าดาว เป็นไง เหนื่อยหรือเปล่าจะกลับโรงพยาบาลเลยไหม หญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มวัยกลางคนเดินมาหาศาสวัตรที่พยักหน้าตอบรับและส่งเสื้อสูทให้เธอถือไว้ก่อนจะหยิบสัมภาระใส่กระเป๋าเป้ส่วนตัว รบกวนพี่ขับรถไปส่งผมที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยชะมัด ศาสวัตรกล่าวด้วยสีหน้าเนือยๆ ได้สิงั้นพรุ่งนี้พี่ไปรับศาสตอนตอนเช้า ตกลงไหม ชายหนุ่มพยักหน้าและชำเลืองมองผู้จัดการส่วนตัวระหว่างเก็บของจนเรียบร้อยศาสวัตรหยิบกระเป๋าเป้สะพายที่ไหล่ก่อนร่ำลาเพื่อนร่วมงานคนอื่นและเดินนำผู้จัดการของเขาออกไปยังรถยนต์คันหรู พี่จะขับให้นิ่มสุดฝีมือเลยศาสนั่งให้สบายใจเถอะ ผู้จัดการส่วนตัวตบบ่าพร้อมหยิบกุญแจรถจากมือชายหนุ่มที่ยื่นส่งให้ เมื่อเปิดประตูขึ้นนั่งในรถสิ่งแรกที่ศาสวัตรมองหาคือเอกสารปึกหนึ่งหน้ารถเขาหันหาผู้จัดการส่วนตัวขณะที่เธอก้าวขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ เห็นต้นฉบับที่ผมวางไว้ตรงนี้หรือเปล่าชายหนุ่มชี้ไปยังคอนโซลหน้ารถ ต้นฉบับนิยายกว่าสองร้อยแผ่นซึ่งเปรอะเปื้อนคราบเลือดเกรอะกรังที่เคยวางไว้ตรงนั้นหายไปและบุคคลที่ขึ้นรถคันนี้มีเพียงเขากับผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น พี่วางไว้ตรงเบาะหลังรถ สิ้นเสียงหญิงสาวศาสวัตรก็เอื้อมหยิบเอกสารดังกล่าวจากเบาะด้านหลังมาวางไว้บนตักพร้อมวาดยิ้มบนใบหน้าคมคายพี่เห็นมันเกะกะหน้ารถ เลยวางไว้ตรงนั้น ว่าแต่งานเขียนของใครเหรอ นามปากกาสวยเชียวณ สิตางศุ์ งานเขียนของแฟนผมเป็นผลงานชิ้นแรกแต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ ผมเห็นมันตกอยู่ในที่เกิดเหตุวันที่เธอถูกรถชน รอยยิ้มน้อยๆ ที่ปรากฏเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นหม่นเศร้า ศาสวัตรทบทวนเหตุการณ์ ค่ำคืนนั้นหากการถ่ายละครไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเขาคงไปหาวราลีที่ร้านกาแฟตามเวลานัดหมาย คงไม่เกิดอุบัติกับเธอจนนอนหลับไหลเป็นร่างไร้วิญญาณอย่างนั้นศาสวัตรได้แต่โทษตัวเองที่ไปพบเธอช้าเกินไป มีพยานที่เห็นเหตุเหตุการณ์เล่าว่า วราลีถูกรถเก๋งสีขาวพุ่งชนขณะเดินอยู่บนริมฟุตปาธคนขับรถยนต์คันดังกล่าวเมาสุราจนแทบไม่มีสติสัมปชัญญะ ก่อนเกิดเหตุศาสวัตรโทรติดต่อกับวราลีขณะเธอเดินอยู่ริมถนนใกล้ถึงปากทางเข้าบ้าน และสัญญาณโทรศัพท์ก็ตัดไป เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเขาพบเธอนอนเลือดท่วมตัว หมดสติแน่นิ่งไปแล้ว ข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายทั้งเครื่องมือสื่อสารที่ตกอยู่บริเวณใกล้เคียงในสภาพพังยับเยินชนิดที่เรียกว่าซื้อเครื่องใหม่ยังคุ้มกว่านำไปซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมรวมถึงต้นฉบับนิยายปึกนี้ ศาสวัตรปัดความคิดหดหู่ทิ้งและพลิกหน้ากระดาษไปยังแผ่นที่มีรอยพับซึ่งอ่านค้างไว้เขาอ่านไปยิ้มไประหว่างนั่งอยู่บนรถ ขณะเดินทางไปโรงพยาบาลที่แฟนสาวนอนพักรักษาตัว เป็นอย่างไรบ้างนิยายเรื่องนี้พอจะทำเป็นบทละครไหวไหม คำถามของผู้จัดการทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้ม ศาสวัตรพูดคุยถึงเนื้อหาของงานเขียนเขาเล่าเกี่ยวกับผลงานของวราลีอย่างมีความสุข โดยอธิบายถึงภาพรวมว่าตัวอักษรทำให้สัมผัสได้ถึงตัวตนของผู้เขียนงานนั้นๆคล้ายมีบางอย่างสื่อออกจากสำนวนการเขียน ไม่ว่าจะด้วยความอ่อนไหวหรือนุ่มนวลอารมณ์ขบขัน สุข เศร้า เหงา ซึม หรือแม้แต่ความน่ากลัวในส่วนลึกของจิตใจคล้ายได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของผู้สร้างสรรงานนั้นๆ สำหรับวราลีเองคงต้องพัฒนาฝีมืออีกมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งเส้นทางนักเขียนศาสวัตรเชื่ออย่างนั้น ===== อาจารย์คะ ศีตลาเป็นลม ตอนนี้อยู่ในสถานพยาบาลค่ะ หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งหน้าตื่นมายืนอยู่หน้าคลาสเรียนหล่อนตะโกนบอกอาจารย์หนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์สีดำด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ อาจารย์หนุ่มคนนั้นปรายสายตามองนักศึกษาสาวพร้อมเสยผมเส้นเล็กที่ปกคลุมใบหน้าเผยดวงตาทรงเสน่ห์ ทว่าหน้าตาของอาจารย์คนนั้นกลับคล้ายเขาราวกับเป็นคนเดียวกัน
ศาสวัตรยืนมองนักศึกษาสาวกับอาจารย์หนุ่มพูดคุยอยู่หน้าคลาสเรียนคล้ายกำลังดูละครที่ทั้งสองแสดงบทบาทซึ่งฉากนี้คือบทหนึ่งในต้นฉบับที่เขาเพิ่งอ่านผ่านได้เพียงไม่นาน ศาส...ถึงโรงพยาบาลแล้วผู้จัดการส่วนตัวสะกิดแขนของคนเผลอหลับให้รู้สึกตัว ศาสวัตรสะดุ้งเล็กน้อยก่อนปรือตาเปิดเขาหันมองนอกกระจกรถและเสยผมเส้นเล็กลวกๆ ไม่ให้ปอยผมปกคลุมใบหน้าหล่อเหลา ศาสวัตรชำเลืองมองคนด้านข้างและพยักหน้ารับรู้ก่อนหยิบสัมภาระ พรุ่งนี้เจอกันนะพี่ ชายหนุ่มกล่าวลาก่อนกระชับกระเป๋าเป้ตรงไหล่และเปิดประตูก้าวลงจากรถ ร่างสูงยืนมองรถยนต์ของตนเคลื่อนที่จากไปก่อนจะก้มมองต้นฉบับนิยายในมือเขาครุ่นคิดถึงตัวละครในความฝัน ช่างมีหน้าตาละม้ายคล้ายเขาอย่างกับส่องกระจกเงามองตัวเองหรือจะเข้าถึงตัวอักษรมากเกินไปจึงเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะอย่างนี้ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนหมุนตัวเดินเข้าโรงพยาบาลเพื่อขึ้นไปยังห้องพักผู้ป่วยพิเศษประตูลิฟต์เปิดพร้อมศาสวัตรเดินเข้าด้านใน เขายังคิดถึงพระเอกหนุ่ม กันดิศ อย่างต่อเนื่อง เท่าที่อ่านและทบทวนอย่างถี่ถ้วนในหลายตัวละครควรมีการปรับเปลี่ยนบุคลิกและการแต่งกายเสียใหม่ เขาหยิบปากกาจากกระเป๋าเป้และเขียนจุดที่ควรแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงไว้ในต้นฉบับป้องกันความคิดสูญหายหรือลืมเลือน พี่ศาสถ่ายละครเสร็จแล้วหรือคะนิสาทักทายเมื่อเห็นแฟนของเพื่อนเปิดประตูและย่างกรายเข้ามาในห้อง ศาสวัตรพยักหน้าเป็นคำตอบและยกมือไหว้กัมพลอย่างนอบน้อม คุณหมอเข้ามาตรวจหรือยังครับพ่อ เข้ามาเมื่อเย็นเห็นว่าอาการทรงตัว ไม่ดีขึ้นจากที่ตรวจเมื่อเช้า กัมพลตอบไม่กลับห้องไปพักผ่อนรึ คืนนี้พ่อเฝ้ากุ้งแห้งให้เอง พ่อกับนิสากลับไปพักเถอะครับผมดูวราได้ ศาสวัตรกล่าว พี่ศาสนั่นละไปพักไม่เหนื่อยหรือคะเพิ่งกลับจากทำงานก็ต้องมาเฝ้าคนป่วยอีก นิสาเสริมขึ้นบ้าง ไม่เป็นไร พี่เฝ้าได้ เรากับพ่อกลับไปพักเถอะชายหนุ่มระบายยิ้มให้นิสาที่พยักหน้าและหันมองกัมพล ส่งสัญญาณให้เขาเก็บของเตรียมเดินทางออกจากโรงพยาบาล ฝากกุ้งแห้งด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะมาเฝ้าแต่เช้า ครับพ่อ กัมพลและนิสาหยิบสัมภาระและเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยโดยศาสวัตรเดินไปส่งยังหน้าประตู ร่างสูงเดินกลับมานั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยและจับมือบอบบางกุมไว้วันนี้เป็นไงบ้าง คงไม่เหงานะ มีทั้งพ่อทั้งนิสามาอยู่เป็นเพื่อนศาสวัตรระบายยิ้มพร้อมยกมือลูบศีรษะและเกลี่ยไรผมของวราลีเบาๆพี่อ่านงานเขียนของเราได้สี่บทแล้วนะ คงต้องแก้ไขอีกเยอะ ทั้งคำผิด ทั้งสำนวนแปลกๆแต่ขอชมเชยว่าเราเก่งมากที่เขียนนิยายได้อย่างนี้ รู้ไหมมันไม่ง่ายเลยที่ใครๆ จะทำได้พี่ภูมิใจนะ และสัญญาจะช่วยให้งานเขียนชิ้นนี้เป็นรูปเล่มให้ได้ เขาพูดคุยกับแฟนสาวอีกพักใหญ่ จึงขอตัวไปอาบน้ำทำภารกิจส่วนตัวและเริ่มอ่านต้นฉบับของวราลีต่อจนเผลอหลับในที่สุด ===== กลางดึกเงียบสงัดหันมองไปทางไหนก็เป็นแต่ความมืดมิด ทว่าแหงนหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้าจะเห็นรัศมีของดวงจันทร์เปล่งประกายความสว่างไสวแม้ค่ำคืนนี้แสงสีนวลนั้นจะหม่นเศร้าคล้ายจิตใจของคนมองก็ตาม วราลีเหม่อมองพระจันทร์พลางคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับเธอหรือเพราะอานุภาพของลูกแก้วนคราที่ชายชรามอบให้ส่งผลให้เธอยังอยู่ตรงนี้พร้อมกับพระเอกในนิยายและตัวละครอื่นๆที่ผ่านให้มาพบเจอเป็นพักๆ หรือแม้แต่ความมหัศจรรย์ที่ทำให้เธอได้พบเจอบิดาในความฝันก่อนจะได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและความผูกพันทำให้เธอได้พบเจอกับบุคคลอันเป็นที่รัก ความทรงจำเก่าๆ ค่อยๆคืบคลานเข้ามา วราลีหลับตานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ได้พบเจอชายชราและได้ช่วยเหลือให้เขาข้ามถนนโดยชายหนุ่มด้านข้างหันมองเธอด้วยแววตาห่วงใย บางขณะฉายแวววูบไหวในดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นปล่อยให้เธอระลึกความหลังเพื่อรื้อฟื้นในสิ่งที่ลืมเลือนไปชั่วคราว วราลีพอคลับคล้ายคลับคลา หลังจากก้าวลงจากรถยนต์ของเพื่อนได้ยืนส่งจนรถคันสีแดงสดพ้นสายตาจึงย่างก้าวเดินเลาะริมถนนไปอย่างละเลียดเธอจำได้ว่าระหว่างรับโทรศัพท์ของศาสวัตรและเขากำลังเดินทางใกล้จะถึงเธอเสียงลากเบรกเอี๊ยดดังยาวก่อนหันไปมองและความเจ็บปวดกระทบร่างกายวูบเดียวอย่างรวดเร็วและรุนแรงและทุกอย่างก็มืดมิดในที่สุด ภาพคุณตาก็ลอยผ่านเข้ามาในความคิดเธอเจอเขาแวะมาทักทาย โดยบรรยากาศรอบกายผิดปกติไปตั้งแต่นั้นมา ทว่าไม่ทันสังเกตเสียงความวุ่นวายบนท้องถนนที่เคยเซ็งแซ่ก็เงียบหาย ไม่มีรถราวิ่งผ่านให้เห็นมีเพียงความเงียบวังเวงจนเดินกลับเข้าบ้าน แต่แล้วเกิดแปลกใจเหตุใดจึงพบเจอกัมพลอยู่ภายในบ้านของเธอ เพราะจิตเธอนึกถึงแต่พ่อนะสิความคิดจึงสร้างภาพของเขาขึ้นมาให้เธอได้พบเจอในมิตินี้ กันดิศพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแผ่วเบาทำให้หญิงสาวด้านข้างลืมตาและหันมองเขา เพียงคิดในใจ เขาก็รับรู้ความคิดของเธอคล้ายกับที่เธอได้ยินเสียงความคิดของนิสา แล้วพวกนายละเกิดจากภาพมายาที่ฉันคิดขึ้นมาด้วยหรือเปล่า วราลีถาม บอกแล้วไงพวกฉันเป็นจิตใต้สำนึกของเธอ ความคิดที่เธอวนเวียนเกี่ยวกับนิยายก็เหมือนผลพลอยได้ที่ทำให้เธอเรียนรู้และต้องจดจำ แล้วถ้าฉันฟื้นพวกนายจะหายไปหรือเปล่า วราลีจ้องมองนัยน์ตาสีถ่าน เขาไม่ตอบสิ่งใดเพียงระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนพูด อีกไม่นานฉันก็จะไร้ตัวตนสำหรับเธอคนรับฟังถึงกับใจกระตุกวูบเมื่อเห็นแววตาหม่นเศร้าและได้ยินเสียงแหบห้าวอ่อนลงจนใจหายเธอจะกลับไปอยู่ในโลกของเธอ โดยมีผู้ชายคนนั้นข้างกาย กันดิศเลื่อนสายตามองตรงไปข้างหน้าเป็นจุดสนใจให้วราลีมองตามและเบิกตากว้างพร้อมหลุดเสียงแผ่วเบา พี่ศาส... ศาสวัตรเดินเข้าหาชายหญิงที่กำลังมองทางเขาเป็นตาเดียวกันดิศมองด้วยแววตานิ่งเฉยแต่บางจังหวะกลับเห็นความเศร้าและไม่ชอบใจปะปนส่วนวราลีจ้องมองด้วยอาการตกตะลึง เมื่อตั้งสติได้เธอจึงลุกจากเก้าอี้หน้าบ้านและก้าวเดินหาคนรักด้วยสองขาสั่นเทาโดยคิดไปต่างๆ นานา หรือศาสวัตรจะเป็นภาพมายาที่ความคิดและจิตใต้สำนึกสร้างขึ้นมาหลอกหลอนตัวเองอีกแล้ว ตัวเล็กร่างสูงโผเข้ากอดร่างบอบบางไว้แน่นราวกับได้พบเจอคนที่หายสาบสูญเป็นสิบปีโดยวราลีต้องยกมือขึ้นกอดเอวเขาตอบเช่นกัน พี่คิดถึงเรา ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ด้วยกลับไปอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า อย่าจากพี่ไปแบบนี้ ตั้งแต่คบหากันมาหลายปี ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ศาสวัตรแสดงความอ่อนแอและท้อแท้ให้ได้ยินจากน้ำเสียงละมุนสั่นเครือ วงแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดแน่นจนวราลีรู้สึกเจ็บทว่ากลับอบอุ่นอย่างไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกนี้มาก่อน เธอจึงออกแรงกอดเขาแรงขึ้นเช่นกันเธอระบายยิ้มด้วยสารพัดความรู้สึก ทั้งดีใจระคนแปลกใจ และคิดในใจว่า คิดถึง เขาไม่ต่างกันทว่าความแปลกใจมีมากกว่าจึงถามไถ่ ทำไมพี่ศาสถึงมาหาวราได้อย่างนี้ใบหน้านวลผละห่างจากแผงอกกว้างและเงยมองหน้าคนตัวสูง พี่ไม่รู้แต่เราต้องกลับไปพร้อมพี่เดี๋ยวนี้พี่จะไม่ปล่อยเราไปไหนอีกแล้ว ศาสวัตรพูดจาหนักแน่นพร้อมคลายอ้อมกอดและกุมมือคนรักไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเธอตามที่บอกไว้จริงๆทว่าความเคลื่อนไหวของใครบางคนก็ทำให้ศาสวัตรหันเหความสนใจมองไปทางนั้น ชายหนุ่มซึ่งเป็นตัวเอกในนิยายที่เขาจำได้ติดตาเดินเข้ามายืนใกล้ๆและมองอย่างไม่เป็นมิตรเสียเลย เขาหยุดยืนข้างๆ วราลีและดึงมือเธอไว้คล้ายเหนี่ยวรั้ง เธอคนนี้ยังไปกับนายไม่ได้กันดิศกล่าวและมองศาสวัตรอย่างสู้สายตา ทำให้หญิงสาวที่ถูกจับมือไว้ทั้งสองข้างหันซ้ายทีหันขวาทีมองชายหนุ่มทั้งสองอย่างสับสนและไม่เข้าใจต่อเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ To be continued |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |