|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บอกบุญ...ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี วัดป่ามัชฌิมาวาส กาฬสินธุ์
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี เพื่อสร้างพระเจดีย์
ณ วัดป่ามัชฌิมาวาส บ้านดงเมือง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ เวลา ๑๑.๑๙ นาฬิกา
ด้วยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ ให้กับ พระโพธิญาณมุนี (เมือง พลวฑฺโฒ) เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ นั้น พระโพธิญาณมุนี(เมือง พลวฑฺโฒ) และคณะศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันพิจารณา เห็นควรที่จะสร้างพระเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ น้อมเกล้าถวายเป็นพุทธบูชา ได้ร่วมกันทอดกฐินสามัคคีรวบรวมทุนเพื่อสร้างพระเจดีย์ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ เป็นต้นมา พื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด ๓๕ ไร่ ขณะนี้ได้ใช้งบดำเนินการแล้ว เป็นจำนวนเงิน ๑๖ ล้านบาท
สำหรับการทอดกฐินสามัคคีประจำปี พุทธศักราช ๒๕๕๕ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ เวลา ๑๑.๑๙ นาฬิกา จึงขอเรียนเชิญท่านสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการทอดกฐินสามัคคี ณ วัดป่ามัชฌิมาวาสจังหวัดกาฬสินธุ์ ในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน วันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๘.๐๐ น. ตั้งกองกฐินสามัคคี ณ วัดป่ามัชฌิมาวาส เวลา ๑๙.๑๙ น. เจริญพระพุทธมนต์ฉลององค์ผ้ากฐิน
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๗.๓๐ น. พระสงฆ์ ออกบิณฑบาตภายในบริเวณวัด เวลา ๐๙.๐๐ น. พระสงฆ์ ฉันภัตตาหารเช้า เวลา ๑๑.๑๙ น. ทอดถวายผ้ากฐิน เวลา ๑๒.๐๐ น. พระสงฆ์ ให้พร (เสร็จพิธี)
หรือบริจาคเข้าบัญชี ๑. ธนาคารกสิกรไทย สาขากาฬสินธุ์ ชื่อบัญชี วัดป่ามัชฌิมวาส เลขที่บัญชี ๑๓๐-๒-๕๗๒๗๘-๖ (ออมทรัพย์)
๒. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขากาฬสินธุ์ ชื่อบัญชี พระสถูปเจดีย์วัดป่ามัชฌิมวาส เลขที่บัญชี ๑๐๕-๑-๖๕๔๖๓-๐ (ออมทรัพย์)
๓. ธนาคารกรุงเทพ สาขากาฬสินธุ์ ชื่อบัญชี วัดป่ามัชฌิมวาส เลขที่บัญชี ๓๑๕-๐-๕๖๙๗๕-๘ (ออมทรัพย์)
ขออำนาจผลานิสงส์แห่งกฐินทางนี้จงดลบันดาลให้ท่านผู้บริจาคเจริญด้วย อายุ วรรณ สุขะ พละ ปฏิภาณธรสารสมบัติตลอดกาลนานเทอญ
***แจ้งยอด/หลักฐานการดอนได้ที่ วัดป่ามัชฌิมาวาส ๐๘๑-๙๕๔๓๔๕๙
facebook
วัดป่ามัชฌิมาวาส หมู่ 10-13 บ้านดงเมือง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ 46000
พระโพธิญาณมุนี (หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ) เจ้าอาวาส
วัดป่ามัชฌิมาวาส เป็นวัดป่าปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระครูปลัดสุวัฒนเมตตาคุณ (หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ) ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในราชทินนามที่ พระโพธิญาณมุนี วิ.
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
พิพิธภัณฑ์ศพ วัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์
พิพิธภัณฑ์ศพ ศาลาอัศวินวิจิตร วัดป่ามัชฌิมาวาส ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านดงเมือง หมู่ 10-13 ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เป็นพุทธสถานอีกแห่งหนึ่งอันเลื่องชื่อในด้านเป็นสถานปลีกวิเวก เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานอย่างดีเยี่ยม นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวาง อุดมด้วยแมกไม้ที่ร่มครึ้มทั่วบริเวณวัดแล้ว ยังมี อาจารย์ใหญ่ หรือซากศพมนุษย์ ภายในศาลาอัศวินวิจิตร หรือพิพิธภัณฑ์ศพ ไว้ให้ศึกษาสัจธรรมชีวิตอีกด้วย
ประวัติวัดป่ามัชฌิมาวาสแห่งนี้ สร้างขึ้นราวปี 2474 มีพระเณรจำพรรษอยู่ร่วม 30 รูป ปัจจุบัน มีหลวงพ่อเมือง พลวัฑโฒ พระเกจิสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นเจ้าอาวาส เสนาสนะที่สำคัญอันเป็นเครื่องหมายของวัด นอกจากพิพิธภัณฑ์ศพดังกล่าวแล้ว ยังมีพระพุทธรูปหลวงปู่ขาว และหลวงปู่ผ้าขาว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานภายในวัด ให้สาธุชนสักการบูชาอีกด้วย
พระโพธิญาณมุนี (หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ)
หลวงปู่ขาว เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาว ประดิษฐานบนแท่นดอกบัว มีศาลาครอบองค์พระไว้อย่างเป็นสัดส่วน ส่วนหลวงปู่ผ้าขาว กล่าวกันว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์แทนหมอชีวกโกมารภัจจ์ (หมอประจำองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยพุทธกาล) ประทับบนก้อนหิน โดยมีพระพุทธรูปปางต่างๆ เรียงรายอยู่ด้านหลัง รวมทั้งศิวลึงค์ ก็มีให้เห็นเป็นหลักฐานของการกราบไหว้บูชามาตั้งแต่คราบรรพกาล !
ดังที่ทราบกันดีแล้วว่า ก่อนที่พุทธศาสนาจะแผ่มามีอิทธิพลยังภูมิภาคนี้ นอกจากผู้คนจะนับถือภูตผีที่เชื่อว่าสถิตอยู่ตามที่ต่างๆ แล้ว ยังมีการนับถือพระเจ้าตามลัทธิความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอีกด้วย พระเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่รู้จักกันดีก็คือ พระอิศวรหรือพระศิวะ และเครื่องหมายที่ใช้แทนพระศิวะที่พบเห็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะตามแหล่งศาสนสถาน คือ ศิวลึงค์ ที่ทำจากแท่งหิน ดังที่ปรากฏ ณ ด้านหลังหลวงปู่ผ้าขาว เพราะความที่สถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่บรรพกาล เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนในชุมชนมาหลายยุคหลายสมัย เมื่อได้มีการสร้างวัดป่ามัชฌิมวาสเป็นศูนย์รวมจิตใจของสาธุชน จึงได้มีการสร้างพระพุทธรูปหรือหลวงปู่ขาว เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า และจัดให้มีการสร้างรูปหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอประจำพระองค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสถานที่เดียวกัน
วัดป่ามัชฌิมาวาส นอกจากจะมาทำบุญตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา หรือไถ่ชีวิตสัตว์แล้ว ยังนุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เจริญจิตภาวนา หรือเก็บกวาดบริเวณวัด จะเป็น 5 วัน 7 วัน หรือ 30 วัน ก็ได้
แนวทางของวัดป่า ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เป็นพุทธสถานที่ต้องการความสันโดษ พระเณรอยู่กันอย่างสงบ สันติ สมถะ ไม่ต้องการความพลุกพล่าน ไม่ต้องการคำยกยอปอปั้นหรือชื่อเสียงใดๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตในวัด อาทิ พระพุทธรูปหลวงปู่ขาว และหลวงปู่ผ้าขาวนี้มิใช่ตัวล่อ ที่จะโน้มน้าวจิตใจหรือเรียกศรัทธาให้ผู้คนหันหน้าเข้าวัด ขอให้เข้าใจ...ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดที่จะเชิดชูชีวิตจิตใจให้สูงส่ง และดีเด่นเทียบเท่าพระธรรม สำหรับพระพุทธรูปหลวงปู่ขาวและหลวงปู่ผ้าขาว เป็นสิ่งที่ชาวบ้านดงเมืองและละแวกนี้ ให้การยอมรับนับถือและศรัทธามาช้านาน
ส่วนด้านของความศักดิ์สิทธิ์ ใครคิดจะมาบนบานกราบไหว้ ขอให้คิดดี ทำดี และที่สำคัญอย่าลืมหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากละเลยเสีย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ช่วยไม่ได้ สิ่งที่ฝากไว้ให้ระลึกอยู่เสมอคือ จงช่วยตัวเองก่อน ก่อนที่จะให้คนอื่นช่วย หรือแสวงหาสิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย หลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส กล่าวให้ข้อคิด
สำหรับ อาจารย์ใหญ่ ที่วัดนำมาแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศพหรือศาลาอัศวินวิจิตร เพื่อให้เป็นข้อคิดในวัฏสงสาร การไม่เที่ยงแท้แน่นอน ชี้ให้เห็นสัจธรรมอันแท้จริงของชีวิต เห็นแล้วจะได้ไม่หลงรูป หลงเงา หลงเขา หลงเรา จนหลงลืมคำตอบสุดท้าย เมื่อวาระสุดท้ายและความตายมาเยือน !
ข้อมูลที่สืบค้นมาเกี่ยวกับสาเหตุความเป็นมา ที่ทางวัดป่ามัชฌิมาวาสนำซากศพคนตายมาบรรจุไว้ในโลงแก้ว ภายในศาลาอัศวินวิจิตรนี่ก็คือ...มีการนำศพมาไว้ในลักษณะนี้ประมาณ 15 ปีได้ โดยศพเหล่านี้ได้รับความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ที่ผู้ตายหรือญาติผู้ตาย ได้บริจาคให้เป็น อาจารย์ใหญ่ แก่นิสิตแพทย์ เพื่อการศึกษาค้นคว้า ซึ่งทางวัดได้ทำเรื่องขอยืมมาเป็นอาจารย์ใหญ่ ให้ผู้มาศึกษาธรรมหรือผู้สนใจได้มองเห็นสัจธรรม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...
อาจารย์ใหญ่ดังกล่าว จะถูกนำมาเที่ยวละ 10-15 ศพ และทุกๆ 6 เดือน จะนำกลับไปรับพระราชทานเพลิงศพที่ จ.ขอนแก่น แล้วจะนำศพชุดใหม่มาไว้แทนที่ชุดเก่า สับเปลี่ยนเช่นนี้ร่ำเรื่อยมา
หลวงพ่อเมือง กล่าวว่า ชีวิตหรือสังขารคนเราเป็นของไม่เที่ยง ไม่คงทนถาวร ตอนยังอยู่ก็ดูดีมีคุณค่า ถึงคราตายก็เหมือนหมดความหมาย ในสายตาของทางโลกอาจคิดกันอย่างนี้ แต่หากมองดีๆ คิดให้ลึกซึ้ง คิดโดยนัยธรรมะ จะเห็นคุณค่าเหลือคณานับ พินิจดูศพแล้วกลับมามองสรีระของตัวเองแล้วเป็นยังไง ในบั้นปลายก็ไม่ต่างกันเลย ตอนที่ยังมีชีวิต ถูกกรรมลิขิตให้โลดแล่นบนกองกิเลสตัณหาสารพัดสารพัน ครั้นตายไปแล้วได้อะไรติดตัวไปบ้างไม่มีเลย แม้แต่เงินปากผี ยังถูกสัปเหร่อหยิบเอา เหลือแต่ตัวเปล่าๆ กลับไปไม่ต่างกับตอนแรกเกิดเลย
ใครที่ลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันเป็นตัวพอกพูนกิเลสตัณหาในใจ หากได้มาศึกษาจากซากศพเหล่านี้ อาจจะได้สิ่งดีๆ กลับไป หรือใครที่มัวแต่หลงเงาตัวเอง เอาแต่ชื่นชม เปลือกนอก ของตัวเองจนเกินงาม เมื่อใดก็ตามที่ได้มาเห็นเงาแห่งอนาคตอย่างซากศพคนตาย ก็จะเข้าใจอะไรได้ดีกว่าเดิม...
ผลของการมาดู อาจารย์ใหญ่ หรือซากศพมนุษย์ ที่เป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนชีวิตของผองผู้คน ไม่มีใครหนีพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงน่าจะทำให้ผู้มาดูเก็บไปเป็นข้อคิดเตือนใจ และดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า เรารู้ว่าอนาคตจะต้องตาย มีสภาพไม่ต่างจากซากศพที่นอนอยู่เบื้องหน้า ที่รอวันเปื่อยเน่า เราจึงควรจะหมั่นสรรค์สร้างคุณงามความดีไว้เป็นหลักฐานให้ลูกหลานได้เห็นคุณค่าในตัวเรา เมื่อเราเห็นปลายทางของเราอย่างนี้ เราก็จะไม่อยู่ในความประมาท ไม่ขาดสติในการกระทำใดๆ ทั้งปวง แล้วกิจการงานที่ทำก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีแก่นสาร มีประโยชน์ต่อสาธารณชนและตนเอง เมื่อคิดได้ดังนี้ ทำได้ดังนี้ ถือว่าประเสริฐแล้วสำหรับปุถุชนทั่วไป เพียงขอให้ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา ไม่วาดหวังในสิ่งที่สูงเกินไป ไม่หน้ามืดตามัวทำตัวตกต่ำ ก็จะทำให้ครองชีวิตอย่างราบรื่นตลอดไป
หลวงพ่อเมือง กล่าวในตอนท้ายว่า หากยามใดที่อยากจะพักผ่อนทางใจ แบบไม่ต้องสิ้นเปลืองใดๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายบริการสถานที่ เหมือนอย่างที่ทางโลกเขาโปรโมตโฆษณาเชิญชวนกัน ก็ลองหันมาพักผ่อนทางธรรม ที่พิพิธภัณฑ์ศพ ศาลาอัศวินวิจิตร วัดป่ามัชฌิมาวาส โดยให้ซากศพเป็นครูดูบ้างเป็นไร อาจจะรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมของชีวิตได้เป็นอย่างดี
ที่มาของข้อมูล :: หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายวัน คอลัมน์ สดจากหน้าพระ โดย ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม วันที่ 08 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6309 //board.palungjit.com/f177
Create Date : 17 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 17 ตุลาคม 2555 0:22:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2404 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Sona IP: 113.53.46.67 วันที่: 5 มีนาคม 2561 เวลา:20:52:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|