Group Blog
บท 2...พรหมภพ
อองเดรดำผุดดำว่ายอยู่นาน แต่จนแล้วจนรอดก็หากานพลูไม่เจอ เวลาเคลื่อนคล้อยไปทุกขณะ นึกห่วงความปลอดภัยของเธอและพานฉงนว่ากานพลูหายไปไหน จังหวะที่เขากำลังดำดิ่งเพื่องมหารอบที่เท่าไรก็นับไม่ถ้วนนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นเหนือฝั่ง

“แม่กานพลูไปนั่งเอ้อระเหยอะไรที่เรือเก๋ง ไม่เข้าบ้านเข้าเรือน งานการก็มี ประเดี๋ยวก็ถูกคุณเรือนใหญ่เอ็ดเอาดอก รีบขึ้นเรือนมาช่วยเตรียมสำรับคาวหวานได้แล้ว อย่าได้อู้”

รำเพยสะดุ้ง เหลียวขวับไปมองต้นเสียงสลับกับมองผิวน้ำตรงบริเวณที่อองเดรผุดหายไปก่อนหน้านี้อย่างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้จักใครเลย จะร้องถามฝรั่งตาน้ำข้าว เขาก็ดำลึกไม่โผล่ขึ้นมาให้ซัก

“แน่ะยังจ้องตาแป๋วอยู่อีก ขึ้นจากเรือเก๋งสิแม่คุณ จะนั่งอู้จนรุ่งสางเลยรึกระไร ใครๆ ตะโกนโหวกเหวกว่าเธอตกน้ำตกท่า แต่ฉันก็เห็นอยู่ว่าสบายดี หรือว่าสติจะวิปลาสไปแล้ว?”

รำเพยคิดได้อย่างเดียวว่าหญิงสาวที่ชื่อกานพลู คงไม่เป็นที่โปรดปรานของใครๆ ในบ้านหลังนี้ เพราะขนาดทุกคนรู้ว่าฝ่ายนั้นตกน้ำ ยังไม่มีใครออกมาเหลียวแล เธออยากถามข้อมูลกานพลูจากกัปตันอองเดรให้มากกว่านั้น เสียดายก่อนนี้เธอไม่ซักให้ละเอียด คิดแล้วเจ้าตัวก็ขยับลุกจากเรือเก๋ง เดินขึ้นตีนท่าตรงไปยังหญิงสูงวัยริมตลิ่ง ฝ่ายนั้นนุ่งโจงกระเบนผ้าลายพื้น ห่มผ้าแถบสีเลือดหมู ผมทรงกระทุ่มหวีแสกกลาง

“แล้วนั่นทำไมแต่งตัวประหลาด เอาชุดพิสดารจากไหนมานุ่งฮึ?”

รำเพยยิ้มเจื่อนๆ เมื่อถูกเทศนาในทันทีที่เดินไปถึงตัว “ถ้าดิฉันตอบว่าไม่ใช่กานพลู คุณจะเชื่อไหมคะ?”

“แสดงจำอวดอยู่รึไง เห็นๆ อยู่ว่าเป็นกานพลู ฉันรู้ดอกว่าใครๆ ไม่ปลื้มหล่อน แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาทำตัวสติสตังไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนี้ ไป...ไปลูบเนื้อลูบตัวแล้วผลัดเปลี่ยนผ้านุ่ง ไปหาฉันที่เรือนครัว”

“เดี๋ยวค่ะ” รำเพยรีบเรียกไว้เมื่อฝ่ายนั้นจะเดินจากแยกไป “ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ? คุณชื่ออะไรคะ แล้วเป็นอะไรกับกานพลู?”

ฝ่ายนั้นทำท่าเหมือนถูกผีหลอก “หล่อนท่าจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ฉันชื่อแก้ว เป็นเมียของหลวงนาวีเดชานนท์ คราวนี้รู้รึยังว่าเป็นอะไรกับหล่อน”

“แล้วเป็นอะไรคะ? ขอโทษค่ะที่ต้องถามตรงๆ”

“นี่หล่อนเป็นอะไรของหล่อน สงสัยตกน้ำจนเพี้ยน หรือทั้งหมดที่ทำเพราะต้องการอู้งาน? ไป...รีบกลับเรือน ผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งแล้วไปหาฉันที่เรือนครัว” ฝ่ายนั้นกำชับแล้วเดินจากไป ทิ้งนี้รำเพยมองตามอย่างงงงวย

จังหวะที่รำเพยหันรีหันขวาง หาว่าเรือนพักของกานพลูคือเรือนไหน เสียงทุ้มกล่าวภาษาไทยด้วยสำนวนแปร่งๆ ก็ดังขึ้นทางด้านหลัง

“ถึงคุณจะบอกใครๆ ว่าไม่ใช่กานพลู ก็ไม่มีใครเชื่อดอก”

รำเพยเหลียวหลังไปมอง ตาเบิกโตด้วยความดีใจ “ดีใจที่เจอคุณอีกครั้ง เจอกานพลูไหมคะ?”

อองเดรส่ายหน้า แววตาเศร้าสร้อย เสื้อและโจงกระเบนเปียกชื้นเพราะเพิ่งขึ้นจากแม่น้ำ ก่อนหน้านี้เขาโผล่มาเหนือน้ำเห็นรำเพยกำลังเดินตามย่าแก้วเข้าเรือน จึงรีบขึ้นจากน้ำ เดินตามหลัง ทันได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองก่อนที่ย่าแก้วจะแยกตัวจากไป

“ถ้าจมไปนานขนาดนี้ ผมเกรงว่าเธอจะหายไปกับสายน้ำแล้ว คงต้องรอให้ศพอืดขึ้นมา หรือไม่ก็อาจไหลไปตามน้ำ ถูกพัดพาไปจนหาศพไม่เจอ แต่ผมภาวนาขอให้เธอปลอดภัย กานพลูเป็นเด็กดี ไม่ควรต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ ชีวิตเธออาภัพจริงๆ เกิดมาก็เสียแม่ โตมาก็ถูกผู้คนรังเกียจหาว่าเป็นลูกชู้ ผู้คนในบ้านรวมไปถึงบ่าวคอยรังแก แม้กระทั่งหลวงพิภพฯ ก็ไม่ไยดี”

อาการถอดใจของอองเดร ทำให้รำเพยพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วย “ดิฉันเสียใจด้วยค่ะ แต่ไม่แน่นะคะ เธออาจรอดปลอดภัย ไม่เสียชีวิตก็ได้ เพราะอย่าลืมว่าเราทั้งคู่ตกน้ำในเวลาไล่ๆ กัน แล้วดิฉันก็มาโผล่ที่นี่ ฉะนั้นกานพลูอาจไปโผล่ที่ภพดิฉันก็ได้”

“แล้วคุณตกน้ำได้อย่างไร”

“ดิฉันเป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์บ้านเจ้าสัว ระหว่างจะก้าวจากโป๊ะลงเรือ จู่ๆ ก็มีคนกระแทกหลัง ดิฉันเซตกน้ำ แล้วก็มาโผล่ที่นี่”

“พิพิธภัณฑ์บ้านเจ้าสัวกิม? คุณหมายถึงที่นี่หรือ?”

“ใช่ค่ะ อีก ๑๐๐ กว่าปีข้างหน้า ที่นี่จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมได้ ดิฉันเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวเหล่านั้น”

อองเดรอึ้ง “ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอกนะ เพราะดูจะเกินจริงอยู่สักหน่อย”

รำเพยผ่อนลมหายใจ “ดิฉันรู้ว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ทำไงได้เกิดขึ้นกับดิฉันแล้ว แถมยังหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ด้วย ว่าแต่คุณเป็นอะไรกับกานพลู คนรักของเธอเหรอคะ?”

“ผมเป็นแค่คนแอบรัก กานพลูเป็นเด็กเจียมเนื้อเจียมตัว เลยไม่รับรักใคร แต่ยิ่งจะทำให้คนเห็นใจ สงสาร และหลงรัก มากขึ้น เธอมีหนุ่มๆ มาชอบพอหลายคน ทั้งลูกชายของคุณอุ่นเรือน ลูกชายของคุณช้องนาง คุณไวทยาน้องชายของหลวงพิภพฯ แต่เธอก็ยังคงวางตัวเฉยเมย” เมื่อเห็นรำเพยทำตาปริบๆ เขาก็หัวเราะ “ที่เรือนนี้คนเยอะ คุณต้องรู้จักและจดจำให้หมดว่าใครเป็นใคร ถ้าต่อจากนี้จะต้องสวมบทบาทเป็นเธอ”

“จำเป็นด้วยหรือที่ดิฉันจะต้องสวมบทบาทเป็นเธอ?” รำเพยถามทันควันอย่างไม่สบายใจ จะเอ่ยปากขอให้อองเดรช่วยหาที่อยู่ให้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจเขาได้กี่มากน้อย ในเมื่อเขาประกาศตัวโต้งๆ ว่าแอบรักกานพลู ขืนเขาหน้ามืดเห็นเธอเป็นกานพลูขึ้นมา ก็จะยุ่ง

“ถ้าคุณจำเป็นต้องอยู่ในภพนี้ในระหว่างที่ยังกลับภพของตัวเองไม่ได้ ผมว่าก็จำเป็น หรือคุณอยากไปอยู่กับผมล่ะ?” แสร้งถามด้วยนัยน์ตากรุ้มกริ่ม แต่เมื่อเห็นรำเพยค้อนขวับวงใหญ่กลับมา เขาก็หัวเราะ “ผมก็เดาแล้วว่าคุณต้องเซย์โน เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ไปเถอะ จนกว่าผมจะคิดหาทางช่วยคุณไปสู่ภพของคุณได้”

“ถ้าคุณรับปากว่าดิฉันจะปลอดภัย ดิฉันก็อาจจะขอให้คุณช่วยหาที่อยู่ให้”

“ผมไม่รับปากหรอกรำเพย แถมเสร็จจากการต้อนรับซาเรวิตซ์ ผมก็จะต้องกลับไปภูเก็ต ผมต้องไปๆ มาๆ ระหว่างภูเก็ตกับบางกอก คงไม่สะดวกที่จะพาคุณไปด้วย อยู่ที่นี่สะดวกและปลอดภัยกว่า”

รำเพยหน้ามุ่ย “แล้วถ้าดิฉันหาทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้ตลอดกาลล่ะ”

“คุณก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ฉะนั้นการสวมบทบาทเป็นกานพลูเป็นหนทางที่ดีที่สุดในกรณีนั้น”

รำเพยหน้าเสีย “ดิฉันไม่อยากอยู่ภพนี้ อยากกลับไปสู่ภพของตัวเอง”

“ผมรู้ ผมจะหาทางช่วยเหลือคุณให้ถึงที่สุด”

“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณเป็นอะไรกับหลวงพิภพฯ คะ?”

“ผมเป็นเพื่อนของท่าน” ความจริงอายุของเขาอ่อนกว่าหลวงพิภพเดโชหลายปี รู้จักกันในพระราชพิธีโสกันต์(1) ของพระราชโอรสพระองค์หนึ่งของพระเจ้าแผ่นดิน หลวงพิภพเดโชสนใจที่จะร่วมทุนบริษัทเดินรถรางกับเขา ช่วงนี้จึงเชื้อเชิญเขามาเยี่ยมบ้านเป็นพิเศษ อองเดรกล่าวต่อว่า “ผมเข้านอกออกในเรือนท่านมานาน ก็เลยรู้จักลูกๆ หลานๆ ท่านทุกคน ถ้าคุณจำเป็นต้องสวมบทบาทเป็นกานพลู คุณควรต้องรู้ว่านั่นเป็นเรือนพำนักของคุณ” อองเดรพูดพลาง ชี้นิ้วไปยังอาคารที่อยู่ฝั่งท่าน้ำ รำเพยมองตาม เพิ่งสังเกตว่ากลุ่มอาคารชิโน-โปรตุกีส มีอาคารขนาดเล็กและน้อยหลังกว่าตอนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ เดาว่าทายาทรุ่นต่อมาคงปลูกสร้างขยับขยายเพิ่มเติมมาเรื่อยจนกลายมาเป็นกลุ่มอาคารหลังใหญ่หลายหลังติดต่อกันดังเช่นในปัจจุบัน ถัดจากกลุ่มอาคาร เป็นไม้ดอกไม้ประดับ สลับกับไม้ยืนต้นสูงใหญ่และไม้ดัดที่วางเป็นระเบียบ ไม้ดอกไม้ประดับส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลรอบตัวเธอจนยากจะแยกได้ว่ากลิ่นอะไรเป็นกลิ่นอะไร แล้วอองเดรก็แจกแจงต่อว่า “ตรงกลางนั่นเป็นเรือนพักของหลวงพิภพฯ กับคุณอุ่นเรือน ถัดไปก็ของคุณช้องนาง คุณกิ่งพิกุล คุณฮง คุณไวทยา ย่าแก้ว ส่วนด้านล่างเรียงจากด้านนี้ เป็นของคุณรพีพรพักกับอังกูร คุณเชิงพลอยพักกับมาลา คุณชินานางพักกับชไบนาง...” อองเดรสาธยายต่อไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน

“เป็นครอบครัวใหญ่จริงๆ สมาชิกเยอะมาก ดิฉันไม่แน่ใจว่าจะจำได้ครบทุกคนไหม”

“ค่อยๆ จำไป เดี๋ยวก็จำได้เอง ความจริงถ้ารวมบ่าวด้วย ก็เกือบ ๓๐ คน แต่ถ้านับเฉพาะหัวหน้าครอบครัว เมียๆ และลูกๆ ก็มีแค่ ๑๗ คน”

“เยอะจริงๆ ค่ะ” เธอย้ำ

อองเดรพยักหน้า “เดี๋ยวผมต้องขึ้นไปหาหลวงพิภพฯ แล้ว ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ขึ้นไปทักทายท่าน”

“คุณจะบอกใครๆ เรื่องของกานพลูมั้ย” รำเพยรีบถามก่อนที่เขาจะแยกตัวไป

แววตาอองเดรเศร้า “ไม่...ผมจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ปลอดภัยเพราะกำลังยืนคุยกับผมอยู่ตรงหน้านี้”

ความหมายโดยนัย เขาจะบอกหลวงพิภพเดโชว่าเธอคือกานพลู รำเพยถอนหายใจ “คุณคิดว่าเป็นแผนการของใครคะ”

“หลวงพิภพฯ เพราะรังเกียจลูกสาวคนนี้ คิดว่าเป็นลูกชู้”

“แล้วเป็นลูกชู้จริงไหมคะ”

อองเดรไม่ทันตอบเมื่อมีบ่าวคนหนึ่งเดินผ่านมา เขารอจนบ่าวคนนั้นดินพ้นไปแล้ว จึงตอบว่า “เรื่องมันยาว เอาไว้ผมจะเล่าวันหลัง”

“แล้วคุณป้าที่มาตามกานพลูเมื่อกี้ คือใครคะ?”

“คนนั้นย่าแก้ว เป็นแม่เลี้ยงของหลวงพิภพฯ ผมหมายถึงอนุภรรยาคนหนึ่งของหลวงนาวีเดชานนท์ ตอนนี้หลวงนาวีฯ กับเมียคนอื่นๆ เสียหมดแล้ว คงเหลือแต่ย่าแก้ว”

“แล้วเป็นมิตรกับกานพลูไหม คือดิฉันอยากรู้ว่าใครพอจะเป็นที่พึ่งให้กับกานพลูได้บ้าง”

อองเดรไม่ทันตอบเมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้นบนระเบียงชั้นสอง

ฝ่ายนั้นตะโกนว่า “เอาอีกแล้ว...แม่กานพลู ชอบหว่านเสน่ห์ผู้ชายเสียจริง ทั้งอู้งาน อ่อยหนุ่มๆ ครบถ้วนกระบวนความเสียจริง”

“นั่นใครคะ”

อองเดรละสายตากลับมามองสาวสวยร่างบางที่ยืนใกล้ตัว ตอบเสียงเบาว่า “คุณเชิงพลอย เป็นลูกสาวของคุณอุ่นเรือน ในเรือนนี้มีคนที่ญาติดีกับกานพลูแค่ ๔ คนคือย่าแก้ว คุณมาลาซึ่งเป็นลูกสาวของคุณอุ่นเรือน คุณชไบนางลูกสาวของคุณช้องนาง และคุณส้มจีนลูกสาวของคุณกิ่งพิกุล”

เธออยากค้านว่าเขาเข้าใจผิด เพราะท่าทีย่าแก้วเมื่อครู่ ห่างไกลจากคำว่า “ญาติดี” นัก

“แล้วคนไหนคือคุณมาลา คุณชไบนาง คุณส้มจีนคะ ดิฉันจะได้ไปหา”

“คงกำลังทำงานอยู่บนเรือน เดี๋ยวพอเจอใครต่อใคร คุณก็จะรู้ด้วยตัวเองว่าคนไหนมิตร คนไหนคุณมาลา คุณชไบนาง คุณส้มจีน เอาล่ะ...ผมต้องไปแล้ว” พูดจบก็ปลีกตัวขึ้นไปบนเรือน ใช้เส้นทางคนละด้านกับเชิงพลอย

เมื่อเชิงพลอยเดินลงมาถึงตัว ก็ถามว่า “กัปตันอองเดรไปไหนเสียล่ะ” ถามพลางเหลียวมองรอบตัว แต่ไม่เห็นวี่แวว

“ขึ้นไปบนเรือนแล้วค่ะ”

“จริงๆ เล้ย” บ่นแค่นั้น แล้วเชิงพลอยก็หันมาสำรวจรำเพยตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเท้าจดศีรษะ เหยียดปาก กล่าวว่า “ใครๆ บอกว่าหล่อนตกน้ำ ฉันรึก็เห็นหล่อนสุขสบายดี ดวงแข็งสิท่า”

รำเพยเพียงแค่ยิ้ม ไม่ตอบ

เชิงพลอยเบะปาก “แล้วนี่เอาชุดพิสดารอะไรมาสวม สมกับเป็นลูกบ่าวเสียจริง ไปไป๊...ไปเปลี่ยนซะ ฉันล่ะทนมองแม้แต่หางตาไม่ไหวจริงเชียว เสียสุขภาพจิต”

รำเพยทำท่าจะเดินจากไปแล้ว แต่ต้องชะงัก เมื่อเสี้ยววินาทีต่อมาถูกเรียกตัวไว้

“เดี๋ยว...”

รำเพยหยุดยืน แต่ไม่เหลียวหลังไปมอง เป็นผลให้เชิงพลอยต้องเป็นฝ่ายเดินไปหา เธอมองร่างสูงเพรียวในชุดเปียกมะล่อกมะแลกของรำเพยที่คิดว่าเป็นกานพลูแล้วเหยียดปากด้วยความริษยา เชิงพลอยอิจฉาความสูงเพรียวของกานพลูมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เข้าใจเสียจริงทั้งที่เป็นลูกบ่าวกับชายชู้ แต่กลับเกิดมาหน้าตาสะสวยยังกับนางฟ้านางสวรรค์ ใครเห็นเป็นต้องรุมรัก ดูอย่างกัปตันอองเดรผู้เป็นเจ้าของบริษัทเดินรถราง หล่อรวย แต่กลับมาใฝ่รักลูกชู้ของบ่าวในทันทีที่เห็นหน้า นับแต่นั้นก็เทียวไล้เทียวขื่อไม่ได้ขาด

“ทำไมหล่อนถึงไว้ผมยาวรกรุงรังแบบนั้น”

รำเพยสะดุ้ง เธอนึกกลัวว่าจะถูกจับกร้อนผม เลยตอบเสียงรัวว่า “ดิฉันสวมผมปลอม”

“เป็นยังไง” เชิงพลอยถามต่ออย่างสนใจ เพราะดูๆ แล้วผมยาวเด่นสะดุดตา

“ถ้าคุณไม่ถือเรื่องเรียนรู้จากบ่าว ดิฉันจะสอนให้”

เชิงพลอยชักสีหน้า “นี่แม่กานพลูอย่ากำเริบให้มากนัก คนอย่างฉันรึจะลดตัวไปเรียนจากหล่อน ฝันไปเถอะ ไปไป๊...จะไปไหนก็ไป ฉันเหม็นเบื่อขี้หน้าหล่อนเต็มทนแล้ว”

รำเพยเลยได้โอกาสผละจากมา เธอรีบตรงไปยังเรือนของกานพลูที่อองเดรบอกไว้ เมื่อผลักประตูไม้เข้าไป ก็ชะงัก

“อุ๊ย”

ต่างคนต่างตกใจ แล้วฝ่ายนั้นก็โผเข้ามากอด “แม่กานพลูเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเป็นห่วงสุดซึ้ง ได้ยินบ่าวและคุณอุ่นเรือนบอกว่าเธอตกน้ำ แลบ้างก็ว่าแม่กานพลูลงไปว่ายเล่น ฉันร้อนใจอยากลงมาดู แต่กำลังช่วยงานคุณอุ่นเรือน เลยไม่กล้าลงมา”

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันปลอดภัยแล้ว ว่าแต่คุณคือใครคะ?”

“แม่กานพลูถามแปลกจริง ฉันชื่อชไบนาง จำไม่ได้รึ?”

“อ้อ...จำได้ค่ะ ดีใจที่ได้เจอคุณค่ะ” รำเพยร้องด้วยความยินดีแล้วโผเข้าไปกอดอีกฝ่าย ดีใจประหนึ่งเจอเพื่อนเก่า

ชไบนางทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ตวัดตาค้อนแล้วว่า “กระดูกฉันจะหักเป็นหลายท่อนแล้วแม่กานพลู เบาๆ หน่อยจ้ะ”

“ขอโทษค่ะ ดิฉันดีใจมากไปหน่อย”

“แล้วทำไมถึงดีใจมากขนาดนี้เล่า”

รำเพยยิ้ม “ก็คุณเป็นมิตรของกานพลู ขอบคุณคุณชไบนางอีกครั้งค่ะที่เป็นห่วง”

ฝ่ายนั้นมองตาปริบๆ แล้วว่า “แม่กานพลูพูดแปลกๆ นะ ว่าแต่ทำไมถึงเรียกฉันว่าคุณล่ะ”

“ก็คุณเป็นลูกของคุณช้องนางไม่ใช่หรือคะ?”

ชไบนางหัวเราะ “แม่กานพลูเลอะเลือนเสียแล้ว ลูกๆ ของคุณอุ่นเรือนเท่านั้นดอก ถึงจะได้รับการเรียกขานว่า “คุณ” อย่างเราลูกเมียน้อย ไม่ถูกเรียกว่า “อี” หรือ “นัง” ก็ดีเท่าไหร่แล้ว พวกเราเรียกกันเองว่า “แม่” จ้ะ” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มขำๆ

รำเพยยิ้มตอบ เดาว่าอีกฝ่ายอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเธอ ไม่ทันถามฝ่ายนั้นก็ถามต่อว่า

“แล้วนั่นแม่กานพลูเอาเสื้อผ้าแปลกๆ พวกนั้นมาจากไหนจ้ะ แล้วยังจะผมเผ้าอีก ดูไม่เหมือนแม่กานพลูเลยจริงๆ”

“เป็นทรงผมในปีพ.ศ.๒๕๕๘ ค่ะ”

“อะไรนะ?”

รำเพยยิ้มในหน้า “ถ้าดิฉันบอกว่าดิฉันไม่ใช่กานพลู คุณจะเชื่อไหมคะ?”

“อารั้ย...เห็นอยู่ว่าเป็นแม่กานพลู จะมาพูดจาเทอะเลอะอะไรกัน เอาล่ะรีบลูบเนื้อลูบตัวแล้วนุ่งผ้าไปหาย่าแก้วได้แล้ว เราต้องเตรียมสำรับคาวหวานต้อนรับกัปตันอองเดรแล้ว แล้วไหนยังจะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำขี้ผึ้งวิเศษดาราคุปต์ให้คุณอุ่นเรือนอีก อุ้ย...วันนี้แม่กานพลูมีหน้าที่เจียนหมากพลูแล้วก็มวนบุหรี่ให้คุณพ่อด้วยนี่ ได้ขึ้นเรือนไปทำให้หรือยังจ๊ะ”

รำเพยมองตาปริบๆ เพราะตามไม่ทัน “เดี๋ยวนะคะ กานพลูต้องทำอะไรบ้างนะคะ?” เมื่อเห็นชไบนางมองมาด้วยสีหน้าอ่อนใจ เธอก็ยิ้มเจื่อนๆ “ขอโทษค่ะ คงเพราะดิฉันตกน้ำ เลยทำให้สมองกระทบกระเทือน ดูเหมือนความทรงจำจะขาดๆ เกินๆ ไม่สมบูรณ์นัก คุณชไบนางช่วยเล่าเรื่องราวของตระกูลเจ้าคุณพ่อให้ดิฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ?” รู้เหมือนกันว่าเหตุผลไม่เข้าท่า แต่วินาทีนั้นคิดเหตุผลอื่นไม่ออก

“ทำไมแม่กานพลูถึงเรียกคุณพ่อว่าเจ้าคุณพ่อล่ะในเมื่อท่านเป็นแค่หลวง ไม่ได้เป็นพระยาหรือเจ้าพระยาสักหน่อย”

รำเพยยิ้มเหยเก ด้วยว่าเธอจำข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้เท่านั้น “ค่ะ จำผิด ดิฉันบอกแม่ชไบนางไปแล้วว่านับแต่ตกน้ำ สมองไม่รู้เป็นอะไร จำผิดๆ ถูกๆ อยู่เรื่อย”

ชไบนางพยักหน้าอย่างไม่ถือสา เล่าว่า “คุณปู่ของเรา หลวงนาวีเดชานนท์เป็นคนขยันหมั่นเพียร สร้างฐานะตัวเองด้วยการทำมาค้าขายอยู่ในเรือนแพ จนกระทั่งมีเงินทองมากมายมาต่อเติมอาคารชิโน-โปรตุกีส ต่อมาท่านก็เข้ารับราชการเป็นหลวงนาวีเดชานนท์ ท่านมีภรรยาทั้งหมด ๒ คน คือย่าสุ่นและย่าแก้ว อยู่ด้วยกันมาอย่างผาสุกจนสิ้นอายุขัย บัดนี้เหลือแต่ย่าแก้วที่ยังมีชีวิตยืนยาว” ชไบนางเล่าเป็นต่อยหอย ดูจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่มาตามหารำเพยผู้ที่ตนเข้าใจว่าเป็นกานพลูด้วยกิจธุระอะไร

“แล้วคุณพ่อของเราล่ะคะมีประวัติอย่างไร”

“ประวัติของคุณพ่อยาวเหยียดเป็นหางว่าว เล่ากันว่าสมัยคุณพ่อยังเล็กๆ คุณปู่หาจีนซินแสมาสอนหนังสือจีนให้ที่บ้าน พออายุ ๑๐ ขวบ ก็ถูกส่งตัวไปเรียนหนังสือที่ประเทศจีน แต่เรียนได้ไม่กี่ปีก็ถูกเรียกตัวกลับมา ท่านถูกส่งตัวไปเรียนต่อโรงเรียนอัสสัมชัญ เมื่อออกจากโรงเรียนก็ไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย แล้วกลับมาทำงานกับคุณปู่ จากนั้นก็มีเหตุให้ต้องเข้ารับราชการเป็นเสมียนที่กรมฝิ่น(2) กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ได้รับพระราชทานเงินเดือน ๔๐๐ บาท”

“๔๐๐?” รำเพยทวนคำด้วยความรู้สึกทึ่งด้วยว่าเงินเดือน ๔๐๐ บาทในสมัยนั้นถือว่าไม่น้อยเลย ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมหลวงพิภพเดโชถึงสามารถเลี้ยงดูบริวารและลูกเมียนับสิบนับร้อยชีวิตได้ ก็ท่านร่ำรวยแบบนี้นี่เล่า

ชไบนางพยักหน้า เล่าต่อด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ความจริงเงินเดือนของเสมียนสมัยนั้นแค่ ๔๐ บาทเท่านั้น แต่ด้วยความเป็นคนขยันขันแข็งของคุณพ่อ เช้าก็ลงเรือข้ามฟากไปทำงาน กลางวันก็กลับมากินข้าวที่บ้าน ทำงานหามรุ่งหามค่ำชนิดที่เรียกว่าไม่เกี่ยงงาน แถมเลิกงานก็เก็บกวาดที่ทำงาน ปิดห้องหับประตูหน้าต่างเรียบร้อย เรียกว่าทำงานตั้งแต่ตำแหน่งเสมียนยันภารโรง พอสิ้นเดือนเจ้านายก็จ่ายเงินเดือนให้ ๔๐๐ บาท คุณพ่อตกใจเลยเข้าไปกราบทูลว่ากระหม่อมขอเงินเดือนแค่ ๔๐ บาท ทำไมถึงได้ ๔๐๐ บาท มากเกินไป กระหม่อมไม่มีรายจ่ายอะไร เช้าก็ข้ามฟากมาทำงาน กลางวันกลับไปกินข้าวบ้าน แถมลูกเมียก็ไม่มี เย็นไม่รู้ไปไหน ก็เลยอยู่ช่วยภารโรงเก็บกวาดห้องจนเสร็จ แล้วจึงจะกลับ ก็แค่นั้น ท่านอธิบดีกรมฝิ่นได้ฟังก็รับสั่งว่า ทำงานมากกว่าคนอื่นและทำงานได้เรียบร้อย ประหยัดในการจ้างคนอื่นอีกหลายคน ฉะนั้น ๔๐๐ บาทก็ถูกต้องแล้วรับไปเถอะ แล้วนับแต่นั้นตำแหน่งของคุณพ่อก็ก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ จวบจนมาเป็นหัวหน้ากองคลังฝิ่น แผนกรักษาฝิ่นในปัจจุบัน”

“แล้วอย่างไรต่อคะ” รำเพยถามต่อ รู้สึกทึ่งแกมศรัทธาหลวงพิภพเดโชพอได้มาฟังประวัติจากปากชไบนาง เพราะตอนฟังประวัติจากอองเดรว่าท่านเกลียดกานพลู หาว่าเป็นลูกชู้ เธอก็มองท่านด้วยความรู้สึกติดลบ

“เมื่องานก้าวหน้า คุณพ่อก็มีคุณอุ่นเรือนเป็นเมียหลวง แม่ของฉัน คุณกิ่งพิกุล รวมถึงแม่ของกานพลู มาทีหลัง สำหรับแม่ของฉัน มีชื่อว่าช้องนาง เคยเป็นข้ารับใช้ของเจ้าจอมมารดาของเสด็จในวังหลวงมาก่อน ก่อนที่คุณพ่อจะรับตัวมาอยู่ที่นี่ ส่วนคุณกิ่งพิกล เป็นลูกสาวของหัวเมืองฉะเชิงเทรา และแม่ของกานพลู ฉันไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเป็นใคร มาจากไหน?”

“บอกหน่อยเถอะ เพราะดิฉันจำไม่แม่นจริงๆ”

“เอ้ย...แม่ของกานพลูนี่แปลกคนเสียจริง จำประวัติของแม่ตัวเองไม่ได้” ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่แววตาติดรอยปรานี “แม่ของกานพลู มีชื่อว่าอบเชย เป็นบ่าวติดตามย่าแก้วมา แม่อบเชยมาเป็นบ่าวในบ้านนี้ตั้งแต่เล็กๆ จวบจนโตเป็นสาว เธอสวยมากๆ คุณพ่อหลงรักก็เลยคว้ามาเป็นเมียอีกคน ในบรรดาเมียๆ ทั้งสาม ดูเหมือนคุณพ่อจะรักแม่ของกานพลูมากที่สุด ก็อย่างว่าแม่ของกานพลูสวย กานพลูก็เลยได้ความสวยมาจากแม่เต็มๆ”

“แม่ชไบนางมีรูปถ่ายของกานพลูให้ดูมั้ย”

“อะไรคือรูปถ่าย?”

รำเพยอธิบายคุณลักษณะของกล้องรูปถ่าย

“โห...นั่นล่ะมีเฉพาะในวังหลวง ชาวบ้านอย่างเราๆ ใช้การวาดรูปแหละจ้ะ แต่ค่าวาดรูปแพงมาก เลยมีแต่ภาพวาดของคุณอุ่นเรือนกับคุณพ่อติดอยู่ที่ผนังในตอนนี้ ว่าแต่แม่กานพลูถามถึงภาพทำไมหรือจ๊ะ?”

“ก็ดิฉันอยากเห็นว่ากานพลูมีหน้าตาอย่างไร”

ชไบนางกะพริบตาปริบๆ “แม่กานพลูพูดตลกจริงเชียว เห็นตัวเองอยู่ทุกวัน ยังจะมาถามหน้าตา ส่องกระจกดูก็รู้ว่าหน้าตาเป็นเยี่ยงไร”

รำเพยยิ้มเจื่อนๆ เสเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วคุณอบเชย มีลูกๆ อีกไหมจ๊ะ”

ชไบนางรู้สึกแปลกๆ ที่อีกฝ่ายเรียกแม่ของตัวเองว่าคุณ แต่ไม่ได้ออกปากสังเกต “เปล่าดอก มีแค่แม่กานพลูคนเดียว แม่กานพลูนี่ท่าจะอาการหนักนะ จำไม่ได้แม้แต่กระทั่งว่าตัวเองเป็นลูกโทน”

รำเพยยิ้มกร่อยๆ ถามต่อว่า “แล้วเรื่องงานในบ้านละคะ แม่ชไบนางบอกว่าดิฉันมีงานในหน้าที่ต้องทำทุกวัน?”

ชไบนางพยักหน้า “บ้านหลังนี้คุณพ่อปกครองก็จริง แต่คุณอุ่นเรือนก็เป็นใหญ่ไม่แพ้กัน ท่านไม่ได้เลี้ยงดูลูกๆ ให้สุขสบายชนิดที่เรียกว่าเท้าไม่ติดดิน ฉะนั้นถึงแม้ว่าที่บ้านเราจะมีบ่าวมากมาย แต่ลูกๆ ทุกคนก็จะมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปคนละอย่างสองอย่าง อย่างอังกูรน้องชายของฉันมีหน้าที่จุดตะเกียงทั่วทั้งบ้าน ทุกเย็นต้องคอยเติมน้ำมันตะเกียง ตัดไส้ตะเกียง เช็ดถูกตะเกียงให้สะอาด ส่วนลูกชายอีกคน มีหน้าที่บีดนวดให้คุณพ่อทุกเย็น นี่เป็นตัวอย่างละนะ สำหรับลูกสาวก็มีหน้าที่ต้องช่วยกันทำงานบ้านงานครัว เย็บปักถักร้อย ไม่มีใครอยู่ว่างได้ดอก อย่างฉันก็ต้องช่วยทำงานครัวจิปาดะ คุณเชิงพลอยมีหน้าที่ช่วยคุณอุ่นเรือนทำขี้ผึ้งวิเศษดาราคุปต์ คนอื่นๆ ก็ช่วยเตรียมอุปกรณ์ ส่วนแม่กานพลู ก็มีหน้าที่หลักเจียนหมากพลูแล้วก็มวนบุหรี่ให้คุณพ่อ”

แค่เจียนหมากพลู มวนบุหรี่ ไม่ยาก รำเพยคิดในใจก่อนพยักหน้า “งั้นดิฉันจะไปช่วยงานครัวย่าแก้วก่อน เสร็จแล้วก็ค่อยเจียนหมากพลู มวนบุหรี่ ให้คุณพ่อ”

ชไบนางพยักหน้า “แต่ก่อนอื่นแม่กานพลูลูบเนื้อลูบตัว เปลี่ยนผ้านุ่งก่อนดีไหม?”

“อะไรคือลูบเนื้อลูบตัวคะ?”

ชไบนางกลั้นยิ้มขำ เมื่อสุดจะกลั้นก็พ่นเสียงหัวเราะ “อุ้ย...แม่มาได้ยิน คงหาว่าฉันไม่มีสมบัติชาววัง จะยิ้มจะหัวเราะก็เสียงดัง แต่แม่กานพลูก็ช่างน่าหัวร่อเสียจริง...ลูบเนื้อลูบตัวแปลว่าทำความสะอาดร่างกาย แต่ไม่ถึงกับอาบน้ำดอก ก็วักน้ำจากขันลูบหน้าลูบตัว ต่อด้วยประแป้งหรือดินสอพอง แต่กานพลูน่ะพิถีพิถันยังกับชาววัง ต้องเช็ดตัวด้วยผ้าผืนเล็กที่จุ่มน้ำลอยดอกไม้ บิดหมาดๆ เช็ดตามเนื้อ แล้วชโลมด้วยน้ำอบ จนแม่ฉันบอกว่ากานพลูน่ะยังกับลูกชาววัง”

แม้สตรีสมัยโบราณจะแต่งกายถูกกับสภาพอากาศ คือนุ่งโจงกระเบน มีผ้าคาดอก แต่ก็ยังรู้สึกร้อนเป็นครั้งคราว จะอาบน้ำก็ไม่สะดวก เพราะไม่มีห้องน้ำมิดชิด ดังนั้นวิธีคลายร้อนที่ไม่ให้ตัวเหนียวเหนอะหนะก็คือ การลูบเนื้อลูบตัวนั่นเอง ถ้าเป็นชาวบ้านก็จะใช้มือวักน้ำจากภาชนะ เช่น ขัน ลูบไล้ใบหน้า ตามลำตัว โดยใส่ชุดเดิมไม่ต้องเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ประแป้งเม็ด หรือดินสอพอง แต่สำหรับชาววัง จะพิถีพิถันกว่า เช่น ใช้น้ำลอยดอกไม้ ภาชนะก็ใช้ขันเงิน วิธีการลูบเนื้อลูบตัว อาจใช้ผ้าผืนเล็กชุบน้ำบิดพอหมาด เช็ดตามตัวที่อยู่นอกร่มผ้า เสร็จแล้วชโลมด้วยน้ำปรุง หรือน้ำอบ ทาทับด้วยแป้งหอม จะทำให้เนื้อตัวเย็นสบายขึ้น(3)

รำเพยยิ้มแห้งๆ “แต่ดิฉันตกน้ำมาทั้งตัวแล้ว คงไม่ต้องลูบเนื้อลูบตัวกระมังคะ? แค่นุ่งโจงกับผ้าคาดอกก็น่าจะพอ?”

หญิงสาวจากโลกปัจจุบันพูดติดตลก เธอพยายามเลียนแบบการพูดการจาของชไบนาง เมื่ออีกฝ่ายหัวเราะคิก เลยเป็นผลให้ตนเองหัวเราะตาม รำเพยเริ่มสนุกกับการโลดแล่นในบทบาทของกานพลู การหลุดมาในภพอดีต ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเกินไปนัก อย่างน้อยก็ทำให้เธอเข้าใจผู้คน วิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ในยุคนั้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอปรารถนามาโดยตลอด ยามเธอไปเที่ยวโบราณสถาน โบราณวัตถุหรือตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เธอมักคิดจินตนาการและตั้งคำถามกับตัวเองว่าผู้คนในยุคนั้นอยู่กันอย่างไร และสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อวิวัฒนาการในสมัยนั้นยังไม่ก้าวหน้า คราวนี้เธอคงได้รู้คำตอบ...

--------------------------------

(1) พระราชพิธีโสกันต์ : พระราชพิธีโกนจุก ของพระราชโอรสหรือพระราชธิดาของพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนเจ้านายระดับหม่อมเจ้า เรียกว่า "พิธีเกศากันต์" ลูกชาวบ้านเรียกว่า “โกนจุก” นิยมโกนจุกเมื่อเด็กหญิงเด็กชายมีอายุ ๑๑-๑๓ ปี โกนช่วงอายุเลขคลี่ เช่น ๑๑ , ๑๓

(2) กรมฝิ่น : การเก็บภาษีสรรพสามิตมีต้นกำเนิดมาจากสินค้า ๒ ประเภท คือ ฝิ่น และสุรา จัดเก็บภาษีโดยกรมฝิ่นและกรมสุรา ต่อมาเปลี่ยนชื่อว่า “กรมสรรพสามิตต์และฝิ่น” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “กรมสรรพสามิต” ในปัจจุบัน

(3) ลูบเนื้อลูบตัว : ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย “สี่แผ่นดิน” กับเรื่องจริงในราชสำนักสยาม





Create Date : 27 กันยายน 2558
Last Update : 27 กันยายน 2558 11:46:23 น.
Counter : 700 Pageviews.

7 comments
  
งานเข้ารำเพยจริงๆค่ะ บอกใครไปก็ไม่มีคนเชื่อว่าไม่ใช่กานพลู แถมสถานะของกานพลูในบ้านยังไม่ค่อยดีอีก ซวยหลายเด้งจริงๆ ค่ะ
โดย: pantan IP: 171.96.176.196 วันที่: 27 กันยายน 2558 เวลา:10:16:36 น.
  
ย้อนเวลากลับมาช่วยใครหน่อ ติดค้างใครไว้
โดย: sakeena IP: 125.24.251.11 วันที่: 28 กันยายน 2558 เวลา:13:46:58 น.
  
เป็นรำเพยเหรอที่ได้โอกาสมากลับแก้ไขอดีต นึกว่าจะเป็นพระเอกซะอีก
โดย: mimny วันที่: 28 กันยายน 2558 เวลา:21:27:35 น.
  
รำเพยเอ๊ย ยังหัวเราะได้อีก เป็นเราร้องไห้ไปแล้ว
โดย: alanta IP: 110.49.207.42 วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:9:04:00 น.
  
นึกว่าเป็นพระเอกซะอีก
โดย: chai IP: 49.49.248.222 วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:9:44:40 น.
  
ขอบคุณคุณเอ๋ คุณ sakeena น้องมิ้ว คุณ alanta และคุณ chai ค่ะ เช่นเคยจะมีเกมทีเผลอสำหรับทุกคนที่ร่วมติดตามเรื่องราวค่า แต่เรือ่งนี้ลุ้นกันหน่อยน้าว่าจะจบเมื่อไร อยากจะให้จบไวๆๆภายในปีนี้ค่าแต่ไม่รู้จะสำเร็จไหม >_<
โดย: คณิตยา วันที่: 14 ตุลาคม 2558 เวลา:23:43:40 น.
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:17:03:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คณิตยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]









รู้จักคณิตยา/คีตฌาณ์

ก้าวสู่โลกแห่งการขีดเขียนในปี 2549 มีผลงานเป็นรูปเล่มกับสนพ.ในเครือสถาพรบุ๊คส์ทั้งหมด 11 เล่ม ไล่ตั้งแต่ รหัสทรชน ทางสายหมอก กุหลาบในเปลวไฟ ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ อริ...ที่รัก บอดี้การ์ด รักเพียงฝัน ตามรักข้ามเวลา ไฟรัก บันทึกแห่งรัก(the Book of Love) มิราเบลล์...ตราบคีตาบรรเลง เป็น 1 ในนิยายชุดแด่เธอที่รัก สาปรัก และใต้ปีกรัก

รหัสทรชน เป็นละครทางช่อง 3 เมื่อปี 2554 แสดงโดย เคน และชมพู่ สร้างโดยค่ายยูม่า และ ไฟรัก ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาเวียดนาม วางแผงเดือนสิงหาคม 2556



พูดคุย ทักทาย แลกเปลี่ยนความเห็น และติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง fb โดยกดไลค์เป็นแฟนเพจได้ทาง https://www.facebook.com/keetacha?ref=hl ขอบคุณค่ะ

---------------


ตอนนี้อุ๋ยทยอยนำนิยายที่หมดลิขสิทธิ์กับพิมพ์คำไปวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book บนเว็บ ebooks และเว็บ Mebmarket ค่ะ

ใต้ปีกรัก...ราคาอีบุ๊ก 179 บาท

บันทึกแห่งรัก...ราคาอีบุ๊ก 255 บาท จากราคาปก 310

ไฟรัก...ราคาอีบุ๊ก 279 บาท จากราคาปก 350 บาท

กุหลาบในเปลวไฟ...ราคาอีบุ๊ก 230 บาท



รหัสทรชน ราคาอีบุ๊ก 200 บาท จากราคา 300 บาท 673 หน้า





ทางสายหมอก ราคาอีบุ๊ก 265 บาท จากราคา 280 บาท 690 หน้า



ฝากรัก...ผ่านซีบ็อกซ์ ราคาอีบุ๊ก 125 บาท จากราคา 180 บาท 360 หน้า



รวมเรื่องสั้น...ฉบับวัยหวาน ราคาอีบุ๊ก 45 บาท จากปก 55 บาท



อริ...ที่รัก ราคาอีุบุ๊ก 195 จากปก 240 บาท



หวานใจ...บอดีการ์ด...ราคาอีบุ๊ก 145 บาท จากปก 180 บาท



รักเพียงฝัน...ราคาอีบุ๊ก 225 จากปก 250 บาท



ตามรักข้ามเวลา...ราคาอีบุ๊ก 240 จากปก 270 บาท





















New Comments